วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2568

ฝ่ายค้าน ยอมตัดชื่อ ‘ทักษิณ’ เดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ยันไม่เสียหลักการ คาดซักฟอกไม่ต่ำกว่า 30 ชม. ชี้พาดพิงคนนอก มั่นใจข้อมูลไม่ซี้ซั้วจนถูกฟ้อง

 


ฝ่ายค้าน ยอมตัดชื่อ ‘ทักษิณ’ เดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ยันไม่เสียหลักการ คาดซักฟอกไม่ต่ำกว่า 30 ชม. ชี้พาดพิงคนนอก มั่นใจข้อมูลไม่ซี้ซั้วจนถูกฟ้อง


วันนี้ (13 มี.ค. 68)นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณี การให้ถอนชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่า


ข้อสรุปที่ได้จากการหารือครั้งนี้ คือยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเดินหน้าต่อไป โดยฝ่ายค้านยินดีที่จะปรับถ้อยคำในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อไม่ให้พาดพิงนายทักษิณ ส่วนรายละเอียดการปรับคำจะใช้เป็นคำว่าอะไรนั้น ขอไม่เปิดเผย เนื่องจากต้องรอหารือประเด็นกรอบระยะเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจกับฝ่ายรัฐบาล และคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งจะมีการหารือวันนี้ (13 มี.ค. 68) เวลา 16.00 น. คาดว่าหลังการหารือจะได้กรอบเวลาที่ชัดเจน แต่จากการพูดคุยกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ค่อนข้างมั่นใจว่าระยะเวลาที่ทางฝ่ายค้านจะต้องได้รับไม่ควรต่ำกว่า 30 ชั่วโมง


ต่อข้อถามถึงข้อตกลงว่าหากยอมตัดชื่อนายทักษิณ ออก ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะไม่มีการเบรคเมื่อกล่าวชื่อนายทักษิณในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มองว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดชัดเจนอยู่แล้วในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าสามารถบรรจุญัตติได้ การอภิปรายทุกอย่างทางสมาชิกผู้อภิปราย ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความผิดของตนเองหากมีการพูดพาดพิงบุคคลภายนอก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่เพียงแค่ควบคุมให้การประชุมเป็นด้วยความเรียบร้อย ส่วนฝ่ายรัฐบาลมีการส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคุยพร้อมกันในที่ประชุมวิปสามฝ่าย


นายณัฐพงษ์ ยังตอบข้อถามกรณีฝ่ายค้านจะเสียจุดยืนเดิมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อตรวจสอบนายกฯ หรือรัฐบาลหรือไม่ ว่าไม่เสียหลักการ เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎร ย้ำชัดว่าสามารถปรับคำในญัตติได้ โดยที่สาระสำคัญยังคงอยู่ และสามารถอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกได้ โดยที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง ทั้งนี้เชื่อว่าคำพูดของประธานสภาผู้แทนราษฎร ย่อมผูกมัดกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทุกคน หากใครขึ้นมาทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมจะต้องวางตัวตามหลักการเดียวกันในการควบคุมความเรียบร้อยของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตามตนเองรู้สึกมั่นใจในการวางตัวเป็นกลางของประธานสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้น ภายหลังการหาทางออกเรื่องดังกล่าว เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการทุกอย่างโดยเปิดเผยและถูกบันทึกไว้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนสามารถรู้เห็นได้ ไม่ใช่การไปแอบเจรจากันลับหลัง


นายณัฐพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการแก้ไขญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เนื้อหาสาระสำคัญไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง มีเพียงการตัดชื่อบุคคลภายนอกออกไป และการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ยืนยันว่าเป็นการอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรี แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในทุกครั้งย่อมมีการพาดพิงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเมื่อถามว่ากังวลเรื่องการถูกฟ้องร้องหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่าเป็นสิทธิของผู้ที่ถูกพาดพิง โดยสามารถฟ้องร้องได้ และเชื่อว่าการทำหน้าที่ฝ่ายค้านการจะพาดพิงบุคคลใดนั้นจะต้องมีข้อเท็จจริง จะไม่พาดพิงแบบไร้หลักฐาน จนนำไปสู่การดำเนินคดี ทั้งนี้เชื่อว่านายทักษิณ เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี หากต้องการชี้แจงในประเด็นใด เชื่อว่าสื่อมวลชนจะให้ความสนใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องชี้แจงในสภาก็ได้ แต่หากเดินทางมาชี้แจงในสภาตนเองยินดี มองว่าสามารถชี้แจงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ฝ่ายค้านตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำในญัตตินั้น เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้าต่อไป


#UDDnews #

#ยูดีดีนิวส์ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ68