วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“พิธา” นำทีมก้าวไกล "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา ให้กำลังใจครอบครัว ร่วมห่วงใย และคารวะในความกล้าหาญ “ตะวัน-แบม” ย้ำ ถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกัน ชีวิต“ตะวัน-แบม” ก็ไม่ต้องแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป

 


“พิธา” นำทีมก้าวไกล "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา ให้กำลังใจครอบครัว ร่วมห่วงใย และคารวะในความกล้าหาญ “ตะวัน-แบม” ย้ำ ถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกัน ชีวิต“ตะวัน-แบม” ก็ไม่ต้องแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป


วันนี้ (28 ก.พ. 66) ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ (ลานอากง) ตามที่น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อปักหลักอดอาหารและน้ำบริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับนักโทษการเมืองอีก 3 คนที่เหลือ ได้แก่ ถิรนัย, ชัยพร และ คทาธร โดยอดอาหารประท้วงมาเป็นเวลา 41 วัน และมาปักหลักที่หน้าศาลฎีกา 5 วันแล้ว นั้น 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.50 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำคณะ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาเยี่ยม ตะวันและแบม แต่ไม่ได้ไปเข้าไปพบในเต็นท์ที่พักแต่อย่างใด เนื่องด้วยมาตรการความปลอดภัยด้านการติดเชื้อ ที่จำกัดผู้เข้าไปในพื้นที่พัก โดยได้สอบถามข้อมูลจาก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ และนั่งพูดคุยกับ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของตะวัน และนางพรนิพา ภู่พงษ์ มารดาของแบม


นายพิธา กล่าวว่า อยากจะสื่อสารสั้น ๆ ว่า เหลือเพียงอีก 3 คน ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว คือ ถิรนัย, ชัยพร และ คทาธร เช่นคทาธร ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ 11 เมษายนปีที่แล้ว เกือบ 1 ปีแล้ว ที่ถูกขังโดยที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่าผิด 


นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของตะวันและแบมว่ายังเหลืออีก 3 ชีวิต ดังนั้นถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกันก็จะทำให้ชีวิตของตะวันและแบมไม่ต้องมาแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป ทำให้นึกถึงคำพูดที่ว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้าจะกลายเป็นความอยุติธรรม" จึงถือเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักมาก โดยเฉพาะ ในช่วง 2-3 วันนี้ 


คุยกับทนายเสร็จก็ได้มาคุยกับ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของตะวัน และนางพรนิพา ภู่พงษ์ มารดาของแบม ท่านเล่าให้ฟังถึงสุขภาพของลูกที่ไม่ค่อยดีมากนัก และตนก็ได้ให้กำลังใจทั้ง 2 ครอบครัว ท่านเป็นห่วงสุขภาพของลูกสาวมาก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะอดอาหารและน้ำ รวมถึงปฏิเสธการรับการรักษา มานานกว่า 1 เดือน นายพิธา กล่าว 


วันนี้ก็ดูจากข่าวมีแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจแล้วก็คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็มา ถึงแม้ว่าจะไม่มีการวินิจฉัย แต่แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจก็ได้กล่าวว่าอาการของทั้งสองแย่กว่าที่คิด น่าจะเป็นเรื่องของตับ ค่าคีโตนที่สูง สีของน้ำปัสสาวะ ที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาดีได้ง่าย ๆ ต้องใช้เวลาสักระยะนึงกว่าจะกลับมารับประทานอาหารได้ตามเดิม และเวลาก็เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ และไม่อยากให้เป็นการเอาชีวิต 3 คนมาแลกกับ 2 คน มันเป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจของคนเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล


ก็อยากจะสื่อสาร ย้ำว่าเหลืออีก 3 คนเท่านั้น 3 คนนี้ได้ออกมาก็ทำให้ชีวิตที่แขวนบนเส้นด้ายและความทุกข์ทรมานของตะวันและแบมนั้นยุติลง และประชาชนทุกคนจะได้มาช่วยกันปฏิรูปให้หลักนิติรัฐ และนิติธรรมกลับมาอีกครั้งนึง


สำหรับการเรียกร้องปล่อยทั้ง 3 คนที่เหลือนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องของการบีบบังคับแต่เป็นเรื่องสามัญสำนึกพื้นฐานของระบบยุติธรรมที่ควรจะเป็น ว่าผู้ที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ต้องสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ไว้ก่อน ซึ่งตนจะผสานงานกับทนายความ และครอบครัวของทั้ง 3 คนนี้ ให้ทุกอย่างยุติลงด้วยดีโดยที่ไม่มีความสูญเสียจากใคร


นายพิธา ได้ให้ความเห็นว่าต้องถามหาความจริงจังจากผู้ใช้อำนาจ ทั้งตัวนิติบัญญัติ รัฐบาล และตุลาการ ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และอิสระในการพูด ว่าเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นในประเทศ หากผู้ใช้อำนาจไม่เห็นว่าประชาชนเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ก็จะเกิดภาพนี้ซ้ำอีกเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาที่ตัวระบบ


สำหรับการสิ่งที่ตะวัน และแบมกระทำ ตนมองว่าเป็นความกล้าหาญที่ควรคารวะ เพราะเป็นการเอาชีวิตมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และความยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉย 


และในฐานะที่เคยเป็นนายประกันใหักับตะวัน อยากฝากบอกว่า ทุกคนยังอยู่เคียงข้างเขาทั้งคู่ ซึ่งเข้าใจเจตนารมณ์ของเขาดี และเหลืออีกแค่ 3 คนก็จะได้กลับมารักษาตัว ทั้งยืนยันว่า ทั้ง 2 คน มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และคงอยากใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวธรรมดาของประเทศนี้เท่านั้น นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน




ทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ เข้าเยี่ยม" ตะวัน-แบม" หลังปักหลักอดอาหารหน้าศาลฎีกา ย้ำไม่บังคับไปรพ.ตำรวจ หากฉุกเฉินพร้อมช่วยเหลือทุกด้าน ผบก.น.1 ยันไม่สลาย พร้อมจัดกำลังดูแลเพิ่ม ป้องกันผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์

 


ทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ เข้าเยี่ยม" ตะวัน-แบม" หลังปักหลักอดอาหารหน้าศาลฎีกา ย้ำไม่บังคับไปรพ.ตำรวจ หากฉุกเฉินพร้อมช่วยเหลือทุกด้าน ผบก.น.1 ยันไม่สลาย พร้อมจัดกำลังดูแลเพิ่ม ป้องกันผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์

 

วันนี้ (28 ก.พ. 66) ที่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา ฝั่งประตูที่ 3 ถนนราชดำเนินใน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1(ผบก.น.1) พร้อมด้วยทีมแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนของกลุ่มงานศูนย์ส่งกลับ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เดินทางมาขอตรวจร่างกาย ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ สองนักกิจกรรมทางการเมืองที่ทำกิจกรรม ‘นอนปักหลักอดอาหารหน้าศาลฎีกา’ เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง

 

พ.ต.ต.นพ.ปีเฉลิม พิสนุแสน แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินหน่วยส่งกลับโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ทีมแพทย์ประเมินแล้วว่าทั้งสองอยู่ในขั้นวิกฤต และผลเลือดมีค่าความเป็นกรดสูง มองว่าถ้าปล่อยให้ทั้งสองอดอาหารต่อไปเสี่ยงต่อการมีภาวะไตวาย ตับวาย ทุพพลภาพ ดังนั้นทีมแพทย์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเดินทางมาเพื่อดูว่าจะช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างไรได้บ้างเพื่อให้ทั้งสองคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น และหากทั้งคู่ประสงค์เดินทางไปโรงพยาบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยินดีที่จะอำนวยความสะดวก

