วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

"แนวร่วมธรรมศาสตร์" นัดคาร์ม็อบ 2 ส.ค.นี้ แยกอโศก "แห่มาลัยวิวาห์" ยื่นรายชื่อ ปชช. คล้องใจ 8 พรรค

 


"แนวร่วมธรรมศาสตร์" นัดคาร์ม็อบ 2 ส.ค.นี้ แยกอโศก "แห่มาลัยวิวาห์" ยื่นรายชื่อ ปชช. คล้องใจ 8 พรรค


วันนี้ (31 กรกฎาคม 2566) ที่ สน.ทองหล่อ ตัวแทนกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางมาเข้าแจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และแจ้งขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง สำหรับการชุมนุม "CARMOB แห่มาลัยวิวาห์ คล้องใจ 8 พรรคการเมือง" โดยนัดรวมพลที่บริเวณแยกอโศกมนตรี ในวันพุธที่ 2 สิงหาคม นี้ เวลา 12.00 น. ก่อนจะเคลื่อนขบวนในลักษณะของ CARMOB ตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนถึงประมาณ 16.00 น. แต่ยังขอสงวนข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางในการเคลื่อนขบวนเอาไว้ก่อน โดยทางแนวร่วมฯ จะเปิดเผยเส้นทางและปลายทางของขบวนในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ ผ่าน Facebook แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทั้งนี้ทางแนวร่วมได้จดแจ้งการชุมนุมถึงเวลา 20.00 น.


สำหรับกิจกรรมของการจัด CARMOB ในครั้งนี้ จะเป็นในลักษณะของการแห่ขบวนขันหมากที่มีความสนุกสนานและสีสัน เป้าหมายหลักคือ การรวบรวมนำรายชื่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่งไปยังบรรดา 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อส่งสัญญาณให้ 8 พรรคร่วมรับรู้ว่า ประชาชนทุกคนมุ่งหวังที่จะเห็นรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ 8 พรรคร่วมที่ลงนาม MOU และอยากจะฝากถึง 8 พรรคร่วมให้เข้มแข็งเข้าไว้ อย่าให้เงื่อนไขของวุฒิสมาชิกมาเป็นประเด็นทำให้พรรคร่วมทั้ง 8 ต้องแตกหัก และมุ่งหวังให้ทั้ง 8 พรรคจับมือกันสามัคคีต่อไปจนกว่าวุฒิสมาชิกชุดนี้จะหมดวาระในอีก 10 เดือนข้างหน้า


โดยขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อของประชาชนเกือบทะลุ 40,000 รายแล้วและจะยังคงรวบรวมต่อไปจนถึงวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวนั้น ได้จดแจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจว่าการชุมนุมในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งทางผู้จัดเอง จะช่วยกันสอดส่องดูแลและรักษาความปลอดภัยระหว่างการจัดกิจกรรม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ2สิงหา66




เพื่อไทยเคาะแล้ว เสนอ 8 พรรค ต้องดึงพรรคอื่นร่วม แต่ฟังเสียงประชาชน ไม่มี 2 ลุุงแน่นอน พร้อมเสนอข้อเรียกร้องของสว.และพรรคการเมืองอื่น

 


เพื่อไทยเคาะแล้ว เสนอ 8 พรรค ต้องดึงพรรคอื่นร่วม แต่ฟังเสียงประชาชน ไม่มี 2 ลุงแน่นอน พร้อมเสนอข้อเรียกร้องของสว.และพรรคการเมืองอื่น


วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ในการนัดหมายประชุมร่วม 8 พรรค ซึ่งจะมีขึ้นก่อนถึงวันประชุมรัฐสภาในวันที่ 4 ส.ค. เพื่อโหวตนายกฯ นั้น พรรคเพื่อไทยเตรียมแจ้งต่อที่ประชุม 8 พรรคว่า แนวทางการโหวตนายกฯ ซึ่งจะเสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” จำเป็นต้องดึงเสียงสส.จากพรรคนอกขั้วเข้ามาเติม เพื่อให้เสียงเห็นชอบเกินกว่า 375 เสียง


โดยยืนยันว่า สูตรตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะรับฟังเสียงของประชาชน ลดการต่อต้าน ด้วยการไม่มีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมอย่างแน่นอน


นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะนำเสนอข้อเรียกร้องของสว.และพรรคการเมืองอื่น ที่เตรียมจะมาร่วมสนับสนุนการโหวตนายกฯ ซึ่งไม่ยอมรับพรรคก้าวไกล เพื่อให้ที่ประชุม 8 พรรคตัดสินใจร่วมกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ตั้งรัฐบาล #โหวตนายก

วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

‘ก้าวไกล’ ลุยชัยนาท รับฟังปัญหาเกษตรกร คุยนโยบายเกษตรวัวนม เยือนบ่อปลากราย ชิมส้มโอสายพันธุ์สรรคบุรี

 


‘ก้าวไกล’ ลุยชัยนาท รับฟังปัญหาเกษตรกร คุยนโยบายเกษตรวัวนม เยือนบ่อปลากราย ชิมส้มโอสายพันธุ์สรรคบุรี


วันที่ 29 กรกฎาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตเกษตรกร เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เดินทางไปจังหวัดชัยนาท เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกรกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปลากราย สวนส้มโอ และฟาร์มโคนม


โดยเวลา 15.30 น. พิธาเดินทางถึงฟาร์มเกษตรกรผู้ผลิตโคนม แบรนด์ Chaopraya beef อ.หันคา จ.ชัยนาท ร่วมหารือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม หลังเกิดปัญหาราคาต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยระหว่างการพูดคุย เดชรัตน์ ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการลดต้นทุนและช่วยเหลือเกษตรกร 3 ประการ ได้แก่ 1. เพิ่มสัตวบาลในท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาโรคระบาด ซึ่งเป็นปัจจัยหลักส่งผลต่อต้นทุนการผลิต 2. แปรรูปสินค้าเพื่อยกระดับราคา 3. ลดต้นทุนอาหารสัตว์ ยารักษาโรค ถัดจากนั้นพิธาและคณะได้เดินต่อไปยังโรงรับซื้อน้ำนมดิบในบริเวณใกล้เคียง และพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่


ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้า คณะทำงานของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย ณรงเดช และ เดชรัต ได้เดินทางไปเยี่ยมชมบ่อปลากราย ชมการเลี้ยงปลากรายและปลาน้ำจืดสายพันธุ์ต่างๆ เช่น  ปลาสวาย ปลาทับทิม และการสาธิตวิธีแปรรูปสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ทอดมัน ปลานวดสำหรับนำไปทำลวกจิ้มและลูกชิ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลทางการเกษตร โดยกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากรายรวมกลุ่มกันมากกว่า 30 คน


นอกจากนั้น คณะทำงานพรรคก้าวไกลเดินทางต่อไปยัง อ.สรรคบุรี เยี่ยมชม 'สวนส้มโอครูแมว' เพื่อรับฟังปัญหาเรื่องพ่อค้าคนกลางที่กดราคาส้มโอในพื้นที่ โดยสวนส้มโอใน อ.สรรคบุรี เป็นสวนส้มโอชื่อดังที่ได้รับมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เนื่องจากบริเวณ อ.สรรคบุรี เป็นพื้นที่ที่มีลำน้ำน้อยไหลผ่าน ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของพื้นที่ปลูกส้มโอ แต่ปัจจุบันประสบปัญหาความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อการออกผลของผลไม้ในพื้นที่อีกด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ชัยนาท




