วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ม็อบคณะราษฎร ผนึกกำลังคนเสื้อแดง เปลี่ยนแนว จัดงานปราศรัยรูปแบบใหม่ สไตล์งานเฟสติวัล ที่ถนนอักษะ.

 


ม็อบคณะราษฎร ผนึกกำลังคนเสื้อแดง  เปลี่ยนแนว จัดงานปราศรัยรูปแบบใหม่ สไตล์งานเฟสติวัล ที่ถนนอักษะ 


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณถนนอักษะ ในพื้นที่จัดการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันนี้ซึ่งได้โปรโมทไว้ว่าจะได้พบกับงานการปราศรัยรูปแบบใหม่ ในสไตล์บรรยากาศของงานวัด เฟสติวัล 


มวลชนราษฎรและกลุ่มคนเสื้อแดง รวมตัวชุมนุมกันที่ถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล ทิศทางด้านใกล้แยกถนนองค์พระพุทธมณฑล เพื่อทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมสลับกันขึ้นปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล พร้อมประกาศตั้งกลุ่มการ์ดภาคีเพื่อประชาชน


มวลชนเริ่มทยอยเข้าร่วมชุมนุมบริเวณถนนอุทยาน เป็นการรวมตัวของ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มราษฎร และกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมแจ้งขอจัดชุมนุมไว้กับ 3 สถานีตำรวจ คือ สน.พุทธมณฑล สน.ธรรมศาลา และ สน.ศาลาแดง โดยจัดกิจกรรมลักษณะคล้ายงานวัด มีเครื่องเล่นและโซนกิจกรรมตามแนวถนน รวมทั้งทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยมีการนำโลงศพสีแดงแสดงการรำลึงถึงคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต (นักสู้ธุลีดิน) เปรียบได้กับประชาชนเหล่านี้ต้องมาตายกลางเมืองหลวงเพราะถูกปราบปรามจากการเรียกร้องประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการวางดอกไม้จันทน์บนโลงศพที่มีรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สลับด้วยการปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล


ก่อนเริ่มกิจกรรมในการชุมนุม ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เข้าพื้นที่รักษาแนว แต่ทางกลุ่มของผู้ชุมนุมเจรจาขอให้ตำรวจถอยร่นออกไป หลังการเจรจาตำรวจยอมถอยร่น 100 เมตร และตั้งแนวอยู่บริเวณปลายสะพานข้ามแยกทวีวัฒนา บนถนนอักษะ ห่างจากจุดพื้นที่ชุมนุมประมาณ 500 เมตร


เวลา 19.50 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ขึ้นเวทีปราศรัยในประเด็นปฏิรูปสถาบันฯ และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 


เวลา 21.00 น. อ.ปวินฯผู้ลี้ภัยทางการเมือง ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุยทักทายกับมวลชนที่จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมพูดคุยและพูดถึงเกี่ยวกับการที่ตนเองได้เคยผ่านเวทีม็อบที่ถนนอักษะในอดีตที่ผ่านมากับพี่ น้องเสื้อแดงก่อนแล้ว และอยากกลับมาเมืองไทยหากเป็นไปได้เพราะคือประเทศบ้านเกิด


เมื่อเวลา 21.30 น. บนเวทีปราศรัยยังคงคึกคักด้วยกลุ่ม ‘แร็พคลองเตย’ ขึ้นแสดง โดยขับร้องเพลงแร็พเสียดสีทางการเมือง


เวลา 22.00 น. กลุ่มอาชีวะได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยตัวแทนกลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนในฐานะที่มีบทบาทมาตั้งแต่ปี 2556 ร่วมกับเสื้อแดงที่ราชมังคลากีฬาสถานจนถึงถนนอักษะ ต้าน กปปส. ต้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ วันนี้ขอยืนยันว่า จะไม่มีการลดเพดาน ทั้ง 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 

1. พล.อ.ประยุทธ์ฯลาออก 

2. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 

3. ปฏิรูปสถาบันฯ 


ทั้งนี้ ขอฝากถึง ‘จีโน่’ (รถฉีดน้ำแรงดันสูง) สั้น ๆ ว่า ถ้าฉีดน้ำมั่ว ยางรั่วแน่นอน


จากนั้น ‘หมู’ ตัวแทนอาชีวะอีกราย กล่าวว่า เราไม่ถอย ยืนยันว่าจะอยู่คู่มวลชนทุกม็อบ ยังคงเป็นแนวหน้า แนวหลัง เป็นทั้งกลุ่มพร้อมดูแลปกป้องมวลชนและเก็บขยะทำความสะอาดให้ ตนพูดไม่เก่ง แต่รักหมดใจ กลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย แบ่งย่อยออกไปอีกมากมาย อาทิ ฟันเฟืองธนบุรี ฟันเฟืองปทุม นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม อาชีวะสามเสน เป็นต้น โดยทั้งหมดอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่มีใครสั่งใครได้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.  ที่แยกเกียกกาย ที่ผ่านมา กลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตยถูกยิงหลายคน แต่อย่าคิดว่าตัวเองชนะ การเอาปืนยิงแล้วหนี ถามว่าชนะตรงไหน


เราไม่ถอนตัวแน่นอน ส่วนที่เคยบอกว่าถอนนั้น เป็นการสื่อสารที่พลาดไป เพราะสิ่งที่ต้องการสื่อความหมายคือการถอนจากวิธีการสู้แบบเดิม ๆ เปลี่ยนเป็นวิธีใหม่ อยากให้เข้าใจความหมายนี้ มีคนมาโจมตีว่า เรารับข้อ 3 ไม่ได้ ขอยืนยันว่าเรารับได้ในหลักการ บางคนมาบอกว่าเรารับเงินฝ่ายตรงข้าม ถามว่า ถ้ารับจริงจะมาปกป้องมวลชนทำไม เรามาด้วยใจ และไม่เคยเปิดรับเงินบริจาค เว้นแต่การบริจาคอุปกรณ์เท่านั้น”


‘หมู’ กล่าวอีกว่า ก่อนมาม็อบ เราศึกษาประวัติศาสตร์มาแล้ว ที่ผ่านมา อาชีวะมีบทบาทต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่กับประชาชนมาโดยตลอด หลายครั้งประสานกับเสื้อแดง แต่ก็มีช่วงที่ถูกเผด็จการหลอกใช้เป็นเครื่องมือหลายครั้ง อย่างเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 จากนี้ต่อไป จะไม่เดินทางผิดไปทำร้ายประชาชน เราจะเคียงข้างประชาขน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาชีวะถูกทอดทิ้งเป็นแค่เศษเสี้ยวในระบบการศึกษา ถูกตราหน้าเป็นขยะสังคม แต่ขยะสังคมอย่างพวกตนจะปกป้องมวลชนเอง และขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ที่ทำให้อาชีวะเลิกตีกันได้ จากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลง ‘ฟันเฟืองหัวเหล็ก’ อย่างเสียงดังกึกก้อง


เวลา 22.50 น. นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลู ได้ขึ้นเวทีขับร้องบทเพลงต่าง ๆ อาทิ 12345 ไอเลิฟยู ทำให้คนเสื้อแดงต่างลุกขึ้นเต้นหน้าเวทีอย่างสนุกสนานครึกครื้น


จากนั้น ‘แป๊ะ บางสนาน’ นักร้องขวัญใจคนเสื้อแดง ขึ้นเวทีร้องเพลง ‘ดอกหญ้าสีแดง’ โดยชู 3 นิ้วบนเวที คนเสื้อแดงพากันโยกตัวตามจังหวะเพลง


‘แป๊ะ บางสนาน’ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เชื่อว่า เสื้อแดงหลายคนรีดเครื่องแบบไป หลั่งน้ำตาไปในวันที่ลูกหลานตื่นรู้ ตนขอขอบคุณลูกหลานด้วย


พ.ต.อ.สมศักดิ์ฯ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมแจ้งว่าจะจัดการชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.00 น.จนถึงเวลา 03.00 น.ขณะนี้ สถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากมีการแจ้งจัดการชุมนุมไว้แล้ว จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะผู้ชุมนุมยอมปฏิบัติตามที่ได้มีการพูดคุยและตกลงกันไว้.


ประมวลภาพ








วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ธิดา ถาวรเศรษฐ : รัฐต้องการปราบโดยจงใจให้ม็อบชนม็อบ...หรือไม่?

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ม็อบ 14 พฤศจิกา ส่งเสียงสภาจงฟังก่อนยุติชุมนุม เน้นย้ำให้มวลชนจับตาดูการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐสภาในสัปดาห์หน้าด้วย

 


ม็อบ 14 พฤศจิกา ส่งเสียงสภาจงฟังก่อนยุติชุมนุม เน้นย้ำให้มวลชนจับตาดูการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐสภาในสัปดาห์หน้าด้วย


#MobFest ที่จัดกิจกรรมในวันที่ 14 พ.ย. 63 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เวลาประมาณ 00.40 น. (วันที่ 15 พ.ย. 63 ) กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก (เดิมคือกลุ่มผู้หญิงปลดแอก) ประกาศยุติเวทีบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งตรงข้ามร้านแมคโดนัลด์ ขณะที่เวทีบริเวณแยกผ่านฟ้ายุติลงเช่นเดียวกัน 


จากนั้นเวลาประมาณ 00.50 น. มีผู้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า งานยังไม่ยุติ และขอให้มารวมตัวกันหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะมีการปิดงานอย่างเป็นทางการ


ต่อมากลุ่มนักศึกษาอาชีวะต่างตะโกนบอกต่อ ๆ กัน ให้ช่วยกันนำรั้วเหล็กย้ายกลับไปวางเรียงในจุดเดิมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


ต่อมาสิรภพ อัตโตหิ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง คือ

1. ประยุทธ์และองคาพยพต้องลาออก 

2. แก้รัฐธรรมนูญใหม่

3. ปฏิรูปสถาบัน


จากนั้น ได้ขอให้ทุกคนนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ผ่านสื่อโซเชี่ยลของตนเอง ถึงข้อเรียกร้องส่วนตัว 3 ข้อแล้วติดแฮชแท็ก #สภาจงฟัง


สิรภพ ได้กล่าวต่อไปว่า วันนี้ที่เสื้อแเดงได้ศักดิ์ศรีคืนมา คือชัยชนะ เสียงของคนทุกภาคส่วนได้รับการได้ยินก็คือชัยชนะ ขอให้เป็นแรงใจให้ทุกคนหายเหนื่อย สู้กันต่อไป สิ่งที่ไม่เคยหมดจากประเทศคือนักสู้ กาลเวลาเปลี่ยนไปเท่าไร แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ คนเท่ากัน เป็นสัจธรรม แสงสว่างไม่ไกล ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม และกาลเวลาอยู่ข้างเรา เราจะเขียนอนาคตร่วมกัน


จากนั้นผู้ชุมนุมต่างชู 3 นิ้ว และพูดพร้อมกันว่า “สภาจงฟัง”  3 ครั้งด้วยกัน แล้วช่วยกันปลดป้ายผ้าสีขาวที่เขียนข้อความเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำไปปิดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมาออกจากอนุสารีย์ประชาธิปไตย และแยกย้ายกันกลับบ้าน เวลาประมาณ 01.50 น. 


ทั้งนี้ได้มีการเล่นเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ผลงานจิตร ภูมิศักดิ์ คลอตลอดเวลา โดยมีไผ่ ดาวดิน และวงสามัญชนเล่นดนตรีด้วย


ประมวลภาพ













วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

“หมอเหวง” เตือนนายกฯ “ถอยดีกว่า” ลาออกและเปิดให้รัฐสภาเป็นทางออกของปัญหา!


“หมอเหวง” เตือนนายกฯ “ถอยดีกว่า” ลาออกและเปิดให้รัฐสภาเป็นทางออกของปัญหา!

 

ยูดีดีนิวส์ : 12 พ.ย. 63 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นพ.เหวง โตจิราการ ได้เดินทางมาตามนัดหมายของศาลในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2552 ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ

 

โดยผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ในกรณีกลุ่ม ส.ส./ส.ว. เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรรมนูญตีความปมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นพ.เหวง กล่าวว่า ให้ดูที่ตัวละครสำคัญคือ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ขุนพลสำคัญของฝ่าย ส.ส. และ “สมชาย แสวงการ” ขุนพลสำคัญของฝ่าย ส.ว. แสดงว่าฝ่ายรัฐบาลเคลื่อนพลเต็มที่ และอย่าพูดว่านายกฯ ไม่เกี่ยวข้องเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีบทบาททั้งในพรรคพลังประชารัฐและมีบทบาทในเรื่องส.ว.ด้วย

 

สำหรับผมส่วนตัวคิดว่าเป็นการตอกย้ำว่าโอกาสที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดประตูเลยครับ คือเขาไม่ประสงค์ที่อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพยายามหาช่องทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

 

ซึ่งดูรายละเอียดที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ตีความถือว่าเป็นอำนาจสถาปนา รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน แทบจะกล่าวได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญคงจะมีช่องน้อยมากในการที่เปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป หากรัฐบาลตั้งใจไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็แปลว่าตั้งใจก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากับประชาชน

 

นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่า วันนี้รัฐบาลอย่ามองแคบ ๆ ว่าเป็นความประสงค์เฉพาะคณะราษฎร2563 ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นความประสงค์ของคนส่วนใหญ่ทั่วทั้งประเทศเกินกว่า 60-70% ที่ประสงค์ให้นายกฯ ลาออกไปและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมขอเตือนว่า “ถอยดีกว่า” และแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยใช้ระบบรัฐสภาดีกว่า นี่จะเป็นวิถีทางเดียวในการที่จะทำให้สถานการณ์กลับคืนมาสู่สภาพปกติโดย “สันติวิธี” แต่ถ้ายังดันทุรังเดินไปอย่างนี้ผมว่ามันจะเดินหน้าไปสู่ความรุนแรงร้ายแรงอย่างแน่นอน!

 

ฝากไปถึงคุณชวน หลีกภัย หากเคารพในหลักการตัวเองและเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ด้วยความเคารพ ท่านสามารถให้ข้อคิดเห็นหรือเตือนไปยัง ส.ส./ส.ว. ได้ว่าการเดินไปอย่างนั้นรังแต่จะก่อให้เกิดการเผชิญหน้ามากกว่า นพ.เหวง กล่าวในที่สุด.

ธิดาชี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาเป็นการแสดงสองหน้า ดูไม่มีความหวัง!

 


ธิดาชี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาเป็นการแสดงสองหน้า ดูไม่มีความหวัง!

 

ยูดีดีนิวส์ : 12 พ.ย. 63 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ ได้เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ซึ่งในวันนี้ศาลได้มีการนัดจำเลยในคดีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2552 ทั้งนี้มีการเบิกตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาขึ้นศาลด้วย โดย อ.ธิดาได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยแสดงความคิดเห็นต่อกรณีกลุ่ม ส.ส./ส.ว. เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความปมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย อ.ธิดา กล่าวว่า

 

“มันมีความหมายในการหาทางออกจากวิกฤตปัญหาประเทศในตอนนี้ว่า วิถีทางรัฐสภาน่าจะแทบไม่มีความหวังเลย เพราะด้านหนึ่งเป็นการแสดงเหมือนกับว่าจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระหนึ่งได้ จากนั้นดูประหนึ่งว่าจะเป็นการพยายามหาทางออกโดยวิถีทางรัฐสภา”

 

อ.ธิดากล่าวต่อว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นจากรอบที่แล้วก็คือมีการเลื่อน แต่ในรอบนี้ประมาณว่าไปดักทางเอาไว้ หมายความว่าถ้ามีความพยายามจะแก้ปัญหา ส.ส. หรือ ส.ว. ส่วนหนึ่งจะหาทางออกรัฐสภาโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ระดับหนึ่ง แต่ฝ่ายที่ไม่ยอมก็ไปยื่นตีความศาลรัฐธรรมนูญ”

 

ซึ่งทำให้ย้อนคิดถึงอดีตที่เคยเกิดปัญหาคล้ายกัน คือแม้จะมีเสียงข้างมากสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่เอาเข้าจริงก็ถูกโยนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฯ บอกว่าแก้ทั้งหมดไม่ได้ ให้แก้บางประเด็น (ในสมัยรัฐบาลก่อนโน้น) ในที่สุดก็กลายเป็นว่าการตั้ง สสร. ก็เป็นไปไม่ได้ แล้วก็แก้ได้บางประเด็นคือประเด็นวุฒิสมาชิก จึงเป็นเหตุให้ล่มไปเลย เกิดวิกฤตและมีการทำรัฐประหารในที่สุด อ.ธิดากล่าว

 

ดูแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีการเขียนให้มีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งนั้นน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะแม้ทำท่าเหมือนเปิดประตู แต่อีกด้านหนึ่งก็ปิดประตูล็อคเอาไว้

 

ละครการเมืองนี้ก็ให้ประชาชนดูกันต่อไป แต่ในส่วนตัวอาจารย์มองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาเป็นการแสดงสองหน้า ดูไม่มีความหวัง อ.ธิดากล่าวในที่สุด.


วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ธิดา ถาวรเศรษฐ : รัฐจารีตไทยไม่ยอมรับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ!

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กลุ่มนักเรียนเลวและแนวร่วม อ่านแถลงการณ์ยกระดับการชุมนุม นัด 21 พ.ย.ชุมนุมใหญ่ไล่ "ประยุทธ์"

 


กลุ่มนักเรียนเลวและแนวร่วม อ่านแถลงการณ์ยกระดับการชุมนุม นัด 21 พ.ย.ชุมนุมใหญ่ไล่ "ประยุทธ์"

 

วันนี้ (6 พ.ย.63) เวลา 10.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า #นักเรียนเลว และองค์กรนักเรียนแนวร่วม นำโดยนายนภณพัฒน์ หวังไพสิฐและคณะ โดยมี น.ส.ธญานี เจริญกูล ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลวเป็นผู้อ่านแถลงการณ์

ระบุว่าสืบเนื่องจาก นักเรียนเลวและองค์กรแนวร่วมนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ได้จัดชุมนุมและกิจกรรมเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมนโรงเรียน รวมถึงระบบการศึกษาต่อกระทรวงศึกษาธิการมาอย่างต่อเนื่อง แต่กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนำโดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ มิได้สนใจที่จะแก้ไขตามข้อเรียกร้องของนักเรียน ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำ อ้างว่าการชุมนุมมีผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้งยังเพิกเฉยให้นักเรียนเผชิญปัญหาต่อไป โดยที่ตนเพียงแต่สร้างภาพกับสื่อว่ารับฟังนักเรียน การกระทำเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นนักเรียนอย่างมาก ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอีกต่อไป จึงได้ยื่นหนังสือให้นายณัฐพล ลาออกจากตำแหน่ง แต่นายณัฐพลก็มิได้ดำเนินการใด ๆ

 

หากการเรียกร้องกับกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับปัญหาที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงฯ นั้น มิได้ทำให้ระบบการศึกษาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น พวกเรานักเรียนจึงจะยกระดับการเรียกร้องไปที่ต้นตอของปัญหา ผู้ที่เลือกนายณัฐฏพล ทีปสุวรรณ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ดังนั้น นักเรียนเลวและองค์กรนักเรียนแนวร่วม จึงประกาศจัดชุมนุมครั้งใหญ่ของนักเรียนขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 เพื่อยกระดับการเรียกร้องให้เสียงของนักเรียนไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน การศึกษาไม่ได้รับการพัฒนา เพราะการเมืองมีปัญหา เราจะเปล่งเสียงแห่งการเปลี่ยนแปลงออกมา ถ้าการเมืองดี เราจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม ทั่วถึง และเคารพสิทธิ

 

จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายนภณพัฒน์ กล่าวว่า เวลาและสถานที่จะเป็นที่ไหน ทางกลุ่มนักเรียนเลวจะประกาศอีกครั้งทางเพจนักเรียนเลว ซึ่งการยกระดับการชุมรุมครั้งนี้ยังคงเรื่องการศึกษา แต่จะยกระดับพูดเรื่องอื่น ๆ ด้วย เพราะมองว่าที่การศึกษาไม่พัฒนาเพราะการเมืองมีปัญหา เราในฐานะนักเรียนจึงต้องส่งเสียงออกมาเพื่อให้การเมืองดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงเฉพาะด้านการศึกษาเท่านั้น

 

โดยที่ผ่านมาทางกลุ่มนักเรียนเลว ยังไม่ตอบรับข้อเรียกร้องว่าจะเป็นไปแนวทางเดียวกับกลุ่มอื่น ๆ หรือไม่ แต่หลังจากวันนี้ทางกลุ่มนักเรียนเลวจะะมีประกาศแน่นอนว่าจะใช้ข้อเรียกร้องเดียวกับกลุ่มใดบ้างเพื่อจะดำเนินการชุมนุมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจากทุกเรื่องที่ทางกลุ่มเรียกร้อง นายณัฐพลตอบรับทุกเรื่องแต่ไม่ดำเนินการใด ๆ นายนภณพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

 #UDDnews


ประมวลภาพ















วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

คณะราษฎร2563 แถลงการณ์ ไม่สังฆกรรมกับคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ชี้เป็นการแสดงละครการเมือง ยัน 3 ขัอเรียกร้อง ลั่น!!!มีหมัดเด็ดน็อกรัฐบาลแน่นอน

 


คณะราษฎร2563 แถลงการณ์ ไม่สังฆกรรมกับคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ชี้เป็นการแสดงละครการเมือง ยัน 3 ขัอเรียกร้อง ลั่น!!!มีหมัดเด็ดน็อกรัฐบาลแน่นอน


วันนี้ (4 พ.ย. 2563) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สนามหลวง (สนามราษฎร)  กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และเครือข่ายต่าง ๆ นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ขอนแก่นพอกันที  พร้อมตัวแทนจากกลุ่มต่าง ๆ รวมตัวกันในนาม"คณะราษฎร2563" ร่วมตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนการเคลื่อนไหวและแสดงจุดยืนต่อกรณีการตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์


 "ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เพื่อเปิดทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ก็ยังไม่สามารถก้าวไปทำข้อต่อไปได้ ”


ระบุตามที่ฝ่ายรัฐบาลได้เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการปรอง ดองสมานฉันท์ขึ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปเพื่อลดความตึงเครียดทางการเมืองในสังคม และหาทางแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาตินั้น พวกเราเห็นว่าการจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าวมิอาจนำมาซึ่งหนทางแก้ปัญหาใด ๆ ดังที่กล่าวอ้างได้ เพราะแท้จริงแล้ว การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เป็นอุปสรรคประการใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการแก้ไขปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังปราศจากความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง


ด้วยเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าสู่อำนาจโดยมิชอบตั้งแต่แรก จึงนับได้ว่าการจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เป็นเพียงการแสดงละครทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล เพื่อซื้อเวลาให้ พล.อ.ประยุทธ์  พวกเราขอประกาศจุดยืนว่าจะไม่ยอมรับ และจะไม่สังฆกรรมกับคณะกรรมการที่ฝ่ายรัฐบาลจะจัดตั้งขึ้น และขอยืนยันว่าปัญหาจะเริ่มต้นมิได้เลย หากพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ลาออก จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พวกเราขอยืนยันในข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อดังต่อไปนี้ 


1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

2. ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

3. ต้องมีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ


จากนั้น "ไผ่ ดาวดิน" กล่าวว่า ในตอนนี้เราได้รวบรวมเครือข่ายต่างๆ ที่กระจายทุกภูมิภาค เพื่อที่จะวางแผนและวางยุทธศาสตร์ในการชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป ยิ่งรัฐบาลอยู่นาน พวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนี้เราจะมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกคนจะต้องคอยติดตามจากเพจ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" เท่านั้น เนื่องจากมีหลายเพจ หลายกลุ่ม อาจทำให้มวลชนสับสน อีกทั้งเราจะต้องเปิดเพจขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันไอโอจากฝั่งรัฐบาลที่จะเข้ามาโจมตี” 


ไผ่ ดาวดิน กล่าวต่อไปอีกว่า ตนในฐานะหนึ่งในแกนนำกลุ่มราษฎร ขอยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของพวกเรามีพลัง ถึงแม้รัฐบาลจะไม่ฟังเรา แต่วันนี้พวกเรามีมวลชนมากขึ้น การชุมนุมแต่ละครั้ง เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเราได้ยึดหลักสันติวิธี เราไม่รู้ว่าการชุมนุมของเราในแต่ละครั้งจะเป็นการกดดันให้ พล.อ. ประยุทธ์ ลาออกเมื่อไร แต่เราจะพยายามไปเรื่อย ๆ และพยายามรับฟังจากเสียงคนรอบข้าง


ทั้งนี้ไผ่ ดาวดิน ได้ฝากไปยังมวลชนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ให้ระมัดระวังเรื่องการใช้ความรุนแรงและอาวุธ เนื่องจากสิ่งนี้อาจทำให้รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารได้


ด้านนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที ระบุว่า สลักตัวแรกคือพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นคนที่ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าตามข้อเรียกร้องได้เลย รัฐบาลยังไม่หยุดที่จะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมทางการเมือง อีกทั้งในปัจจุบันนักเคลื่อนไหวหลายคนยังมีคดีค้างคาอยู่หลายสถานีตำรวจ นี่คือสิ่งที่แสดงออกว่า รัฐบาลไม่อยากเจรจากับพวกเรา และพวกเราก็จะไม่ขอเจรจาด้วย ประชาชนเป็นฝ่ายที่ถูกรัฐบาลคุกคามและลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เราจะไม่ยอมถอยอีกแล้ว เราสู้จนหลังชนฝา ข้อเรียกร้องของพวกเราคือ ขอให้ พล.อ. ประยุทธ์ และ คสช. ทั้งหมดลาออกจากตำแหน่ง และต้องรีบร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้ไวที่สุด


เช่นเดียวกับที่นายณัฐชนน ไพโรจน์ ประธาน สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ยืนยันว่า ตอนนี้ถึงจะมีการเคลื่อนไหวทุกวันแต่มวลชนยังมีแรงใจสู้ เพื่อให้ข้อเรียกร้องเกิดความสำเร็จขึ้นได้อย่างแน่นอน 


“สิ่งที่รัฐทำเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการที่ตั้งคณะกรรมการปาหี่ เป็นสิ่งที่อัปยศ วอนนายกฯ อย่าดูถูกประชาชน  ประชาชนไม่ใช่ใบไม้แห้ง แต่เป็นเมล็ดพันธ์ุที่ร่วงลงดินแล้วเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ” 


ดังนั้นที่ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีหมัดน็อก หมัดเด็ดอย่างไรที่จะเอา พล.อ. ประยุทธ์ ออกไป เรามีแน่นอน เร็ว ๆ นี้ขอใหทุกท่านติดตาม เพราะทุกกลุ่มทุกแนวร่วมตอนนี้มารวมเป็น "ราษฎร" ณ ที่แห่งนี้แล้ว และพร้อมที่จะทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ลาออกอย่างแน่นอน


#UDDnews #คณะราษฎร2563 #สนามราษฎร


ประมวลภาพ