 

ในเบื้องต้นจากการประเมินผ่านภาพที่เผยแพร่จากสื่อต่างๆทั้งคู่มีความอ่อนเพลียประมาณร้อยละ 50 เท่าที่มองขณะนี้อยู่ในภาวะฉุกเฉินเพราะไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ จึงประเมินเบื้องต้นว่าร่างกายทั้งสองคนไม่สามารถรับไหว ต้องเข้ากระบวนการรักษา

 

พ.ต.ต.นพ.ปีเฉลิม กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับว่าทั้งสองจะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หากประสงค์ไปโรงพยาบาลใดก็พร้อมประสานงานให้ แต่ถ้าอยู่ในขั้นวิกฤตแล้วต้องไปที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด

 

จากนั้น กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า ทั้งสองคนต้องการทราบเหตุผลว่าเป็นแพทย์จากหน่วยงานใดและได้รับอนุมัติจากทั้งสองให้เข้าตรวจร่างกายหรือยังเพราะ ทั้งสองมีสิทธิในร่างกายของตัวเองซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล

 

ด้านพ.ต.ต.นพ.ปีเฉลิม จึงตอบกลับว่า ทีมแพทย์มาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ดูแลประชาชนทุกมิติ การเข้าไปตรวจร่างกายในวันนี้จะขออนุญาตก่อน จะไม่ทำโดยพลกาลและหากไม่ได้รับอนุญาต ทางทีมจะไม่เข้า และจะขอให้ทนายเป็นผู้ประสานให้

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทนายความว่าปัจจุบันอาการป่วยของตะวันและแบมมีผู้มาดูแลให้หรือไม่ กฤษฎางค์กล่าวว่า อาการแต่ละวันมีการตรวจอยู่แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้แต่ส่วนตัวอยากให้ทั้งสองกลับเข้าสู่กระบวนการรักษา

 

ต่อมาเวลา 15.30 น. กฤษฎางค์ กล่าวว่า ขณะนี้ตะวันและแบมยินยอมให้ทีมแพทย์เข้าไปตรวจสอบอาการเบื้องต้น แต่ให้เข้าไปแค่ 1 คนไม่ยินยอมที่จะให้เจาะเลือด วัดความดันหรือทำหัตถการใดๆ เพราะว่าพอมีประสบการณ์จากหมอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ในการดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้ว ส่วนสาเหตุที่ยอมเพราะว่าเห็นว่า แพทย์มีน้ำใจเข้ามาตรวจ แต่ไม่ต้องการเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

 

ทั้งนี้หลังจากผ่านไป 30 นาที ด้านกฤษฎางค์ กล่าวว่า ตนขอเป็นคนรายงานอาการป่วยเนื่องจากแพทย์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยได้เพราะเป็นหลักจรรยาบรรณแพทย์ ตนในฐานะญาติจึงขอทำหน้าที่ ทั้งนี้แพทย์ได้ให้ความรู้การดูแลผู้ป่วย ว่าไม่ควรอดอาหารต่อเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย ขาดน้ำ อาการแต่ละวันจะไม่คงตัวเนื่องจากเป็นลักษณะของอาการขาดสารอาหาร แต่ว่ายังมีการรับรู้ โต้ตอบได้

 

ที่ผ่านมาตนเองและครอบครัวแนะนำตะวันและแบมว่า ให้พิจารณาวิธีการต่อสู้เห็นความสำคัญชีวิตตัวเอง จากที่พูดคุยทั้งสองมีท่าทีสบายใจขึ้นหลังจากมีกระแสข่าวว่าจะสลายจุดที่ทำกิจกรรม ทั้งนี้ทีมแพทย์จากการตรวจเยี่ยมไปประเมินเพื่อเตรียมเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อเตรียมพร้อมรักษาในอนาคต

 

กฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า หากทั้งสองเข้าสู่สภาวะวิกฤตสามารถประสานโรงพยาบาลตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อส่งไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ถ้าอยู่ในจุดฉุกเฉินสามารถร้องขอเฮลิคอปเตอร์ให้มารับตัวได้

 

ด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า ตำรวจประสานความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักงานเขตพระนครเข้ามาดูแลเรื่องความสะอาด กวาดขยะในพื้นที่ชุมนุม ยืนยันไม่การใช้กำลังเข้ามากดดันผู้ทำกิจกรรมแต่อย่างใด ไปที่การเตรียมพร้อมดูแลมากกว่า

 

ส่วนที่มีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจัดกำลังเข้ามาดูแลเพิ่มเติมแล้ว

 

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าสลายการชุมนุมบริเวณดังกล่าวเนื่องจากมีการเขียนป้ายระบุข้อความหมิ่นศาล มีรายงานว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนกันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องการให้จุดพักของตะวันและแบม รวมถึงผู้ชุมนุมขยับไปที่ด้านหลังของอาคารศาลฎีกา เพื่อให้มีร่มเงา หลบแดดได้

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม #ศาลฎีกา














“ดร.เผ่าภูมิ” เปิด 3 ความจริงสู่ 1 เจตจำนง “เงินเดือน ป.ตรี 25,000” พลิกชีวิตข้าราชการ พนักงานเงินเดือน นศ.จบใหม่

 


“ดร.เผ่าภูมิ” เปิด 3 ความจริงสู่ 1 เจตจำนง “เงินเดือน ป.ตรี 25,000” พลิกชีวิตข้าราชการ พนักงานเงินเดือน นศ.จบใหม่

 

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงนโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ว่า


ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า ความจริง 3 ข้อ


1. 11 ปีที่แล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยกระดับเงินเดือน ป.ตรี เป็น 15,000 บาทได้สำเร็จ หลังจากนั้นกลับถูกละเลยโดยรัฐบาลต่อมา เงินเดือน ป.ตรี ก็ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่ค่าครองชีพขึ้นกว่า 17% ผลิตภาพแรงงานโตกว่า 20% ตัวเลขทั้งสองชี้ว่า พนักงานเงินเดือนสร้างให้เศรษฐกิจโต แต่กลับไม่ได้ผลตอบแทนที่ควรได้รับ และไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ


2. Gen Y และ Gen Z หรือคนกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ เป็นประชากรวัยทำงานช่วงต้น คือกำลังสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่คนกลุ่มนี้กำลังจมอยู่ในวังวนหนี้ และ 25% ของคนเป็นหนี้เป็นหนี้เสีย สาเหตุหลักคือ รายได้โตไม่ทันค่าครองชีพ รายได้ไม่พอรายจ่าย ปลายทางจึงคือการก่อวังวนหนี้ที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ


3. คนไทยแก่ไปพร้อมกับกองหนี้ สาเหตุหลักคือ รายได้ไม่เพียงพอในช่วงวัยทำงาน ซึ่งการแก้โดยสวัสดิการผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ใช่ทางออก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ วันนี้พรรคเพื่อไทยจะแก้ที่ต้นเหตุ เราจะสร้างรายได้ให้กับคนวัยทำงาน ให้แก่ไปพร้อมกับเงินเก็บ ไม่ใช่แก่ไปพร้อมกับกองหนี้


ความจริงทั้ง 3 ข้อ เป็นที่มาสู่ 1 เจตจำนงที่พรรคเพื่อไทยจะยกระดับรายได้คนวัยทำงานทั้งระบบ ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานเงินเดือน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน ด้วยนโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ดร.เผ่าภูมิ กล่าว


ภาครัฐ : จริงอยู่ที่ระบบราชการนั้นล้าหลังและล้มเหลว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าราชการคือแพะรับบาป พวกเขากำลังลำบาก เงินเดือนข้าราชการเทียบไม่ได้กับภาคเอกชน ทั้งเริ่มต้นต่ำและโตช้า และระบบราชการไม่สามารถดึงดูดคนเก่งเข้าทำงานได้จากผลตอบแทนที่ต่ำ นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 จะยกระดับรายได้บุคคลากรภาครัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และผลิตภาพข้าราชการ โดยไม่ให้กระทบภาระทางการคลัง และทำควบคู่กับการยกเครื่องระบบราชการทั้งระบบ ให้เล็ก เร็ว คล่องตัว ด้วยรัฐบาลดิจิทัล ใช้ Blockchain เข้าบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดทั้งความโปร่งใส ประสิทธิภาพสูง และประโยชน์ต่อประชาชน


ภาคเอกชน : นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท จะถูกเหนี่ยวนำต่อจากภาครัฐ สร้างตลาดแรงงานที่เกิดการแข่งขันสูงด้วยกลไกตลาด ผนวกกับเมื่อเศรษฐกิจโตขึ้น รายได้ภาคเอกชนมากขึ้น กำลังจ่ายที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ภาคเอกชนสามารถเดินสู่เป้าหมายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เช่นเดียวกับภาครัฐ นั่นคือจุดหมายปลายทาง


วันนี้เพื่อไทยต้องการเห็นข้าราชการยิ้มได้ นักศึกษาจบใหม่เข้าตลาดแรงงานด้วยความหวัง และพนักงานเงินเดือนหลุดจากวังวนหนี้ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น เหล่านี้คือเจตจำนงของพรรคเพื่อไทย ดร.เผ่าภูมิ กล่าวในที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66

‘โรม’ ยื่นหลักฐานถึง ผบ.ตร. เอาผิด ‘ส.ว.ทรงเอ’ แง้มบางเอกสารไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ยืนยันไม่หยุดแค่นี้ เตรียมยื่นต่ออัยการสูงสุด-ก.ต.

 



โรม’ ยื่นหลักฐานถึง ผบ.ตร. เอาผิด ‘ส.ว.ทรงเอ’ แง้มบางเอกสารไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ยืนยันไม่หยุดแค่นี้ เตรียมยื่นต่ออัยการสูงสุด-ก.ต.

 

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิด ส.ว.ทรงเอ สืบเนื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ประเด็นความเกี่ยวข้องระหว่าง ส.ว.ทรงเอ หรือ อุปกิต ปาจรียางกูร กับ นักธุรกิจชาวเมียนมาที่มีข้อครหาเรื่องการฟอกเงินและการค้ายาเสพติด

 

รังสิมันต์ กล่าวว่า ตามที่ตนอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ และไทยดำจีนเทา มีหลักฐานต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ในการทำคดี ทั้งกรณีของ ส.ว. ทรงเอ และ ไทยดำจีนเทา ที่เกี่ยวข้องไปถึงนายกรัฐมนตรี และเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายในสภาฯ ชุดนี้ เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ ส.ส.จะไม่มีอีกต่อไป จึงขอเริ่มต้นด้วยการยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร. โดยหลักฐานเอกสารที่เตรียมมา บางส่วนไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เชื่อว่าจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

 

ประกอบกับวันนี้ ตนทราบว่า ผบ.ตร. จะชี้แจงกรณี พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ตนจึงต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่าการยื่นหนังสือจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะตั้งใจจะไปยื่นกับอัยการสูงสุดด้วย เนื่องจากบางประเภทคดี เป็นคดีนอกราชอาณาจักร รวมถึงยื่นต่อสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ

 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ จะเร่งตรวจสอบดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีที่อภิปรายในครั้งที่แล้ว ขอทำความเข้าใจว่ากรณี ส.ว. ทรงเอ เมื่อพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ก็ได้เสนออัยการสูงสุด และได้มอบหมายผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับอัยการสูงสุด ในลักษณะคล้ายกับคดี “ตู้ห่าว” ซึ่งตน ในฐานะหัวหน้าหน่วยได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้า พบว่ากำลังดำเนินการ และได้เร่งรัดให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว และให้การสนับสนุนเรื่องการสืบสวน ตนได้แนะนำไปหลายเรื่อง แต่ทางคดี ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด

 

รังสิมันต์ ย้ำต่อว่า จะนำเรื่องดังกล่าว ไปยื่นต่อผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่างอัยการสูงสุดต่อไป โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ คดีหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับคดีตู้ห่าว และคดี ส.ว.ทรงเอ ว่าทางเจ้าพนักงานจะดำเนินการอย่างไร เพราะสมัยประชุมกำลังจะหมด เอกสิทธิ์ที่ ส.ส.เคยได้รับการคุ้มครองจะหมดไป สิ่งที่ตนทำทั้งหมด หวังว่าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้น คนชั่วจะลอยนวล

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #สวทรงเอ

“ชูวิทย์” แถลงค้านนโยบายกัญชาเสรี ทำให้เยาวชนถูกมอมเมา สังคมควรถกเถียงให้ตกผลึกก่อนออกกฎหมายควบคุม

 


“ชูวิทย์” แถลงค้านนโยบายกัญชาเสรี ทำให้เยาวชนถูกมอมเมา สังคมควรถกเถียงให้ตกผลึกก่อนออกกฎหมายควบคุม


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง เดินทางมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้านนโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า กัญชาเป็นประเด็นแหลมคมที่สังคมมองข้าม เพราะความเร่งรีบของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ว่ากัญชาเป็นสิ่งไม่ดี แต่กฎกระทรวงที่ถูกออกมาอย่างเร่งรีบ โดยที่กฎหมายลูกยังไม่ผ่านสภา มองว่าเป็นการพยายามหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น


พร้อมเปิดคลิปปราศรัยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “หากกัญชาเสรีแล้ว นำมาพี้สูบกันเองก็ได้” จึงมองว่า ความไม่ชัดเจนของการควบคุมการใช้กัญชาทำให้เยาวชนถูกมอมเมาโดยไม่มีความรู้และขาดวิจารณญาณ ซึ่ง ชูวิทย์ มองว่า สังคมควรมีการถกเถียงเรื่องกัญชาให้ตกผลึกเสียก่อน ก่อนที่จะดำเนินการออกกฎหมายในการควบคุม


โดย ตัวแทนผู้ปกครองของเยาวชนที่นายชูวิทย์พามาร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ กล่าวว่า พวกเขาต้องการแสดงจุดยืนคัดค้านกัญชาเสรี และยืนยันว่าไม่ได้มาโดยการถูกบังคับแต่อย่างใด


จากนั้น หนึ่งในตัวแทนเยาวชนได้อ่านแถงการณ์เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขมีความชัดเจน เรื่องการควบคุมการใช้กัญชา รวมถึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงปัญหาและตระหนักถึงผลกระทบของการใช้กัญชาโดยไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะกรณีการใช้อย่างไม่ถูกวิธีในหมู่เด็กและเยาวชน ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาการทางสมอง ในการเรียนรู้ต่าง ๆ รวมถึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่า สามารถนำกัญชามาใช้ในการประกอบอาหารได้


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ชูวิทย์ ได้ถามเยาวชนทั้ง 4 คนที่พามาว่า ใครเคยเห็นเพื่อนตัวเองใช้กัญชาบ้าง เยาวชนทั้งหมดได้ยกมือขึ้นพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเยาวชนนำกรรไกรตัดหญ้าขนาดใหญ่มาตัดต้นกัญชาต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย


เมื่อถามถึงระยะเวลาที่เหลืออีก 13 วัน ที่นายชูวิทย์จะต้องหอบหลักฐานปมทุจริตรถไฟสายสีส้มเข้าชี้แจง ต่อ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชูวิทย์ ไม่ตอบอะไร แต่ได้นำหนังสือราชการดังกล่าวขึ้นมาฉีกทิ้ง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย

ข้อความจาก #ตะวันแบม ถึงเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้าขอคืนพื้นที่หน้าศาลฎีกาวันนี้ พร้อมฝากถึงทีมแพทย์จากรพ.ตำรวจ และ กสม. ที่จะมาตรวจร่างกาย ยัน ไม่ยอมให้เข้าตรวจร่างกาย


ข้อความจาก #ตะวันแบม ถึงเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้าขอคืนพื้นที่หน้าศาลฎีกาวันนี้ พร้อมฝากถึงทีมแพทย์จากรพ.ตำรวจ และ กสม. ที่จะมาตรวจร่างกาย ยัน ไม่ยอมให้เข้าตรวจร่างกาย

 

ตามที่วันนี้ (28 ก.พ. 66) เวลา 9.30 น. ตำรวจสน.ชนะสงคราม เข้าอ่านคำสั่งให้เลิกการชุมนุมหน้าศาลฎีกาภายใน 11.00 น.

 

แต่อย่างไรก็ตาม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยว่าหากพ้นเวลา 11.00 น.แล้ว ผู้ชุมนุมยังไม่เลิกชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลตามม.21 พรบ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่สามารถเข้าสลายการชุมนุมได้ทันที และผู้ชุมนุมมีสิทธิคัดค้านการไต่สวนออกคำบังคับให้เลิกชุมนุม

 

อีกทั้ง วันนี้ ( 28 ก.พ. 66 )เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 , สน.ชนะสงคราม, ทีมแพทย์จาก รพ.ตร., กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล รพ.ตร., คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ นัดหมายสื่อมวลชน ระบุจะเข้ามาตรวจร่างกาย ตะวัน-แบม เนื่องจากอดอาหารเป็นระยะเวลา 5 วัน และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

ล่าสุด เพจเฟสบุ๊ค Tawan Tantawan เผยแพร่ข้อความระบุว่า

 

สวัสดีค่ะ พวกเราตะวันและแบมเองนะคะ

เราได้ยินเสียงตำรวจมาไล่ตลอดสองวันนี้และบอกว่ามีคนชื่อคุณอรัญญิกา มาจดแจ้งการชุมนุม  อยากบอกพี่ตำรวจว่าพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา

 

คุณอรัญญิกาน่าจะหมายถึง เพื่อน ๆ ที่มาทำเรื่องหยุดยืนฝากขังตลอดมาเป็นเวลา 200 กว่าวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จและมีผู้คนมาเข้าร่วมมากมาย

 

ถ้าคุณตำรวจต้องการที่จะไล่ ก็มาไล่และสลายพวกหนูค่ะ เพราะว่าเพื่อน ๆ ที่มายืนหยุดขังแม้เขาจะเรียกร้องในสิ่งเดียวกับที่พวกหนูทำอยู่ แต่เขาไม่ได้มามีส่วนกับเต็นท์ที่พี่ตำรวจไม่เห็นด้วย หรือตัวพวกหนูที่พี่ต้องการจะบุกเข้ามาสองวันแล้ว

 

ถ้าตำรวจเห็นว่าสิ่งที่พวกเราทำมันผิดก็มาเลยค่ะ แต่นางสาวทานตะวันและนางสาวอรวรรณ จะเป็นคนละพวกกับนางสาวอรัญญิกา อย่าไปหาเรื่องเขา

 

แล้วขอยืนยันว่าเราไม่ต้องการให้ใครที่เราไม่ต้องการเข้ามาตรวจร่างกายของพวกเรา

กสม หรือ รพ.ตำรวจพวกหนูไม่เอา ยอมกัดลิ้นตัวเองตายดีกว่าค่ะ

 

พวกหนูไม่ต้องการสร้างความลำบากให้ใคร ก็จะขอร้องตำรวจว่าอย่าใช้วิธีการนี้เพราะพี่ตำรวจน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเราเป็นคนละพวกกัน ถ้าประธานศาลฎีกาหรือตำรวจอยากไล่พวกหนูก็ประกาศออกมาเลย ตอบหนังสือหนูที่ขออนุเคราะห์พื้นที่ก็ได้ว่าจะไล่พวกหนูค่ะ เพราะการทำแบบนี้มันเป็นการทำลายการต่อสู้ของเพื่อนๆที่มายืนหยุดขังคนอื่นด้วย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ศาลฎีกา

จนท.ตร.ปิดหมาย ห้ามชุมนุมหน้าศาลฎีกา ขีดเส้นตายภายใน 11 โมง วันนี้! หลังวานนี้มีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมแก้ไขการชุมนุม ไม่ยอมปลดป้ายผ้าด่าศาลลง

 


จนท.ตร.ปิดหมาย ห้ามชุมนุมหน้าศาลฎีกา ขีดเส้นตายภายใน 11 โมง วันนี้! หลังวานนี้มีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมแก้ไขการชุมนุม ไม่ยอมปลดป้ายผ้าด่าศาลลง


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 09.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณการชุมนุมหน้าศาลฎีกาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางมาอ่านคำสั่งห้างชุมนุมสาธารณะ มาตรา 11 วรรคสาม เลขที่ 98/2566 ให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเพื่อน “ตะวัน-แบม” ที่กำลังอดอาหารประท้วงด้านหน้าศาลฎีกา


โดยคำสั่งระบุ แจ้งความมายัง นางสาวอรัญญิกา จังหวะ ตามคำสั่งให้แก้ไขการชุมนุมสาธารณะ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ปรากฏว่าท่านไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว


อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 จึงห้ามการชุมนุมสาธารณะในกรณีดังกล่าว


ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป


ลงชื่อ พันตำรวจเอก เสนาะ พูนเพชร ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 รักษาราชการแทน ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม


ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาอ่านและติดคำสั่งให้ผู้ชุมนุมแก้ไขการชุมนุม โดยระบุสาเหตุว่า


- มีผู้ชุมนุมบางส่วนลงมาบริเวณผิวการจราจร

- มีรถผู้ชุมนุมจอดในที่ห้ามจอดและกีดขวางทางเข้าออก/รบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน

- มีป้ายผ้าซึ่งมีข้อมูลหมิ่นประมาท/ดูหมิ่นผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัว

ก่อแก้ว’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ ชิบหายแล้ว หลังเวทีโคราช คนน้อย-ไม่มีนโยบายใหม่

 


ก่อแก้ว’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ ชิบหายแล้ว หลังเวทีโคราช คนน้อย-ไม่มีนโยบายใหม่

 

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมาว่า ตนอยากเตือนพล.อ.ประยุทธ์ ให้ระวังคนข้างกายให้ดี ๆ เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะโดนต้มหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ มีคนข้างกายออกมาให้สัมภาษณ์ออกข่าวใหญ่โตว่าจะมีประชาชนมาต้อนรับฟังปราศรัยกว่าครึ่งแสน แต่ภาพที่ออกมาไม่เหมือนที่คุยกันไว้อย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าเสียหน้า ไม่สมศักดิ์นายกฯ ที่อุตส่าห์นั่งเครื่องเจ็ทไปหาเสียง ไม่รู้ว่างานนี้มีการอมค่าใช้จ่ายในการขนคนหรือไม่

 

ทั้งนี้ เนื้อหาในการปราศรัยก็แทบจะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีแนวทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ไม่มีทางสร้างรายได้ให้กับประเทศและคนไทย มีแต่นโยบายประชานิยมเดิม ๆ ที่ต้องกู้เงินมาดำเนินการทั้งสิ้น ส่วนเรื่องที่พยายามจะคุยโม้ โชว์ผลงานกับคนโคราชโดยเฉพาะเรื่องมอเตอร์เวย์และรถไฟความเร็วสูง ก็เป็นโครงการที่ริเริ่มในสมัยท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ตอนนั้นเสนอดำเนินนโยบาย 2 ล้านล้าน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ถนนมอเตอร์เวย์ ถนน 4 เลน ท่าเรือ และสนามบิน แต่ถูกขัดขวาง จนทำให้ต้องระงับไป มิฉะนั้นโครงการเหล่านั้นคงจะเสร็จหลายปีแล้ว ไม่ต้องมาอายประเทศลาวที่มีรถไฟความเร็วสูงใช้แล้ว ทั้งขนคน ขนสินค้าเกษตรไปขายให้ประเทศจีน

 

นอกจากนี้เนื้อหาในการปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนให้เห็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีนโยบายดี ๆให้ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ได้โชว์ มีแต่ทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง หลายโครงการที่พูดถึง ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ คิดจะทำจริงๆ 8 ปีที่ผ่านมา สามารถทำได้หมดแล้ว ไม่ต้องรอเพื่อนำมาหาเสียงในขณะนี้

 

สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์และพรรครทสช. ควรจะคิดและนำเสนอคือนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้ทำให้คนไทยจนลงมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจจะมีคนจนจำนวนถึง 22 ล้านคน ผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการส่งเสริมการค้าการลงทุนเพื่อการแข่งขันกับนานาชาติ นโยบายที่ทำให้ประเทศไทยทันสมัย โดยเฉพาะการก้าวไปสู่ประเทศดิจิตอล การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก การปฏิรูประบบราชการและกองทัพฯ

 

การปราศรัยของประยุทธ์ ที่ชูหลัก 3 ท. คือ “ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ” นั้นคนไทยส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วย เพราะการหาเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนหลัก 3 ก. มากกว่า คือ “กูอยากอยู่ กูกู้แล้ว และกูจะกู้ต่อ” ส่วนใครจะมาใช้หนี้ “กูไม่รู้ กูไม่เกี่ยว และ กูไม่สน” นายก่อแก้ว กล่าว

 

 

ดังนั้นคำอุทานว่า “ฉิบหายแล้ว” ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครทสช. ที่เผลอพูดผิด ดันพูดให้ประชาชนเลือกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคเดิมของพรรคเพื่อไทย คู่แข่งหลักของพรรคตน หรือคำอุทานว่า “ฉิบหายแล้ว” ของคนข้างกายพลเอกประยุทธ์ ที่เห็นประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยน้อยเกินไป จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ และ พรรครทสช. เสียหน้านั้น ไม่อาจดังเท่าคำอุทานของกลุ่มคนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ฟังคำปราศรัยว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไร ดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้เลยว่า “ฉิบหายแล้วตู่”

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #รทสช  #เลือกตั้ง66

ตะวัน - เลือดเป็นกรดค่าคีโตนสูง แบม - ตับอักเสบ แพทย์ยันต้องกลับโรงพยาบาลทันที ชี้หากฉุกเฉิน ไม่มีใครทราบว่าจะรักษาชีวิตทั้งคู่ได้หรือไม่ ขณะที่พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) แพทย์จากรพ.ตำรวจ พร้อมกสม. จะเข้าตรวจร่างกายทั้งคู่

 


ตะวัน - เลือดเป็นกรดค่าคีโตนสูง แบม - ตับอักเสบ แพทย์ยันต้องกลับโรงพยาบาลทันที ชี้หากฉุกเฉิน ไม่มีใครทราบว่าจะรักษาชีวิตทั้งคู่ได้หรือไม่ ขณะที่พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) แพทย์จากรพ.ตำรวจ พร้อมกสม. จะเข้าตรวจร่างกายทั้งคู่


วันนี้ (27 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจTawan Tantawan ได้มีการเผยแพร่เอกสารคำชี้แจงกรณีนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า


“ในวันนี้ ทนายความได้รับแจ้งจากผู้ดูแลของตะวันและแบมว่าทั้งสองคนมีอาการเหนื่อยล้าลงกว่าเดิมจากเมื่อตอนออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มาก โดยแบมนอนเฉย ๆ ไม่พูดคุยกับใคร ขณะมีคนเข้าไปวัดความดัน ส่วนตะวันยังพูดได้โต้ตอบได้ แต่จากการสอบถามอาการว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ตะวันและแบมได้บอกว่าเธอ ไม่อยากให้สนใจอาการของพวกเธอเท่าไหร่นัก แต่อยากเชิญชวนให้ทุกคนที่เห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องมีหลักประกันเรื่องสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา ติดตามผลคำสั่งประกันของ "ต๊ะ" หรือคทาธร เยาวชนที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกคุมขังยาวนานที่สุด ซึ่งขณะนี้กำลังรอผลการสืบเสาะและคำสั่งของศาลอาญาอยู่ และติดตามการยื่นประกันถิรนัยและชัยพรในวันพรุ่งนี้โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน”


ต่อมาทนายความยังได้รับแจ้งรายงานผลเลือดของทั้งสองว่า ทั้งคู่มีคีโตนในเลือดสูง มีภาวะเลือดเป็นกรดซึ่งเป็นภาวะอันตรายทางการแพทย์ และน้ำตาลในเลือดต่ำโดยเฉพาะค่าผลเลือดของแบมปรากฎว่า แบมมีภาวะตับอักเสบ และแพทย์ได้แจ้งว่าตับของแบมเริ่มไม่ดีแล้ว นอกจากนี้ แพทย์ยังยืนยันว่าทั้งคู่ควรที่จะต้องกลับโรงพยาบาลทันที เนื่องจากในสถานการณ์ที่อดอาหารมานานมากเช่นนี้ หากมีภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้น ไม่มีใครทราบว่าจะสามารถรักษาชีวิตของทั้งสองคนไว้ได้หรือไม่”


ตะวันและแบมแจ้งว่าได้ยื่นหนังสือขอใช้พื้นที่ไปยังประธานศาลฎีกาแล้วในวันนี้ โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่เข้ามารับในเต็นท์เนื่องจากหวังว่าหากคนของศาลได้เห็นสภาพของพวกตนก็อาจจะสามารถไปอธิบายประธานศาลฎีกาได้ แต่ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่จึงให้เพื่อนเป็นคนยื่นให้ และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบใดจากศาล


ทั้งสองได้แสดงความกังวลว่า การมาอยู่ของพวกเธอได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่มาใช้พื้นที่บริเวณลานอากงหน้าศาลฎีกา โดยพวกเธอได้ยินเสียงตะโกนไล่ขอคืนพื้นที่ของตำรวจอย่างชัดเจน และรู้สึกทุกข์ใจเมื่อรู้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งของเขตและเทศกิจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเอาแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณฟุตบาท และเริ่มทำลายป้ายข้อความต่าง ๆ แล้วโดยมีจุดประสงค์จะขอคืนพื้นที่


"พวกเราอาจคิดผิดก็ได้ที่มาอยู่ตรงนี้ค่ะ เพราะหนูคิดว่ามันจะปลอดภัยแต่ที่จริงมันไม่ได้ปลอดภัยเลย แล้วตำรวจก็ยังตามมาด้วย ทั้งตำรวจจากโรงพยาบาลตำรวจที่พยายามจะเข้ามาตอนกลางคืนกับตำรวจที่มาตะโกนวันนี้" ตะวันกล่าว


อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ ( 28 ก.พ. 66) เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 , สน.ชนะสงคราม , ทีมแพทย์จาก รพ.ตร., กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล รพ.ตร. , คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ จะเข้าไปตรวจร่างกาย ตะวัน-แบม ยังเต็นท์ที่พักหน้าศาลฎีกา เนื่องจากอดอาหารเป็นระยะเวลา 5 วัน และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

มวลชนพรึบ! "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา 1.12 ชม. เคียงข้าง "ตะวันแบม" ด้านสน.ชนะสงครามอ่านประกาศให้ปลดป้ายข้อความ-ห้ามจอดรถหน้าศาล ให้เวลา 7 โมงเช้า พรุ่งนี้ (28 ก.พ.)