ประชาชนมาตามนัด #พร้อม2 เดินประท้วง สว. ผูกผ้าแยกราชประสงค์ ก่อนแปรอักษร “ห” #เห็นหัวกูบ้าง


ประชาชนมาตามนัด #พร้อม2 เดินประท้วง สว. ผูกผ้าแยกราชประสงค์ ก่อนแปรอักษร “ห” #เห็นหัวกูบ้าง


วันนี้ (29 กรกฎาคม 2566) เมื่อเวลา 17.00 น. มวลชนรวมตัวกันบริเวณแยกอโศกมนตรีเพื่อทำกิจกรรมประท้วงสว. ตามนัดหมายชุมนุมโดย สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ซึ่ง บก.ลายจุด กล่าวว่า กิจกรรมแรกจะเป็นกิจกรรมเหยียบย่ำรูป “สมบัติ บุญงามอนงค์” ซึ่งเจ้าตัวเผยก่อนจัดกิจกรรมว่า เป็นการรับผิดชอบชดเชยที่การชุมนุมครั้งก่อนมีการนำรูปของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาให้มวลชนเหยียบย่ำ ครั้งนี้ตัวบก.ลายจุด จึงนำรูปของตนเองมาให้มวลชนเหยียบเช่นกันเป็นการชดเชย และหวังว่านพ.ชลน่านจะไม่ถือโทษโกรธกัน


บก.ลายจุด กล่าวต่อว่า จากนั้นประมาณ 17.30 น. มวลชนจะเดินขบวนไปทำกิจกรรมต่อที่แยกราชประสงค์ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ใช้เวลาเดินขบวนประมาณ 1 ชั่วโมง ไปถึงแยกราชประสงค์ ซึ่งขบวนของมวลชนมีกลองวงดุริยางค์และราษดรัมนำขบวน


ถัดจากนั้นจะเป็นกิจกรรมผูกผ้าแดง เพื่อระลึกถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ก่อนจะส่งมอบกิจกรรมให้กับกลุ่มฟรีอาร์ท เพื่อทำกิจกรรมแปรอักษร ซึ่งน่าจะเริ่มแปรอักษรได้ในเวลาประมาณ 19.00 น. ก่อนจะปิดท้ายด้วยการอ่านแถลงการณ์และไม่มีการปราศรัย สมบัติ กล่าว


บก.ลายจุด เปิดเผยว่า กิจกรรมวันนี้เพื่อประท้วง สว. ที่เป็นผลผลิตของ คสช. แม้จะหมดสภาพไป 2 ปีแล้ว แต่ก็มี สว. ที่ขัดขวางกระบวนการตามประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่สามารถพาตัวแทนของประชาชนเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศได้ แม้จะผ่านการเลือกตั้งมานานกว่า 2 เดือนแล้ว


ส่วนพรรคการเมืองที่ขณะนี้กำลังสับสนอย่างมากในการจั้งตั้งรัฐบาล หากว่าสูตรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หลายสูตรไม่สอดคล้องกับพันธสัญญาประชาธิปไตยที่ให้ไว้กับประชาชน ทำให้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพรรคอาจถูกลดทอน จึงขอให้พรรคการเมืองต่าง ๆ กลับมายึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และใช้รัฐธรรมนูญแก้ปัญหา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ซึ่งตนเองอยากจะพูดคุยหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ว่าควรนำเรื่องที่ สว. โหวตสวนกระแสประชาชน เป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 3 หรือไม่ เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา


ส่วนประชาชนบางกลุ่มอาจมองว่ารอ 10 เดือนให้ สว.หมดวาระ แล้วจึงเลือกนายกก็ได้ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่จำเป็น เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรค 2 ให้ทางออกว่าการสรรหานายกฯ ให้ใช้กลไกลสภาผู้แทนราษฎรในการสรรหาได้ หากใช้ทางออกตามรัฐธรรมนูญก็ไม่จำเป็นต้องรอ 10 เดือน


ขณะเดียวกัน นายสมบัติ ยังฝากถึง นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. เรื่องส่งสัญญาณขอดีเบตว่า พร้อมที่ดีเบตในเรื่องบทบาทและการทำหน้าที่ในการโหวตนายกรัฐมนตรีของ สว. เพราะส่วนตัวมองว่ามีปัญหาและขัดรัฐธรรมนูญ นักวิชาการจำนวนหนึ่งก็มองเช่นเดียวกันว่าการกระทำของสว.ส่วนหนึ่งขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 และขอให้นัดได้เลย ก่อนย้ำว่า “ถ้าดีเบตแพ้จะหยุดม็อบ แต่ถ้าไม่แพ้และชี้ให้สังคมเห็นได้ว่า 13 กรกฎาคม 2566 เป็นการโหวตที่ขัดรัฐธรรมนูญ ขอให้ สว. โหวตเห็นชอบในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี


สำหรับขบวน #พร้อม2 เคลื่อนออกจากแยกอโศกมนตรี เดินเท้าบนถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าแยกราชประสงค์ ตลอดเส้นทางมีพี่น้องประชาชนสองข้างทางโบกมือและชูสัญลักษณ์ให้กำลังใจ ขณะที่บก.ลายจุดและทีมงานมีการประชาสัมพันธ์ไปตลอดทางถึงสาเหตุที่ประชาชนต้องออกมากเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและเสียงของประชาชนที่ออกไปเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ผ่านมาถึง 2 เดือนแล้วยังไม่สามารถมีรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ เหตุจากไม่ได้รับการสนับสนุนเสียงโหวตจากสว.


“เราจะต้องออกมาเรียกร้อง และยืนยันในหลักการว่า อำนาจสูงสุดของประเทศนี้กำหนดชะตากรรมโดยประชาชนเท่านั้น” และ “เราขอให้ สว.ยุติการขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน” บก.ลายจุด ประกาศ


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อำนวยความสะดวกทั้งด้านการเคลื่อนขบวนและการจราจรให้กับประชาชนซึ่งทั้งหมดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


เมื่อถึงแยกราชประสงค์ บก.ลายจุด และ แหวน อาสาพยาบาลพยานคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ได้ผูกผ้าแดงบริเวณป้ายแยกราชประสงค์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปี 53 ที่มีประชาชนถูกฆ่าตาย ณ ที่แห่งนี้ โดย “แหวน” ได้อ่านรายชื่อ 6 ศพวัดปทุมฯ ด้วย


เวลา 18.30 น. เริ่มการแปลอักษร โดย “แรปเตอร์ สิรภพ” ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ระบุว่าการแปรอักษรเป็นรูป ห. วันนี้ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าให้ “เห็นหัวประชาชน เห็นหัวเราบ้าง” และขอให้ผู้ชุมนุมช่วยกันเปิดแฟลชโทรศัพท์และชูขึ้นมา


ในเวลาต่อมา บก.ลายจุด ประกาศ ขอบคุณประชาชนที่มาร่วมกันแปรอักษรส่งข้อความไปถึง สว. ให้เห็นหัวประชาชนที่ เราจะไม่ยอมให้ สว. ลูกติดคสช. มาขี่คอประชาชน ขอให้รอคอยการนัดหมายกิจกรรมครั้งที่สาม ครั้งหน้าหวังว่าจะเดินได้ยาวกว่านี้ จากนั้นจึงประกาศยุติการชุมนุม

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ29กรกฎา66 #พร้อม2









“ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอก ชี้ เป็นช่วงเวลาพิสูจน์จะทรยศประชาชนหรือไม่

 


ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอก ชี้ เป็นช่วงเวลาพิสูจน์จะทรยศประชาชนหรือไม่


[ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 66]


วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี โดยอยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ และกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจะเหมารวมว่าคนเสื้อแดงคือแฟนคลับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดไม่ได้ เพราะทุกวันนี้กลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช.เดิม ที่มีอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มเสื้อส้มแล้วก็มี


จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทย กลุ่มคนเสื้อแดงคิดอย่างไร นางธิดา ระบุ ส่วนตัวมองว่ากลุ่มเสื้อแดงทั้ง 2 กลุ่ม อยากให้ นายทักษิณ ได้รับความยุติธรรม เพราะคดีความที่ นายทักษิณ เจอเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งไม่เป็นธรรม แต่นอกจาก นายทักษิณ จะได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็อยากให้คนอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบนี้ได้รับความเป็นธรรมด้วย


เมื่อถามต่อไป การที่นายทักษิณกลับมา ถูกโยงไปถึงเรื่องดีลลับจัดตั้งรัฐบาล มองว่าจะเป็นแบบนั้นได้หรือไม่ นางธิดา ตอบว่า นายทักษิณเป็นคนที่มีลักษณะมุ่งมั่น ไม่อยากไปตายนอกแผ่นดินและไม่ยอมแพ้ต่อการดำรงอยู่ของพรรคการเมือง ส่วนคำถามว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการติดต่อพูดคุยดีลลับกัน นางธิดาเชื่อว่าเป็นไปได้ที่มีการติดต่อพูดคุยกัน แต่เป็นการดีลเรื่องของตัวเอง คือพูดคุยถึงเรื่องการจะเข้ามาอย่างไรให้มีสิทธิพิเศษที่ดีขึ้น หรือมีโอกาสที่จะได้รับการอภัยโทษหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางตรงนั้น


แต่การที่จะให้ นายทักษิณ ไปดีลเรื่องให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะนายทักษิณ มีบทเรียนเดิมมาจากตอนทำนิรโทษกรรมสุดซอย ดังนั้นเชื่อว่านายทักษิณคงจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย ส่วนเหตุผลที่ต้องกลับเข้ามาก่อน ส่วนตัวคาดการณ์ว่าเพราะหากเข้ามาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแล้ว คนจะมองว่าเข้ามาโดยใช้สิทธิ์พรรคจัดตั้งรัฐบาลเข้ามา และอาจมีปัญหาต่อพรรคการเมืองต่อไป


ขณะที่คำถามว่า นายทักษิณ กลับมารอบนี้จะถูกหลอกหรือไม่ นางธิดา ตอบว่า “เป็นไปได้และก็อาจจะถูกจับไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้ การที่คุณทักษิณกลับมีอยู่ 2 ด้าน ระหว่างด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือคุยกันมาเรียบร้อยถึงสิทธิพิเศษและการอภัยโทษ แต่ด้านลบคุณทักษิณอาจจะกลายเป็นตัวประกัน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ หรือนำไปร่วมมือกับใคร ซึ่งมันเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง”


พร้อมกล่าวต่อไปว่า ตนไม่ไว้ใจพวกจารีตอำนาจนิยม เพราะกลุ่มพวกนี้ต้องทำเพื่อให้รักษาอำนาจต่อ และการหลอกครั้งนี้จะเป็นการหลอก นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย และคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งหมด เข้าใจว่า นายทักษิณ อยากกลับบ้าน และเข้าใจความไม่เป็นธรรมที่นายทักษิณเจอ แต่อยากให้ระวังเรื่องนี้


ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มอำนาจนิยมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณจะสูญเสียสถานะของการอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการมาเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 20 ปีทันทีที่ข้ามขั้วไปทำแบบนั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หาเสียงมาตลอดว่าไม่เอา 2 ลุง หากทำแบบนั้นเองพรรคเพื่อไทยในอนาคตจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะไม่อยู่กับฐานและผู้สนับสนุนของตน


นางธิดา ยังได้ตอบคำถามกรณีที่ นายทักษิณ กลับมาจะปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ ว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะคนเสื้อแดงมี 2 กลุ่ม หากนายทักษิณทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยไปจับมือกับกลุ่มฆาตกรก็อาจจะไม่มีการสนับสนุนตรงนั้นกลับมา ส่วนประเด็นว่าการต่อสู้ของนายทักษิณเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยตรงหรือเป็นการสู้ไปกราบไป นางธิดาเผยว่า นายทักษิณไม่ได้เข้ามาทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นนักต่อสู้หรือปฏิวัติตั้งแต่แรก เพราะตอนที่เข้ามาในตอนนั้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เข้ามาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจและความยากจน และนายทักษิณคิดว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ต่างกับพรรคก้าวไกลที่เข้ามาตอนที่ประเทศมีปัญหาและเข้ามาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ มันต่างกัน


นอกจากนี้ คำถามว่าการต่อสู้ของด้อมส้มและเสื้อแดงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร นางธิดาตอบว่า เสื้อแดงคือการต่อต้านรัฐประหารไม่ใส่สีของพรรค ดังนั้น ด้อมส้มหรือแฟนคลับของพรรคก้าวไกลตอนนี้ก็เป็นคนเสื้อแดงมาก่อนจำนวนมาก และวิญญาณหลักของกลุ่มส้มและแดงคือวิญญาณเดียวกัน วิญญาณการต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ ทางด้านเรื่องกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแฟนคลับพรรคก้าวไกลทะเลาะกัน ตนมองว่าไม่ได้เป็นนักต่อสู้จริง เพราะนักต่อสู้จริง ๆ จะไม่ไปทะเลาะกันแบบนั้น เพราะแดงส้มจริง ๆ คืออุดมการณ์เดียวกัน คือไม่เอารัฐประหาร ดังนั้นจะมาทะเลาะกันทำไม


อย่างไรก็ตาม เมื่อให้วิเคราะห์สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมตอนนี้ นางธิดาแสดงความคิดเห็นว่า แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่าทั้ง 2 พรรคอาจจะแยกจากกัน แต่ตนอยากให้จับมือให้แน่นเพื่อไปต่อสู้กับฝ่ายปฏิปักษ์ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยอยากเป็นรัฐบาลมากก็ต้องยอมไปจับมือกับฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้าใจเจตนาของประชาชนจริง ๆ จะต้องไม่แยกจากพรรคก้าวไกล และต่อสู้ไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนแล้วจะสามารถชนะได้ในอนาคต


เวลานี้คือการพิสูจน์ว่าจะมีการทรยศกับประชาชนหรือไม่ หากเป็นแบบนั้นอนาคตเพื่อไทยก็คงจะต้องไปลุ้นกันต่อ ว่าจะอยู่ในจุดไหนอย่างไร แต่พรรคก้าวไกลคงจะผ่านฉลุย”


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/politic/2713188?gallery_id=1


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย

วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เครือข่ายประชาชน จัดชุมนุม"เห็นหัวกูบ้าง" แยกราชประสงค์ ลั่นกลองรบ สว.ต้องเคารพเสียงประชาชน ชวนจับตาการตั้งรัฐบาล "เพื่อไทย" จี้ 8 พรรคต้องจับมือกันให้แน่น

 


เครือข่ายประชาชน จัดชุมนุม"เห็นหัวกูบ้าง" แยกราชประสงค์ ลั่นกลองรบ สว.ต้องเคารพเสียงประชาชน ชวนจับตาการตั้งรัฐบาล "เพื่อไทย" จี้ 8 พรรคต้องจับมือกันให้แน่น

 

วานนี้ (27 ก.ค.66) เวลา 18.00 น. ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายภาคประชาชนRespect My Vote นำโดย กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน, (ครช.), แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG), 24 มิถุนาประชาธิปไตย, ทะลุแก๊ซ, ทะลุวัง และกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน จัดกิจกรรม นายกก็ไม่มี สว.ก็ไม่ทำงาน ดีลลับพรรคการเมือง "ส.ว.เห็นหัวกูบ้าง" เพื่อแสดงถึงความไม่เห็นด้วยกับอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และไม่เห็นด้วยกับการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้วินิจฉัยสถานะ สส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นอกจากนั้นยังขอให้ประชาชนจับตาการตั้งรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้ง

 

โดยก่อนเริ่มเวทีปราศรัย ทะลุวังได้มีการทาสีลงบนพื้นถนนเป็นข้อความส่งถึงสว. ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา อีกทั้งระหว่างการสับเปลี่ยนกันปราศรัยยังมีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยให้นักกิจกรรมห้อยตัวลงมาจากสะพานลอยด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ และนำน้ำแดงมาเทใส่ตัว เพื่อแสดงเป็นเลือด เพื่อสะท้อนถึงการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และโปรยกระดาษที่มีชื่อของสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

 

ขณะที่ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ"เก็ท" สมาชิกโมกหลวงริมน้ำ ช่วงหนึ่งของการปราศรัยระบุว่า เชื่อว่าก้าวไกล เพื่อไทย และพรรคอื่น ๆ รู้ต้นตอของปัญหา แต่กล้าพอหรือเปล่าที่จะยืนเคียงข้างประชาชน ไม่มีผนังทองแดง มีแต่กำแพงมนุษย์ เมื่อท่านเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน เมื่อนั้นคุณคือนักธุรกิจโหลยโท่ย จะดีลลับอะไร คิดดี ๆ ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังอยากกินภาษีประชาชนอีก”

 

ตนได้ยินว่า คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมา วันที่ 10 ส.ค.นี้ ดีใจที่จะมีคนลี้ภัยอีกหลายคนได้กลับบ้าน อยากฝากถึงอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ว่าไม่ได้มีแค่พ่อคุณที่อยากกลับบ้าน ผู้ลี้ภัยอีกมากก็อยากกลับบ้าน แต่กลับมาก็โดนจับ

 

หลาย ๆ คนที่อยู่ในคุก สู้มาด้วยกัน คิดว่าเขาไม่อยากกลับบ้านหรือ หลายคนที่ถูกสลายชุมนุมตรงนี้ เขาไม่ได้กลับบ้าน เขาตายไปแล้ว ความยุติธรรมก็ไม่มี จะดีลกับใคร คิดให้มาก ๆ จะดีลกับพลังประชารัฐ ให้นึกถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประชาชนไทยจำได้ว่าทำอะไรกับเรา

 

ถ้าจะดีลกับรวมไทยสร้างชาติ นึกถึงการหิ้วเด็กหน้าแมคโดนัลด์ จะดีลกับประชาธิปัตย์ ให้นึกถึงคนเสื้อแดงให้มาก ๆ จะดีลภูมิใจไทย ให้นึกถึง ช่วงโควิด ประชาชนจำได้ และพร้อมสู้ ขอให้สู้อย่างเต็มที่ ให้วันนี้เราจะยังไม่ชนะ แต่เรายังไม่แพ้ จงออกมาสู้ในทุกวิถีทาง ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว”

 

ถ้าผู้มีอำนาจ ยังไม่ปรับตัว ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย คิดให้มาก ๆ แล้วปรับตัวตามฉันทามติของประชาชนเสีย” นายโสภณกล่าว

 

จากนั้น บูม ตัวแทนจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ส่วนหนึ่งของการปราศรัยกล่าสถึงสถานการณ์เมืองไทยในปัจจุบันที่อยู่ในระยะเวลาที่สำคัญ คือช่วงระยะเวลารอยต่อของความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ มีการตัดสินใจผิดพลาดเพียงอย่างเดียวประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยหลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะมีการโน้มน้าวในการเลือกนายกรัฐมนตรีของบรรดาเหล่าสว. ที่ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยเรามีการแตกคอกัน ต้องมีการแบ่งพวกแยกข้าง ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องยอมเพราะอำนาจในการเลือกนายกของสว.จะไม่ได้อยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพราะเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ระบุไว้อย่างชัดเจน เชื่อว่าในปีหน้าอำนาจของสว. จะหมดสิ้นลงอย่างแน่นอน ดังนั้นฝ่ายประชาธิปไตยเรามีทางเลือกที่สำคัญ คือ ยอมโอนอ่อนผ่อนตามให้พรรคการเมืองยอมโอนอ่อนผ่อนลง เราต้องเตือนพรรคการเมืองหากเห็นพักนอกลู่นอกทางเราฝ่ายประชาชนต้องตะโกนบอกพรรคการเมืองว่าให้เห็นหัวพวกเราบ้าง ตนขอฝากไปยังสุภาพบุรุษนาแก ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยมานาน ขอร้องอย่าพยายามชอบฟอกขาวเป็นำาให้องค์ข้าพยพเผด็จการ ซึ่งตนมีหลักฐานอยากจะนำมาให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ

 

แล้วฝากไปยังพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาเพราะพี่น้องประชาชนเคยยอมชู 3 นิ้วเพื่อเผด็จการ แต่ตอนนี้กับกลายเป็นเหลือนิ้วเดียวคือนิ้วก้อย ที่จะไปคืนดีกับฝ่ายเผด็จการ อยากให้นึกถึงใครบางคนที่ยังอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ถามพรรคเพื่อไทยอยากได้คนแบบนี้ไปจริงๆหรอประชาธิปไตยหมา พันธุ์ผสม

 

รวมฝากไปยัง 8 พรรคการเมือง ไม่จำเป็นต้องสละเรือ อยากให้ฟังเสียงของประชาชนคือคำบัญชาของสวรรค์ หากท่านยังเคียงข้างประชาชนประชาชนก็จะเป็นเข็มทิศชี้ทางให้กับพวกท่าน แตกหักลำไยที่ไม่เคารพสิ่งของประชาชน กระแสน้ำก็จะจมเรือได้เหมือนกัน

 

ด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยในเวลา 21.00 น. โดยกล่าวถึงการเลือกตั้งที่ขณะนี้ยังไม่มีนายกรัฐมนตรี และกล่าวถึงผลกระทบของเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะผ่านมา 72 วันแล้วยังไม่มีรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจติดลบ ทำให้อัตราการขยายตัวลดลง หายไปกว่า 300,000 ล้านบาท ทุกวันนี้หลายคนมีหนี้ครัวเรือน ถึงความยากจนความยากลำบากของประชาชนถือเป็นหายนะที่ต้องโทษสว. ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และโทษศาลรัฐธรรมนูญที่ไปทำให้เกิดเหตุให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยข้ออ้างทั้งหลายทั้งปวงทำให้เราเห็นว่าสิทธิ์เสียงเสรีภาพของประชาชนถูกล่วงเกิน เสียงของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งไม่ได้ผ่านการยอมรับ เหยียบย่ำทำลายจนหมดสิ้น เมื่อเราไม่สามารถที่จะหานายกรัฐมนตรีได้มันทำให้หลักการประชาธิปไตยของเราเสียหาย

 

นายสมยศ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้การเมืองถูกครอบงำโดยกองทัพและสถาบันลึกลับ จึงยังไม่ได้สะท้อนประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หน้าที่ของพวกเราตอนนี้คือจะเคลื่อนไหวชุมนุมจนกว่าสว.จะลาออก และศาลธรรมนูญจะลาออก

 

และปิดท้ายการทำกิจกรรมสำคัญด้วยการอ่านแถลงการณ์เวลา 21.35 น. และการแสดงลั่นกลองรบ ร่วมร้องเพลงdo you hear the people sing(ได้ยินเสียงประชาชนร้องไหม) พร้อมเชิญชวนผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ยืนทำกิจกรรมเปิดแฟลชมือถือและจุดพลุประกาศลั่นคือสัญลักษณ์การต่อสู้ของประชาชน และยุติการชุมนุมในเวลา 22.00 น.

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ27กรกฎา66 #สว #จัดตั้งรัฐบาล




ธิดา ถาวรเศรษฐ : หากข้ามเส้นนี้ไป ‘เพื่อไทย’ ไม่เหมือนเดิม


ธิดา ถาวรเศรษฐ : หากข้ามเส้นนี้ไป ‘เพื่อไทย’ ไม่เหมือนเดิม


โดย VOICE online เผยแพร่เมื่อ 26 กรกฎาคม 2566


ท่ามกระแสข่าวดีลลับ รัฐบาลขั้วข้าม และสมการตัวเลขที่นั่งในสภาที่บีบคั้น ‘เพื่อไทย’ กำลังอยู่บนทางแพร่งที่ต้องเลือก ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตแกนนำ นปช. วิเคราะห์การเดินข้ามเส้น เดิมพันนี้ส่งผลกระทบอย่างไรกับ ‘เพื่อไทย’ และการต่อสู้ของประชาชน เพื่อไทยเท่าทันชนชั้นนำแค่ไหน เข้าใจประชาชนหรือไม่ ย้ำชนะแล้ว อย่ายกธงขาวยอมแพ้ก่อน แนะก้าวไกลชะลอเสนอแก้ไข 112 เพื่อรอการตกผลึกของสังคมไทย


ธิดา ให้ความเห็นต่อความเป็นได้หากจะมีการพลิกขั้วเกิดขึ้น ด้วยความหวังดีต่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประชาชนคนหนึ่งว่า หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะส่งผลเสียต่อประชาชน การต่อสู้ของประชาชน รวมทั้งส่งผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยเอง เพราะเจตจำนงของการเลือกตั้งครั้งสะท้อนชัดว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการฝ่ายอนุรักษนิยม


ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชน แม้พรรคก้าวไกลจะชนะมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่นี่ก็ถือว่าเป็นชัยชนะของพรรคเพื่อไทยที่ถูกกระทำมามากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาด้วย และใครจะได้เป็นนายกฯ ไม่สำคัญเท่าประชาชนไทยมีความคิดว่า ไม่ต้องการฝ่ายขั้วอำนาจเดิม หรือฝ่ายอนุรักษนิยมแล้ว”


การเลือกตั้งที่ผ่านมาต่างจากสมัยที่ไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งช่วงปี 2544 เพราะเวลานั้นสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองนิ่งแล้ว แต่สำหรับตอนนี้ไม่ใช่ คนใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยเจตนารมณ์ของการต่อสู้ทางการเมือง หากพรรคเพื่อไทยพลิกข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเป็นการอ่านเกมผิด


สังคมไทยมันซับซ้อน โครงสร้างชั้นบนของคนจำนวน 1% และเครือข่ายวางไว้แน่นหนามาก และกลุ่มจารีตเหล่านี้ยังต้องการรักษาอำนาจตัวเองเอาไว้เหมือนเดิม เกมการเมืองเวลานี้ไม่เหมือนกับการทำธุรกิจ และการต่อสู้แบบการเมืองทั่วไป


เขาใช้เกมสกปรกทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องเรียนรู้คือ ต้องรู้ว่ากลุ่มจารีตนิยมเป็นอย่างไร คิดอย่างไร และที่สำคัญที่สุดต้องเรียนรู้ด้วยว่า ประชาชนเป็นอย่างไร และคิดอะไรอยู่


หากทำการเมืองด้วย DNA แบบนักธุรกิจ และนักการเมืองทั่วไป มองได้ว่าที่สุดแล้วไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร แต่สำหรับการต่อสู้ที่ยาวนานของประชาชนมองในมุมนั้นไม่ได้ เพราะประชาชนแยกมิตร และศัตรูออกจากกัน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างถาวร และการเมืองครั้งนี้ไม่ใช่การเมืองที่ย้ายไปแล้วจะกลับได้ แต่จะเป็นการไปแล้วไปเลย


ธิดา ย้ำว่าไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว เพราะที่ผ่านมามองเห็นพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ของประชาชน และเป็นความหวังของประชาชน แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยมีแต่ DNA ของนักธุรกิจอาจจะมองไม่เห็นและไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้


เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกซึ่งไม่มีพรรคใดแลนด์สไลด์ หรือรวมเสียงกันได้มากเกิน 376 เสียงเพื่อเอาชนะเสียง สว. ได้ กลายเป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นให้พรรคเพื่อไทยต้องเดินไปตามเกมที่ถูกวางไว้หรือไม่


ธิดา เห็นว่า ประวัติของพรรคเพื่อไทยที่ต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน คู่ขนานมากับการต่อสู้ของประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองที่ถูกกระทำมาโดยตลอด สถานการณ์ที่เป็นอยู่สามารถเข้าใจได้ แต่ปัจจัยสำคัญคือ พรรคเพื่อไทยต้องการที่อยู่ในฐานะใด ยังต้องการเป็นพรรคการเมืองที่เป็นความหวังของประชาชนต่อไป หรือจะกลายเป็นพรรคการเมืองประเภทเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทย ที่ไปทางซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ พรรคเพื่อไทยเข้าใจชนชั้นนำแค่ไหน


อาจารย์คิดว่าพรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจชนชั้นนำให้ลึกซึ้ง และต้องเข้าใจประชาชนให้ทันกับเหตุการณ์ที่สถานการณ์เปลี่ยนไป การที่ไม่ได้เข้าใจชนชั้นบนอย่างจริงจังก็อาจจะทำให้วางแผนพลาดได้ มุมมองแบบนักธุรกิจคือ การมองว่าถ้าถูกหลอกบ้างก็ไม่เป็นไร แม้จะเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ก็สามารถร่วมหุ้น ร่วมลงทุนด้วยกันได้ แต่สำหรับการเมืองไทยไม่ใช่อย่างนั้น การเมืองไทยมีฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยอย่างถาวร ที่พยายามช่วงชิงอำนาจจากประชาชน เพื่อทำให้ตัวเองเข้มแข็งมาตลอด มิตรที่พรรคเพื่อไทยควรจะมองให้เห็นคือประชาชน และพรรคการเมืองที่ยืนอยู่กับประชาชน“


หากการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยเป็นไปเช่นนั้นจริง ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะเวลานี้กลุ่มคนที่เป็นอนุรักษนิยมเหลือน้อยมาก และหากคิดว่าการย้ายข้ามขั้วเป็นสิ่งที่จำเป็น นั่นหมายความว่าตัวเองได้ย้ายข้ามเส้นแบ่งไปแล้ว ก็ย่อมต้องรับความจริงว่า พรรคเพื่อไทยจะอยู่ในสถานะที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วในสายตาประชาชน


ขณะเดียวกันหากเกิดรัฐบาลข้ามขั้ว พรรคเพื่อไทยจะถูกฐานเสียงของตัวเองโจมตี และคนส่วนใหญ่ 70 % เป็นเสรีนิยมหมดแล้ว


หาก 8 พรรคจับมือแน่น อาจจะต้องรอ 10 เดือน ข้อเสนอระหว่างนี้คืออะไร


ธิดา มองว่า หากเพื่อไทยตัดสินใจจับมือกับ 8 พรรคเดินหน้าต่อไป โจทย์ที่ต้องทำคือ ก้าวไกลจำเป็นต้องชะลอการแก้ไขมาตรา 112 ออกไปก่อน โดยใช้เวลาทำความเข้าใจกับสังคม อย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อรอให้สังคมตกผลึกก่อน ต้องทำให้สังคมเข้าใจว่าก้าวไกล ไม่ใช่เด็กดื้อ ที่ยืนยันที่จะผลักดันเดินหน้าเฉพาะประเด็นของตัวเอง


ขณะเดียวกับ MOU ระหว่าง 8 พรรคร่วมก็จำเป็นต้องปรับแก้ให้เป็นข้อตกลงที่กว้างๆ ประเด็นอะไรที่ยังเป็นข้อถกเถียงของสังคมก็ให้นำมาถกเถียงแล้วก็พยายามที่จะให้ได้ข้อยุติที่มันมีปัญหาน้อยที่สุด ไม่ใช่ไม่มีเลย เพื่อไม่ให้พรรคก้าวไกลเสียสัจจะกับประชาชน จัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องทำก่อน เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทั้งปีกอนุรักษนิยม และปีกเสรีนิยมยอมรับร่วมกันได้ ให้ยึดผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง สังคมมันเปลี่ยนมาถึงขั้นนี้แล้ว


ในส่วนของประชาชน ก็ต้องเข้มแข็ง และการที่เพื่อประกาศยืนอยู่กับประชาชน นั้นก็จะยิ่งทำให้ประชาชนแข็งแกร่งมากขึ้น หากฝ่ายนั้นยังไม่ยอม ก็ต้องทำให้การต่อสู้นอกสภาเกิดขึ้น และเป็นการต่อสู้ที่ภาษาฝ่ายซ้ายเรียกว่า รู้ประมาณ มีเหตุผล ได้ประโยชน์ รู้ประมาณ ไม่ใช่ดึงดันจะเอาแบบที่ตัวเองต้องการหมด


ภายใต้เกมการเมืองนี้ ธิดา เชื่อว่า ฝ่ายความมั่นคง หรืออาจจะมีฝ่ายที่อยู่สูงกว่านั้น เข้ามามีบทบาทสำคัญในการคุมควบเกมหลังการเลือกตั้ง และสามารถตั้งธงนำให้กับ ส.ว. และพรรคการเมืองขั้วเดิมได้ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า พวกเขากลัวพรรคก้าวไกลมาก เพราะฉะนั้นตัวก้าวไกลต้องลดความเข้มข้นในการไปรื้อทลายอะไรต่างๆ ลงไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งบทบาทนี้เพื่อไทยทำได้ดีกว่า แบบเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจ แต่ไม่ใช่ภาพที่มองว่าเป็นพวกประนีประนอม อ่อนข้อ แล้วก็ถูกหลอก ก็คือทำงานจริง ต้องเข้าใจประชาชนจริง


การฉีก MOU แล้วข้ามขั้วไปคือ การมองไม่เห็นคุณค่าของชัยชนะในระบบ ชัยชนะในการเลือกตั้งของประชาชน  แม้หลังจากการเลือกตั้งพวกเขายังไม่ยอมแพ้ แต่ข้ามขั้วจึงเป็นการเลือกที่จะยอมแพ้ของเราเอง ทั้งที่เราชนะ หากเพื่อไทยไปยอมแพ้ง่ายๆ ประชาชนก็จะแพ้ไปด้วย


เมื่อถามว่า หากยังจับมือกันแน่น  และรอ 10 ให้ สว.หมดวาระ โอกาสที่จะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย และมีการใช้กลไกต่างๆ บดขยี้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เพื่อดึงเสียงข้างน้อยให้กลายเป็นเสียงข้างมากจะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่


ธิดามองว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงขั้นนั้น และอย่ากลัว ต้องปล่อยความกลัวให้เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ให้ความกลัวเป็นเรื่องของผู้ชนะ และในความจริงแล้วอาจจะไม่ต้องรอถึง 10 เดือน ฉากการเมืองถัดไปจะเกิดขึ้นก่อน ไม่ออกซ้าย ก็ออกขวา ในสภาเขามี 188 กับ สว. 250 เสียง เรามี 312 เสียง นอกสภาเขามีองคาพยพกลไกอำนาจต่าง ส่วนเรามีประชาชน 27 ล้านเสียง ดูเหมือนเขาจะได้เปรียบ แต่สิ่งที่เขาไม่มีคือความชอบธรรมทางการเมือง


ถ้าพรรคเพื่อไทยเพียงแต่ต้องการเป็นรัฐบาลอย่างเดียว และไม่ได้คิดถึงประชาชนที่กำลังนั่งดูกันอยู่ อันนี้น่าจะเป็นอันตรายต่อพรรคเพื่อไทยเอง อาจารย์ว่าไม่สงบและไม่คุ้ม”


ธิดา เสนอว่า เวลานี้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นโอกาสที่ดีแล้ว ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และมองเห็นภาพรวมของประเทศ มองเห็นประชาชน และหยิบเอาปัญหาสำคัญของประชาชนมาใส่ใน MOU มันอาจจะไม่สำเร็จทั้งหมด แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็จะช่วยสถานการณ์เบาลง และช่วยกันลองดูต่อไป แต่ทั้งหมดก็คือว่าคนเปลี่ยนไปแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจว่าสังคมไทยเปลี่ยน โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ ในพรรคเพื่อไทยมีผู้ใหญ่ตั้งหลายคน แต่ถ้าใช้ DNA นักธุรกิจกับนักการเมือง มานำ บางทีสายตาที่มองประชาชนอาจจะมองไม่เห็นความจริง


ที่สำคัญก็คือเพื่อไทยจะได้ทำในสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริง สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน แล้วยังสามารถเติบโตได้ คือตรงนี้ต้องวิเคราะห์สังคมเป็น วิเคราะห์ประชาชนเป็น คือรู้จักมิตร รู้จักศัตรู รู้จักประชาชน แต่ถ้าคิดแต่เพียงไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีแต่ DNA นักการเมือง มันก็จะกลายเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์


ฉะนั้นต้องถามตัวเองว่า ฐานตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วต้องการจะเป็นสถาบันพรรคการเมืองต่อไปรึเปล่า หรือต้องการเป็นรัฐบาลครั้งเดียว ถึงแม้เป็นรัฐบาลครั้งเดียวก็ไม่น่าจะคุ้ม ไม่ต้องพูดถึงอนาคตแล้ว เพราะว่ามันจะอยู่อย่างยากลำบาก เพราะคนมันจะโกรธมาก”


เสื้อแดงไม่ใช่สัญลักษณ์ของ ‘เพื่อไทย’ เราก่อเกิดจากการต้าน รปห.

ธิดา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลข้ามขั้วจะเจอกับแรงต้านทั้งของมวลชนด้อมส้ม รวมทั้งฐานเสียงของตัวเองที่รู้สึกผิดหวัง หากสังเกตคนที่ไปร่วมม็อบที่แยกอโศกกับ บก. ลายจุดจะมีคนทั้งสองกลุ่มนี้


คนเสื้อแดงเนี่ยตั้งแต่ต้น เขาเกิดมาเพราะต่อต้านรัฐประหารนะ สีแดงคือสัญลักษณ์ของการไม่เอารัฐธรรมนูญ 50 สีแดงไม่ใช่สัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย เป็นสีแดงของการต่อต้านรัฐประหาร แล้วคนเสื้อแดงไม่เคยสู้เพื่อทางเศรษฐกิจเลย แต่สู้ทางการเมืองมาตลอด ต่อต้านรัฐประหารมาตลอด เวลาเด็กออกมา เขาก็ออกมากับเด็ก”


ธิดา ย้ำว่า DNA ของคนเสื้อแดงคือการต้านรัฐประหาร คัดค้านรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร และนี่คือ DNA ของแท้ไม่ใช่เสื้อแดงที่ไปนั่งประจบประแจงอยู่แถวพรรค แต่นั่นก็เป็นเสื้อแดงที่จัดอยู่ในกลุ่ม FC พรรค เขาไม่ได้มีความคิดที่กว้างขวางแล้ว ไม่ได้มองเห็นภาพประชาชนทั้งประเทศ เขามองเห็นแค่พรรค


ส่วนกรณีที่มีหลายคนพูดว่า การจะชนะในเกมนี้ได้ จำเป็นต้องดำเผด็จการมาเป็นพวก หรือดึงเผด็จการมาเป็นนั่งร้าน ธิดา เห็นว่า เป็นการมองเผด็จการโดยขาดความเข้าใจ ยกตัวอย่างสมัยรัฐบาลไทยรักไทย การเมืองดูเหมือนจะเดินต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา สุดท้ายก็ถูกดึงกลับ เกิดรัฐประหาร 2549 และรัฐประหารซ้ำในปี 2557


ถ้าคนคิดว่าการข้ามขั้วคือ การประนีประนอม ในคนที่จุดยืนฝ่ายการต่อสู้อย่างแบบประชาชน และอาจารย์ที่ผ่านการต่อสู้มาตลอดยาวนาน ไม่เอาหรอกวิธีนี้ มันไม่ใช่วิธีการที่จะประสบความสำเร็จจริงๆ คุณคิดว่าคุณจะไปหลอกเขาได้เหรอ พวกนั้นเก่งจะตาย มีแต่เขาจะมาหลอกเรา เขาหลอกคุณทักษิณมากี่รอบแล้ว เพราะเราซื่อกว่า เชื่อง่ายกว่า มองโลกในแง่ดีมากกว่า เขาไม่ต้องการให้ประาชนเข้มแข็ง ไม่ต้องการให้ตัวแทนที่ประชาชนรัก”


ที่มา : https://www.voicetv.co.th/read/rvxmisXFr


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง #เพื่อไทย #ตั้งรัฐบาล

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ม็อบแนวร่วมราษฎร เรียกร้องสว. ฟังเสียงประชาชนบ้าง เลือกตั้งมา 2 เดือนกว่า ยังไร้รัฐบาลมาแก้ปัญหาปชช.

 


ม็อบแนวร่วมราษฎร เรียกร้องสว. ฟังเสียงประชาชนบ้าง เลือกตั้งมา 2 เดือนกว่า ยังไร้รัฐบาลมาแก้ปัญหาปชช.


วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.20 น. ที่ แยกราชประสงค์ บรรยากาศการชุมนุมไล่ สว. ไม่ต้องรอ 10 เดือน ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มแนวร่วมราษฎร มีการนัดหมายผู้ชุมนุมสวมเสื้อสีดำ  พร้อมทั้งมีการปิดถนน 3 เลน บริเวณด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อจัดตั้งเวทีปราศรัย


ด้าน น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม ตัวแทนเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่า วันนี้เรามีการปราศรัย และกิจกรรมคาดไว้ว่าจะยุติไม่เกิน 22.00 น. โดยการปราศรัยจะมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งเน้นการจัดตั้งรัฐบาลที่มีอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจะปราศรัยส่งเสียงถึง 8 พรรคการเมืองและขั้วอำนาจที่จะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ขอให้เห็นหัวประชาชนบ้าง เพราะเราเลือกตั้งมา 2 เดือนกว่า ๆ แล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ปัญหาของพวกเรามีอยู่ทุกกลุ่ม การแก้ไขปัญหายังไม่มีรัฐบาลเข้ามาดูแล


สำหรับที่มาของการจัดกิจกรรมในวันนี้ แน่นอนว่าเราเห็นการเมืองตั้งแต่การประชุม 8 พรรคการเมืองครั้งล่าสุด และจะมีการโหวตนายกฯ วันที่ 27 ก.ค. แต่สุดท้ายเพื่อไทยก็ออกมาแถลงว่าไม่มีการประชุม จึงทำให้เกิดคำถามกับประชาชน ว่าพรรคการเมืองกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่ ตกลงปัญหาเกิดจากอะไร


อย่างไรก็ตาม เรามีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ

1. ให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ยืนหยัดว่าจะจับมือกันต่อไป

2. สว.ต้องลาออก เพื่อให้กลไกสภาเดินไปได้ในการโหวตนายกฯ

3. หากต้องมีการฉีก MOU ต้องฟังเสียงประชาชน ต้องเห็นหัวประชาชนด้วย


สำหรับสถานการปัจจุบันที่การโหวตอาจยืดเยื้อไปนานถึง 10 เดือนนั้น ประชาชนรอไม่ได้ อยากให้จัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอถึง 10 เดือน เพราะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้แล้ว


ทั้งนี้ เราคิดว่าการจัดชุมนุมทุกครั้ง มีผลต่อท่าทีของ สว. เพราะหลายครั้งท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ27กรกฎา66

“คนเสื้อแดง” จะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ถ้า “เพื่อไทย” ในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาล ข้ามขั้ว!

