วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

"ทะลุฟ้า" แกงใส่ "นางเลิ้ง" โผล่ "ท่าน้ำนนท์" หวังพบ "ประยุทธ์" แต่อดเจอ หลังนายกฯ เปลี่ยนแผน หลบม็อบต้าน มวลชนแน่นรอ (ต้อนรับ) ขับไล่

 


"ทะลุฟ้า" แกงใส่ "นางเลิ้ง" โผล่ "ท่าน้ำนนท์" หวังพบ "ประยุทธ์" แต่อดเจอ หลังนายกฯ เปลี่ยนแผน หลบม็อบต้าน มวลชนแน่นรอ (ต้อนรับ) ขับไล่


วันนี้ (30 ก.ย. 64) ที่ท่าน้ำเทศบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายอนุชา นาคาศัยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและส.ส.พรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด รับฟังแนวทางป้องกัน และลดผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย  ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านบางกลุ่มเคลื่อนไหวขับไล่การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ในครั้งนี้ ด้วย


โดยเมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ชุมชนตลาดขวัญ "นายกฯ" พร้อมคณะ ได้เปลี่ยนจุดจอดเรือจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะนั่งเรือมาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับที่ท่าน้ำนนทบุรี แต่ปรากฎว่าระหว่างที่ล่องเรือเพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่นั้น พบว่ามีกลุ่มต่อต้าน พลเอกประยุทธ์ ได้ทยอยรวมตัวกันจำนวนมากที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ได้มีมวลชนมาปักหลักรวมตัวเพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ บางรายเตรียมน้ำปลาร้ามาด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.มาตั้งแถว ห้ามไม่ให้มวลชนเข้าใกล้ท่าน้ำนนท์ จนเกิดการผลักดันกันเป็นระยะ ๆ


พบว่ามวลชนทยอยเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จำนวนเพิ่มขึ้น ๆ โดยส่งเสียงตะโกนขับไล่พลเอกประยุทธ์  นายกฯให้ออกจากตำแหน่ง จนมีการใช้กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้ามาควบคุม อีกทั้งรถจีโน่ก็เข้าประจำการเตรียมความพร้อม


อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 15.05 น. เพจเฟซบุ๊ก ทะลุฟ้า - thalufah โพสต์ข้อความระบุว่า แกงหม้อใหญ่ ไม่ไปแยกนางเลิ้ง ทะลุฟ้าประจันหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งวันนี้ลงพื้นที่ จ.นนทบุรี และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับฟังปัญหาของประชาชนที่แท้จริง


ขณะที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ท่าน้ำนนท์  นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ราษฎร และป้าเป้า ได้ใช้โทรโข่งปราศรัยถึงการทำงานของรัฐบาล ความล้มเหลวในเรื่องต่าง ๆ พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีมาพูดคุยรับฟังปัญหา ซึ่งตามกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเดินทางมายังจุดนี้ มวลชนจึงมารอแต่พบว่านายกรัฐมนตรีไม่มา


ด้านเจ้าหน้าที่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่ามวลชนใช้เวลาแสดงออกพอสมควรแล้ว มีความยินดีที่จะให้แสดงออก แต่ขณะนี้มีกฎหมายโรคติดต่อ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการชุมนุมผิดกฎหมาย ขอให้แยกย้ายกันกลับ ด้วยความเป็นห่วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยากให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตั้งแนวสกัด


ขณะที่มวลชนยังคงรวมตัวแต่ตะโกนด่าทออย่างดุเดือดที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามและที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมมารับฟัง พร้อมทั้งจุดธูปทำพิธีสวดไล่พล.อ.ประยุทธ์


อย่างไรก็ตาม นายกฯและคณะ ได้เปลี่ยนจุดขึ้นจากที่ท่าน้ำนนทบุรี มาเป็นโป๊ะเรือตรงตึก ส.ว.อาคารรัฐสภา เกียกกาย แทน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและส่วนล่วงหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ร่วมกันประเมิน และแจ้งไปทางเรือของนายกฯ เพื่อประสานกับทีมรักษาความปลอดภัยให้เปลี่ยนจุดขึ้นเรือ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมวลชน


จากนั้น 16.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอนกำลังออกจากบริเวณท่าน้ำนนท์


ต่อมามวลชนเริ่มทยอยออกจากบริเวณท่าน้ำนนท์แล้ว ขณะที่ กลุ่มทะลุฟ้า ประกาศผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้งเมื่อเวลา 16.25 น. ระบุว่า "ประยุทธ์ไม่กล้าเผชิญหน้ากับประชาชน

ที่ออกมาร้องทุกข์ ณ ท่าน้ำนนท์ !