 


มวลชนพรึบ! "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา 1.12 ชม. เคียงข้าง "ตะวันแบม" ด้านสน.ชนะสงครามอ่านประกาศให้ปลดป้ายข้อความ-ห้ามจอดรถหน้าศาล ให้เวลา 7 โมงเช้า พรุ่งนี้ (28 ก.พ.)


วันนี้ (27 ก.พ. 66) ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ตามที่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อมาปักหลักอดอาหารบริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับนักโทษการเมืองที่เหลืออีก 3 คน ได้แก่ คทาธร อยู่ระหว่างการสืบเสาะเพิ่มเติม 15 วัน ส่วนถิรนัยและชัยพร วานนี้ (26 ก.พ.) ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง หลังทนายยื่นคำร้องเมื่อ 23 ก.พ. อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง คำสั่งระบุ คดีมีอัตราโทษสูง จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจำคุกคนละ 3 ปี มีเหตุควรเชื่อได้ว่าหากปล่อยชั่วคราวจำเลยจะหลบหนี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว


อย่างไรก็ตาม เวลา 16.50 น. สน.ชนะสงคราม เข้าอ่านประกาศชุมนุมสาธารณะหน้าเต็นท์ที่พัก "ตะวัน-แบม" ที่อดอาหารอดบริเวณหน้าศาลฎีกา ระบุว่าให้แก้ไขการชุมนุม ให้นำรถที่จอดอยู่รวมถึงป้ายต่าง ๆ ออกจากบริเวณดังกล่าวภายใน 07.00 น. วันที่ 28 ก.พ. 66 ทำให้ถูกมวลชนโห่และไล่ต้อนออกไป โดยไม่ยอมให้ติดประกาศชุมนุมฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 17.30 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 1.12 ชั่วโมง” เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกคุมขังทั้งหมด โดยผู้ร่วมกิจกรรมต่างแขวนป้ายข้อความ อาทิ “ปล่อยเพื่อนเรา” “ปล่อยนักสู้ทางการเมือง” “ยกเลิก 112” และ “FREE ALL POLITICAL PRISONERS” รวมถึงรูปภาพตะวันและแบม และผู้ต้องขังทางการเมือง พร้อมชูดอกทานตะวัน 


จากนั้น เวลา 18.42 น. ครบ 1.12 ชม. นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ กล่าวสรุปกิจกรรมประจำวัน โดยระบุว่า เป็นวันที่ 264 แล้ว ที่ทุกคนร่วมยืนหยุดขัง ในรอบที่สาม โดยวันนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีความ ยกเว้นเรื่องของตะวันและแบมที่วันนี้มีการยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกาเพื่อขออนุญาตเข้าไปอดอาหารด้านในรั้วศาล


นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับ โดยตนมาเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อพูดกับผู้ร่วมกิจกรรมหน้าศาลฎีกาทุกคนว่า ประการแรกเลยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงครามมาประกาศเมื่อช่วงเย็นนั้นพวกเราไม่ได้มีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหา แต่ตำรวจก็เชื่อไปแล้วว่าผู้จดแจ้งการชุมนุมคือ นางสาวอรัญญิกา จังหวะ สั่งให้แขวนป้ายหรือสั่งให้กระทำการใด ๆ จึงขออธิบายว่าเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยปกติที่กลุ่มฯทำมาก็จะมีการยืนหยุดขังในเวลา 17.30 น แล้วพอถึงเวลา 18.42 น. ครบ 1.12 ชั่วโมง พวกเราก็จะแยกย้ายกันกลับ


ส่วนที่ 2 กิจกรรมอดอาหารของตะวันและแบม เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องขังทางการเมืองที่เหลืออยู่ ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของกลุ่ม "ทะลุวัง" ที่มาใช้พื้นที่ร่วมกัน ณ ปัจจุบันนี้ ซึ่งเรายินดีอย่างยิ่ง เราเข้าใจดีว่าพี่น้องที่มาทำกิจกรรมมากขึ้นกว่าเดิม


โดยตำรวจขอความกรุณาจากพวกเราไม่ให้ยืนบนถนน ให้ขึ้นไปยืนบนทางเท้า และในส่วนของการจอดรถที่บริเวณหน้าศาลฎีกาขอความร่วมมือให้ย้ายไปจอดที่บริเวณแม่ธรณีบีบมวยผมใกล้ ๆ กับจุดจอดรถห้องน้ำสาธารณะที่กทม.นำมาจอดไว้บริการ และในส่วนของป้ายข้อความ ตำรวจขอร้องให้ปลด ป้ายที่มีข้อความหมิ่นประมาทศาล นายพันธ์ศักดิ์ระบุว่า ก็เข้าใจดีว่าพี่น้องอาจจะมีความไม่พอใจเกี่ยวกับศาลที่ไม่ได้ให้สิทธิประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง แต่อยากให้ลองคิดว่าตอนนี้เราอยู่ในฐานะเจรจาต่อรองกับศาล อยากจะขอร้องให้พี่น้องที่นำป้ายที่มีลักษณะหมิ่นประมาทนั้นนำป้ายออก ทั้งหมดนี้เราต้องการจะทำกิจกรรมยืนหยุดขัง ไปเรื่อย ๆ จนกว่าพี่น้องของเรา ซึ่งตอนนี้ที่เหลืออยู่ 3 คนคือ คทาธร, ธีรนัย และชัยพร จะได้รับสิทธิในการประกันตัวตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ระบุเอาไว้ เราจึงจะหยุดทำกิจกรรม เพราะฉะนั้นเราไม่อยากที่จะหยุดกิจกรรมก่อนเวลาที่พี่น้องของเราจะถูกปล่อยตัวออกมา ก็อยากขอให้พี่น้องได้โอนอ่อนผ่อนปรนกัน และทางเราก็กำลังเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่


จากนั้นนายพันธ์ศักดิ์ ได้ชวนให้ผู้ร่วมกิจกรรมหันหน้าเข้าหาศาลฎีกา พร้อมชู 3 นิ้ว และเปล่งเสียงว่า ”ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112″ 3 ครั้ง ตามด้วย “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” 3 ครั้ง 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์




‘รังสิมันต์’ ฝากสื่อจี้ถาม ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ต้องตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ เผยพรุ่งนี้ เตรียมยื่น สตช. ตรวจสอบต่อเนื่อง

 


รังสิมันต์’ ฝากสื่อจี้ถาม ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ต้องตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ เผยพรุ่งนี้ เตรียมยื่น สตช. ตรวจสอบต่อเนื่อง

 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

 

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ. ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

 

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิตซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

 

รังสิมันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่เดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ควรตอบคำถามนี้กับประชาชนเพื่อให้สิ้นสงสัย และอย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (28 กุมภาพันธ์) ตนจะยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ว่าทรัพย์สินต่างๆ ของอุปกิต ที่รวมถึงที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มาหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดหรือไม่

 

หวังว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะไม่ใช้อำนาจของตัวเองเข้าแทรกแซงคดี เพื่อทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง” รังสิมันต์กล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สวทรงเอ #รทสช

"บุ้ง" เป็นตัวแทน"ตะวัน-แบม" ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอย้ายสถานที่ปักหลักอดอาหารด้านในรั้วของศาล

 


"บุ้ง" เป็นตัวแทน"ตะวัน-แบม" ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอย้ายสถานที่ปักหลักอดอาหารด้านในรั้วของศาล

 

วันนี้ (27 ก.พ.66) ตามที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ได้ทำหนังสือขออนุญาตต่อประธานศาลฎีกา เพื่อเข้าไปอดอาหารอยู่ที่อนุสาวรีย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งอยู่ภายรั้วของศาลฎีกา

 

เนื่องจาก ณ ขณะนี้เต็นท์ที่พักในการอดอาหารของทั้งสองได้อยู่บริเวณทางเท้าใกล้กับประตูทางเข้าศาลฎีกา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่และข้าราชการรวมทั้งประชาชนที่มาติดต่อราชการในศาลฎีกาอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเข้าออก

 

อีกทั้งมีกระแสข่าวถึงความไม่ปลอดภัย มีการโทรมาข่มขู่ ก่อกวนจากบุคลที่ไม่รู้จักเพื่อหวังก่อความวุ่นวาย ดังนั้นจึงขออนุเคราะห์ให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตนเองและบุคคลในครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามาใช้พื้นที่บริเวณศาลฎีกา บริเวณด้านหน้าของพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งจะไม่เป็นการรบกวนการปฏิบัติราชการและการติดต่อกับประชาชน

 

ทั้งนี้บริเวณอนุสาวรีย์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ยังเป็นอนุสรณ์ของการต่อสู้ของนักศึกษาที่ต่อสู้กับเผด็จการทหารเพื่อความเป็นอิสระของตุลาการเมื่อปี 2515 ด้วย

 

นอกจากนี้ ในหนังสือยังได้ขอความอนุเคราะห์เรื่องการใช้ไฟฟ้าแสงสว่าง ห้องสุขา การรักษาความปลอดภัย รวมทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน เช่น เครื่องปั๊มหัวใจ ตั้งแต่วันนี้ ในเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

 

อย่างไรก็ตามการยื่นหนังสือในครั้งนี้ บุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม สมาชิกกลุ่ม #ทะลุวัง เป็นตัวแทนของน.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา และมีนายวรพงศ์ จันทนพันธ์ นิติกรปฏิบัติการ เป็นผู้มารับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าวถึงบริเวณเต็นท์ที่พักของตะวันและแบม เพื่อนำเสนอประธานศาลฎีกาตามขั้นตอนต่อไป

 

สำหรับบรรยากาศในการยื่นหนังสือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนตัวแทนประธานศาลฎีกาจะมารับมอบหนังสือ ได้มีตำรวจประมาณราว5-10 นาย เข้าไปเจรจากับกลุ่มมวลชน เพื่อขอให้เลื่อนรถที่จอดหน้าศาลฎีกาออกจากถนน ไปจอดที่บริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม เนื่องจากมีรถสุขาสาธารณะจอดบริการไว้

 

และภายหลังการยื่นหนังสือแล้วเสร็จ พบว่าเจ้าหน้าตำรวจรวมทั้งเทศกิจพยายามขอให้กลุ่มมวลชนปลดป้ายข้อความต่าง ๆ ที่ติดตามต้นไม้ฝั่งสนามหลวงออก แต่ไม่เป็นผล มวลชนยืนยันไม่ปลด

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน




วันนี้ (27 ก.พ. 66) 10 โมง “ตะวัน-แบม” เตรียมยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอเข้าไปอดอาหารภายในศาล เผยขอบคุณมวลชนร่วมยืนหยุดขัง ยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง

 


วันนี้ (27 ก.พ. 66) 10 โมง “ตะวัน-แบม” เตรียมยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอเข้าไปอดอาหารภายในศาล เผยขอบคุณมวลชนร่วมยืนหยุดขัง ยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง


เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจTawan Tantawan เปยแพร่เอกสารคำชี้แจงกรณีนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า


ในวันนี้หลังจากที่ได้มีการแถลงข่าว ตะวันและแบมยังได้ยินเสียงของเพื่อน ๆ ที่มาร่วมยืนหยุดขังและได้ยินเสียงร้องตะโกนของเพื่อน ๆ ด้วย


โดยตะวันกล่าวว่าเธออยากลุกขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เนื่องจากไม่สามารถลุกได้ และเมื่อพยายามนั่งขึ้นมาก็มึนหัว จึงมองไม่เห็น ส่วนแบมได้เล่าให้ฟังว่า เธอยันตัวขึ้นมามองทัน ทำให้เห็นว่ามีขบวนเสด็จผ่านและเสียงโห่ร้องนั้นเป็นเสียงของประชาชนที่มายืนหยุดขังข้างนอก


"พวกเราก็เลยคุยกัน เรื่องที่เราทำโพลเรื่องขบวนเสด็จ เป็นต้นเหตุที่ถูกฟ้องมาจนวันนี้" พวกเธอทั้งสองเล่า


ทั้งคู่ขอบอกว่า เสียงตะโกนของทุกคน ที่พูดถึงข้อเรียกร้องทุกอย่าง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ ซึ่งพวกเธอรู้สึกขอบคุณ


จากนั้นจึงได้แจ้งว่าจะไปยื่นหนังสือที่ศาลฎีกาในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ. 66) ตอน 10.00 น. และถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะไปด้วยตนเอง แต่ไม่มีความมั่นใจว่าจะไปไหวหรือไม่ หรือไปเช่นไร แต่หากไม่ไหวก็อยากให้เจ้าหน้าที่เดินทางมารับ เพราะพวกเธอก็อยู่ตรงหน้าศาลฎีกาเท่านั้น เป็นระยะทางไม่ถึงสิบก้าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“เพื่อไทย” อ้อนชาวเชียงใหม่ แลนด์สไลด์ให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5, ปัญหาสิทธิครอบครองที่ดินทำกิน และฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้าน Wellness อันดับหนึ่งของโลก

 


“เพื่อไทย” อ้อนชาวเชียงใหม่ แลนด์สไลด์ให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5, ปัญหาสิทธิ์ครอบครองที่ดินทำกิน และฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้าน Wellness อันดับหนึ่งของโลก


วันนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในแคมเปญ #คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน ร่วมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ส.ส. และสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและประธานวิปฝ่ายค้าน, น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย, และ ส.ส.เชียงใหม่


พร้อมด้วยผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. เชียงใหม่ ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นายศรีเรศ  โกฎคำลือ, นายประสิทธิ์ วุฒินันชัย, นายนพคุณ รัฐผไท, นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม, นายณัฏฐ์พัฒน์ รัฐผไท, น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์, นายวิทยา ทรงคำ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นายบัณจงศักดิ์  วงศ์รัตนวรรณ, นายนิธิกร  วุฒินันชัย, นายสุรพล เกียรติไชยากร, น.ส.ศรีโสภา โกฎคำลือ, นายโกวิทย์  พิริยะอนันต์ และ นพ.ไกร ดาบธรรม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ฟังปราศรัยมาจากทุกอำเภอมากกว่า 5 หมื่นคน ตะโกนโห่ร้องตลอดเส้นทางที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เดินจากรถขึ้นสู่เวทีปราศรัย พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชายที่มาดูแลตลอดทาง


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เริ่มต้นกล่าวปราศรัย โดยกล่าวของคุณพี่น้องชาวเชียงใหม่ ลำพูน ที่มาฟังปราศรัยวันนี้พร้อมย้ำว่าวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ที่พี่น้องเชียงใหม่จะได้เข้าคูหา กาบัตรสองใบ นั่นคือการเลือก ส.ส. ระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้ได้ผู้แทนที่อยู่กับพี่น้องประชาชน เข้าใจ เข้าถึงพี่น้องประชาชน


“ขอเรียนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีประวัติศาสตร์ มีประสบการณ์ มีร่องรอยการทำนโยบายที่สำเร็จมาแล้ว ฉะนั้น นโยบายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการคิดใหญ่ทำเป็นเพื่อพวกเราทุกคน” นพ.ชลน่านกล่าว


นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่าทุกวันนี้ที่พี่น้องประชาชนต้องจมอยู่กับความยากจนไม่ใช่เพราะความเกียจคร้าน แต่เกิดจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นส่วนทางกับรายได้ เพราะรัฐบาลปัจจุบันไม่เคยคิดจะหาเงินเข้าประเทศให้พี่น้องประชาชน มีแต่จะเอื้อเฟื้อคนรวย ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้อง ‘คิดใหญ่’ ให้มากกว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์​และพรรคร่วมพรรคพวกพล.อ.ประยุทธ์​ และการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากทุกวันนี้


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เริ่มต้นกล่าวปราศรัยด้วยการทักทายพี่น้องเป็นภาษาเหนือว่า “ข้าเจ้าเป็นสาวเชียงใหม่ แหมบ่ เต้าใด ก็จะลาคลอดแล้ว” เรียกเสียงฮือฮา โห่ร้องจากพี่น้องที่มายืนขอบเวทีอย่างกึกก้อง นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ที่ร้องเพลงนี้ก็เพราะว่าวันนี้อายุครรภ์ได้ 7 เดือนแต่ยังจะไม่รีบไปไหน ยืนยันว่าจะยังเดินหน้าปราศรัยทุกจังหวัดทั่วประเทศจนกว่าจะเดินไม่ไหว


นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ แต่เศรษฐกิจของเชียงใหม่จากธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเพิ่มรายได้ให้พี่น้องให้รวดเร็วที่สุดด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มสนามบินให้รองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อให้เชียงใหม่เป็นสถานที่ผ่อนคลายทั้งกายใจและสุขภาพให้คนทั่วโลก เข้ามาอยู่อาศัย รักษาพยาบาล และพักผ่อนใช้ชีวิตหลังเกษียณจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ 


ด้านปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จะแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นด้วยการทำแอพพลิเคชัน แจ้งเตือนปริมาณฝุ่นในพื้นที่สำคัญของเชียงใหม่ แผนระดับกลางคือการออกข้อบังคับให้อุตสาหกรรมและการก่อสร้างป้องกันการเกิดฝุ่นควัน และระยะยาว จะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด และจะร่วมกันวางแผนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการช่วยกันวางแผนลดฝุ่นควันในระดับภูมิภาค แพทองธาร กล่าว


ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นปัญหาของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีปัญหาสิทธิทำกินและโดนฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งเพื่อไทยมีนโยบายแก้ปัญหาสิทธิครอบครองที่ดิน โดยมีหลักคิดว่าไม่ควรไปไล่จับดำเนินคดีเพราะเขาอยู่กับป่ามาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ดังนั้นควรทำนโยบายให้คนอยู่กับป่า ปลูกป่าใช้ประโยชน์และให้คนชาติพันธุ์ เป็นผู้ดูแลรักษาป่า 


ผู้ปราศรัยคนสุดท้าย  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมาว่า ตัวเองเกิดและเติบโตในค่ายทหารแต่เกษียณอายุราชการมาแล้ว 10 ปียังอยู่ในค่ายทหาร ซึ่งเป็นบ้านหลวง


“ถ้าไม่ปฏิวัติพ่อเขา ไม่ปฏิวัติอาเขา ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็คงจะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่จนถึงทุกวันนี้” ณัฐวุฒิ ปราศรัยตอนหนึ่งและระบุว่า จ.เชียงใหม่ 11 เขต จะแบ่งใจให้ใครไม่ได้ ไม่มีใครเอากลับให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ แต่ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย เท่ากับหยุด 3ป เดินหน้าเพื่อประชาธิปไตย


นายณัฐวุฒิ ได้ปราศรัยตอนท้ายถึง 2 พี่น้อง ชินวัตร คือ แพทองธาร และพานทองแท้ โดยระบุถึงกรณี แพทองธาร ได้ปราศรัยและหยุดนิ่งไปสักครู่หนึ่งว่า เป็นเพราะแพทองธาร หายใจติดขัด หายใจไม่ทัน ตนรู้ว่าพี่น้องเอาใจช่วย ข้างหลังก็เอาใจช่วย แต่เวทีนี้ มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งน้ำตาคลอชายคนนั้นชื่อ พานทองแท้


“วันที่นายกฯ ทักษิณ เริ่มตั้งพรรคการเมือง น้อง 2 คน ยังเด็กกว่านี้มาก วันที่ ดร.ทักษิณ ถูกกระทำทางการเมือง น้องทั้ง 2 คน ไม่เคยคิดเข้าสู่การเมือง ไม่เคยคิดต้องเจอแรงเสียดทานทางการเมืองขนาดนี้ ในวันที่ทั้งคู่ลูกยังเล็ก ทั้งคู่ยอมที่จะเอาชีวิตวิถีทางอนาคตของตัวเองแขวนขึ้นบนเส้นด้าย ซึ่งเป็นเส้นด้ายที่อันตราย เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความอำมหิต เป็นชะตากรรมที่ไม่เคยมีใครในโลกนี้บอกได้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า สองพี่น้องไม่ใช่คนจน ร่ำรวยมาแต่อ้อนแต่ออกเพราะพ่อกับแม่ช่วยทำมา  สองพี่น้องนี้ไม่ลำบากเลยตลอดชาติไปถึงลูกหลานจากทรัพย์สินในธุรกิจครอบครัวที่มี”


นายณัฐวุฒิ ปราศรัยต่อว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ไม่ใช่ความเป็นลูก ดร.ทักษิณ ไม่ใช่ความเป็นทายาทของอดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่มันเป็นความหัวใจสู้ของคนหนุ่มคนสาวสองคนนี้ พี่ยังรักประชาชนและอยากตอบแทนประชาชน ผมมั่นใจว่าถ้าพานทองแท้ ออกมาพยุงน้องสาวได้ เขาจะทำ แต่ในเมื่อน้อง กำลังยืนประกาศตัวต่อคนทั้งประเทศว่าจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในเมื่อน้องถือธงนำทางการเมืองอยู่ แต่ผมมั่นใจว่าเส้นทางนี้ แพทองธารจะปลอดภัยตลอดเส้นทางนี้จะไม่มีใครทำอะไรได้


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราก็อยู่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เพื่อไทย  เมื่อประชาชนลำบากเราจะเดินหน้าเข้าไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ดังนั้น เปิดใจพูดที่ จ.เชียงใหม่ ผืนแผ่นดินเกิดของ บิดา แพทองธาร ลูกหลาน คนเชียงใหม่อุ้มท้องมายกมือไหว้คนเชียงใหม่ ให้เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เชียงใหม่ #เลือกตั้ง66