 


“คนเสื้อแดง” จะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ถ้า “เพื่อไทย” ในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาล ข้ามขั้ว!


วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้โพสต์วิเคราะห์สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลโดยขณะนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และความพยายามของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นนั้น มีการประชุมหารือกับพรรคการเมืองหลายพรรคตามที่เป็นข่าวทราบแล้วนั้น ได้มีปฏิกิริยาจากกลุ่มคนเสื้อแดงหลายส่วน มีทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย


อ.ธิดา ได้โพสต์ข้อความชี้ให้เห็นว่า “คนเสื้อแดง” นั้นมีที่มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร และปฏิปักษ์ของฝ่ายประชาธิปไตยตัวจริงคือใคร ทั้งนี้ข้อความที่ อ.ธิดา โพสต์ มีความว่า


คนเสื้อแดงที่เป็นเพียง FC พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอะไร หรือมีแนวทางอย่างไร ก็จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู


คำถามคือ “คนเสื้อแดง” จะมีปฏิกิริยาอย่างไร? และคิดอย่างไร? ถ้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาล “ข้ามขั้ว” ไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ


เพราะ “คนเสื้อแดง” เกิดขึ้นมาจากการต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านผลพวงการทำรัฐประหารในปี 2549 คือรัฐธรรมนูญฉับปี 2550 ในเวลานั้นคน Vote No รัฐธรรมนูญ 2550 มี 10 ล้านคน คนเสื้อแดงจริง จะยืนอยู่กับหลักการในระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของประชาชน และไม่สนับสนุนผลพวงการทำรัฐประหาร ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร


แต่ก็มี “คนเสื้อแดง” จำนวนมากเป็น FC พรรคเพื่อไทยมายาวนานควบคู่กับการต่อสู้ตามหลักการประชาธิปไตย และก็มีคนใส่เสื้อแดงที่ไม่เคยผ่านการต่อสู้ใด ๆ เพิ่งมาเป็น FC พรรคเพื่อไทยเท่านั้น


ปัจจุบันมีทางเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นคือ พรรคอนาคตใหม่ ที่ต่อมาคือ พรรคก้าวไกล โดยคนเสื้อแดงยึดฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก แต่เปลี่ยนพรรคการเมืองที่สนับสนุนก็มีเป็นจำนวนมาก


ดังนั้น คนเสื้อแดงจริงก็จะยึดหลักการฝ่ายประชาธิปไตยเป็นสำคัญ เพราะต่อสู้มายาวนาน และเจ็บปวดกับการสูญเสียและการถูกกระทำ ต้องการให้ประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยจริง ที่อำนาจเป็นของประชาชน


ทั้งนี้ สว. 250 คน และปฏิบัติการขององค์กรอิสระ และอื่น ๆ ที่จัดการกับผู้แทนราษฎร ขัดขวางอำนาจประชาชน คือปฏิปักษ์ของฝ่ายประชาธิปไตยจริง!


นี่เป็นความชอบธรรมของผู้ออกมาต่อต้านสว.และองค์กรอิสระ ซึ่งต่อไปอาจมีเหตุการณ์เลยเถิดจนมีการยุบพรรค ลงโทษพรรคการเมือง/นักการเมือง อย่างไม่สมเหตุสมผลอีก


นึ่จึงไม่ใช่เรื่องการทะเลาะ ติ่งส้ม/ติ่งแดง เพราะปฏิปักษ์ตัวจริงในขณะนี้คือสว. 250 คน แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยพลิกขั้ว ก็แปลว่าพรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคสนับสนุนการสืบทอดอำนาจคสช. คนเสื้อแดงที่ยึดหลักการฝ่ายประชาธิปไตยคงต้องยอมรับภาวะเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองย้ายขั้วตรงข้ามไปแล้ว คงโบกมืออำลาและอาจแสดงความไม่พอใจเพียงใดยังคาดเดาไม่ได้


แต่ถ้าไม่ถึงขนาดนั้น ยังจับขั้ว 8 พรรคเดิม แล้วเพิ่มเติมบางพรรคเข้ามา ก็น่าจะเป็นวิถีทางที่ “คนเสื้อแดงอุดมการณ์” ยอมรับได้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง #ตั้งรัฐบาล #เพื่อไทย

“อ.ธิดา” โพสต์ ยินดีที่ “ทักษิณ” จะได้กลับบ้าน ชี้ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง/ผู้ถูกจับกุมคุมขังในคดีที่มีเงื่อนงำ คือผลพวงการทำรปห.

 


“อ.ธิดา” โพสต์ ยินดีที่ “ทักษิณ” จะได้กลับบ้าน ชี้ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง/ผู้ถูกจับกุมคุมขังในคดีที่มีเงื่อนงำ คือผลพวงการทำรปห.


วันนี้ (27 กรกฎาคม 2566) อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก แสดงความยินดีที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้กลับบ้านในวันที่ 10 สิงหาคม ที่กำลังจะถึงนี้ โดยมีข้อความที่โพสต์ดังนี้


ดิฉันยินดีที่คุณทักษิณจะกลับบ้านและพร้อมรับโทษ ที่หลายคดีดิฉันคิดว่าไม่เป็นธรรมที่ถูกดำเนินคดีเหล่านั้นและต้องรับโทษ และไม่มีการหมดอายุความ


ดิฉันประสงค์จะทวงความยุติธรรมให้ทั้งคุณทักษิณและคนอื่น ๆ ที่ต้องลี้ภัยที่ถูกจับกุมคุมขังในคดีที่มีเงื่อนงำ ที่สำคัญคือทวงความยุติธรรมให้คนเจ็บ คนตาย คนถูกคุมขังนับพัน บาดเจ็บร่วม 2 พัน ตายร่วมร้อยศพ เหล่านี้รวมทั้งคุณทักษิณ ควรได้รับความยุติธรรมทั้งสิ้น


นี่คือผลพวงการทำรัฐประหาร 2549 และ 2557


ธิดา ถาวรเศรษฐ

คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #74ปีทักษิณชินวัตร

#ทักษิณชินวัตร #ทักษิณกลับไทย

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

‘แพทองธาร’ ย้ำ ‘ทักษิณ’ กลับไทยไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องของครอบครัว ปัด ตอบดีลลับฮ่องกงกับ ‘ธนาธร’

มธ.จัดชุมนุม กดดัน 8 พรรคร่วมฯ จับมือให้แน่น - จี้เพื่อไทยไม่สลับขั้ว