วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

“ณัฐวุฒิ” ชี้! ไม่เกินคาดหมาย รอยแยกของ 3ป.จะยิ่งชัดขึ้น คาด หลังประชุมเอเปคจะยุบสภา

 


“ณัฐวุฒิ” ชี้! ไม่เกินคาดหมาย รอยแยกของ 3ป.จะยิ่งชัดขึ้น คาด หลังประชุมเอเปคจะยุบสภา

 

วันที่ 30 ก.ย. 2565 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์ความเห็นหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้ไปต่อ โดย “ณัฐวุฒิ” ได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ความว่า

 

ไม่เกินคาดหมาย เพราะเคยพูดไว้หลายรายการว่า ศาลจะชี้ให้นับตั้งแต่ปี 60 ไม่ใช่ดูข้อกฎหมาย แต่ผมดูตามคำชี้แจงของนายกฯ นายมีชัย กฤษฎีกาคณะพิเศษ และนายวิษณุ ที่ตีไพ่รับกันเป็นทอด ๆ

 

ศาลรัฐธรรมนูญยังคงรักษามาตรฐานของตัวเอง เหมือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในสายตาคนจำนวนมากมองอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น และหนักขึ้นกว่าเดิม

 

นายมีชัยและนักกฎหมายหลายคน อัพเดตตัวเองเป็นเวอร์ชันแบบไอโฟน ความเห็นมีชัยปี 61 ไม่เหมือนมีชัยปี 65

 

การเมืองในรัฐบาลจากนี้จะไม่มีเสถียรภาพ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ รวมพลัง กระเพื่อมหนัก แผนควบรวมพรรค หรือเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯครั้งต่อไปไม่ง่าย ถ้าประยุทธ์รับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทั้งที่อยู่ได้เพียงครึ่งเทอม จะตอบคำถามประชาชนอย่างไร

 

รอยแยกของ 3ป.จะยิ่งชัดขึ้น การกลับมาของประยุทธ์ จะสูญเสียภาวะการนำในพรรคพลังประชารัฐ จากที่น้อยอยู่แล้วจะแทบไม่มีเลย ยิ่งนานยิ่งเสียทรง ประวิตรจะกำกับพรรคเบ็ดเสร็จ

 

การปรับครม.แม้อยากทำแต่เป็นโจทย์ยาก พลังประชารัฐถือว่า 2 ตำแหน่งเดิมของธรรมนัส และนฤมล เป็นโควต้าพรรค จะตั้งตามใจนายกฯไม่ได้ ประยุทธ์ไม่แข็งแรงทางการเมืองพอที่จะหัก ยกเว้นคิดว่าไม่มีอะไรจะเสีย ไม่คิดไปต่อ ปรับรักษาภาพผู้นำไว้

 

อยู่นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเห็นแก่ตัวของประยุทธ์เอง ข้ออ้างเรื่องอยู่เพื่อแก้ปัญหา เป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับประชาชน ภาพที่ถูกมองคืออยู่เพื่อรักษาอำนาจ และแก้ปัญหาของตัวเอง

 

เป็นไปได้ว่าหลังประชุมเอเปคจะยุบสภา แต่กว่าจะถึงวันนั้นจะบอบช้ำอย่างหนัก และยิ่งอยู่นานจะกลายเป็นหัวคะแนนเพิ่มเสียงแลนด์สไลด์ให้เพื่อไทย

 

ฟันธงว่าประยุทธ์ต้องหาทางลงแบบสวยๆ ลงแล้วปลอดภัย บ้านเมืองเสียหายมา 8 ปีอย่างไรไม่อยู่ในความคิด

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #ศาลรัฐธรรมนูญ #8ปีประยุทธ์ 

“เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์ กรณีศาลรธน.มีคำวินิจฉัยว่าความเป็นนายกฯของ “ประยุทธ์” ยังไม่สิ้นสุด ชี้! การตีความน่าจะมีปัญหาและไม่มีกลไกตรวจสอบคำวินิจฉัย

 


“เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์ กรณีศาลรธน.มีคำวินิจฉัยว่าความเป็นนายกฯของ “ประยุทธ์” ยังไม่สิ้นสุด ชี้! การตีความน่าจะมีปัญหาและไม่มีกลไกตรวจสอบคำวินิจฉัย

 

วันที่ 30 ก.ย. 2565 หลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ปมการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สิ้นสุด โดยให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ และให้ พลเอกประยุทธ์ กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ความว่า

 

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคําวินิจฉัยตามคําร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ขอให้วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หรือไม่ กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า…

 

ความเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา #ยังไม่สิ้นสุดลง โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลใช้บังคับนั้น

 

จะเห็นได้ว่า ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยดังกล่าว เชื่อได้ว่าจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นักวิชาการและประชาชนในวงกว้างที่ไม่เห็นด้วยกับคําวินิจฉัย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคารพในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและผลผูกพันแห่งคําวินิจฉัย แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในเหตุผลแห่งคําวินิจฉัย

 

เนื่องจากรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร การตีความต้องยึดตามบทบัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประกอบกัน เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 บัญญัติห้ามการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี และให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย

 

ดังนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้แต่เมื่อถือเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ก็ยังคงมีผลใช้อยู่ต่อเนื่องมา ภายหลังวันที่ 6 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ การตัดตอนเอาวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับเป็นวันเริ่มดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา #ไม่อาจหาตรรกะใดมาอธิบายได้

 

อีกทั้งข้อเท็จจริงปรากฏชัดในบันทึกของคณะกรรมการร่าง รัฐธรรมนูญว่า ให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนวันรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับรวมด้วย อันถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนของเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประชาชนก็รับรู้เป็นการทั่วไปว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งมาแล้วตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 ซึ่งครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565

 

พรรคจึงเห็นว่า คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายในการตีความที่นักวิชาการกฎหมาย และสังคมต้องร่วมกันคิดว่าหลักคิดและเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีเหตุผล ที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

รวมถึงช่วยกันทบทวนถึงบทบาท การทําหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะบทบัญญัติที่ให้คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กรนั้น ควรจะมีการทบทวนเพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบให้เกิดความเหมาะสมอย่างไร

 

พรรคเพื่อไทยมิได้กังวลว่าคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปจนถึงครบวาระในเดือนมีนาคม 2566 และยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีกหลังเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

 

แต่สิ่งที่พรรคห่วงและกังวลก็คือ ปัญหารากเหง้าที่กลืนกินสังคมไทยที่สั่งสมมาตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา จะได้รับการเยียวยาแก้ไขเพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่สังคมประชาธิปไตย มีหลักนิติรัฐนิติธรรมโดยแท้จริงอย่างไร และที่น่าห่วงกังวลอีกประการคือ บรรทัดฐานความความถูกต้อง ของการใช้และการตีความรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเห็นว่าน่าจะมีปัญหาแต่ไม่มีกลไกใดที่จะตรวจสอบคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันคิดและหาทางออกต่อไป

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน พรรคเพื่อไทย

 

30 กันยายน 2565

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ศาลรัฐธรรมนูญ #8ปีประยุทธ์


“ก้าวไกล” ออกแถลงการณ์หลังศาลรธน.มีคำวินิจฉัย ทางเดียวในการคืนประเทศให้กับประชาชน คือ การยกเลิกรธน.60 เพื่อให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 


“ก้าวไกล” ออกแถลงการณ์หลังศาลรธน.มีคำวินิจฉัย ทางเดียวในการคืนประเทศให้กับประชาชน คือ การยกเลิกรธน.60 เพื่อให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 

วันนี้ (30 ก.ย. 2565) ที่เพจ พรรคก้าวไกล - Move Forward Party มีการโพสต์แถลงการณ์ ภายหลังที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัย ปมวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ตามมาตรา 170 วรรคสองและ158 วรรคสี่ จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว และให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งรายละเอียดของแถลงการณ์ดังกล่าวมีความว่า

 

แถลงการณ์พรรคก้าวไกล ต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดี “8 ปี ประยุทธ์”

 

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ เป็นอีกครั้งที่ทำให้ประชาชนไทยรู้สึกสิ้นหวัง

 

มิใช่สิ้นหวังเพียงเพราะบุคคลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ แม้ขาดทั้งความชอบธรรมทางการเมืองและความสามารถในการบริหารประเทศท่ามกลางวิกฤตที่รุมเร้า

 

แต่สิ้นหวัง เพราะคำวินิจฉัยในวันนี้ยิ่งตอกย้ำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจ ว่าสถาบันตุลาการของบ้านเมืองที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กลับกำลังปกป้องคุ้มครองการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร มากกว่าปกป้องคุ้มครองหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ จะตรงกันข้ามกับคำวินิจฉัยตามสามัญสำนึกของประชาชน แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตยมายาวนานเกินกว่า 8 ปีแล้ว ผ่านการทำรัฐประหารและการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ

 

ตราบใดที่สังคมไทยยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สถาบันทางการเมืองต่างๆ ก็จะยังถูกใช้เป็น “อาวุธ” ของระบอบการเมืองที่อำนาจสูงสุดไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง หนทางเดียวในการคืนประเทศให้กับประชาชน คือ การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 

แม้การเลือกตั้งครั้งใหม่ จะเป็นโอกาสให้ประชาชนได้พิพากษา พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยมือของตนเอง แต่ตราบใดที่รัฐธรรมนูญ 2560 ยังไม่ถูกรื้อ ประเทศไทยจะยังไม่หลุดพ้นจากวังวนของระบอบรัฐประหาร

 

ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนอีกครั้ง มาร่วมกันเข้าชื่อเพื่อให้มีการจัดทำประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง เพื่อทำให้วันเลือกตั้งไม่เป็นเพียงโอกาสในการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาล แต่เป็นโอกาสในการเปลี่ยนโครงสร้างและกติกาของประเทศ ให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

 

เราทราบดีว่า 8 ปีภายใต้ระบอบประยุทธ์ ได้สร้างความเจ็บปวดที่ชินชา และบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าจะยังคงเป็นไปได้หรือไม่ แต่พรรคก้าวไกลขอยืนหยัดและยืนยัน ว่าความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร แม้อาจยังไม่มากพอที่จะกำจัดระบอบอยุติธรรมที่กัดกินประเทศได้ในทันที แต่หากพวกเรา ประชาชน ไม่สิ้นหวัง และเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยที่มี “อนาคต” จะรออยู่ข้างหน้า

 

อนาคตของเศรษฐกิจที่เติบโตเพื่อทุกคน

 

อนาคตของสังคมที่คนเท่ากัน

 

อนาคตของประชาธิปไตยเต็มใบที่ไม่มีใครอยู่เหนือหัวประชาชน

 

หากเหตุการณ์วันนี้ทำให้พี่น้องประชาชนคับแค้นผิดหวัง โปรดเปลี่ยนความคับแค้นผิดหวังนั้นให้เป็นพลัง เพื่อใช้ขีดเขียน “อนาคตใหม่” ไปด้วยกัน หนึ่งเสียงของทุกคนในการแสดงออก หนึ่งคะแนนของทุกคนในคูหาเลือกตั้ง และหนึ่งชื่อของทุกคนในการสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือหนึ่งพลังของความเปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศไทยที่ก้าวหน้า

 

พรรคก้าวไกล

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ศาลรัฐธรรมนูญ #8ปีประยุทธ์


พอกันที 8 ปีประยุทธ์ "ราษฎร" นัดชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้(1 ต.ค.65) 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะพญาไท ออกแถลงการณ์นัดแต่งดำ ไม่ยอมรับ"นายกเถื่อน"

 


พอกันที 8 ปีประยุทธ์ "ราษฎร" นัดชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้(1 ต.ค.65) 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะพญาไท ออกแถลงการณ์นัดแต่งดำ ไม่ยอมรับ"นายกเถื่อน" 


วันนี้ (30 ก.ย. 2565) เวลา 14.00 น. ที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน กลุ่มราษฎรและภาคีเครือข่าย ทยอยเข้าพื้นที่เพื่อร่วมฟังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายกำลังเต็มบริเวณสกายวอล์ก โดยมีการนำรั้วแผงเหล็กมาวางกั้นไว้ เป็นจุดตรวจคัดกรอง


15.30 น. ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 6 เมษายน 2560 นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ทำให้พลเอกประยุทธ์ สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ถึงปี 2568 ได้นั้น


ราษฎรที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน ต่างโห่ร้อง แสดงความไม่พอใจ ด้านนายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย กล่าวว่า เราจะไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งองคาพยพ และไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญตอกย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ 


ขณะที่นางสาวธนพร วิจันทร์ หรือไหม เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน เป็นตัวแทนราษฎรอ่านคำแถลงการณ์กลุ่มราษฎร โดยมีเนื้อหาระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญและรัฐบาลย่อมสมประโยชน์กันเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจแห่งระบอบเผด็จการ มองว่าคำวินิจฉัยอันชั่วร้ายของศาลรัฐธรรมนูญในการต่ออายุให้แก่รัฐบาลนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกยอมรับ เนื่องด้วยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมขาดสิ้นลงแล้วนับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560


เราราษฎรขอประกาศยืนยันท่ามกลางพี่น้องประชาชนทั้งหลายว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นี้ ได้มีสถานะเป็นนายกเถื่อน เป็นนายกนอกรัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์ และคณะรัฐมนตรีที่ขึ้นต่อนายกเถื่อน ย่อมมีสถานะเป็นคณะรัฐมนตรีนอกกฎหมาย ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ประการใด การใช้อำนาจการดำเนินนโยบาย ประกาศ หรือคำสั่งใด ๆ ของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ย่อมปราศจากอำนาจรองรับตามกฎหมาย เราราษฎรขอปฏิเสธความชอบธรรมในอำนาจทั้งปวงของคณะรัฐมนตรีชุดนี้


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับสถานะนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราราษฎรขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบอำนาจนิยมทุกท่าน ทุกช่วงวัย ทุกจังหวัด ทุกความคิดความเชื่อ ร่วมกันสวมชุดดำทั้งแผ่นดินเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 7 ตุลาคม 2565 เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่ระบอบการเมืองและอนาคตของสังคมไทยภายใต้การบริหารของนายกเถื่อนผู้นี้ และเป็นการแสดงออกโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อยืนยันว่า ไม่มีแม้สักตารางนิ้วในแผ่นดินไทยที่ยอมรับระบอบชนชั้นนำอำนาจนิยมนี้อีกต่อไป


พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย ในวันนี้แม้บรรดาองคาพยพจะพยายามยื้อยุดกงล้อแห่งชะตากรรม เพื่อให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงอยู่ในอำนาจ และให้คงอยู่ แต่เราราษฎรขอยืนยันแก่พี่น้องประชาชนทั้งหลายว่า ในแผ่นดินนี้ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่กว่าอำนาจแห่งกาลเวลาและประชาชน บัดนี้สังคมการเมืองไทยได้เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และเป็นความจริงที่ว่า อำนาจของชนชั้นนำเผด็จการย่อมต้องเสื่อมสลายลงอย่างแน่แท้ 


ขอประชาชนทั้งหลายจงลุกขึ้น เพื่อร่วมกันทำให้การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยเป็นวิถีชีวิต ทำให้การต่อต้านเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน ทำให้คนที่ยังไม่ตาสว่าง และทำให้ความหวังที่จะมีสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและเสมอหน้า เป็นความฝันของประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อให้ในวันที่อำนาจกลับมาเป็นของประชาชนในวันเลือกตั้ง ชัยชนะจะเป็นของเราทุกคน


นอกจากนี้ยังมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ และนางสาววรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยาร่วมแสดงความเห็นถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และการบริหารงานของรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเช่นนี้ รวมถึงได้มีการเปิดฟรีไมค์ให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย


ต่อมา 16.30 น. นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน ทะลุฟ้า เป็นตัวแทนกลุ่มราษฎร ประกาศนัดหมายการจัดชุมนุม ในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค. 2565) ระบุว่า นัดหมายในกิจกรรม "พอกันที 8 ปีประยุทธ์" ที่บริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 16.00 น. และขอให้มวลชนเตรียมเสื้อกันฝน น้ำดื่ม หน้ากากกันแก๊สน้ำตาไปด้วย


ด้านบอย ธัชพงศ์ กล่าวเสริม ถึงวิธีการเดินทางนั้น มวลชนสามารถนัดกันได้เลย ออกแบบการรวมตัวกันเองนัดหมายจุดและสถานที่กันเอง เพราะพรุ่งนี้ทุกคนคือผู้นำร่วมกัน และเพื่อยืดหยัดว่าประเทศนี้เป็นของประชาชน โดยไปรวมกันที่จุดนัดหมายเดียว คืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท และได้มีการประกาศยุติการกิจกรรมในเวลา 16.52 น.


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นายก8ปี #ไม่เอานายกเถื่อน #ม็อบ30กันยา65




ศาลรธน.เสียงข้างมาก มีคำวินิจฉัย ปมนายกฯ 8 ปี เริ่มนับปี 2560 วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

 


ศาลรธน.เสียงข้างมาก มีคำวินิจฉัย ปมนายกฯ 8 ปี เริ่มนับปี 2560 วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

 

วันที่ 30 ก.ย.2565 เมื่อเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ ว่า กรณีจึงมีปัญหาพิจารณาว่าจะถือว่าคณะรัฐมนตรีซึ่งมีผู้ถูกร้องเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 60 นั้น เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยหรือไม่ นั้น

 

ประการแรก วิเคราะห์เห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 264 วรรคหนึ่งเป็นบทบัญญัติมี 2 ประการ ให้บทบัญญัติต่อเนื่องของคณะรัฐมนตรี แม้จะถูกร้องจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับอื่นก่อนใช้รัฐธรรมนูญปี 60 แต่เมื่อรัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้เมื่อ 6 เม.ย. 2560 แล้ว ต้องถือว่าคณะรัฐมนตรีซึ่งแม้จะเข้าสู่รัฐธรรมนูญฉบับอื่นก็ตาม ย่อมเป็นรัฐธรรมนูญปี 60 ตั้งแต่ 6 เม.ย. 2560 วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

 

ประการที่ 2 เพื่อนำกฎเกณฑ์มาใช้แก่คณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ก่อน เป็นไปตามหลักทั่วไปตามการบริหารอยู่ก่อนวันประกาศรัฐธรรมนูญใหม่นี้ ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ประกาศ ยกเว้นมีบทเฉพาะกาลที่ไม่ให้นำมาใช้กับคณะรัฐมนตรี มาตรา 264 วรรคสอง ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวยกเว้นบางเรื่องเท่านั้น ดังนั้น หากไม่มีบทบัญญัติเรื่องใด ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 60

 

จึงเป็นไปตามหลักทั่วไปของการใช้กฎหมาย มีผลบังคับใช้ 6 เม.ย. 2560 ย่อมมีความหมายว่าทุกบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมีผลบังคับ ไม่ว่ากรณีใด เมื่อรัฐธรรมนูญ 60 ใช้บังคับ ทุกอย่างต้องเริ่มทันที ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ดังนั้น 8 ปีเริ่มนับวันที่รัฐธรรมนูญ 60 ใช้

 

วินิจฉัยได้ว่า ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งบริหารก่อนรัฐธรรมนูญนี้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญนี้ด้วย ศาลมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ตามมาตรา 170 วรรคสองและ158 วรรคสี่ จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว และให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #8ปีประยุทธ์ #ประยุทธ์ออกไป #นายก8ปี

ศาลแขวงดุสิตให้ประกัน “โอม ใบบุญ” ทะลุแก๊ส คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีร่วมเขียนป้ายผ้า 112 เมตร หลังจากวานนี้เพื่อน ๆ ได้รับการปล่อยชั่วคราว

 


ศาลแขวงดุสิตให้ประกัน “โอม ใบบุญ” ทะลุแก๊ส คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีร่วมเขียนป้ายผ้า 112 เมตร หลังจากวานนี้เพื่อน ๆ ได้รับการปล่อยชั่วคราว

 

สืบเนื่องจากวานนี้ (29 ก.ย. 2565) เวลา  20.10 น. คิม, ภูมิ, ใหญ่ พิชัย, ดิว สมชาย, หิน อัครพล, หนึ่ง เกตุสกุล และ หยก วรวุฒิ ทั้ง 7 คนจากกลุ่มทะลุแก๊ส ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลังศาลมีคำสั่ง ด้วยวงเงินคนละ 1 หมื่นบาท ใส่กำไลข้อเท้า EM เพื่อตรวจสอบควบคุมการเดินทาง หากฝ่าฝืนผิดสัญญาประกันมีโทษปรับคนละ 5 หมื่นบาท โดยการใส่กำไลข้อเท้า EM นั้น

 

ปรากฏว่า “โอม ใบบุญ” ทะลุแก๊ส ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมาพร้อมเพื่อน ๆ ทั้ง 7 เนื่องจากเขายังมีหมายขังของศาลแขวงดุสิตอีก 1 หมาย ในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการร่วมเขียนป้ายผ้า 112 เมตร เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2564

 

วันนี้ (30 ก.ย. 2565) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รายงานเพิ่มเติมว่า ทีมทนายได้ยื่นขอประกันตัวในคดีดังกล่าว และล่าสุดศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้สาบานตน ซึ่ง “โอม ใบบุญ” จะได้รับการปล่อยตัวในช่วงเย็นวันนี้

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR #พรกฉุกเฉิน #ปล่อยเพื่อนเรา

ตร. 300 นาย รับมือม็อบบุกศาลรธน. “กฤษณะ” เผยแนวทางรับมือผู้ชุมนุม ย้ำควรตระหนักสิทธิเสรีภาพ หวั่นกระทบผู้อื่น ย้ำวางกองกำลังตามปกติบ้านพักนายกฯ ใน ร.1รอ.

 


ตร. 300 นาย รับมือม็อบบุกศาลรธน. “กฤษณะ” เผยแนวทางรับมือผู้ชุมนุม ย้ำควรตระหนักสิทธิเสรีภาพ หวั่นกระทบผู้อื่น ย้ำวางกองกำลังตามปกติบ้านพักนายกฯ ใน ร.1รอ.

 

วันที่ 30 ก.ย. 2565 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงาน และออกประกาศให้บริเวณศาลรัฐธรรมนูญเป็นพื้นที่ควบคุมความปลอดภัยแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2565 จนถึงวันที่ 3 ต.ค. 2565 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

 

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และคาดว่าจะมีกลุ่มผู้ที่รอรับฟังคำตัดสินของศาลเดินทางมาในพื้นที่ จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สน.ทุ่งสองห้อง และสถานีตำรวจนครบาล จำนวน 300 คน ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และการวินิจฉัยของศาลนั้นก็เป็นมาตรฐานเดียวกับการวินิจฉัยคดีอื่นๆ

 

ทั้งนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวย้ำถึงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า หากการกระทำใดเป็นการสุ่มเสี่ยง ก็ขอให้ยกเว้น หลีกเลี่ยง และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2563 ก็ได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงไปแล้วกว่า 1,500 คน ย้ำว่าการแสดงความคิดเห็นสามารถกระทำได้ แต่ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพซึ่งกันและกัน ดังนั้นขอให้ชุมนุมอย่างสงบอย่าไปกระทบกับประชาชนที่สัญจรไปมา

 

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เวลา 14.00 น. และ 17.00 น. จะมีการชุมนุมคู่ขนานกับการอ่านคำวินิจฉัยบริเวณสกายวอร์ค และแยกราชประสงค์ ตามลำดับ จึงได้สั่งการให้ สน.ปทุมวัน และสน.ลุมพินี เตรียมกำลังให้พร้อมสำหรับรับมือ และเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมให้ปฏิบัติตามกฎที่แจ้งไว้ ส่วนตัวจึงมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

 

เมื่อถามถึงการเตรียมกำลังไว้ส่วนรอบบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ ในกรมทหารราบที่ 1 พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่าไม่ได้มีการเตรียมกำลังเพิ่มเติม มีแแต่การรักษาความปลอดภัยตามวงรอบปกติ เนื่องจากถือเป็นพื้นที่ของบุคคลสำคัญอยู่แล้ว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #8ปีประยุทธ์ #ประยุทธ์ออกไป








วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

ปล่อยตัวชั่วคราว “7 ทะลุฟ้า" นักกิจกรรมดินแดง ขาด “ใบบุญ” คาดมีหมายจับคดีอื่นคงค้าง .

 


ปล่อยตัวชั่วคราว “7 ทะลุฟ้า” นักกิจกรรมดินแดง ขาด “ใบบุญ” คาดมีหมายจับคดีอื่นคงค้าง

 

วันที่ 29 ก.ย. 2565 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งปล่อยชั่วคราว ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ศศลักษณ์ สุขเจริญ กับพวกรวม 8 คน ฐานก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่นๆ เหตุเกิดที่แยกดินแดง เมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย. 2564 ต่อเนื่องจากที่ “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ได้ชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 ถ.วิภาวดี และถูกดำเนินคดี

 

โดยผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวประกอบด้วย ศศลักษณ์ (ภูมิ) , ใบบุญ (โอม) , พิชัย เลิศจินตวงศ์ (ใหญ่) , สมชาย (ดิว) , อัครพล (หิน) , เกตุสกุล (หนึ่ง) และวรวุฒิ (หยก) และ ธีรวิทย์ (คิม)

 

โดยศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวจำเลยทั้ง 8 คน ด้วยวงเงินคนละ 1 หมื่นบาท ใส่กำไลข้อเท้า EM เพื่อตรวจสอบควบคุมการเดินทาง หากฝ่าฝืนผิดสัญญาประกันมีโทษปรับคนละ 5 หมื่นบาท โดยการใส่กำไลข้อเท้า EM นั้น จะไปดำเนินการในวันพรุ่งนี้เช้า

 

ล่าสุดเวลา 20.10 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กลุ่มทะลุแก๊สทั้ง 7 คน รวมทั้ง ธีรวิทย์ (คิม) ได้เดินเรียงหน้ากระดานออกมา โดยขาดใบบุญ (โอม) ซึ่งได้ปรากฏรายชื่อปล่อยตัวในวันนี้ โดยทนายความได้โทรฯ สอบถามศาล คาดว่าตกหล่นเนื่องจากมีหมายจับค้างในคดีแขวนป้ายผ้า ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศาลแขวงดุสิต

 

ทะลุแก๊สทั้ง 7 ได้รับการต้อนรับจากครอบครัวที่มาคอยรับตั้งแต่ช่วงเย็น รวมทั้งบรรดาลุง ๆ ป้า ๆ ผู้รักประชาธิปไตยที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันก็มาแสดงความยินดีที่ทุกคนได้รับอิสรภาพ โดยทั้งหมดขอเวลาอยู่กับครอบครัวก่อน ส่วนการเคลื่อนไหวต่อสู้นั้นทุกคนยืนยันอุดมการณ์เช่นเดิม ก่อนขอตัวแยกย้ายกลับพร้อมครอบครัว

 

สำหรับกรณี “ใบบุญ” นั้น ยูดีดีนิวส์จะรายงานเพิ่มเติมหากมีความคืบหน้าจากทนายความ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุแก๊ส










คุมเข้ม! ศาลรัฐธรรมนูญ ออกประกาศพื้นที่ปลอดภัย มีผล 1 ทุ่มคืนนี้ถึง 6 โมงเช้าวันจันทร์

 


คุมเข้ม! ศาลรัฐธรรมนูญ ออกประกาศพื้นที่ปลอดภัย มีผล 1 ทุ่มคืนนี้ถึง 6 โมงเช้าวันจันทร์

 

29 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ได้ลงนามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง อาณาบริเวณ หรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย โดยประกาศระบุว่า

 

ตามที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีรับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ และออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.

 

ทางหน่วยงานความมั่นคงได้แจ้งต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุ หรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น

 

เพื่อให้กระบวนการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงออกประกาศกำหนดให้อาณาบริเวณหรือพื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ตามแนวเขตเป็นพื้นที่ชั้นนอกในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย บุคคลและยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ ต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน

 

และห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราชการ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา ตามวิธีการของหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคงามสงบเรียบร้อย

 

มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน เวลา 19.00 น. ถึงวันที่ 3 ตุลาคม เวลา 06.00 น.

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ศาลรัฐธรรมนูญ #8ปีประยุทธ์ #นายกเถื่อน



ศาลขอนแก่นสั่งปล่อยตัวชั่วคราว “เพนกวิน” คดี ม.112” และ “ไผ่” คดี ม.116 หลังอัยการส่งฟ้อง เหตุจากการชุมนุมเมื่อ 20 ส.ค. 63 ชี้! จำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลให้ทำสัญญาโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์

 


ศาลขอนแก่นสั่งปล่อยตัวชั่วคราว “เพนกวิน” คดี ม.112” และ “ไผ่” คดี ม.116 หลังอัยการส่งฟ้อง เหตุจากการชุมนุมเมื่อ 20 ส.ค. 63 ชี้! จำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลให้ทำสัญญาโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์

 

วันนี้ (29 ก.ย. 2565) ในเวลา 13.45 น. อัยการนัดส่งฟ้อง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ในคดี ม.112 และ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ในคดี ม.116 ต่อศาลขอนแก่น เหตุจากการชุมนุม #จัดม็อบไล่แม่งเลย เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2563 ซึ่งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ในชั้นสอบสอน “เพนกวิน” ถูกแจ้งข้อหา ม.112 เพียงคนเดียว จากการปราศรัยสนับสนุนข้อเรียกร้องของเยาวชนปลดแอก 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น

 

ต่อมา เวลา 15.00 น. ศูนย์ทนายฯ รายงานเพิ่มเติมความว่า

 

ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง “เพนกวิน” และ “ไผ่” จากเหตุชุมนุม #จัดม็อบไล่แม่งเลย ที่ จ.ขอนแก่น เนื่องจากจำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลให้ทำสัญญาโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์  ผิดสัญญาปรับ 5 หมื่นบาท พร้อมกับนัดสอบคำให้การ 19 ธ.ค. 2565

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR

กทม. รับสมัครจิตอาสาร่วมบรรจุกระสอบทราย 5 จุด ได้แก่ ประเวศ, จตุจักร, สาทร, ตลิ่งชัน, บางแค ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 


กทม. รับสมัครจิตอาสาร่วมบรรจุกระสอบทราย 5 จุด ได้แก่ ประเวศ, จตุจักร, สาทร, ตลิ่งชัน, บางแค ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


วันนี้ (29 ก.ย. 2565) ที่เพจกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยจุดบรรจุกระสอบทราย 5 จุด ดังนี้


- ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน เขตประเวศ

- ใต้สะพานรัชวิภา เขตจตุจักร

- ใต้สะพานสาทร เขตสาทร

- ใต้สะพานพุทธมณฑลสาย 1 เขตตลิ่งชัน

- ใต้สะพานต่างเพชรเกษม - บางแค เขตบางแค


แจ้งความประสงค์ร่วมบรรจุกระสอบทรายได้ที่ ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กทม.

โทร. 0 2248 5115


โดยวานนี้ (28 ก.ย. 2565) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า  ขณะนี้กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำกำลังทยอยส่งมอบกระสอบทรายให้สำนักงานเขตเพื่อนำไปบรรจุทรายสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติม ซึ่งในสัปดาห์นี้จะส่งมอบ 200,000 ใบ ให้กับเขตที่มีพื้นที่เสี่ยงสูงก่อน โดยเฉพาะเขตฝั่งกรุงเทพตะวันออก เช่น เขตลาดกระบัง หนองจอก ประเวศ ได้มารับไปแล้วในวันนี้  จากนั้นจะเร่งส่งมอบให้ครบทุกเขตที่แสดงความต้องการเข้ามา อย่างไรก็ตามทางสำนักการระบายน้ำได้เตรียมสำรองกระสอบทรายไว้ทั้งหมด 2.5 ล้านใบ เพื่อพร้อมสนับสนุนให้กับเขตพื้นที่ที่ต้องการ


ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีนโยบายให้ประชาชนและชุมชนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่ โดยให้เขตสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น กระสอบทรายเพื่อสร้างแนวป้องกันตนเองในชุมชนที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดเสี่ยงน้ำท่วม เช่น พื้นที่ระดับต่ำ อยู่ติดริมคลอง หรือร่วมทำพื้นที่ปิดล้อมเพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เมื่อเกิดน้ำท่วมขัง ทำแนวทางเดิน เป็นต้น  โดยกระสอบทรายทั้ง 2.5 ล้านใบนี้ จะเตรียมพร้อมสนับสนุนในพื้นที่ รวมทั้งเสริมแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา และจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่


โฆษก กทม. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครกำลังเร่งบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปใช้ในการป้องกันน้ำท่วม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พายุโนรู #น้ำท่วม

“ฟ้าเดียวกัน” คว้ารางวัล 2022 Prix Voltaire จากสมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติ (IPA) ในฐานะสำนักพิมพ์ที่ยืนยันในหลักการเสรีภาพในการตีพิมพ์ และการส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก

 


“ฟ้าเดียวกัน” คว้ารางวัล 2022 Prix Voltaire จากสมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติ (IPA) ในฐานะสำนักพิมพ์ที่ยืนยันในหลักการเสรีภาพในการตีพิมพ์ และการส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก

 

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 คณะกรรมการเสรีภาพในการตีพิมพ์ของสมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติ ได้มีมติเลือกสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน (Same Sky) จากสำนักพิมพ์ที่ได้เข้ารับการพิจารณา 5 แห่ง เพื่อเข้ารับรางวัล 2022 IPA Prix Voltaire

 

นอกจากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ยังมีผู้เข้ารอบอื่น ๆ อีก 4 สำนักพิมพ์หรือหน่วยงาน ประกอบไปด้วย VK Karthika (อินเดีย) Raúl Figueroa Sarti/F&G Editores (กัวเตมาลา) Nahid Shahalimi (อัฟกานิสถาน/แคนาดา) และสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือยูเครน (UPBA)

 

ทั้งนี้ สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันจะได้รางวัลเป็นเงินจำนวน 10,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 385,000 บาทด้วย และตัวแทนของสำนักจะเดินทางเข้ารับรางวัลด้วยตัวเองที่งานประชุมผู้จัดพิมพ์นานาชาติครั้งที่ 33 (33rd International Publishers Congress) กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 11 พ.ย. ที่จะถึงนี้

 

สมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติกล่าวถึงประวัติอย่างย่อของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันว่า สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย โดย ธนาพล อิ๋วสกุล, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, และ ชัยธวัช ตุลาธน อดีตนักกิจกรรมนักศึกษา โดยนับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันได้ตีพิมพ์วารสารวิชาการ และหนังสือด้านสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาจำนวนมาก ผ่านมุมมองในความคิดเชิงวิพากษ์เป็นหลัก

 

คริสเตน ไอนาร์สสัน ประธานคณะกรรมการเสรีภาพในการตีพิมพ์ของสมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของผู้จัดพิมพ์ ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพวกเขา ด้วยการยืนหยัดต่อการถูกข่มขู่ และเผยแพร่ผลงานที่พวกเขาเชื่อต่อไป”

 

ขณะที่วานนี้ (28 ก.ย. 2565) ที่เพจเฟซบุ๊ก “ฟ้าเดียวกัน” ธนาพล อิ๋วสกุล ได้โพสต์แสดงความขอบคุณสมาคมผู้จัดพิมพ์สากล (International Publishers Association - IPA) ที่ได้มอบรางวัล Prix Voltaire ประจำปี 2022 ให้กับสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน โดยมีใจความว่า

 

ขอขอบคุณคุณธีรภัทร เจริญสุข กรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ที่เห็นความสำคัญและติดต่อประสานมาตั้งแต่ต้น รวมถึงกรรมการทุกท่านที่ได้พิจารณาคัดเลือกและส่งชื่อสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน

 

ในวันที่ 27 กันยายน 2565 วันเดียวที่จดหมายประกาศรางวัลอย่างเป็นทางการเดินทางมาถึง ได้มีหมายเรียกจากศาลอาญามาติดที่ประตูรั้วสำนักงาน แจ้งให้ผมไปไต่สวนมูลฟ้องที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม วุฒิสมาชิกผู้ที่ได้มาซึ่งอำนาจด้วยการแต่งตั้งของคณะรัฐประหารฟ้องหมิ่นประมาท

 

เหตุที่ต้องกล่าวถึงหมายเรียกฉบับนี้ ก็เพื่อจะบอกรางวัลที่สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันได้นั้นแยกไม่ออกจากสถานการณ์ที่รัฐไทยพยายามปิดปากผู้ที่เห็นต่าง จนสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกลุ่มคนที่มุ่งทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมานับจากการก่อตั้ง เราเผชิญกับการคุกคามหลายรูปแบบ ทั้งการจัดตั้งมวลชนจะมาบุกสำนักพิมพ์ การมา “เยี่ยม” ของตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐอย่างสม่ำเสมอเพื่อสอดส่อง ข่มขู่ ยึดหนังสือ หรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ด้วยข้อหาที่แทบไม่มีอะไรเลย และล่าสุดในรูปแบบ “นิติสงคราม” ผ่าน “กระบวนการยุติธรรม” ด้วยการฟ้องปิดปาก

 

ทั้งหมดที่ผมและฟ้าเดียวกันเผชิญนั้นถือว่ายังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่ถูกคุกคามและจองจำอยู่ในขณะนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่ถูกอุ้มหาย ทำร้าย หรือพรากชีวิตไปเพียงเพราะพวกเขาแสดงความเห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์ความผิดปกติของการใช้อำนาจเผด็จการในรูปแบบต่างๆ รางวัลที่ฟ้าเดียวกันได้ในครั้งนี้ จึงเป็นรางวัลของพวกเขาเหล่านั้นด้วย

 

นอกจากนี้ ผมขอขอบคุณกองบรรณาธิการและทีมงานฟ้าเดียวกันทุกคนที่ร่วมกันคิด ผลิต และเผยแพร่วารสารตลอดจนหนังสือทุกเล่มมาด้วยกัน ขอบคุณนักวิชาการ นักเขียน นักแปล ที่ไว้ใจส่งผลงานมาตีพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์ ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและให้ความสนใจต่อผลงานของสำนักพิมพ์ตลอดมา หากขาดทุกคนไป สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันคงไม่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้

 

ด้วยเหตุที่รางวัลนี้มอบให้สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเพราะเห็นว่าเรากล้าหาญที่จะเผชิญกับการคุกคามและยังมุ่งมั่นตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานตามความเชื่อของเราต่อไป ผมคงต้องบอกว่า ผมมุ่งหวังอยากเห็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกลายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยทุกคน และเมื่อถึงวันนั้นการมีอยู่ของรางวัลนี้ก็จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น

 

ธนาพล อิ๋วสกุล

ในนามสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ฟ้าเดียวกัน

ศาลขอนแก่น “ยกฟ้อง” คดี ม.112 “ทิวากร” ชี้ข้อความที่จำเลยโพสต์กล่าวถึง “สถาบันกษัตริย์” ฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาท ร.10

 


ศาลขอนแก่น “ยกฟ้อง” คดี ม.112 “ทิวากร” ชี้ข้อความที่จำเลยโพสต์กล่าวถึง “สถาบันกษัตริย์” ฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาท ร.10

 

วันนี้ (29 ก.ย. 2565) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่านทวิตเตอร์ ถึงความคืบหน้ากรณีวันนี้ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดอ่านคำพิพากษา “ทิวากร วิถีตน” เกษตรกรชาวขอนแก่นวัย 46 ปี ในคดี ม.112, ม.116(3) และพ.ร.บ.คอมฯ ม.14(3) จากการสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ถ่ายรูปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงโพสต์เรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ยุติการใช้มาตรา 112 และปล่อย 4 แกนนำราษฎร ในช่วงเดือน ก.พ. 2564 และล่าสุด ศูนย์ทนายฯ รายงานความว่า

 

ด่วน!! ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษายกฟ้องคดี #112 #116 ของ ทิวากร วิถีตน ชี้ข้อความที่จำเลยโพสต์กล่าวถึง "สถาบันกษัตริย์" ประกอบกับพยานโจทก์เบิกความว่าคำว่า "สถาบันกษัตริย์" หมายรวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยหมิ่นประมาท ร.10


ศาลขอนแก่นชี้ว่า ข้อความที่ทิวากรโพสต์กล่าวถึง "สถาบันกษัตริย์" ไม่ได้กล่าวถึงกษัตริย์องค์ใดโดยเฉพาะ การเข้าใจจึงขึ้นกับการตีความของบุคคล และสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดม.112 พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอลงโทษจำเลย ม.112, ม.116 และ พ.ร.บ.คอมฯ พิพากษายกฟ้อง

 

ย้อนอ่านปากคำพยานได้ที่ https://tlhr2014.com/archives/48783

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR #ยกเลิก112