วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

ลานสามกษัตริย์ทะลัก! คนเชียงใหม่รอฟังพรรคก้าวไกลล้นหลาม ‘พิธา’ ประกาศ ก้าวไกล'ชัดและพร้อม' ชัดจุดยืนไม่เอาประยุทธ์-ประวิตร พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อคนไทยทั้งประเทศ

 


ลานสามกษัตริย์ทะลัก! คนเชียงใหม่รอฟังพรรคก้าวไกลล้นหลาม ‘พิธา’ ประกาศ ก้าวไกล'ชัดและพร้อม' ชัดจุดยืนไม่เอาประยุทธ์-ประวิตร พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อคนไทยทั้งประเทศ

 

วันที่ 30 เมษายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ร่วมเวทีปราศรัยใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ลานหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ประชาชนรอติดตามพรรคก้าวไกลอย่างล้นหลาม จนเรียกได้ว่าลานสามกษัตริย์แตก โดยเฉพาะเมื่อพิธาเดินทางมาถึงพื้นที่

 

พรรณิการ์ ปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มี 3 เหตุผลที่ต้องกาพรรคก้าวไกลเท่านั้น หนึ่งคือเพื่อพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองที่ทำงานรับใช้ประชาชน ไม่รับเงินนายทุน ไม่ต้องเกรงใจนายทุนพรรค เกรงใจแค่ประชาชน เป็นไปได้ในสังคมไทย สองเพื่อพิสูจน์ว่าปัญหาสิทธิเสรีภาพ การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน กับปัญหาปากท้อง ที่ดิน สวัสดิการ แก้ไปพร้อมกันได้ ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องรอ สามคือเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อหักหน้าคนที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เอาปลายปากกา อาวุธที่แหลมคมกว่าปืน ใช้บัตรเลือกตั้งบอกว่าพรรคอนาคตใหม่คือผู้คน ไม่ว่าจะยุบอีกกี่พรรค ก็เอาพรรคของเราออกไปจากหัวใจของประชาชนไม่ได้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่มี 6.3 ล้านเสียง อีก 2 สัปดาห์ ขอให้หัวคะแนนธรรมชาติทำงานอย่างหนัก ขอเพิ่มเป็น 10 ล้านเสียง ประกาศว่ายิ่งทุบทำลาย พรรคก้าวไกลยิ่งโต

 

ปิดท้ายการปราศรัยด้วยพิธา อ้อนพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ว่าพรรคก้าวไกล ‘ชัดและพร้อม’ กล่าวคือ ‘ชัด’ ที่จุดยืน คือ ‘มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง’ ไม่ได้เอาออกแค่ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เอาประวิตร วงษ์สุวรรณออกไปด้วย ส่วน ‘พร้อม’ หมายถึงพรรคก้าวไกลพร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนเชียงใหม่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด กระจายงบลงมาให้ประชาชนช่วยดับไฟป่า เปลี่ยนผู้บุกรุกให้เป็นผู้บุกเบิก เปลี่ยนจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างผิดกฎหมาย ให้มีสิทธิบนผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษของเขา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีป่าไม้และตั้งเขตวัฒนธรรมพิเศษให้กับพี่น้องชาติพันธุ์ เปลี่ยนเชียงใหม่เมืองปราบเซียนเรื่องการทำธุรกิจ ให้กลายเป็นเมืองปากท้อง ทำมาค้าขายคล่อง แก้กฎหมายสุราก้าวหน้า ขยายโอกาสให้ประชาชนคนภาคเหนือ

 

“14 พฤษภาคมนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนหยิบปากกาวิเศษออกมา เสกเวทย์มนต์ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้เชียงใหม่ไม่เหมือนเดิม ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พิธากล่าวทิ้งท้าย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66




“มาดามนครบาล” ตะลุยสยาม ขอคะแนนคนรุ่นใหม่ ชู 70 นโยบายครอบคลุม อ้อนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกแบบเดิม ประเทศไทยกลับไปอยู่ใต้อำนาจ 3ป. แน่

 


มาดามนครบาล” ตะลุยสยาม ขอคะแนนคนรุ่นใหม่ ชู 70 นโยบายครอบคลุม อ้อนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกแบบเดิม ประเทศไทยกลับไปอยู่ใต้อำนาจ 3ป. แน่


วันที่ 30 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. พรรคเพื่อไทย นำโดยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. พรรคเพื่อไทย, นายชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคเพื่อไทย อาทิ น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางคอแหลม, เขตยานาวา พรรคเพื่อไทย  น.ส.กานกนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางรัก, เขตพระนคร, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี), เขตสัมพันธ์วงศ์ พรรคเพื่อไทย นายอรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตประเวศ สะพานสูง พรรคเพื่อไทย  น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจระเข้บัว), เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) พรรคเพื่อไทย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตคันนายาว, เขตบึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม) พรรคเพื่อไทย น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสาทร, เขตราชเทวี, เขตปทุมวัน พรรคเพื่อไทย นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) พรรคเพื่อไทย นายวิพุธ ศรีวะอุไร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย และ นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภา กทม.และ สก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนที่บริเวณลานหน้าร้านสีฟ้า ตรงข้ามสยามสแควร์วัน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก


นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากได้เดินสยามวันนี้ ทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความสามารถหลากหลายด้าน จึงอยากมาประชาสัมพันธ์ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของคนทุกรุ่น ทุกวัย พรรคมีนโยบายมากกว่า 70 นโยบาย ยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความสนใจของคนรุ่นใหม่ พร้อมผลักดันคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ กล้าแสดงออก เพื่อเพิ่มทักษะเพิ่มความรู้ความสามารถที่มีให้เก่งขึ้น  ตามศักยภาพของตนเอง นำความสามารถสร้างรายได้ เพราะคนรุ่นใหม่เป็นอนาคตของชาติ


น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจระเข้บัว) , เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอคนรุ่นใหม่พิจารณานโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ต้องมองว่าพรรคไหนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วมีศักยภาพในการจัดตั้งรัฐบาลได้  โดยไม่ต้องรวมกับพรรคอื่น นอกจากพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่จับขั้วกับพรรคที่มาจากเผด็จการอย่างแน่นอน และอยากขอให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันคิดว่า เลือกพรรคไหนแล้วจะสามารถสกัดอำนาจ 3 ป.ได้อย่างแท้จริง เพราะหากวันนี้เรายังแบ่งใจไปเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือไปเลือกพรรคอื่น โดยไม่เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศไทยอาจจะต้องกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของ 3 ป.อีกอย่างแน่นอน


น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสาทร, เขตราชเทวี, เขตปทุมวัน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สยามถือเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ระหว่างทางได้รับฟังเสียงของเยาวชนกลุ่ม Gen Z ซึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นนี้ เช่น THACCA, นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป นโยบายการศึกษา Learn to Earn เป็นต้น รวมไปถึงปัญหากลางเมืองที่ได้รับร้องเรียนจากเยาวชนกลุ่ม Gen Z  คือกัญชาเสรี จึงได้ฝากพรรคเพื่อไทยควบคุมกัญชาให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเอาจริงกับยาเสพติด มีนโยบายพร้อมจัดการปัญหายาเสพติดแน่นอน


ทั้งนี้นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ บุตรชายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการ กทม. ได้ร่วมเดินให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย  และย้ำกับคนรุ่นใหม่ว่า พรรคการเมืองเพื่อประชาชน คือ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 29


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66






'ช่อ พรรณิการ์' บุกตลาดเซราะกราวบุรีรัมย์ เกิดคาด ประชาชนแห่รอถ่ายรูปแน่น เชื่อ ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง หยุดการแช่แข็งประเทศ


'ช่อ พรรณิการ์' บุกตลาดเซราะกราวบุรีรัมย์ เกิดคาด ประชาชนแห่รอถ่ายรูปแน่น เชื่อ ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง หยุดการแช่แข็งประเทศ

 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมรณรงค์หาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มต้นจากขึ้นรถแห่ปราศรัยร่วมกับ สุพิศ คิดรอบ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 7 เบอร์ 2 โดยออกจากบริเวณลานโรงรับจำนำหนองกี่ ต่อด้วยเดินลงพื้นที่บริเวณตลาดโดยรอบ จากนั้นได้มีการปราศรัยย่อยบริเวณลานน้ำพุ ต่อมาในช่วงเย็น จึงขึ้นรถแห่ปราศรัยร่วมกับ ธนายุทธ ยืนยั่ง ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 เบอร์ 7 พร้อมเดินตลาดหนองแปบ และไปสิ้นสุดที่ตลาดถนนเซาะกราวในช่วงเย็น

 

ด้าน พรรณิการ์ กล่าวว่า บรรยากาศและจำนวนประชาชนที่เข้ามาทักทายและรอถ่ายรูปล้นหลามในวันนี้ เกินความคาดหมายไปมาก ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนจากการเดินตลาดมาเป็นการพบปะ พูดคุย ถ่ายรูปกับประชาชน และปราศรัยย่อยบนรถแห่ โดยมีประชาชนมาร่วมยืนรับฟังเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงเชื่อมั่นในประชาชนว่าหากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ขอให้ประชาชนทุกคนทุกช่วงวัย อย่าปล่อยให้ประเทศไทยถูกแช่แข็ง เพราะเราไม่สามารถรอได้อีกแล้ว

 

นอกจากนี้ ครูโจ-ธนายุทธ ยืนยั่ง ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 เบอร์ 7 ได้ฝากถึงชาวบุรีรัมย์ โดยเชื่อว่าพื้นที่ในบุรีรัมย์ยังคงรอการเปลี่ยนแปลง จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและร่วมกันส่งก้าวไกลเข้าไปช่วยพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าและมีความหวัง เพื่อลูกหลานในอนาคต

 

ขณะเดียวกัน พรรณิการ์ ได้กล่าวย้ำตลอดการปราศรัยว่า ประชาชนบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ และไม่เคยเป็นของตาย ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกคนเข้ามาทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบุรีรัมย์ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานคนรรมดา ไม่ใช่ลูกของผู้มีอิทธิพลหรือนายทอเข้ามารับใช้ประชาชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66




‘ปิยบุตร’ ลุยหนองจอก-ลาดกระบัง หาเสียงช่วย ‘ธีรัจชัย’ ย้ำโหวตเชิงยุทธศาสตร์ คือโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง ขอประชาชนกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย เป็นรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนประเทศ

 


ปิยบุตร’ ลุยหนองจอก-ลาดกระบัง หาเสียงช่วย ‘ธีรัจชัย’ ย้ำโหวตเชิงยุทธศาสตร์ คือโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง ขอประชาชนกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย เป็นรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนประเทศ

 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล รณรงค์หาเสียงช่วย ธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 18 (เขตหนองจอก เขตลาดกระบัง เขตมีนบุรี) เบอร์ 8 ที่ตลาดนัดคุ้มเกล้า เขตลาดกระบัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพี่น้องผู้ใช้แรงงานอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

 

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย ปิยบุตรกล่าวว่า ที่ผ่านมีการเชิญชวนประชาชนให้โหวตเชิงยุทธศาสตร์ บอกว่าถ้าเลือกพรรคก้าวไกลจะทำให้คะแนนทิ้งน้ำ หรืออาจจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ตนต้องยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่าการโหวตเชิงยุทธศาสตร์คือการโหวตเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศ นั่นคือการโหวตให้พรรคก้าวไกล ทั้งคนทั้งพรรค

 

"ทุกพรรคที่อยู่บนกระดานการเมืองตอนนี้ ไม่ว่าท่านจะชอบพรรคใด แต่ละพรรคแต่ละคนเคยเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศกันมาหมดแล้ว หากพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง เลือกกี่ที เลือกคนเดิม ก็ได้แบบเดิม ขอโอกาสเลือกคนใหม่ๆ ให้ไปบริหารประเทศ ผมเชื่อและรับประกันว่าพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา มีจุดยืนมั่นคงชัดเจน และเลือกพรรคก้าวไกล เอา พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรออกไปแน่นอน" ปิยบุตรกล่าว

 

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า สำหรับ ธีรัจชัย พันธุมาศ เป็นอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่ในสภาฯ อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ที่ผ่านมาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น จึงขอโอกาสจากพี่น้องประชาชน ให้ธีรัจชัยกลับเข้าสภาฯ อีกครั้ง ไปเลือกพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

 

“14 พฤษภาคมนี้ กาก้าวไกลทั้ง 2 ใบให้ถล่มทลาย ได้พิธาเป็นนายกฯ ได้การเมืองดี รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ยุติวงจรรัฐประหาร ได้ปากท้องดี ด้วยสวัสดิการถ้วนหน้าที่ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ หวยใบเสร็จ ทั้งหมดนี้จะทำให้คนไทยและประเทศไทยมีอนาคต” ปิยบุตรกล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66




‘เศรษฐา’ ปลุกเวทีบุรีรัมย์ ประชาชนเข้าฟังเรือนหมื่น อาสาขอแก้ปัญหาให้คนไทยหลุดพ้นจากหลุมดำความยากจน

 


‘เศรษฐา’ ปลุกเวทีบุรีรัมย์ ประชาชนเข้าฟังเรือนหมื่น อาสาขอแก้ปัญหาให้คนไทยหลุดพ้นจากหลุมดำความยากจน


วันที่ 30 เมษายน 2566 เพื่อไทยไม่แผ่ว ยกทีมขึ้นเวทีปราศรัย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ จังหวัดบุรีรัมย์ ณ โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก  อ.ละหานทราย ท่ามกลางประชาชนร่วม 10,000 คน นำทัพโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, พานทอนแท้ ชินวัตร, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ร่วมด้วยผู้สมัคร ส.ส. บุรีรัมย์ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ เขต 9 เบอร์ 3, จำรัส เวียงสงค์ เขต 10 เบอร์ 7, พรรณธนู วรรณกางซ้ายเขต 7 เบอร์ 10


เศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดเป็นอย่างมาก และในอดีต เราเคยทำได้มาแล้ว แต่ปัจจุบันยาเสพติดระบาด ลูกหลานติดยาถ้วนหน้า รัฐบาลปัจจุบันกลับไม่ได้เอาใจใส่ในการจับกุมผู้ผลิต บำบัดผู้เสพ แม้แต่น้อย รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะชูนโยบายปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยจะนั่งหัวโต๊ะบริหารจัดการให้สิ้นซาก นำผู้เสพมาบำบัดเป็นผู้ป่วย สอนวิธีการประกอบอาชีพให้กลับไปบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม ในทางตรงกันข้าม คนค้ายาต้องถูกจัดการโดยเด็ดขาด  ยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด


ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรามีนโบายมากมายดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งนโยบายออกโฉนด 50 ล้านไร่ ให้พี่น้องเกษตรกรมีที่ดินทำกินของตัวเอง สามารถนำไปกู้เงินมาทำกิน และส่งต่อให้ลูกหลานได้ การทำการเกษตรภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต้องไม่ท่วมไม่แล้ง สร้างพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ สำรวจแต่ละครอบครัว ถ้ามีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทจะเติมให้เต็มทุกเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และปีแรกปรับเป็น 400 บาททันที เงินดิจิทัล 10,000 บาทถึงมือคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ให้พี่น้องทุกคนกินดีอยู่ดี ย้ำว่าบัตรคนจนยังมีอยู่ ไม่ยกเลิก ถ้าจะยกเลิกเพราะพี่น้องเลิกจนด้วยนโยบายดี ๆ ของพรรคเพื่อไทย


“ถ้าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค แบ่งปันใจไม่ได้ ถ้าเลือกพรรคอื่นที่ไม่ใช่เพื่อไทย พวกเขาจะกลับมาอีก เพราะเขามี ส.ว.250 คนในมือ ทำให้พี่น้องไม่ได้หลุดพ้นจากหลุมดำความยากจน ดังนั้น บุรีรัมย์ ส.ส. 10 คน ต้องยกให้เพื่อไทยทั้ง 10 เขต ขอคะแนนให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เดินเข้าสู่สภาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทย เราไม่ยอมให้ 2 ลุงกลับมาอีกแล้ว 14 พฤษภาคม นี้ เข้าคูหา บัตรสีเขียว กาพรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 บัตรสีม่วง เลือก ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย มาร่วมกันทำให้ชีวิตพี่น้องดีขึ้นทุกคนไปด้วยกัน” นายเศรษฐากล่าว


สุทิน คลังแสง ปราศรัยว่า ตั้งแต่ปี 2544 พี่น้องได้นายกรัฐมนตรีชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร หากินง่าย หนี้สินลด ปราบยาเสพติดให้ ไปโรงพยาบาลคลอดลูกแค่ 30 บาท พอมาถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ข้าวราคากิโลละ 7-8 บาท ก็กลายเป็น 15 บาท มีเงินเก็บ รายได้ลด แต่พอเขามาไล่นายกรัฐมนตรีของพวกเราไป เราก็ลำบากขายข้าวไม่ออกมีแต่หนี้ พอบอกให้ช่วยแก้ไขก็ไล่เราให้ไปปลูกหมามุ่ย


นอกจากปัญหายาเสพติดหนักไม่พอ ยังมีกัญชาเข้ามาอีก มีแต่พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศปราบยาเสพติด แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าประกาศ เพราะเขามีนโยบายกัญชาอยู่ พรรคเพื่อไทยไม่ติดขัดกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่ใช่ปล่อยกัญชาเสรีพี้กันเสรี นี่มิใช่เป็นการพูดเกินจริง ตอนนี้เด็กไปโรงเรียนพกกัญชาไป ครูจับได้บอกครูกฎหมายบอกไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว ดังนั้น พรรคเพื่อไทยคัดค้านกัญชาเต็มที่ อีกพรรคดันกัญชาเต็มที่


“ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ต้องเลือกให้ดี ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย ลูกหลานจะได้แทบเล็ตไปโรงเรียน แต่ถ้าเลือกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ลูกหลานเราก็ถือบ้องกัญชาไปโรงเรียน ดังนั้นพี่น้องต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะขาดเท่านั้น ห้ามแบ่งคะแนน แต่ต้องเพื่อไทย 2 ใบทั้งคนทั้งพรรคเท่านั้น”


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยถึงกรณีการหาเสียงของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่บอกว่าให้เลือก ส.ส. เขตเป็นพรรคตัวเอง แต่เลือกพรรค ให้เลือกเพื่อไทย ว่านี่เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคข้างเคียงที่ประหลาดแท้  “แต่ไม่เป็นไร พรรคเพื่อไทยเคยมี ส.ส.ที่บุรีรัมย์ ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ดังนั้น วันนี้เราขอ ส.ส. เพื่อไทยที่เขต 1-10 ส่วนเขต 11 ขึ้นไปให้พรรคอื่นได้” ณัฐวุฒิกล่าว


ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทย มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แจกกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทพี่น้องได้แน่ ๆ ครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง 20,000 เพื่อไทยจะเติมให้ถึง พี่น้องเปรียบเทียบเอา จะเอาบ้องกัญชาหรือจะเอาเงินหมื่น


เลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสเดียว ที่เราจะไล่ประยุทธ์ออกไป อย่าคิดนะว่าถ้าเขาได้กลับมาจะอยู่ต่อแค่ 2 ปี ถ้าเขากลับเข้ามาจะให้ ส.ว.แก้กติกาอยู่ยาวกี่ปีก็ไม่รู้ได้ แต่พวกเราจะตายกันเสียก่อน ยืนยันหลักการว่า ถ้าเลือก ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยให้เป็น ส.ส.แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนใครซื้อไป หลักการประชาธิปไตยที่ชัดเจนว่านักการเมืองต้องไม่หักหลังประชาชน ซื่อตรงกับประชาชนเท่านั้น ดังนั้นวันที่ 14 พฤษภาคม เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค อย่าแบ่งใจปันใจให้ใครทั้งสิ้น มิเช่นนั้นเราก็จะเจอประยุทธ์ก้นต่อไป ก็ต้องตัวใครตัวมัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66







‘พิธา’ อันดับ 1 นายกฯ ของโพล “มติชนxเดลินิวส์” รอบ 2 นาทีนี้ก้าวไกลมาแรง

 


‘พิธา’ อันดับ 1 นายกฯ ของโพล “มติชนxเดลินิวส์” รอบ 2 นาทีนี้ก้าวไกลมาแรง


วันที่ 29 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานผลโพลการเมืองที่เกิดจากความร่วมมือของ “มติชน x เดลินิวส์ โพลเลือกตั้ง’66 ครั้งที่ 2” ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์กระจายไปทั่วทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ทั่วประเทศ รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 78,583 โหวต ทั้งนี้ เมื่อนำจำนวนการโหวตครั้งที่ 2 ดังกล่าวมาบวกรวมกับการโหวตรอบแรก ทำให้มียอดโหวตโพลเลือกตั้ง ’66 ครั้งนี้มากถึง 162,659 โหวต

.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฉพาะการสำรวจโพล “มติชน x เดลินิวส์ โพลเลือกตั้ง ’66 ครั้งที่ 2” ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/poll2/ ของสื่อเครือมติชน ประกอบด้วย มติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ มติชนสุดสัปดาห์ มติชนทีวี และ https://www.dailynews.co.th/election-2566/poll/ ของเดลินิวส์ พบข้อมูลดังนี้

.

คำถามที่ 1 ท่านจะเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขตจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง 2566 พบว่า

อันดับ 1 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 47.97

อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 35.78

อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 5.75

อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 2.69

อันดับ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ร้อยละ 1.56

อันดับ 6 ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 1.33

อันดับ 7 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 1.18

อันดับ 8 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.05

อันดับ 9 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 1.02

อันดับ 10 ไม่เลือก ส.ส.เขต จากพรรคใดทั้งสิ้น ร้อยละ 0.56

.

คำถามที่ 2 ท่านจะเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ (ส.ส.บัญชีรายชื่อ) พรรคใดในการเลือกตั้ง 2566 พบว่า

อันดับ 1 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 50.29

อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 33.65

อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 6.05

อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 2.46

อันดับ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ร้อยละ 1.60

อันดับ 6 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 1.05

อันดับ 7 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.01

อันดับ 8 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.01

อันดับ 9 ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 0.96

อันดับ 10 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 0.70

.

คำถามที่ 3 ท่านจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง 2566 พบว่า อันดับ 1 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 49.17 (พรรคก้าวไกล)

อันดับ 2 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 19.59 (พรรคเพื่อไทย)

อันดับ 3 นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 15.54 (พรรคเพื่อไทย)

อันดับ 4 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 6.52 (พรรครวมไทยสร้างชาติ)อันดับ 5 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 2.35 (พรรคพลังประชารัฐ)

อันดับ 6 นายกรณ์ จาติกวณิช ร้อยละ 1.74 (พรรคชาติพัฒนากล้า)

อันดับ 7 ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 1.18

อันดับ 8 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 1.04 (พรรคไทยสร้างไทย)

อันดับ 9 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 0.84 (พรรคพรรคเสรีรวมไทย)

อันดับ 10 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 0.64 (พรรคภูมิใจไทย)

.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผลโหวตรอบสอง หัวข้อที่สาม “ท่านจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง 2566” ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยนั้น เมื่อนำเอาคะแนนของ น.ส.แพทองธาร บวกกับนายเศรษฐา รวมกันจะอยู่ที่ร้อยละ 35.13 ขณะที่ในการโหวตโพลรอบแรกนั้นพบว่า นายพิธาผลโหวตรอบแรก ติดอันดับหนึ่งเช่นกัน ด้วยคะแนนโพลร้อยละ 29.42 ตามด้วยโพลรอบสองปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ ร้อยละ 49.17 ส่วน น.ส.แพทองธารและนายเศรษฐา คะแนนโหวตทั้งสองรอบใกล้เคียงกัน ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ รอบแรกได้ร้อยละ 13.72 และรอบสองลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.52

.

คำถามที่ 4 ท่านเห็นว่า สมาชิกวุฒิสภา หรือ “ส.ว.” ควรโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดหรือไม่ พบว่า

- ควรเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่ได้ที่นั่ง ส.ส. มากที่สุด ร้อยละ 82.54

- เลือกจากพรรคการเมืองใดก็ได้ ร้อยละ 17.46

.

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #โพลมติชนเดลินิวส์ #เลือกตั้ง66

ชาวสารคามฝ่าสายฝนฟังเพื่อไทยปราศรัยล้นหลาม ‘เศรษฐา’ ลั่น อย่าให้ใครมาบอกเลือกพรรค แต่ยก ส.ส.เขตให้เขา ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบให้ชนะ ส.ว. ‘ณัฐวุฒิ’ ดีใจโพลนครสวรรค์หนุน ‘แพทองธาร’ เป็นนายกฯ ทั้งที่เพื่อไทยไม่มี ส.ส. โชว์ความนิยมเพิ่มสูงขึ้น

 


ชาวสารคามฝ่าสายฝนฟังเพื่อไทยปราศรัยล้นหลาม  ‘เศรษฐา’ ลั่น อย่าให้ใครมาบอกเลือกพรรค  แต่ยก ส.ส.เขตให้เขา ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบให้ชนะ ส.ว. ‘ณัฐวุฒิ’ ดีใจโพลนครสวรรค์หนุน ‘แพทองธาร’ เป็นนายกฯ ทั้งที่เพื่อไทยไม่มี ส.ส. โชว์ความนิยมเพิ่มสูงขึ้น


วันที่ 30 เมษายน 2566 เวลา 08.15 น.พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ณ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  นายพานทองแท้  ชินวัตร​​  ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 3 เบอร์ 9 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  นายแพทย์กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โดยมีนางสาวชนก จันทาทอง ผู้สมัคร ส.ส.หนองราย พรรคเพื่อไทย และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี ร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางฝนตกโปรยปราย แต่ประชาชนยังเข้ารับฟังการปราศรัยมากกว่า 5,000 คนจนจบการปราศรัย


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า สมัยนายยุทธพงศ์  เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ราคาข้าวสูงมากกว่าปัจจุบัน หากพี่น้องประชาชนต้องการให้ราคาข้าวกลับมาดีขึ้น  ต้องเลือกนายยุทธพงศ์  ให้ชนะขาด เลือกพรรคเพื่อไทยโดยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 3 คน ที่จะนำสินค้าเกษตร นำข้าวไทย ไปขายต่างประเทศ


นอกจากนี้ปัญหาความยากจนและรายได้คือเรื่องใหญ่ พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมเงินให้ครอบครัวคนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนให้ถึง 20,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มเป็น 600 บาทภายใน 4 ปี หลังจากที่ค่าแรงขั้นต่ำในรัฐบาลปัจจุบัน ปรับขี้นมาเพียง 25 บาทเท่านั้น นับจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ขณะที่ไข่ไก่ราคาแพงขึ้นจาก 2 บาทเป็น 4 บาท  พรรคเพื่อไทยมีความเข้าใจความยากจน เป็นความคับแค้นใจของพี่น้องประชาชน


“นายยุทธพงศ์ เป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผม มีความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมและเศรษฐศาสตร์ มีความพร้อมทุกวินาที พร้อมดูแลปัญหาปากท้อง ดูแลจิตใจพี่น้องประชาชน ขอพี่น้องประชาชนช่วยกันบอกเพื่อนบ้าน อีก 2 อาทิตย์เราจะเข้าคูหา อย่าให้ใครบอกว่า ส.ส.เขตเอาให้เขา  ส่วนพรรคให้เรา เราต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ เพราะ ส.ว. มี250 คน หากเราไม่เลือกทั้งเขต ทั้งพรรค จะเอาชนะ ส.ว.ไม่ได้ ขอพี่น้องประชาชน กาเพื่อไทยทั้งสองใบให้พรรคเพื่อไทยครับ” นายเศรษฐา กล่าว


นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยคัดค้านไม่เอากัญชา เพราะเป็นห่วงเด็กและเยาวชน กฎหมายที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นกฎหมายชั่วคราวเท่านั้น คือ ห้ามสูบในที่สาธารณะ ห้ามขายกัญชาในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และให้ปลูกกัญชาที่บ้านได้ไม่เกิน 20 ต้น หมายความว่าสุดท้ายเด็กและเยาวชนยังเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย หากอยากให้ลูกหลานถือแท็บเล็ตเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรค หากเลือกพรรคอื่นลูกหลานได้ถือบ้องกัญชาแทนแน่นอน


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ เรื่อง “คนนครสวรรค์เลือกพรรคไหน” ระหว่างวันที่ 11-19 เม.ย. 2566 พบว่า บุคคลที่คนนครสวรรค์จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้อันดับหนึ่ง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทั้งที่ในสมัยที่แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่มี ส.ส.นครสวรรค์ แสดงให้เห็นว่า เพื่อไทยมีความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากโพลที่สนับสนุนเพื่อไทยมหาศาลขนาดนี้ ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยเริ่มต้นจากศูนย์ หากต้องการเอาชนะพลเอกประยุทธ์กับพวก ต้องเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ขอให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม จากเพื่อไทยทั้ง 6 เขต ขอพี่น้องประชาชนอย่าเลือกคนที่หาเสียงแบบไม่อับอาย ที่บอกให้เลือกพรรคเพื่อไทย แต่เลือก ส.ส.เขตของพรรคอื่น ขอให้เชื่อมั่นในแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน สูงยาว เข่าดี เด็ดขาด ชัดเจน ส่วนนางสาวแพทองธารคือหัวใจของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่คนไทยรักที่สุดในประเทศไทย พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง  เป็นพรรคเดียวที่จะเอาชนะประยุทธ์ เป็นพรรคเดียวที่จะเอานโยบายแก้ปัญหาประชาชนได้ และเป็นพรรคเดียวที่อยู่ในใจชาวสารคามไม่เสื่อมคลาย


“เรือดำน้ำในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ที่ประชาชนบอกว่าอย่าซื้อ เพราะทะเลไทยตื้น แต่พวกนั้นเอาเข้า ครม.ปิดลับ จนสุดท้ายผ่าน ครม. นายยุทธพงศ์ คือผู้เปิดเผยว่าเป็นเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ แม้ ครม.จะพยายามแก้ไข เอาเครื่องยนต์จากจีนมาใส่ แต่เป็นเครื่องยนต์เรือลอยน้ำ คนแบบนี้พี่น้องประชาชนจะปล่อยให้นำพาบ้านเมืองหรือไม่ พี่น้องจะปล่อยให้เป็นนายกฯหรือไม่ ต้องจัดการให้เด็ดขาดสิ้นซากตั้งแต่วันนี้ วันที่ 14 ประชาชนจะถือปากกาไล่ประยุทธ์ออกไป ให้รู้ว่า หัวใจประชาชนยิ่งใหญ่กว่ากระบอกปืน” นายณัฐวุฒิ กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66




ก้าวไกลหวังปักธงส้มเก้าอี้ ส.ส.แห่งเมืองบางระจัน

 


ก้าวไกลหวังปักธงส้มเก้าอี้ ส.ส.แห่งเมืองบางระจัน

 

วันนี้ (29 เม.ย. 66) อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นำทัพ #ก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัย ตลาดไหสี่หู อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ช่วยหาเสียงให้ ธีรเศรษฐ พัฒน์วราพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เบอร์ 5 จังหวัดสิงห์บุรี ท่ามกลางประชาชนร่วมฟังแน่นพื้นที่

 

ร่วมด้วยผู้ปราศรัย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, เดชรัต สุขกำเนิด ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล, นายิกา ศรีเนียน(แคน) - กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี - วรรณวิภา ไม้สน ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล, ลูกนัท-ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย(ผู้ช่วยหาเสียง) และพิธาน ทรงกัมพล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สระบุรี เบอร์ 2

 

สำหรับในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 “โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น้องชาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นั้นคว้าเก้าอี้ไปครอง ศึกครั้งนี้ #เลือกตั้ง2566 ก้าวไกล จึงขอท้าชิง ชวนชาวสิงห์บุรี เลือก ธีรเศรษฐ พัฒน์วราพงษ์ หรือเอ็ดดี้ เบอร์ 5 และ เลือกพิธาเป็นนายกฯ กาก้าวไกลเบอร์ 31 เพื่อไปเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66














วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2566

‘ปิยบุตร’ ปราศรัยบางนา หนุน ‘โตโต้’ เข้าสภาฯ ชวนประชาชนลองของใหม่ พาประเทศไปไกลกว่าเดิม เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่มีคะแนนตกน้ำ ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

 


‘ปิยบุตร’ ปราศรัยบางนา หนุน ‘โตโต้’ เข้าสภาฯ ชวนประชาชนลองของใหม่ พาประเทศไปไกลกว่าเดิม เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่มีคะแนนตกน้ำ ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต


วานนี้ (28 เม.ย. 66) ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานกีฬา ชุมชนเคหะบางนา (ซอยบางนา-ตราด 46) ช่วยหาเสียง ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพ เขต 23 พระโขนง-บางนา (เบอร์ 11) โดยเวทีปราศรัยนี้ มีผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลจากหลายเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก รวมถึงจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมด้วย


ปิยบุตร ช่วงนี้กระแสพรรคก้าวไกลขึ้นสูงมาก ตั้งแต่ปรากฏการณ์ที่สามย่านมิตรทาวน์เมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา แม้แต่พื้นที่ภาคใต้ที่มีคนมองว่ามีคนอนุรักษ์นิยมอยู่มาก แต่ปรากฏเมื่อไม่กี่วันมานี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปแล้วก็กระแสดี หรือพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปปราศรัยที่ภูเก็ตเมื่อ 28 เมษายน เห็นภาพคนล้อมหน้าล้อมหลังถ่ายรูป บรรยากาศแบบนี้คล้ายปี 62 ของพรรคอนาคตใหม่ที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีแมลงวันแมลงหวี่บินมาให้เรารู้สึกรำคาญใจบ้าง โดยเฉพาะบรรดานักร้องที่ยิ่งพรรคก้าวไกลกระแสดี ก็ยิ่งขยันทำงาน แต่ขอบอกว่าทำอย่างนี้ต้องขอขอบพระคุณ เพราะยิ่งทำเท่าไรคะแนนยิ่งมาสู่พรรคก้าวไกลมากเท่านั้น


ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ในขณะที่บางฝ่ายโจมตีว่าพรรคก้าวไกลเป็นพวกละอ่อน ไม่เคยบริหารบ้านเมือง แต่วันนี้พรรคก้าวไกลออกนโยบายไว้ครบถ้วนทุกประเด็นปัญหา 300 กว่านโยบาย ยิ่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน พิธาประกาศแล้วว่าโรดแมปหรือเส้นทางการทำงานหากเป็นรัฐบาลก้าวไกลภายใน 100 วันแรกทำอะไรได้บ้างทันที ผ่านไปหนึ่งปีจะทำอะไร และถ้าเป็นรัฐบาลครบ 4 ปี ชีวิตของพี่น้องประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร แสดงให้เห็นความพร้อมว่าหากได้เป็นรัฐบาล พิธาได้เป็นนายกฯ เราพร้อมบริหารประเทศทุกกระทรวง พร้อมผลักดันนโยบายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยทันที แบบนี้จะบอกว่าอ่อนประสบการณ์ได้อย่างไร ที่ผ่านมาที่ทำประเทศพังเสียหาย ก็คนมีประสบการณ์ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ


หลักฐานประจักษ์ชัด เวลาที่ตัวแทนของพรรคก้าวไกลไปออกรายการดีเบต ตอบปัญหาได้หมด ไม่มีอาการตายไมค์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้มาจาก 2 เหตุผล หนึ่งคือความพร้อมที่เตรียมนโยบายได้ครบถ้วนทุกประเด็น และสองคือพวกเราทุกคนมีดีเอ็นเอแบบอนาคตใหม่ก้าวไกลเหมือนกัน วันนี้พูดอย่างไร พรุ่งนี้ก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไร คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น แล้วทำไมประชาชนจะไม่ลองของใหม่ดูสักครั้ง เป็นของใหม่ที่มีความพร้อม ชัดเจนมุ่งมั่น ตรงไปตรงมา กล้าชนต้นตอปัญหา ก้าวไกลเท่านั้น


“มีบางกลุ่มบางฝ่ายพยายามรณรงค์ว่าขอให้เลือกเขา เพราะถ้าเลือกพรรคก้าวไกลคะแนนจะตกน้ำ บรรดาลุงๆ จะคว้าพุงปลาไปกิน ยุทธวิธีแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก 4 ปีที่แล้วก็ใช้ เชื้อเชิญให้โหวตทางยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์อะไรไม่รู้ ยุทธศาสตร์ให้เลือกพรรคนี้พรรคเดียวตลอดกาล ตกลงประชาชนเลือกพรรคอื่นไม่ได้เลยหรือ" ปิยบุตรกล่าว


ปิยบุตรกล่าวว่า ขอยืนยันว่าถ้าพี่น้องเลือกพรรคก้าวไกลทุกเขตเลือกตั้งให้ถล่มทลาย ไม่ต้องกังวลคะแนนจะตกน้ำ ส.ส.เขตของเราจะเป็นที่หนึ่งกันหมด ยิ่งในพื้นที่บางนา-พระโขนง งวดที่แล้วอนาคตใหม่ก็ชนะ ตอนเลือก ส.ก. พรรคก้าวไกลก็ได้ทั้ง 2 เขต ความนิยมสูงอยู่แล้ว ดังนั้น บางนา พระโขนง กทม. ทั้ง 33 เขต และสมุทรปราการ ไม่มีตกน้ำแน่นอน ต้องช่วยกันกาให้ปิยรัฐเข้าที่หนึ่งถล่มทลาย


“ช่วงนาทีสุดท้ายแบบนี้ หลายคนอาจกังวลถ้ากาก้าวไกล ประยุทธ์จะกลับมาหรือเปล่า แต่มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแคนดิเดตนายกฯ ของเราคือพิธา พรรคก้าวไกลอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลประยุทธ์ทุกวัน ตัวแทนพรรคขึ้นเวทีดีเบตก็สับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ตรงกันข้าม กาก้าวไกลถล่มทลาย จะไม่มีทั้งประยุทธ์และประวิตร พิธาจะเป็นนายกฯ ชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก” ปิยบุตรกล่าว


ปิยบุตรกล่าวว่า นอกจากนั้น เลือกพรรคก้าวไกลแล้วยังได้การเมืองดี พรรคก้าวไกลยืนยันชัดเจนภายใน 100 วันแรกเข้าไปเป็นรัฐบาล ทำประชามติถามประชาชนว่าต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ เมื่อการเมืองดี ปากท้องจะดีตามมา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรัฐสวัสดิการ สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือหวยใบเสร็จ เป็นต้น ดังนั้น เลือกพรรคก้าวไกลได้สามเด้ง เด้งที่หนึ่งประวิตรประยุทธ์ออกไป เด้งที่สองได้การเมืองดี รัฐธรรมนูญของประชาชน ลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอาคนผิดมาลงโทษ ให้บ้านเมืองไม่มีวงจรรัฐประหารอีกต่อไป และเด้งที่สามปากท้องดี มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อรวมทั้งสามเด้ง พี่น้องจะได้อนาคตที่ดี


