วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568

บันทึกเยี่ยมทนาย 'เก็ท-โสภณ' เล่า 4 ผู้ต้องขังทางการเมือง นั่งอารยะขัดขืน ปฏิเสธย้ายไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ทำให้จนท.เรือนจำ ล็อกคอ ล็อกแขนขา จับอุ้มแยกกัน จนตัวเขาได้รับแผลถลอก ส่วนอีก 3 คน ขณะนี้ถูกย้ายตัวไปแล้ว

 


บันทึกเยี่ยมทนาย 'เก็ท-โสภณ' เล่า 4 ผู้ต้องขังทางการเมือง นั่งอารยะขัดขืน ปฏิเสธย้ายไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ทำให้จนท.เรือนจำ ล็อกคอ ล็อกแขนขา จับอุ้มแยกกัน จนตัวเขาได้รับแผลถลอก ส่วนอีก 3 คน ขณะนี้ถูกย้ายตัวไปแล้ว


วันนี้ (19 มี.ค. 68) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า 


19 มี.ค. 2568 จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง โพสต์บอกเล่าถึงสถานการณ์การย้ายผู้ต้องขังทางการเมืองในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำอื่น โดยมีกลุ่มผู้ต้องขังที่อารยะขัดขืนปฏิเสธการย้ายตัว ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่อุ้มตัว จนได้รับบาดเจ็บ 


ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทนายความได้เข้าเยี่ยม “เก็ท” ที่ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เก็ทได้บอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ดังต่อไปนี้


วันนี้ตอนเช้า พวกเราทราบว่ามีว่าก้อง (อุกฤษฏ์) กับบุ๊ค (ธนายุทธ) มีรายชื่อถูกย้ายเรือนจำ ผมจึงถามก้อง-บุ๊ค ว่าอยากย้ายไหม ซึ่งทั้งสองคนไม่อยากไป เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ผมจึงบอกว่าถ้างั้นพร้อมไหม ถ้าเราจะทำการอารยะขัดขืน คือถ้าสมมติเจ้าหน้าที่มาอุ้มเราไปเนี่ย เราก็จะคล้องแขนกันไว้ หากจะไปก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด


เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ที่แดน 4 ผู้ช่วย (ผู้ต้องขังด้วยกันเอง) เดินมาเรียกก้อง-บุ๊ค ให้ไปเตรียมตัวเพื่อย้ายไปเรือนจำอื่น ก้อง บุ๊ค และผม แจ้งไปว่าเราไม่ไป ผู้ช่วยจึงเดินกลับไป 


จากนั้นพี่หนุ่ม (สมบัติ) จึงมาเรียกพวกผมทั้งสามคนให้ไปคุยกับ ผบ. แดน 4 พวกเราจึงคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ถ้าจะอารยะขัดขืนตรงนี้ เค้าจะมาอุ้มไปเลย สรุปพวกเราจึงไปคุยกับ ผบ. แดน 4 ก่อน


ผบ.แดน 4 แจ้งว่า ผบ.แดน 4 ไม่มีอำนาจเรื่องให้ย้ายเรือนจำ ถ้าอยากเจรจา พูดคุยเรื่องนี้ ให้ไปคุยกับ ผอ. ตอนแรกบอก ผบ. จะให้ไปแค่ก้องกับบุ๊ค ผมจึงบอกว่า ผมไม่ไว้ใจ จึงยอมให้ผมไปด้วย เพราะผมไปที่หน้าห้อง เจอพัศดี แต่มี ผอ. ออกมาคุยแล้วบอกว่าให้ไปรอที่หอประชุม 


พวกเราจึงเดินไปที่หอประชุม มีผู้คุมเดินเข้ามาคุยโดยใส่ชุดสีกากีสามคน สองคนไม่ติดชื่อ อีกหนึ่งคนติดชื่อ แต่ตัวเล็กมองไม่เห็น ถามผมว่ามีชื่อย้ายเรือนจำใช่หรือไม่ ถ้ามีชื่อก็ไปนั่งต่อแถวเลย ผมแจ้งว่า ผมไม่มีชื่อย้าย แต่จะมาคุยกับ ผอ. โดยที่ห้องประชุมนั้นมีการเตรียมผู้ต้องขังที่จะย้าย มีผู้คุมประมาณ 7 - 8 คน รวมสามคนที่เข้ามาคุยกับผม


ในระหว่างนั้นมี พี่จอย (สถาพร ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112) ที่อยู่แดน 8 เดินเข้ามาด้วย พี่จอยมีชื่อถูกย้าย จึงถามพี่จอยว่าอยากย้ายเรือนจำไหม ถ้าพี่จอยไม่อยากย้าย ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ไป และอยู่ด้วยกันตรงนี้ พี่จอยก็บอกว่าเขาไม่อยากไป


จากนั้นกลุ่มผู้คุมก็เดินกันเข้ามา นำโดย ผอ. ผมได้บอกว่าพวกเราไม่อยากย้ายเรือนจำ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย คนที่ถูกย้ายไปคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกาอยู่เลย แล้วถ้าพวกเขาชนะคดีขึ้นมา ความรู้สึกที่เสียไป ความปลอดภัยระหว่างถูกย้ายจะเอายังไง


จากนั้นมีการโต้เถียงประเด็นเรื่องย้ายเรือนจำจะไม่ปลอดภัยอย่างไร จนมีผู้คุมคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ให้จับแยกเลย หากไม่ยอมก็ให้อุ้มไปเลย ผม ก้อง และบุ๊ค จึงคล้องแขนกันแล้วนั่งลง ทำการอารยะขัดขืน ผมไม่แน่ใจว่าพี่จอยคล้องแขนกับใคร


จากนั้นผู้คุมก็เข้ามาล็อคคอล็อคแขนล็อคขา เข้ามาเบียดเข้ามาแทรก แล้วแยกตัวพวกเราทั้งสามคนออกจากกัน ผมถูกล็อคคอแล้วก็ยกขาขึ้น แล้วก็อุ้มเดินออกไป ผมเลยตะโกนว่าพวกเราถูกทำร้าย


มันชุลมุนมาก เพราะเจ้าหน้าที่เบียดเข้ามาหลายคน จนผมมองไม่เห็นเพื่อนคนอื่น ผมถูกอุ้มออกไปจากห้องประชุมในลักษณะที่มีการล็อคคอ จับแขน จับขา ผมไม่แน่ใจว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมดกี่คน แต่มันเบียดกันแน่นมาก ซึ่งตอนจังหวะที่เบียดนี่แหละที่ผมตะโกนว่า พวกเราถูกทำร้าย


ผอ. จึงบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าทุกคนอย่าทำร้ายน้อง และให้ผู้ช่วยเอากล้องมาถ่ายระหว่างที่พาพวกผมออกไป ซึ่งเข้าใจว่ามีการบันทึกตลอดทาง เมื่อออกจากหอประชุม เจ้าหน้าที่ก็ส่งตัวผมให้ผู้ช่วย ซึ่งผู้ช่วยทั้งหมดก็มาอุ้มตัวออกไป แล้วพยายามบอกให้ใจเย็น ๆ พวกเรามีน้อย สู้ไม่ได้หรอก


ได้ยินผู้คุมตะโกนว่าเอาไปไว้ที่แดน 2 ผู้ช่วยก็อุ้มผมไป โดยที่มีผู้คุมเดินประกบอีกที ระหว่างทาง ผมยังตะโกนบอกว่ามาถ่ายอะไรตอนนี้ ตอนที่ใช้ความรุนแรงไปแล้ว 


เมื่อมาถึงแดน 2 ผู้ช่วยก็วางตัวผมลงกับพื้น ผบ.แดน 4 ก็มาหา เอาเก้าอี้มาให้นั่ง และบอกให้ใจเย็น ๆ ผมบอกทำนองว่า พี่เคยบอกว่า อย่าด้อยค่าเรือนจำ แล้วดูพวกพี่ทำ แล้วผมก็เห็นว่าตัวเองไม่มีแว่น จึงให้คนไปหาแว่นให้ผม แล้วให้ผมนั่งรออยู่ที่แดน 2


จนเวลาเกือบ 11 โมง จึงมีเจ้าหน้าที่จากแดน 4 มารับตัวผมกลับแดน มีเพื่อน ๆ เข้ามาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ผมจึงเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรบ้าง ทุกคนจึงช่วยกันดูว่าผมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พบว่าที่หลังผมมีรอยแดง และที่สีข้างมีรอยถลอก


ผมเลยยื่นคำร้องขอตรวจนิติเวชไป พอได้ตรวจ พบว่าผมมีรอยแผลถลอกที่สีข้างจริง แต่ผมไม่ได้ถึงขั้นถูกกระทืบ หรือตั้งใจทำร้ายร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าพี่จอย บุ๊ค และก้อง ที่ถูกย้ายไปที่เรือนจำบางขวาง เป็นอย่างไรบ้าง ต้องฝากตรวจเช็คต่อไป


ทั้งนี้ สถานการณ์การย้ายผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำอื่น ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2568 ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ออกประกาศชี้แจงว่าการย้ายผู้ต้องขังเป็นไปตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเรือนจำสำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ทำให้มีการย้าย “ผู้ต้องขังที่คดีเด็ดขาด” แล้ว ไปยังเรือนจำอื่น ๆ จำนวน 10 แห่ง 


ในกลุ่มผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง หากรวม 3 รายล่าสุดที่ถูกย้ายเรือนจำในวันนี้ พบว่ามีผู้ถูกย้ายตัวไปแล้วทั้งหมด 14 คน กระจายไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา และเรือนจำพิเศษธนบุรี โดยในการย้ายตัวทั้งหมดไม่มีใครทราบล่วงหน้า และญาติมาทราบด้วยตนเองในภายหลัง รวมทั้งในเรือนจำที่ถูกย้ายตัวไปบางแห่ง มีข้อจำกัดในการเยี่ยมญาติมากขึ้น 


ทั้งยังพบว่าผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกย้ายตัวไปเรือนจำอื่น จากทั้งหมด 14 คน มีผู้ต้องขังที่คดีสิ้นสุดแล้วเพียง 4 ราย ส่วนอีก 10 ราย ยังเป็นผู้ต้องขังในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาคดีอยู่ ไม่ใช่ผู้ต้องขังเด็ดขาดแต่อย่างใด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากประกาศที่ทางเรือนจำระบุไว้