วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เรียกร้องพิจารณาสิทธิการประกันตัว ผู้ต้องขังคดี ม.112 อย่างเป็นธรรมและเร่งด่วน เพื่อรักษาหลักการความยุติธรรมของระบบตุลาการ โดย 24 มี.ค. จะไปยื่นกรมราชทัณฑ์ต่อไป


เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เรียกร้องพิจารณาสิทธิการประกันตัว ผู้ต้องขังคดี ม.112 อย่างเป็นธรรมและเร่งด่วน เพื่อรักษาหลักการความยุติธรรมของระบบตุลาการ โดย 24 มี.ค. จะไปยื่นกรมราชทัณฑ์ต่อไป


เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่หน้าสำนักงานประธานศาลฎีกา กลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ สหภาพคนทำงาน กลุ่มแอคยังคลับ ร่วมยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เพื่อ เรียกร้องสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีความทางการเมือง โดยมีตัวแทนสำนักงานประธานศาลฎีกา เป็นผู้รับเรื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากิจกรรมดังกล่าว ผู้เข้าร่วมประมาณ 15 คน ได้จัดการปราศรัยและถือป้ายข้อความเรียกร้องสิทธิการประกันตัว รวมถึงนักกิจกรรมรายหนึ่งได้นำโซ่ตรวนมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วย


ด้านเข็มหมุด นักกิจกรรมกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากความขัดแย้งในการเมืองไทยที่ที่ยืดเยื้อยาวนานหลายทศวรรษจนนำมาสู่การฟ้องร้องกันกลายเป็นคดีความทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ซึ่งมีการตั้งข้อกล่าวหาด้วยลักษณะที่ละเอียดอ่อนและมีแนวโน้มที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐ


ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาทางการเมือง ซึ่งจำเลยจำนวนไม่น้อยไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี ส่งผลให้เกิดการสูญเสียเสรีภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับการคุ้มครองสิทธิในการประกันตัว เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานโดยยึดหลักการที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งถูกระบุไว้ใน ข้อที่ 11 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UDHR), ข้อที่ 7 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR), มาตรา 107 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 แต่กับจำเลยคดีความทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีมาตรา 112 กลับถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวอย่างต่อเนื่องและถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีความผิด ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่รัฐไทยร่วมเป็นภาคีอยู่ และขัดต่อหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนที่บังคับใช้ในรัฐไทยเสียเอง


มาตรา 112 กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงวิชาการและระดับนานาชาติอย่างกว้างขวางเนื่องจากมีลักษณะของตัวบทกฎหมายที่กว้างขวางเกินไปและคลุมเครือ ขาดการนิยามที่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เกินขอบเขต และมักถูกใช้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน


ประเด็นดังกล่าวได้รับการยืนยันผ่านรายงานและข้อเสนอแนะจากองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับสากลหลายองค์กร อาทิ องค์กร Amnesty International องค์กร Human Rights Watch สหประชาชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติซึ่งได้ชี้ให้เห็นว่าการใช้กฎหมายลักษณะนี้ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลและเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทย


ในขณะนี้ สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ และ อาย กันต์ฤทัย ผู้ต้องขังจากคดีมาตรา 112 กำลังอดอาหารเพื่อประท้วง เรียกร้องสิทธิในการประกันตัว หลังไม่ได้สิทธิในการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ถึงแม้จะมีเหตุผลยืนยันว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและจะปฏิบัติตามเงื่อนไขประกันตามที่ศาลเห็นสมควรอย่างเคร่งครัด สถานการณ์ของพวกเขาแสดงถึงความเร่งด่วนในการพิจารณาให้สิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังคดีการเมือง และยังเป็นการรักษาหลักการความยุติธรรมของระบบตุลาการ


ด้วยเหตุนี้พวกเราเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จึงอยากนำเรียนประธานศาลฎีกา ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ให้เห็นถึงปัญหาดังกล่าว โปรดพิจารณาใช้ดุลพินิจตามหลักการของกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ออกคำสั่งให้สิทธิในการประกันตัวแก่จำเลยในคดีทางการเมือง รวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อย่างเป็นธรรมและเร่งด่วน โดยยึดหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลงโทษล่วงหน้าก่อนที่จะมีการพิพากษาถึงที่สุด อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เพราะหนึ่งวันที่ยังไม่ดำเนินการ คือหนึ่งวันที่พวกเขาเสียสิทธิเสรีภาพ


ต่อมานายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. ทางกลุ่มนักกิจกรรมจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์ เพื่อสอบถามถึงประเด็นการย้ายผู้ต้องขังทางการเมืองไปเรือนจำกลางบางขวาง และจากนั้นจะไปยื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน