วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ศาลรธน.ชี้คดียุบทษช. พยานหลักฐานเพียงพอ


ยูดีดีนิวส์ : วานนี้ (27 ก.พ. 62) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยมี น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรคฯ เป็นผู้รับเรื่อง

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่กกต. ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักษาชาตินั้น ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจแัยในวันที่ 7 มี.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ห้องพิจารณาคดีชั้น 3

ขณะเดียวกันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการเผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคดีนี้พยานหลักฐานต่าง ๆ เพียงพอที่จะวินิจฉัย จึงไม่ทำการไต่สวน ทั้งนี้ศาลฯ กำหนัดนักแถลงด้วยวาจาและลงมติในวันที่ 7 มี.ค.นี้

'ธิดา' ส่องเพจนายกฯ ลุงตู่ อ้าว! เปลี่ยนสถานะไปแล้ว!!!



ยูดีดีนิวส์ : 28 ก.พ. 62 เช้านี้ อ.ธิดาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวยูดีดีนิวส์ว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะเช้านี้กดเข้าไปดูที่เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในสถานะ จึงได้โพสต์ข้อความว่า


อ้าว! วันนี้มาส่องดูเพจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เปลี่ยนสถานะจาก "เจ้าหน้าที่รัฐ"
เป็น "บุคคลสาธารณะ" ไปเสียแล้ว
เปลี่ยนง่าย ๆ ที่เพจ
แล้วคิดว่าเปลี่ยนความจริงได้หรือไง?
เหมือนเด็ก ๆ เล่นสมมุติกันวันต่อวัน

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แต่เป็น “นาย” ของเจ้าหน้าที่รัฐ

"ธิดา" สงสัยที่บอกว่าไม่ใช้ "เจ้าหน้าที่รัฐ" แล้วที่เห็นในเพจคืออะไร?


ยูดีดีนิวส์ : 27 ก.พ. 62 เวลา 14.30 น. อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้เข้าไปดูเพจเฟสบุ๊ค ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha และพบสิ่งที่ระบุสถานะ อย่างชัดเจน อ.ธิดาจึงได้โพสต์ข้อความว่า 


"คุณวิษณุบอกว่าไม่ใช่ "เจ้าหน้าที่รัฐ"
แล้วที่เห็นอยู่หน้าเพจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ (27 ก.พ. 62)  เวลานี้ หมายความว่ายังไงคะ?
บ่ายสองครึ่งนี่เอง"

มาอีกแล้ว!!! 'สุเทพ' โพสต์เฟสบุ๊คถามคนไทย 24 มี.ค. เลือกข้างไหน "ประเทศไทย" หรือ "ระบอบทักษิณ"


ยูดีดีนิวส์ : 27 ก.พ. 62 วันนี้ ถ้าติดตามในเพจเฟสบุ๊ค Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)  จะพบโพสต์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณถึงพี่น้องมวลมหาประชาชน  มีความพยายามปลุกกระแสความเกลียดชังระบอบทักษิณขึ้นมา โดยบางส่วนในโพสต์ระบุว่า

ที่ยกเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาก็เพื่อต้องการจะย้ำให้ชัด ว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้ 
ไม่ใช่การเลือกระหว่าง “ข้างประชาธิปไตย” (จริงหรือ) กับ “ข้างเผด็จการ”(จริงหรือ) แต่ว่าเลือก “ข้างประเทศไทย” กับ “ข้างระบอบทักษิณ” ต่างหาก
ผมขอทิ้งคำถามตรงๆ ว่าเราคนไทย “ จะเลือกอยู่ข้างไหน? ”
“ จะยอมให้ระบอบทักษิณ กลับมาได้อีกครั้งหรือไม่? ” ยังไม่ต้องตอบกันตอนนี้ 
เอาไว้ให้ถึงวันที่ 24 มีนาคม แล้วค่อยมาตอบกันที่คูหากาบัตรเลือกตั้ง
ขอให้คิดดูดีๆว่า “ยอมกันได้ไหม?”
สุเทพ เทือกสุบรรณ

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่นายสุเทพกล่าวนั้นเป็นความพยายามปลุกกระแสความเกลียดชังระบอบทักษิณขึ้นมาอีกครั้ง และแน่นอนว่าคงหวังจะได้ผลเช่นที่เคยทำมาแล้ว

จนถึงเวลานี้ยังไม่มีใครสรุปได้ว่าผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร?  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนไทยจะเป็นผู้ตัดสิน  และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้วหวังว่าทุกฝ่ายจะยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข  และเปิดทางให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล นี่คือการเคารพเสียงและสิทธิของประชาชนอย่างแท้จริง

เรื่องของมึง!!! ‘ณัฐวุฒิ’ ตอบ ‘สนธิรัตน์’ หลังลั่นบนเวที ‘กูไม่ยิ้มแล้ว-กูจะสู้กับมึง’


ยูดีดีนิวส์ : จากเพจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยโต้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพปชร. อย่างดุเดือด ที่ชัยนาท!!!

เรื่องของมึง!!! ‘ณัฐวุฒิ’ ตอบ ‘สนธิรัตน์’ หลังลั่นบนเวที ‘กูไม่ยิ้มแล้ว-กูจะสู้กับมึง’ - ซัดรัวๆ ‘พลังประชารัฐ’ อย่าทำตัวเป็นแกงค์งานบวชบุกโรงเรียน ใช้คำหยาบคายไม่ให้เกียรติประชาชน - ปล่อยมุกฮา ‘ทักษิณ’ สร้างโอกาสเป็นโน่นเป็นนั่น แต่ ‘ประยุทธ์’ สร้างแต่ ‘เป็นหนี้’!!! ซ้ำ ‘คบซ้อน’ กับหลายพรรคตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตย - เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทวนความจำ ‘สภาสนช.’ ไม่เคยตั้งกระทู้ถาม ‘ประยุทธ์’ ขณะ ‘สภายุคยิ่งลักษณ์’ ถูกฝ่ายค้านลากเก้าอี้ เขวี้ยงแฟ้ม บีบคอ ใครกันแน่ ‘เผด็จการเบ็ดเสร็จ’ ชี้ ม. 44 ไม่ใช่กฎหมาย แต่คือการกดหัว - นัดฟังปราศรัยลานคนเมือง กทม. 1 มี.ค.62

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.62 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยที่เขื่อนเรียงหินริมแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดชัยนาท โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.62 ‘ณัฐวุฒิ’ ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ‘พี่น้องชาวจังหวัดชัยนาทที่เคารพครับ ผ่านมา 22 วันมาที่นี่อีกที หลายคนบอกว่า ทำไมรักห่วงผูกพัน พิศวาทอะไรกับชัยนาทนักหนา ก็ต้องบอกล่ะครับว่ามาด้วยความห่วงใย

เพราะว่าคนชัยนาทนี่ ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรครับ ผู้แทนย้ายพรรคบ่อยเหลือเกิน (เสียงคนเฮ หัวเราะ) เปลี่ยนผู้แทนคนใหม่เถอะครับ ปักหลักกับไทยรักษาชาติ

ปักหลักกับสมชายหรือตี๋ยาวนี่ล่ะครับ รับรองว่าเดินหน้ายาวๆ นี่ถ้าชื่อตี๋สั้นเราคงจะพิจารณาอีกหลายวัน

พี่น้อง ปรากฏว่าบรรยากาศหาเสียงในวันนี้เข้มข้น สังเกตจากอาการผู้มีอำนาจและอาการของพรรคพลังประชารัฐเป็นเกณฑ์ เมื่อการเลือกตั้งบรรยากาศหาเสียงเข้มข้น ประชาชนแสดงออกว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ อาการของแกนนำพรรคพลังประชารัฐเริ่มออกครับ เริ่มมีอาการตาขวาง พูดจาหยาบคายไม่ให้เกียรติประชาชน (เสียงเฮ) วันก่อนพล.อ.ประยุทธ์บอก มึงมาใส่กูสิ (เสียงเฮ)

เมื่อคืนนี้(24ก.พ.) ที่สมุทรปราการ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรี ปัจจุบันมาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า กูจะสู้กับมึง (เสียงโห่)

แต่อย่าลืมว่าตอนนี้ประชาชนเขาต้องถือปากกาเข้าไปลงคะแนน คำก็มึง คำก็กู ประเดี๋ยวปั๊ด...จูบเข้าให้ (เสียงหัวเราะ)

ผมไม่ไปทำอะไรเขาหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่คนประเภทที่ชอบความรุนแรง ไม่ใช่พวกซาดิสม์ เพียงแต่ผมอยากจะให้ข้อคิดผู้มีอำนาจ พูดจาอะไรให้มันมีน้ำมีนวล ให้มันมีหางเสียงบ้าง

นายสนธิรัตน์หนอยแน่เมื่อคืน ผมดูข่าวเมื่อเช้าครับ บอกว่าใครต่อใครขึ้นเวทีก็ต้องวิจารณ์พรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา สนธิรัตน์บอกว่าเคยยิ้มๆ ตอนนี้กูไม่ยิ้มแล้ว - เรื่องของมึง (เสียงเฮ)

ไม่ยิ้มก็อย่ายิ้มมาบอกอะไรกู (เสียงหัวเราะ) นอกจากนั้น นายสนธิรัตน์ยังบอกต่อว่า ต่อไปนี้กูจะสู้กับมึง - แต่มึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู ไอ้สนธิรัตน์ (เสียงเฮ)

คู่ต่อสู้ของเราคืออำนาจเผด็จการ คือปัญหาความยากจนของประชาชน คือปัญหายาเสพติด คือคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ตกต่ำมา 5 ปี เราจะสู้กับสิ่งเหล่านี้ แล้วเราจะสู้ในหลักการประชาธิปไตย (ใช่ - เสียงคนฟังตะโกน)

สู้ตามตัวบทกฎหมาย สู้ด้วยนโยบาย ด้วยผลงานของรัฐบาลที่เคยทำได้จริงและสำเร็จมาแล้ว (เสียงเฮ)

หนอยแน่ อย่าให้ณัฐวุฒิมีอารมณ์ ขอร้อง มึงจะไปสู้กับใครก็ไปสู้ เราไม่ได้มาเกะกะระราน เราไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย

เราเพียงแต่มาบอกประชาชนว่าปล่อยบ้านเมืองไปกับไอ้พวกนี้ อย่างที่มาอยู่ 5 ปีนี่ ไม่ไหวแล้ว

สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ประชาชนได้เป็นโน่นเป็นนั่น สมัยประยุทธ์มีแต่ 'เป็นหนี้' อย่างเดียว (เฮ หัวเราะ) ไม่ได้เป็นโน่นเป็นนั่นกับเขาเลย

มีการวางยุทธศาตร์ชาติไว้อีก 20 ปี แค่ 5 ปี ประชาชนก็แทบจะไม่มีเสื้อเชิร์ตใส่แล้วครับ ใส่แต่เสื้อยืดเพราะแกะกระดุมเสื้อเชิร์ตกินไปหมดแล้ว (เสียงหัวเราะ)

แล้วมันจะอยู่อะไรกันนักหนา ไปๆ กันมั่งเถอะครับ ถามว่าให้ไปไหน ไปที่ชอบที่ชอบ ชอบที่ไหนก็ไป ประชาชนเขาจะได้ลืมตาอ้าปาก ...
...พี่น้องที่เคารพครับ สถานการณ์การเมือง มันสับสนวุ่นวายจนถึงขั้นที่ว่า ไอ้พวกเผด็จการอ้างตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย แล้วก็ชี้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยเป็นพวกเผด็จการ

ท่านดูสิครับ เรามาถึงวันนี้ได้อย่างไร ฝ่ายเผด็จการและฝ่ายผู้สนับสนุนเผด็จการ ชี้ว่าหน้าตาอย่างพวกผม ชี้ว่าอย่างไทยรักษาชาติ เป็นเผด็จการรัฐสภา ส่วนพวกเขาเนี่ยประชาธิปไตยตัวแท้

ให้ท่านได้เข้าใจและมั่นใจไว้เลยนะครับ เผด็จการรัฐสภามันไม่มีอยู่จริง มันจะมีได้ยังไง ก็ในเมื่อสภาจากการเลือกตั้งมันมีทั้งรัฐบาล มีทั้งฝ่ายค้าน มีการยื่นกระทู้ มันมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

มันมีสารพัดมากมายที่กลไกตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านเค้าทำงานได้ แล้วถ้าหากพรรคไทยรักไทยหรือเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา

คำว่าเผด็จการก็คือคำว่า ใครไปแตะต้องไม่ได้ตรวจสอบไม่ได้ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วท่านเคยเห็นไทยรักไทยหรือเพื่อไทยมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไหม

ไทยรักไทยเป็นรัฐบาลอยู่ดีๆ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ ออกมา ออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ‘สนธิ บุญรัตกลิน’ ออกมา ไทยรักไทยก็ต้องออกไป

เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ คาบนกหวีดออกมา (ไอ้หน้าเ-ีย้ ตัวเ-ีย้ - คนฟังตะโกน )

เดี๋ยวๆ ไอ้จังหวะที่ตะโกนว่าไอ้หน้าไอ้โน่นไอ้หน้าไอ้นี่ (ด่าไอ้เทือก ด่าไอ้เทือก - คนฟังตะโกน)

เลือกจังหวะที่ผมเว้นให้ถูกนะครับ(เสียงหัวเราะ) เพราะผมพูดๆ ไป ผมเว้นจังหวะแล้วท่านสวนมา ไอ้หน้าโน่นไอ้หน้านี่ ผมไม่รู้ท่านพูดถึงใครนะครับ (เสียงหัวเราะ) เอ้าไม่ใช่ผมก็แล้วกัน ส่วนท่านพูดว่ายังไงผมไม่รู้ (เสียงหัวเราะ)

‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ มา! ใครต่อใครชวนกันมา! แล้ว ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ และชาวคณะก็มา! ไหนล่ะครับเผด็จการรัฐสภา มันไม่มี ก็ในเมื่อว่าฝ่ายค้านตรวจสอบเขย่ารัฐบาลได้ตลอดเวลาในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ท่านเห็นไหมครับ

ส.ส.ฝ่ายค้านลากเก้าอี้ประธานสภา เขวี้ยงแฟ้มใส่ประธานสภา โดดบีบคอเพื่อนส.ส.ร่วมรัฐบาล (เสียงโห่) เห็นไหมครับ (เห็น- เสียงตอบ) แล้วไอ้นี่จะเรียกเผด็จการรัฐสภาได้ไง

ผมถามว่า สนช.ชุดนี้ใครกล้าเข้าไปลากคอ สนช.ในสภาบ้าง ไม่มี!
ใครกล้าไปลากเก้าอี้ประธานรัฐสภาบ้าง ก็ไม่ได้ เพราะเป็นสภาของเผด็จการ

แล้วพอเป็นสภาของเผด็จการ รัฐบาลเข้าไปเสนออะไรจะมีใครกล้าค้านไหม

ท่านเห็นพล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปเสนออะไรในสภาสนช. ใครกล้ายกมือถามสักคำไหม กล้าประท้วงไหม

กล้าตั้งกระทู้ไหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีปัญหานาฬิกาเกือบ 30 เรือน เคยเห็น สนช.ถามสักคำไหม (ไม่เคย-เสียงตอบ)

นี่ไงครับเขาเรียกว่าระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ นาฬิกาเอามาใส่รวมกันตั้งแต่ข้อมือยันท้ายทอย (เสียงหัวเราะ)

แล้วบอกว่าทุกเรือนยืมเพื่อนมาหมดเลย ช่างใจดำอำมหิตยืมนาฬิกาจนเพื่อนตายครับ(เสียงหัวเราะ)

ใครทั้งโลกไม่เชื่อว่าของเพื่อน แต่ ป.ป.ช.เชื่อ... วันก่อนผมไปออกทีวี มีสมาชิกพรรคพลังประชารัฐบอกว่า มีมาตรา 44 แต่เขาไม่ได้ใช้ เมื่อเขาไม่ได้ใช้ก็ไม่มีปัญหา ไม่มีได้ยังไงล่ะครับ ไอ้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างนี้ล่ะครับมันเป็นปัญหา มันไม่เรียกว่ากฎหมาย

มาตรา 44 เรียกว่ากฎหมายไม่ได้ ต้องเรียกว่ากดหัว(ใช่ เสียงตอบพร้อมเสียงโห่) กฎหมายมันต้องออกมาโดยอำนาจประชาชนและใช้บังคับกับคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้ให้อำนาจใครคนใดคนหนึ่งเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่มาตรา 44 คนเดียวเลยนะครับ

สำคัญก็คืออำนาจประชาชน ต้องให้เป็นปึกแผ่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมหรือยังล่ะประชาชน (พร้อม-เสียงตอบ) เชื่อมั่นในประชาธิปไตยร่วมกัน (ใช่-เสียงตอบ)

เราไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิด เราไม่ได้คิดร้ายทำลายบ้านเมือง เราเพียงรักษาสิทธิโดยชอบตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามวิถีแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์เอาไปลง ทีวีเอาไปออก ลงให้ถูกต้องนะว่าพรรคไทยรักษาชาติมาคารวะประชาชน ไม่ใช่มาทะเลาะกับใคร

แล้วเราไม่ได้พูดหยาบคาย ที่ผมมีคำว่ามึงว่ากูบ้าง ก็ตอบตามที่สนธิรัตน์เขาพูดมาก่อนเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร (เสียงหัวเราะ ปรบมือ)
แล้วพรรคพลังประชารัฐ ผมจะบอกพวกคุณไว้ อยู่ให้เป็น

พรรคการเมือง อยู่ให้เป็นนักการเมือง อย่าทำตัวเป็นไอ้พวกแกงค์งานบวชที่บุกโรงเรียนวัดสิงห์สิวะ

ไอ้พวกนี้แหละครับพฤติกรรมแกงค์งานบวช ท่านเห็นไหมครับข่าวแกงค์งานบวช ไอ้พวกนั้นทำอะไร เด็กสอบอยู่ดีๆ ในโรงเรียนครับ บุกเข้าไปในโรงเรียน

ไปทำร้ายครูทำร้ายเด็กรื้อโต๊ะเก้าอี้ ล้มระเนระนาด ฉันใดฉันนั้น เช่นเดียวกัน

นายกฯ ปูยุบสภา เขาจะเลือกตั้งตามกติกา ก็มาเที่ยวขัดขวางจนการเลือกตั้งล้มลงไป แล้วยึดอำนาจ ดังนั้น เราให้พฤติการณ์เช่นนี้มีอิทธิพลมีอำนาจอีกต่อไปไม่ได้

ไทยรักษาชาติ อย่างเดียว พรรคเดียว สำหรับคนชัยนาท อย่าคบซ้อนนะครับ ผมขอร้อง (เสียงเฮ หัวเราะ)

ฝ่ายโน้นคบซ้อนครับ พล.อ.ประยุทธ์นี่ คบซ้อนสามซ้อนสี่นะ(เสียงหัวเราะ) คบพลังประชารัฐ คบพรรคประชาธิปัตย์ คบพรรคลุงกำนัน คบพรรคไพบูลย์

แต่สำหรับไทยรักษาชาติ คบคนเดียวครับ คือประชาชน เพื่อที่จะเดินหน้าไปสู่หลักการประชาธิปไตย เท่านั้นล่ะครับ


วันที่ 1 มี.ค. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ใน กทม. ที่ลานคนเมือง จากชัยนาทไป กทม. ใช้เวลา 2 ชม. เท่านั้นล่ะครับ เราเริ่มตั้งแต่ 5 โมง ท่านออกจากบ้านบ่ายสอง สบายๆ

‘จาตุรนต์ ฉายแสง’ เตรียมเนื้อหาเต็มที่แล้วครับ ทุกคนในพรรคไทยรักษาชาติ ที่อยู่บนเวทีนี้ ก็เตรียมการจะไปพบกับท่าน

พวกผมอยากได้ยินเสียงประชาชน ดังขึ้น ดังขึ้น หลังจากถูกทำให้เงียบมาตลอดเวลา 5 ปี พวกผมเพียงอยากเห็นประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจได้ลุกขึ้นยืนอย่างสง่าภาคภูมิในฐานะประชาชน
พวกผมเพียงต้องการให้บ้านเมืองนี้ มีประชาธิปไตยเป็นพื้นฐาน มีเกียรติยศศักดิ์ศรีในเวทีโลก ไปสู้ไปต่อรองกับเขาได้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกผมต้องการ จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องทุกคน

แล้วมันจะเริ่มต้นด้วยกัน ในวันที่ 24 มี.ค. ชัยนาทเขต 1 เลือกเบอร์ 10 เขต 2 เลือกเบอร์ 6 ไทยรักษาชาติครับ ขอบคุณครับ’ ณัฐวุฒิกล่าว

(ทีมงาน)

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

'ณัฐวุฒิ' โพสต์ "ลบออกเสีย ผมจะดำเนินคดี"


ยูดีดีนิวส์ : วานนี้ (25 ก.พ. 62) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุรูปภาพตนถูกนำไปใช้โดยผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Chokchai Ong โพสต์ข้อความสร้างความเท็จทำให้เกิดความเสียหาย  พร้อมระบุว่า ตนไม่เคยรู้จักแก๊งงานบวชพวกนี้  ซึ่งนายณัฐวุฒิได้โพสต์ข้อความว่า 

"ไม่รู้ว่าคนใช้เสฟบุคชื่อ Chokchai Ong เป็นใคร
แต่การใช้รูปผมแล้วเขียนข้อความแบบนี้คือการสร้างความเท็จทำให้เกิดความเสียหาย
ผมไม่เคยรู้จักแก๊งงานบวชพวกนี้ ใครทำอะไรก็รับผิดชอบกันไป
ลยออกเสีย ผมจะดำเนินคดี

ล่าสุดโพสต์เจ้าปัญหานี้ได้ถูกลบออกไปแล้ว

ธิดา ถาวรเศรษฐ : หนังสือโชว์และเชียร์ "บิ๊กตู่" ได้หรือเสีย???

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ยูดีดีนิวส์และภาคประชาชนของนปช.บุก "กกต." ขอส่งวิทยากรอบรมอาสาสมัครตรวจสอบทุจริตเลือกตั้ง


ยูดีดีนิวส์ : 25 ก.พ. 62 เวลา 11.45 น.ศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์และอาสาสมัครภาคประชาชนของนปช. ได้ไปยื่นหนังสือต่อนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการส่งวิทยากรอบรมอาสาสมัครตรวจสอบทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งทางศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์และอาสาสมัครภาคประชาชนของนปช. จะจัดให้มีการอบรมอาสาสมัครประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 62 เวลา 13.00 - 17.00 น. จะจัดอบรมอาสาสมัครประจำเขตเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงรวม 600 คน ที่ โรงแรมริชมอนด์ ถนนรัตนาธิเบศร์

สำหรับในส่วนภูมิภาคต่าง ๆ ทางศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์จะเร่งให้มีการจัดอบรมให้ได้ครบทั่วประเทศภายในวันที่ 15 มี.ค. 62

รายละเอียดในจดหมาย



‘พิสูจน์ที่หน้าจอ ไม่เรียกร้องความน่าเชื่อถือด้วยปากเปล่า’ ผอ.วอยซ์ทีวี ไขปม ’สถานีชินวัตร?’ ตอนที่ 2/2


‘พิสูจน์ที่หน้าจอ ไม่เรียกร้องความน่าเชื่อถือด้วยปากเปล่า’ ผอ.วอยซ์ทีวี ไขปม ’สถานีชินวัตร?’ รักษาความเป็นอิสระอย่างไรในฐานะสื่อมวลชน - เชื่อ จุดยืนประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องผิด ‘ความเป็นกลาง’ วัดที่การนำเสนอข้อเท็จจริงรอบด้าน ไม่บิดเบือน ‘fact’ เพื่อผลักดันจุดยืนของตน - รางวัลโทรทัศน์ทองคำสะท้อน ‘มาตรฐานทางวิชาชีพ’ ที่มีพอ

ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษาคดีวอยซ์ทีวี ฟ้องกสทช.กรณีมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต 15 วัน ในวันที่ 27 ก.พ.นี้

แฟนเพจ 'ยูดีดีนิวส์ - UDD News' สัมภาษณ์นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ผู้บริหารยุคบุกเบิก ตั้งแต่ ‘วอยซ์’ ก่อตั้งในปี 2552 ตามแนวคิดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ขณะที่การทำงานของสถานีแห่งนี้ยังคงยืนยันความเป็นอิสระในฐานะสื่อมวลชน จากกรณีที่ผ่านมาเปิดพื้นที่ให้เสียงที่คิดเห็นแตกต่างได้แสดงออก เช่น การวิจารณ์นโยบายจำนำข้าวรวมถึงเสียงที่คัดค้านการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ล่าสุด 'The Daily Dose โลกการเมือง' ดำเนินรายการโดยม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ 'คุณปลื้ม' ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ซึ่งผู้อำนวยการสถานีมองว่า 'นี่คือสิ่งพิสูจน์มาตรฐานทางวิชาชีพว่าเรามีพอ'

-เป้าหมายของ Voice TV ตั้งแต่ก่อตั้งสถานีคืออะไร

เจ้าของไอเดียก่อตั้งก็คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นคนสนใจอยากจะให้ทำสื่อแบบ Voice TV

เป้าหมายของดร.ทักษิณ คือต้องการให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรู้ เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวไปแข่งขันบนเวทีโลกได้

จริงๆ ดร.ทักษิณ ใช้คำว่า 'สติปัญญา' อย่างเช่นสโลแกนของ Voice TV หลายครั้งก็จะมีคำนี้อยู่

ฉะนั้น การให้สติปัญญาก็มีหลากหลาย ทั้งเรื่องความรู้ทางการเมืองที่ถูกต้อง ความรู้เรื่องเทคโนโลยี เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องวิชาชีพ อันนี้คือเป้าหมายดั้งเดิมของการก่อตั้ง Voice TV

-รักษาการทำงานอย่างเป็นอิสระในฐานะสื่อมวลชนอย่างไร ในขณะที่การก่อตั้งสถานีเกิดจากไอเดียของ ดร.ทักษิณ

ถามว่าเราอิสระเพียงพอหรือไม่ในการนำเสนอความคิดเห็นหรือจุดยืนความเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งของเรา ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันตอบคำถามเรื่องนี้อยู่

เราพิสูจน์มาแล้วระดับหนึ่ง ในแง่การเป็นสื่อที่มีมาตรฐานวิชาชีพ
คือเมื่อครั้งที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงนั้น ผู้ถือหุ้น Voice TV กับพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาลก็อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกันอย่างที่ว่า เพราะบริษัท Voice TV ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็คือครอบครัวชินวัตร

แต่นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคุณปลื้ม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการที่ Voice TV มาตลอด

หรือกระทั่งช่วงหนึ่งที่เกิดกระแสต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่คนเรียกว่า พ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง Voice TV ก็มีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยเรื่องนี้ และ Voice TV ก็เปิดพื้นที่สำหรับการแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ถ้าเราเป็นสื่อที่ต้องรับใช้ผู้ถือหุ้น หรือกลุ่มทุนซึ่งสัมพันธ์ทางการเมืองกับพรรคการเมือง แล้วทำไมต้องเปิดพื้นที่ให้มาเล่นประเด็นซึ่งขัดแย้งกับรัฐบาลในขณะนั้น

ผมว่าอันนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์อย่างหนึ่งว่าอย่างน้อย วัตถุประสงค์ของการทำสื่อที่นี่ ในแง่ของการทำด้วยมาตรฐานวิชาชีพ ก็ได้พิสูจน์มาแล้ว
ผมเชื่อว่าในระยะยาว ถ้ามีโอกาสพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ เราก็จะแสดงให้เห็นเช่นกันว่า เรามีจุดยืนในเรื่องมาตรฐานวิชาชีพอย่างไร

สำหรับกรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สะท้อนอิสระในการทำงานของ Voice TV และสะท้อนความคิดจากผู้ถือหุ้น(ครอบครัวชินวัตร)

ถ้าเขาไม่ให้อิสระ ไม่เชื่อเรื่องการทำงานตามมาตรฐานวิชาชีพจริง ถามว่า Voice จะมานำเสนอประเด็นเหล่านี้ได้หรือ

คุณปลื้มจะมานั่งวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายจำนำข้าวได้ขนาดนั้นหรือ และไม่ใช่การวิจารณ์ในรายการแค่ครั้งสองครั้งเรื่องจำนำข้าว ทั้งๆ ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลชุดนั้น

แต่นี่คือการเปิดโอกาส ยอมรับในการฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ไม่ใช่ต้องเชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตู กระทั่งกรณีพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เป็นประเด็นตอนนั้น เราก็ยังสามารถแสดงความเห็นคัดค้านได้เลยในหมู่ผู้ดำเนินรายการของช่องเรา รวมทั้งนำเสนอบทสัมภาษณ์คนที่คัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วยเยอะแยะไปหมด โทนของการนำเสนอตอนนั้น คือการไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

-สถานี Voice TV ไม่สามารถแยกออกจากสถานการณ์ทางการเมืองได้ มองว่าเป็นอุปสรรคที่น่าหนักใจสำหรับการทำงานสื่อมวลชนด้วยหรือไม่

เมื่อครั้งผู้ถือหุ้นคิดจะลงทุนทำธุรกิจ เราก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะผู้ถือหุ้นเองยังมีบทบาททางการเมือง แน่นอนว่า พอเข้ามาทำสื่อ ก็จะต้องถูกตั้งคำถาม ทั้งจากคนทั่วๆ ไปและองค์การวิชาชีพ

ถามว่าหนักใจไหม ก็หนักใจ แต่นี่เป็นงานที่ท้าทาย ซึ่งผมเชื่อว่า เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ พิสูจน์ทั้งความตั้งใจจริงของผู้ถือหุ้นและคนทำงานในวิชาชีพ

บางอย่างต้องให้ผลงานหน้าจอและระยะเวลาเป็นตัวพิสูจน์ เราจะเรียกร้องให้เขาเชื่อด้วยปากเปล่ามันเป็นไปไม่ได้ มันต้องพิสูจน์กันที่หน้าจอเท่านั้น

- 'ความเป็นกลาง' กับการพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพ มองเรื่องนี้อย่างไร

สื่อแต่ละสำนักแต่ละค่าย เขามีจุดยืนสนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด

ว่ากันตรงๆ หลายๆ ที่ก็มีจุดยืนกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าคุณเลือกที่จะยืนอยู่ในจุดไหนของแต่ละประเด็นก็ว่ากันไป

ข้อสำคัญคือต้องรักษามาตรฐานของการนำเสนอ 'ข้อเท็จจริง' หรือ ‘fact’ ที่ไม่บิดเบือน ต้องไม่บิดเบือนเพื่อผลักดัน 'จุดยืน' ของคุณ
ในประเทศประชาธิปไตยที่เจริญกว่าเรา สื่อหลายๆ สำนักก็มีจุดยืนที่ชัดเจน

ดังนั้น การที่ Voice TV มีจุดยืนชัดเจนเรื่องสนับสนุนประชาธิปไตย ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เป็นกลางในการนำเสนอข้อเท็จจริง
และการแสดงความเห็นที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจในแต่ละช่วง ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการสร้างความแตกแยกหรือปลุกปั่น

ผมคิดว่าวาทกรรม 'ความเป็นกลาง' มันควรจะเลิกใช้ในแง่ของการทำงานวิชาชีพสื่อ เพราะเมื่อนำเสนอ 'ข้อเท็จจริง' ด้วยมาตรฐานทางวิชาชีพที่ครบถ้วนรอบด้านตรวจสอบได้แล้ว

การจะแสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเท็จจริงในประเด็นนั้นๆ เป็นเรื่อง 'จุดยืน' และตราบใดที่สื่อมีจุดยืน แน่นอนไม่เป็นกลางอยู่แล้ว เพราะเขาจะต้องมีความเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นปกติของการทำสื่อ

-ได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายชี้แจง?

เป็นหลักปกติ สื่อต้องมีหน้าที่เสาะแสวงหาข้อมูลให้รอบด้าน ถ้าประเด็นนั้นไปพาดพิงใคร เราก็ควรจะต้องตรวจสอบ เปิดพื้นที่ให้เขาชี้แจง ถามว่า เราสะท้อนผ่านอะไรบ้าง

เอาง่ายๆ ช่วงใกล้เลือกตั้ง Voice TV เปิดพื้นที่ให้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่ว่าเราเลือกสนับสนุนแค่ไม่กี่พรรค แต่พิสูจน์ได้ที่หน้าจอ

หลายรายการของเรามีแทบทุกพรรคหมุนเวียนกันมา และไม่ใช่แค่พรรคใหญ่ๆ ด้วยนะ พรรคเล็กๆ ที่คนอาจจะไม่รู้จัก เราก็เชิญมา เราก็เปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงความเห็น ไม่ต่างกับช่องอื่นๆ

การจัดดีเบตผ่านสถานีโทรทัศน์ของช่อง ตามแผนที่ Voice TV จะจัด ถ้านับจำนวนจนถึงตอนนี้ จำนวนพรรคที่เราเชิญมาก็มากที่สุดในบรรดาทุกช่องที่จัดอยู่ตอนนี้

ก่อนหน้านี้ช่อง 3 เชิญมา 9 พรรค แต่ที่เรากำลังจะจัดมีถึง 10 พรรคการเมือง และก่อนหน้าจะเข้าสู่โหมดการรณรงค์เลือกตั้ง เราก็เคยจัดเวทีดีเบตทางการเมืองมาแล้วโดยเชิญถึง 10 พรรคการเมือง ซึ่งทุกพรรคก็ยินดีมาร่วม

ผมคิดว่านี่เป็นตัวสะท้อนอันหนึ่งว่า เราเปิดพื้นที่หลากหลายให้กับทุกฝ่าย

ฉะนั้น สิ่งนี้สะท้อนความเป็นมืออาชีพของเรา มากกว่าที่จะไปใช้ความไม่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งเป็นวาทกรรมที่อยากจะให้ลบล้างไปจากความเชื่อเดิมๆ ของวงการสื่อ

-รางวัลโทรทัศน์ทองคำที่รายการ 'The Daily Dose โลกการเมือง' และ ‘Voice TV’ ได้รับ มีความหมายกับทางสถานีอย่างไร

ได้รับรางวัล เราก็ภูมิใจ ดีใจนะ เพราะคณะกรรมการที่พิจารณารางวัลโทรทัศน์ทองคำ น่าจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนดูได้อีกระดับหนึ่ง
รายการ The Daily Dose เป็นหนึ่งในรายการวิเคราะห์สถานการณ์และแสดงความคิดเห็น หมายความว่าสิ่งที่ Voice TV หรือ The Daily Dose ทำในแง่ของการทำรายการที่เป็นการวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นต่อข้อเท็จจริงต่อประเด็นในแต่ละวัน มีมาตรฐานของความเป็นมืออาชีพที่มีความรับผิดชอบ ไม่อย่างงั้นคงไม่ได้รับรางวัล

ที่ภูมิใจและดีใจคืออย่างน้อยได้พิสูจน์ข้อกล่าวหาที่เรากำลังโดนเล่นงานในขณะนี้ได้ในระดับหนึ่งว่า สิ่งที่เขาบอกว่ารายการของ Voice TV ไม่เป็นกลาง สร้างความสับสนยั่วยุปลุกปั่น

ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่เขาไม่ได้เห็นด้วยและไม่ได้เชื่อแบบนั้น เขากลับมองอีกแบบหนึ่ง ผมคิดว่าอย่างน้อยรางวัลก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เหมือนกันว่า มาตรฐานในทางวิชาชีพสื่อ เป็นสิ่งที่เรามีพอ

-เรื่องเซอร์ไพร์ส นับแต่ยุคก่อตั้ง Voice TV

เซอร์ไพร์สหนักๆ ก็เรื่องการปิดล่าสุด เพราะเราไม่คิดว่าในบรรยากาศที่ประเทศกำลังจะมีเลือกตั้งอยู่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า กลับมีการปิดสถานีโทรทัศน์ Voice TV ซึ่งเป็นช่องระดับชาติด้วยนะครับ เป็นแพลตฟอร์มดิจิตอลที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย

มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเพราะนอกจากรัฐธรรมนูญ2560 จะมีบทบัญญัติคุ้มครองเสรีภาพสื่อไว้แล้ว การปิดสื่อในโลกประชาธิปไตยในช่วงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ยังไม่นับข้อเท็จจริงที่ถูกยกมาเป็นข้ออ้างในการปิด ซึ่งเราต้องไปว่ากันในศาล ว่ามีเหตุผลโต้แย้งอย่างไรที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เขากล่าวหา

แต่โดยเซนส์ทั่วๆ ไป ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมาปิดในช่วงเข้าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เพราะมันส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ประชาชนควรจะมีโอกาสได้รับรู้ข่าวสารที่หลากหลายมากที่สุด เพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกหรือไม่เลือกใคร

(สัมภาษณ์โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว)

ยกเลิกประกาศคำสั่งบังคับสื่อทั้ง 3 ฉบับ!!! ข้อเรียกร้องหลังวิกฤต 'จอดำ' ตอนที่ 1/2


ยกเลิกประกาศคำสั่งบังคับสื่อทั้ง 3 ฉบับ!!! ข้อเรียกร้องหลังวิกฤต 'จอดำ' ปลดล็อคการเมืองแล้วอย่าลืมปลดล็อคสื่อมวลชน 'ผอ.วอยซ์ทีวี' เผย ก่อนรัฐประหาร57 ไม่เคยถูกกล่าวหายุยงปลุกปั่น 'โดนเรียก ตักเตือน ลงโทษ' อย่างหนัก หลังคสช.ยึดอำนาจ - ตั้งข้อสังเกต กสทช. มีม.44 คุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดชอบหากใช้ดุลพินิจผิดพลาด หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้อำนาจไม่รอบคอบ

สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ช่อง 21 ถูกปิดทำให้ 'จอดำ' ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 13 ก.พ.62 เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีมติออกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล เป็นเวลา 15 วัน

กระทั่งคืนวันที่ 15 ก.พ.62 วอยซ์ทีวีกลับมาคืนจออีกครั้ง เนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของกสทช. ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ภายหลังจากช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ.62 นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานี เดินทางไปศาลปกครองกลางเพื่อยื่นคำฟ้องคณะกรรมการกสทช., สำนักงาน กสทช. กรณีมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวคำสั่งทางปกครองดังกล่าวเพื่อให้สามารถกลับมาออกอากาศได้

ทั้งนี้ ศาลปกครองนัดไต่สวนข้อเท็จจริงคู่กรณีทั้งสองฝ่าย วันที่ 20 ก.พ. 62 และจะมีการพิพากษาภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 21 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีนี้

แฟนเพจ 'ยูดีดีนิวส์ - UDD News' สัมภาษณ์นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี

-ข้อเรียกร้องภายหลัง 'จอดำ' ครั้งล่าสุด

สิ่งที่อยากจะเรียกร้องซึ่งเคยเรียกร้องไปแล้วหลายครั้ง รวมทั้งเคยผลักดันผ่านองค์กรสื่อและองค์กรสื่อก็ออกมาเรียกร้อง แต่ว่ายังไม่สำเร็จสักที

ก็คือเรียกร้องให้คสช. ยกเลิกประกาศคสช. ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 ซึ่งเขาใช้กำกับดูแลสื่ออยู่ทุกวันนี้

ทั้ง 2 ฉบับ มีรายละเอียดโดยสรุปคือห้ามวิพากษ์วิจารณ์คสช.และรัฐบาลโดยเจตนาไม่สุจริต ห้ามนำเสนอข้อมูลที่จะเข้าข่ายสร้างความสับสนยั่วยุปลุกปั่น ซึ่งอันนี้จะเป็นการตีความที่กว้างขวางมาก
ประกาศทั้ง 2 ฉบับ ผมคิดว่าทำให้คนในวิชาชีพสื่อเกร็งกับการนำเสนอข้อมูลหรือการแสดงความเห็นที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน

ยิ่งช่วงที่เข้าสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ยิ่งควรจะต้องรีบปลดล็อคประกาศคสช.ทั้ง 2 ฉบับ ถ้าต้องการให้การแข่งขันในการเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรมอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง

ไม่ใช่แค่ปลดล็อคเฉพาะกติกาทางการเมืองให้กับพรรคการเมือง แต่ต้องปลดล็อคกติกาที่กำกับดูแลสื่อที่เขียนขึ้นมาในช่วงการรัฐประหารนี้ด้วย

เพื่อให้สื่อทำหน้าที่ได้เต็มที่ภายใต้หลักเสรีภาพตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

ส่วนถ้าการใช้เสรีภาพของสื่อมีการล้ำเส้น ก็มีกฎหมายปกติที่กำกับดูแลกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท หรือกระทั่งในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็จะมีกฎหมายที่ กกต.กำกับดูแลได้ถ้านำเสนอข้อมูลใส่ร้ายป้ายสีจะมีโทษทางอาญา

ฉะนั้น หากยกเลิกประกาศคสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 จะไม่ได้เป็นประโยชน์หรือมีคุณกับเฉพาะช่อง Voice TV เท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นประโยชน์ต่อสื่อทุกแขนงที่จะได้ไม่ต้องเกร็งกับประกาศนี้

นอกจาก 2 ฉบับที่ว่าแล้ว อีกฉบับที่สำคัญควรจะยกเลิกตามไปด้วยคือ คำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่ 41/2559 ที่หัวหน้าคสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเรื่องการกํากับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ระบุไว้ว่า บอร์ดกสทช. เลขาฯ กสทช. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน กระทำใดๆ เพื่อ ‘ลงโทษสื่อ’ แล้ว ‘ไม่ต้องรับผิด’ ทั้งอาญา แพ่ง และวินัย

การยกเว้นไม่ต้องรับผิดใดๆ เช่นนี้ อาจส่งผลให้ขาดความละเอียดรอบคอบและขาดการใช้ความระมัดระวังต่อการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งได้

จึงเกรงว่า กสทช. จะใช้ดุลพินิจมีมติ 'จอดำ' อย่างไม่ละเอียดรอบคอบพอ เพราะได้รับการคุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หากมีการใช้ดุลพินิจอย่างผิดพลาด

-มีข้อสังเกตอย่างไรต่อการทำงานของกสทช.

ผมอยากจะให้ข้อมูลว่า การเรียก Voice TV ไปชี้แจง ตักเตือน หรือลงโทษ ในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาไม่เฉพาะครั้งนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารปี 2557 ทั้งสิ้น

ถ้าไม่นับถูกสั่งปิดทันทีหลังรัฐประหาร(2557) การถูกเรียกไปชี้แจง ตักเตือน พักรายการ หรือพักการดำเนินรายการของผู้ดำเนินรายการ
รวมทั้งปิดสถานีครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับแต่ปี 2558

ประเด็นที่ผมอยากจะบอกก็คือ ก่อนหน้านี้นับแต่ก่อตั้งสถานี Voice TV เมื่อปี 2552 แล้วเราเริ่มมีรายการวิเคราะห์การเมือง แสดงความคิดเห็นทางการเมืองปลายปี 2552 เป็นต้นมา

ก่อนหน้ารัฐประหารปี 2557 เราไม่เคยถูกเรียกไปชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งสภาวิชาชีพ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เคยถูกฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท

หมายความว่า การทำรายการของเราอยู่ในมาตรฐานวิชาชีพ แต่การที่ถูกเรียกและลงโทษต่างๆ มาเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2557
ผมคิดว่าอันนี้ สะท้อนอะไรบางอย่างที่ชัดเจนว่า ทำไมเราถึงมาถูกเรียกในช่วงหลัง ๆ

ก็หวังว่าองค์กรที่กำกับดูแลจะมีมาตรฐานในการกำกับดูแลที่ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการและกฎหมายของโลกประชาธิปไตย

เราพยายามทำตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองเราเองไปในตัว เป็นเรื่องที่เราต้องพิสูจน์ตัวเอง

-สาเหตุ 'จอดำ' เพราะผู้ถือหุ้น Voice TV เป็นฝ่ายการเมืองด้วยหรือไม่

กสทช. ไม่ได้ระบุเรื่องนี้เป็นสาเหตุ แต่ประเด็นที่กสทช. สั่งปิด ได้หยิบยกประเด็นจากเนื้อหาในการจัดรายการหลักๆ คือ Tonight Thailand กับ Wake Up News

ประเด็นที่เขาหยิบยกขึ้นมา สรุปโดยรวมก็คือเขาบอกว่า เนื้อหารายการและการแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการ เข้าข่ายสร้างความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น สร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร กระทบกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี นี่เป็นข้อกล่าวหาโดยสรุปจากหลายๆ ประเด็นที่ กสทช. กล่าวอ้าง

มีกฎหมายหลายฉบับที่เขาอ้างเพื่อทำการปิดครั้งนี้ ตั้งแต่ประกาศคสช. ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557, บันทึกข้อตกลงที่ Voice TV เคยทำกับ กสทช. ตั้งแต่เมื่อครั้งหลังรัฐประหาร 2557

รวมทั้งมาตรา 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งนี่คือกฎหมายที่เขาหยิบยกขึ้นมา โดยรวมก็คือจะโยงไปที่เรื่องนี้

ส่วนประเด็นว่า ผู้ถือหุ้นของ Voice TV มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองหรือไม่ ในข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่ได้มีการพูดถึงอยู่แล้ว
แต่เราอาจจะอนุมานได้ว่า เรื่องนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนมองภาพว่า Voice TV อาจจะมีส่วนเชื่อมโยง

จริงๆ ผู้ถือหุ้น Voice TV เป็นครอบครัวชินวัตรก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าช่อง Voice TV จะต้องไปสัมพันธ์อะไรกับพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไทยรักษาชาติ
วัตถุประสงค์ของการทำ Voice TV ก็ชัดเจนอยู่แล้ว คือถ้าเราไม่มั่นใจในเรื่องการทำสื่อแบบมืออาชีพ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ถือหุ้นจะต้องเปิดเผยตัว

การที่ผู้ถือหุ้นเขาบอกตัวตนชัดเจนว่าเขาทำสื่อสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ ก็หมายความว่าเขาต้องการทำให้สถานีโทรทัศน์ช่องนี้เป็นสถานีที่มีมาตรฐานในการทำงานตามวิชาชีพเช่นเดียวกับอีกหลายๆ ช่อง
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หลายช่องก็มีกลุ่มทุนเข้ามาทำเหมือนๆ กัน ไม่มีวัตถุประสงค์อะไรที่ซ่อนเร้นมากไปกว่านั้น

(ติดตามตอน2/2 ได้ในคลิปต่อไป ความสัมพันธ์ครอบครัวชินวัตร กับ Voice TV การรักษามาตรฐานความเป็นอิสระในฐานะสื่อมวลชน ขณะที่ผู้ถือหุ้นมีบทบาททางการเมือง)

(สัมภาษณ์โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว)

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

'ณัฐวุฒิ' ขอแจมตอบกองเชียร์ 'ลุงตู่' ปี 54 ไม่ส่ง 'ยิ่งลักษณ์' ดีเบต


ยูดีดีนิวส์ : 24 ก.พ. 62 จากกรณี "โจ นูโว" กองเชียร์ "ลุงตู่" ได้โพสต์ลงอินสตาแกรม ว่า "มันแปลกดีนะ วันนี้พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯ ประยุทธมาดีเบต ย้อนไปตอนเลือกตั้งปี 54 กลับไม่กล้าส่งยิ่งลักษณ์มาดีเบต"

วันนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้โพสต์ในเพจ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ขอร่วมสนทนาประเด็นดังกล่าว 


ความว่า :-

หลายพรรคเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต แล้วมีกองเชียร์ลุงตู่ถามว่าตอนคุณยิ่งลักษณ์ไม่เห็นมาดีเบตเลย มันแปลกดีนะ
ขอร่วมสนทนาครับ

นักการเมืองจะขึ้นเวทีดีเบตหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ ประยุทธ์ ยิ่งลักษณ์ รวมถึงคนอื่นๆย่อมเท่าเทียมกันในแง่นี้

แต่การเทียบเคียงทั้ง 2 คนเรื่องดีเบต มีความแตกต่างจะชี้ให้เห็น
คุณยิ่งลักษณ์เพิ่งเปิดตัวทำงานการเมือง เวลาหาเสียงมีเพียง 49 วัน ทีมงานเห็นตรงกันว่าต้องทุ่มเทเวลาลงพื้นที่สัมผัสประชาชนจะเกิดประโยชน์สูงสุด ผมปราศรัยร่วมคณะบางวัน 14 เวที กินข้าวในรถเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดก็สำเร็จได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง

แต่พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจเป็นนายกฯมาเกือบ 5 ปี มีอำนาจรัฐจัดการคนเห็นต่าง เขียนกติกาเอง ตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ กุมความได้เปรียบทุกรูปแบบ การขึ้นเวทีดีเบตจึงหมายถึงการสร้างความชอบธรรมให้พอมีอยู่บ้างในการเลือกตั้งครั้งนี้

คนอื่นจะออกทีวีต้องเฉลี่ยเวลากัน สถานีเชิญใครเฉพาะบุคคลต้องระวังผิดกฎกกต. จะขึ้นเวทีพรรคก็ต้องแจงบัญชีค่าใช้จ่าย แต่พล.อ.ประยุทธ์ออกทีวีทุกวัน คืนวันศุกร์ยึดเวลาออกทุกช่อง พูดคนเดียวไม่มีใครถามใครแย้ง ไม่ต้องแสดงค่าใช้จ่าย ใช้งบหลวงสบายๆ ไม่เรียกว่าเอาเปรียบแล้วจะเรียกว่าอะไร

ถ้านั่งดีเบตกับนักการเมืองไม่ได้จะให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าพร้อมเป็นนายกฯในวิถีทางประชาธิปไตย

ที่เรียกร้องคงไม่มีใครอยากฟังนโยบาย วิสัยทัศน์อะไรหรอก เพราะฟังมา 5 ปีแล้วมันเบื่อ แต่เป็นการเรียกร้องสำนึกประชาธิปไตยในตัวผู้มีอำนาจต่างหาก

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : รัฐประหารและการสร้างอำนาจด้วยกฎหมาย