ผู้ช่วย
รมต.กต.ย้ำ ไม่มีประเทศใดแน่วแน่ที่จะรับชาวอุยกูร์ไปจริงจัง แจงการบอกแค่พร้อม ในความจริงไม่ได้ง่าย
- ยืนยันการตัดสินใจรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติให้ดีที่สุด
วันที่
6 มีนาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม
ออกมาเปิดเผยบันทึกกรรมาธิการการกฎหมายฯ ที่กระทรวงการต่างประเทศเคยระบุมี 3
ประเทศพร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ และกรณีที่รอยเตอร์สระบุอีก 3
ประเทศพร้อมรับชาวอุยกูร์ลี้ภัยว่า ตนก็ได้เคยบอกไปแล้วว่า
เคยมีบางประเทศมาขอรับไป ซึ่งตนขอหลีกเลี่ยงเอ่ยนามประเทศ
โดยอาจไม่ได้อธิบายมากพอเพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น แต่ตนได้ใช้คำว่า
“ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง” เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น
ในความจริงมันไม่ได้ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับประเทศไทย
ซึ่งไม่ใช่ว่าพร้อมรับแล้วประเทศไทย ส่งไปมันจะจบแค่นั้น
แต่ไทยอาจต้องเผชิญการตอบโต้จากจีน ที่อาจกระทบชีวิตคนไทยอีกมากมายนับไม่ถ้วน
"ถามว่าถ้าส่งให้ประเทศที่สาม ลองถามคนไทยทั้งประเทศก่อนหรือยังว่า
เขาจะพร้อมรับผลกระทบที่ตามมาไหม? และมันยุติธรรมกับคนไทยไหมที่ต้องมารับผลกระทบกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ?
จะเอาอย่างนั้นจริงหรือเปล่า?" นายรัศม์
กล่าว
นายรัศม์
ยังระบุอีกว่า เดิมตนเองก็เคยเชื่อว่า ไทยอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ ซึ่งจริง
ๆ อาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทย
และอาจช่วยได้มาก หากไม่มีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างครึกโครมทั่วไปหมด
ที่อาจช่วยให้ไทยสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบ ๆ ได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
"ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้
แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมันมหาศาล
ที่ยากจะดำเนินการได้จริง และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน
จะกล้าส่งจริง และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อย ๆ จนตายคาคุก"
นายรัศม์ กล่าว
นายรัศม์
ยังย้ำอีกว่า การส่งไปประเทศที่สาม ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล
และการที่ตนบอกว่า ไม่มีประเทศไหนที่แน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่า
ไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่า
จะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล็อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้น
ๆ ได้
หรือมาบอกว่า
พร้อมรับ และหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดีจะยื่นมือมาช่วยเหลือเรา ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่มี
ดังนั้น ในความเห็นของตน จึงย้ำว่า แค่บอกพร้อมจะรับเฉย ๆ ยังไม่พอ
หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะทำไม่ได้จริง
นายรัศม์
ยังย้ำอีกว่า
การที่ทางการจีนมีคำมั่นที่จะให้คนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้
รวมทั้งประเทศไทยและชาวไทยให้ไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้
หรือให้ได้รับน้อยที่สุด จีนเขาเป็นมหาอำนาจที่เขาก็ต้องรักษาคำพูดของเขา
ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร
จึงขอยืนยันว่า ความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สาม
คือความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และปัดความรับผิดชอบ
รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย
และเรื่องนี้ตนเองเห็นว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น
และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย
เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้ว
"ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ประเทศไทย มีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด เรื่องนี้มันซับซ้อน และหลักการสวยหรูอะไร ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะทำเพื่อคนไทย รวมทั้งคนอุยกูร์เหล่านั้น หรือทำตามประเทศตะวันตกที่สาม ที่ถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราจริงจังแค่ไหน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด หรือว่าอยากจะเลือกหนทางที่จะกระทบชีวิตประชาชนคนไทยให้มากที่สุด?" นายรัศม์ กล่าว