ไม่กล้าแค่นั้นยังไม่พอ ยังไม่ยอมรับฟังเสียงใดๆของประชาชน

เอารถน้ำจีโน่ เอาฝูงตำรวจ (ขี้ข้า)

มาปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออก"


พร้อมย้ำข้อเรียกร้อง คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข, เขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนเพื่อประชาชน, ปฏิรูปสถาบัน และปฏิรูปตุลาการเพื่อคืนสิทธิการประกันตัว 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ30กันยา #ทะลุฟ้า #ท่าน้ำนนท์ #ไล่ประยุทธ์















#ม็อบ29กันยา ผู้ถูกจับ รวม 22 คน ผู้ใหญ่ 13 เด็ก 2 เยาวชน 7 ข้อหาร่วมกัน #/ฝ่าเคอฟิวส์ #พรกฉุกเฉินฯ ถูกขังที่ สน.เตาปูน ทั้งคืน

 


#ม็อบ29กันยา ผู้ถูกจับ รวม 22 คน ผู้ใหญ่ 13 เด็ก 2 เยาวชน 7 ข้อหาร่วมกัน #/ฝ่าเคอฟิวส์ #พรกฉุกเฉินฯ ถูกขังที่ สน.เตาปูน ทั้งคืน


วันนี้ (30 ก.ย. 64) สืบเนื่องจาก #ม็อบ29กันยา วานนี้ จากการเคลื่อนไหวของ #ทะลุฟ้า บริเวณแยกนางเลิ้ง และ #ทะลุแก๊ส บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า มีผู้ถูกจับกุมรวมทั้งสิ้น 22 คน เป็นผู้ใหญ่ 13 คน เด็ก 2 คน และเยาวชน 7 คน ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันฝ่าเคอฟิวส์และพรก.ฉุกเฉินฯ และถูกคุมขังไว้ที่ สน.เตาปูน ทั้งคืน

 

โดยบ่ายวันนี้ (30 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตร. จะนำเด็กและเยาวชนไปตรวจสอบการจับกุมที่ศาลเยาวชน ส่วนผู้ใหญ่จะนำฝากขังผ่านวิดิโอกับศาลอาญาและศาลแขวงพระนครเหนือ

 

Cr. ภาพจาก #ไข่แมวชีส

#ม็อบ29กันยายน #ทะลุฟ้า #ทะลุแก๊ส

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.61 ตอน "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ความเสื่อมทรุดและความไม่ชอบธรรมในการเป็นนายกฯ

"ไอซ์-รักชนก" กลุ่มพลังคลับ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ ม.112 - พ.ร.บ.คอมพ์ ที่ปอท. ด้านลูกนัทเดินทางให้กำลังใจ


 

"ไอซ์-รักชนก" กลุ่มพลังคลับ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ ม.112 - พ.ร.บ.คอมพ์ ที่ปอท. ด้านลูกนัทเดินทางให้กำลังใจ


วันนี้ (29 ก.ย. 64) สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้"ไอซ์-รักชนก ศรีนอก" จากกลุ่มพลังคลับ ได้เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า ได้รับหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความั่นคงแห่งราชอาณาจักร จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี


โดยกรณีดังกล่าวมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ คือ มณีรัตน์ เลาวเลิศ มี พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนฯ เป็นผู้ออกหมายเรียก โดยให้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 ก.ย. 2564 เวลา 10.30 น. นั้น


วันนี้เวลา 10.00 น.  ไอซ์-รัชนก ศรีนอก จึงเดินทางมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ ม.112 ตามนัดหมาย ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) โดยมี ลูกนัท-ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย เดินทางมาให้กำลังใจ


ด้านคุณลูกนัท กล่าวว่าในวันนี้มาให้กำลังใจและมาเป็นเพื่อนคุณไอซ์ จากการที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ทางคุณไอซ์ไม่ได้เป็นห่วงอะไร ซึ่งคิดว่ากฎหมายที่ไม่ได้มีความชอบธรรมอยู่แล้วในการริดรอนสิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์หรือการที่จะแสดงออก การพูดของประชาชน จะต้องมีสิทธิ์ในการพูดโดยเฉพาะการพูดเรื่องจริง อย่างไรก็ดีมีบุคคลที่ยิ่งทำก็ยิ่งทำให้ศรัทธาของประชาชนเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือและเป็นอาวุธในการกดขี่บุคคลที่เห็นต่างกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้ก็จะพยายามตีตัวเสมอว่าตนเป็นตัวแทนของสถาบัน ซึ่งในความเป็นจริงรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของอะไรเลย เพราะไม่ได้มีใครเลือกมา แต่เป็นการเลือกกันเองและมากันเอง ดังนั้นการใช้มาตรา 112 ในยุคนี้ถือว่าไม่มีความชอบธรรมเลย 


ขณะที่ ไอซ์ รัชนก กล่าวว่าการเดินทางมาตามหมายเรียกในวันนี้ตนยังไม่ทราบว่าถูกดำเนินจากกรณีใด และอยากจะย้ำกับทุกคนว่ามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่กำลังจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าเป็นกฎหมายที่มีปัญหา โดยมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วน พ.ร.บ คอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากรัฐบาลชุดนี้ยังจะอยู่ต่อไป ยังไม่สามารถไล่ออกได้ ก็จะยังคงมีการออกกฎหมายที่ปิดหูปิดตาประชาชนและริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ยังไงเราต้องรวมพลังกันขับไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไป มิเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเกาหลีเหนือ ยอมรับว่าขณะรู้สึกตื่นเต้นมาก มือสั่น ขาสั่น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์




เบื้องต้นการจับกุม #ม็อบ28กันยา กว่า 9 คน ถูกนำตัวไปสน.พหลโยธิน หนึ่งในนั้นเป็นเยาวชน 14 ปี ถูกคุมตัวที่สน.ทั้งคืน ตร.ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองพากลับ

 


เบื้องต้นการจับกุม #ม็อบ28กันยา กว่า 9 คน ถูกนำตัวไปสน.พหลโยธิน หนึ่งในนั้นเป็นเยาวชน 14 ปี ถูกคุมตัวที่สน.ทั้งคืน ตร.ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองพากลับ


วานนี้ (28 ก.ย. 64) จากการเคลื่อนไหวใน ความพยายามเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มทะลุฟ้าอย่างต่อเนื่องที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้ประชาชนแต่ไม่เป็นผล โดยเจ้าหน้าที่ ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง และแก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุม ตามด้วยใช้คฝ.หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ไล่ตามจับกุมผู้ชุมนุมในบริเวณดังกล่าว


18.55 น. ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งเบื้องต้นว่า ผู้ถูกจับกุมกว่า 9 ราย และถูกนำตัวไปที่สน.พหลโยธิน


23.43 น. หนึ่งในผู้ถูกจับเป็นเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ปกครองมารับที่ สน. และอยู่ในขั้นตอนทำบันทึกจับกุม ทนายได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ปกครองจริง สามารถดูแลและพาเด็กมาสอบคำให้การ/ตรวจสอบการจับที่ศาลเยาวชนฯ พรุ่งนี้ได้ แต่พนง. สอบสวนไม่อนุญาต ทำให้เด็กต้องถูกคุมตัวที่ สน. ต่อ


#ม็อบ28กันยา #ทะลุฟ้า #ไล่ประยุทธ์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

คณะกรรมการจัดงาน 45 ปี 6 ตุลา 19 และสภานักศึกษามธ. ยืนยันจัดงานที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไม่ควรพลาดงานนี้!

 


คณะกรรมการจัดงาน 45 ปี 6 ตุลา 19 และสภานักศึกษามธ. ยืนยันจัดงานที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไม่ควรพลาดงานนี้!


วันนี้ (28 ก.ย. 64) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ห้องสภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการแถลงข่าวการจัดงานรำลึก “45 ปี 6 ตุลา 19” โดยนายสุเทพ สุริยะมงคล ประธานคณะกรรมการจัดงานฯ กล่าวในฐานะที่ตนได้รับการแต่งตั้งจาก รศ.เกศินี วิทูรชาติ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้เป็นกรรมการจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ “6 ตุลา 2519” ประจำปี แม้เวลานี้อยู่ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่การจัดงานดังกล่าวจัดในที่โล่งแจ้ง ประกอบกับการที่ ศบค. ได้มีมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ แม้กระทั่งโรงภาพยนตร์สามารถเปิดได้ ร้านอาหารสามารถมีดนตรีเล่นได้ การจัดงานเพื่อรำลึกถึงวีรชน 6 ตุลา ผมมองไม่เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมทางมหาวิทยาลัยไม่ให้เราจัดงาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องจัดการแถลงข่าวเพื่อยืนยันที่จะจัดงานฯ ในสถานที่จริง เราจะมีพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงคนตายในวันที่ 6 ตุลา มีพิธีสงฆ์ มีการกล่าวปาฐกถา มีการวางพวงหรีดมาลา

 

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส กล่าวว่า เราจะจัดงานครบรอบ 45 ปี 6 ตุลา 19 ที่ธรรมศาสตร์ เราตกลงใจร่วมกันในฐานะเป็นกรรมการจัดงานที่ทางมหาวิทยาลัยแต่งตั้งขึ้น เรายืนยันที่จะดำเนินการจัดงานดังกล่าวที่หน้าลานประติมากรรม หน้าหอประชุมใหญ่ ในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 07.00 น. อย่างแน่นอน ภายใต้การระมัดระวังเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 เท่าที่จะทำได้ โดยอาจจะจัดเป็นกิจกรรมเป็นกลุ่มละไม่เกิน 25 คน เพื่อความปลอดภัย แต่เราจะไม่เอาเรื่องโควิด-19 มาเป็นข้ออ้างเพียงเพื่อที่จะไม่ดำเนินการรำลึกถึงวีรชน 6 ตุลา 19

 

นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่เราพูดกับทางมหาวิทยาลัยมาตลอดก็คือ เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่ได้เป็นเรื่องของการจัดงานรำลึกอย่างเดียวและมันไม่ใช่ของธรรมศาสตร์ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ธรรมศาสตร์ก็จริง แต่ว่ามีประชาชน นิสิต นักศึกษา ทุกมหาวิทยาลัยเมื่อ 45 ปีที่แล้วเสียสละชีวิตเสรีภาพไปเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งสิทธิประชาธิปไตยของประชาชนและรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์ 14 ตุลา ที่เราชนะจากพวก 3 ทรราช และเราคิดว่าอุดมการณ์เหล่านี้ยังไม่สำเร็จ

 

สิ่งที่เยาวชนคนหนุ่มสาวเสียสละชีวิตในวัยรุ่นของเขามันก็ไม่แตกต่างกับเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบันที่ต้องไปติดคุกติดตาราง โดนตีด้วยกระบอง โดนฉีดด้วยแก๊สน้ำตาหรือน้ำแรงดันสูง ซึ่งรัฐบาลเผด็จการได้ทำกับเราและกับน้อง ๆ ในรุ่นหลังนี้ สิ่งที่เราจะจัดงาน 6 ตุลาก็คือเหตุผลเดียวกับทางมหาวิทยาลัยพูดคือรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและทำยังไงที่จะศึกษาและเรียนรู้ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก นายกฤษฎางค์ กล่าว

 

เราไม่สามารถจัดฉลองงานวันเกิดผ่านออนไลน์โดยคนไม่มาเจอกัน ผมบอกเลยว่าถ้าเราจัดงานวันที่ 6 ตุลา ปีนี้ เราจะไม่มีลักษณะของการจัดกลุ่มชุมนุมแออัดยัดเยียด อย่างน้อยที่สุดก็น้อยกว่าที่คุณประยุทธ์ไปที่สุโขทัย หรือไปกรวดน้ำท่วมที่เพชรบุรี ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่มหาวิทยาลัยจะไม่ให้เราจัด

 

ดังนั้น งาน “45 ปี 6 ตุลา 2519” เราจัดแน่นอนและจัดในธรรมศาสตร์ด้วย เพราะธรรมศาสตร์ไม่ใช่เป็นของคนธรรมศาสตร์ด้วยซ้ำ เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่แตกต่างจากเหตุผลที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพูดหลาย ๆ ครั้ง และเหตุผลในการจัดงานก็คือ

 

1) ศบค. ได้ผ่อนปรนมาตรการหลาย ๆ อย่าง เช่น ฟิตเนตเปิดได้ ดูหนังก็ได้ ร้านอาหารก็มีดนตรีได้ ทำไมเราจะจัดงานให้วีรชน 6 ตุลา ไม่ได้

 

2) น้อง ๆ สภานักศึกษา มธ. เขาจะจัดอยู่แล้ว เพราะเขาต้องรำลึกถึงเกียรติภูมิของ ชาวมธ. ที่สูญเสียไปและรำลึกวีรชน 6 ตุลา

 

หลายคนบอกว่าการจัดงาน 6 ตุลา ไม่ใช่แค่เอาภาพความทารุณโหดร้ายมาดู มันต้องเป็นการกู้ศักดิ์ศรีของคนที่สูญเสียไปด้วย เช่น ผู้หญิงนักศึกษาที่ถูกทำร้ายอย่างทรมานแล้วเอาศพไปทำทารุณกรรมทางเพศ หรือการทำร้ายเด็กอายุ 17-18 แล้วเอาไปแขวนคอที่ต้นไม้ที่สนามหลวง หรือการที่ทำลายเกียรติภูมิของ “อาจารย์ป๋วย อึ้งภากร” ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นภาระของชาวธรรมศาสตร์ผู้รักประชาธิปไตยต้องทำอยู่แล้ว นี่เป็นเหตุผลชัดเจน และวันนี้เป็นโอกาสที่เราทำมาตลอด เราก็ยังยืนยันอยู่