“ทุกวันนี้ทุกพรรคที่อยู่บนกระดานการเมือง เคยเป็นรัฐบาลมาแล้วทั้งสิ้น แกนนำแต่ละพรรคเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง แต่ประเทศยังเหมือนเดิม มาได้ไกลเท่านี้ แล้วพี่น้องจะไม่ลองของใหม่แบบก้าวไกลดูหรือ ขอโอกาสพวกเราเข้าไปทำภารกิจยากๆ ที่หลายพรรคก็รู้แต่เลือกที่จะไม่ทำ เข้าใจว่าเพราะแต่ละพรรคมีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพรรคก้าวไกลไม่มีข้อจำกัดอะไร เราพร้อมเดินหน้าชน แก้ปัญหาที่ต้นตอ แก้ปัญหาให้ยั่งยืน เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย แล้วประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม" ปิยบุตรกล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66




‘แพทองธาร’ เซอร์ไพร์สโฟนอินเวทีปราศรัยศรีสะเกษ ขอพี่น้องเอาใจช่วยให้คลอดง่าย ๆ จะได้เจอปชช.โดยเร็ว ‘เศรษฐา’ ชี้หลายปัญหาหยั่งรากลึก ผู้มีอำนาจไม่เห็นหัวประชาชน ขอเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ


แพทองธาร’ เซอร์ไพร์สโฟนอินเวทีปราศรัยศรีสะเกษ ขอพี่น้องเอาใจช่วยให้คลอดง่าย ๆ จะได้เจอปชช.โดยเร็ว ‘เศรษฐา’ ชี้หลายปัญหาหยั่งรากลึก ผู้มีอำนาจไม่เห็นหัวประชาชน ขอเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ


วันที่ 29 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัย ณ สนามซ้อมฟุตบอลศรีสะเกษเอฟซี อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยผู้สมัครจังหวัดศรีสะเกษ นายธเนศ เครือรัตน์ เขต 1 เบอร์ 4


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปราศรัยว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาค่าแรงขั้นต่ำไม่ขึ้นราคา แต่บะหมี่สำเร็จรูปขึ้นราคาเกือบ 100% เป็นซองละ 8 บาท ค่าไฟขึ้นราคาแพงมาก รัฐบาลพลเอกประยุทธ์อยู่มา 8 ปี มีอำนาจเบ็ดเสร็จ วันนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนยังไม่จัดการให้ แต่พออีก 10 วันจะเลือกตั้ง จะมาดูแลสัญญาจะทำ หากได้รับการเลือกตั้งจะกลับมา จะทำหรือไม่


นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยในอดีต ดูแลพี่น้องมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ กองทุนหมู่บ้าน การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ พรรคเพื่อไทยต้องการให้พี่น้องกาทั้ง 2 บัตร 2 ใบ ให้พรรคเพื่อไทยไปเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง


"พี่น้องส่วนมากในที่นี้เป็นเกษตรกร ถ้าพรรคเพื่อไทยรัฐบาล เราจะทำให้รายได้พี่น้องเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าผ่านทำการตลานำ นวัตกรรมเสริม ถ้าผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเปิดตลาดการค้าทั่วโลกสร้างความต้องการทั่วโลกทุกคน" นายเศรษฐา กล่าว


นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่หยั่งรากลึกในประเทศไทยมาตลอด 8 ปี ผู้มีอำนาจจากการรัฐประหาร  ไม่เห็นหัวพี่น้อง มัวแต่ทำให้พรรคพวกตัวเองร่ำรวย  พรรคเพื่อไทยต้องการหานโยบายที่ยั่งยืน เราจึงคิดนโยบาย 10,000 บาท กระเป๋าเงินดิจิทัลให้กับพี่น้อง พรรคเพื่อไทยจะให้พี่น้องลืมบัตรคนจนไปเลย ผ่านนโยบายกินดีอยู่ดีของพรรคเพื่อไทย


"ผมขอวิงวอนขอร้องให้พี่น้องเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรค ให้เพื่อไทยเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลนำอนาคตที่ดีพามาให้กับพี่น้องทุกคน" นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลาของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิได้ต่อสายโทรศัพท์ถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงลาคลอด


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กล่าวผ่านสายโทรศัพท์ถึงประชาชนชาวศรีสะเกษว่า สวัสดีค่ะ คิดฮอดกันบ่ ทางนี้คิดฮอดหลายแท้ ตนอยากคลอดวันนี้เลย แต่ว่าต้องรอไปก่อน ตนขอฝากกำลังใจถึงพี่น้องด้วย ไว้คราวหน้าจะไปหาอีกแน่ เวทีศรีสะเกษถือว่าเป็นจังหวัดแรกที่ตนได้ปราศรัยกลางแจ้งถือว่าเป็นวินาทีที่ประทับมาก


พี่น้องลำบากมานานแล้ว ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาจะต้องมีเงินใช้กัน ให้หมดหนี้ พรรคเพื่อไทยจะเติมเงิน ใครมีไม่ถึงเราจะเติมเงินให้ครัวเรือนละ 20,000 บาท รวมถึงค่าแรง 600 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน


ตนขอฝากพรรคเพื่อไทยไว้ในอ้อมใจและฝากว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 9 เขตของพรรคเพื่อไทยจังหวัดศรีสะเกษให้แลนด์สไลด์   แบ่งใจไม่ได้ พร้อมยืนยันไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง


"ขอกำลังใจพี่น้องวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรคเข้ามาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน และขอกำลังใจจากพี่น้องจากศรีสะเกษ ให้อิ๊งค์คลอดง่าย ๆ เพื่อจะได้ไปลงพื้นที่หาพี่น้องได้เร็วๆ" นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กล่าวทิ้งท้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66