 

สุดท้ายขอเชิญชวนผ่านสื่อมวลชนว่า นักเรียนนิสิตนักศึกษาเยาวชนที่อยากเรียนรู้เหตุการณ์ในวันนั้น อย่างน้อยที่สุดในปีนี้เราก็มีรายการต่าง ๆ ที่จะสามารถอธิบายให้เข้าใจประวัติศาสตร์ได้มากขึ้น มีหนังสือที่ธรรมศาสตร์เองก็เป็นคนทำเกี่ยวกับเรื่องนี้แจก

 

สำหรับรายการที่จัดครบรอบ “45 ปี 6 ตุลา 19” ในเวลา 07.00 น. เริ่มต้นด้วยการตักบาตรทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงวีรชนที่เสียสละชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพิการ และผู้ที่ถูกเสื่อมเสียเกียรติภูมิ รวมทั้งท่านอาจารย์ป๋วย อึ้งภากร จากนั้นก็จะมีการวางหรีดจากผู้แทนขององค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น สภานิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็มีตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ จากนั้นก็จะมีการกล่าวปาฐกถาในเหตุการณ์ 6 ตุลา ในการครบรอบ 45 ปี และมีการเปิดนิทรรศการเกี่ยวกับ 6 ตุลา 19 ซึ่งจะเปิดแค่วันเดียว โดยจัดในพื้นที่ที่เหมาะสมและรับประทานอาหารร่วมกัน

 

และขอยืนยันว่าการจัดงานดังกล่าว ตลอดงานเราจัดกิจกรรมภายใต้การระมัดระวังการแพร่กระจายของโรคไวรัสโควิด-19 มีระบบคัดกรอง มีการเว้นระยะห่าง มีการขอให้สวมหน้ากากอนามัย ถ้าเป็นไปได้จะมีการจัดในแต่ละกลุ่มไม่ให้หนาแน่นเกินไป และที่สำคัญก็คือยังยึดถืออยู่ว่าทำอย่างไรที่จะฟื้นฟูเกียรติภูมิของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ทำอย่างไรที่จะสานปณิธานของวีรชนเหล่านั้นให้สังคมไทยเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยตามที่เขาต้องการ ไม่ใช่เป็นเครื่องเล่นของนักการเมืองหรือทหารที่ก่อการรัฐประหารตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะไม่ให้มีการปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่รักชาติรักประชาธิปไตยอย่างโหดร้ายทารุณอย่างที่ผ่านมา สุดท้ายคือเอาคนผิดมาลงโทษ ไม่ว่าคนผิดนั้นจะตายไปหรือยัง การลงโทษคือการลงโทษทางสังคมเพื่ออธิบายให้สังคมเห็นว่าสิ่งที่คุณทำในอดีตเป็นสิ่งที่ผิด

 

ขอเชิญชวนทุกท่านโดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาวมาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 6 ตุลานี้  เพราะการจัดงานในปีนี้เรามีรูปแบบการจัดงานที่สามารถอธิบายเรื่องของ 6 ตุลา 19 ให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จะเข้าใจได้ง่าย นายกฤษฎางค์ กล่าว

 

ส่วนกิจกรรมในช่วงบ่าย น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ “อั๋ว” กล่าวว่า พวกเรายืนยันจะจัดงานในสถานที่จริงแม้ว่าจะโดนมหาวิทยาลัยต่อต้านและยังไม่มีการอนุมัติให้จัดงาน ทางสภานักศึกษา มธ. ท่าพระจันทร์ ได้ทำเอกสารขอใช้สถานที่ไปตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ขอให้สื่อมวลชนจับตาดูคำตอบจากทางมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 ต.ค. นี้

 

การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช่การรำลึกเพียงอย่างเดียว เรามองว่าการต่อสู้ยังไม่จบ ตั้งแต่ปี 2519 หรือในอดีตที่ผ่านมา เรายังต้องต่อสู้กับเผด็จการและทรราชอยู่ จนมาถึงปีนี้ ปี 2564 ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม คนที่ตายในเหตุการณ์ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ประวัติศาสตร์ยังไม่ได้ถูกชำระ คนที่ผิดก็ยังไม่ได้ถูกนำไปลงโทษ เรามองว่าสังคมจะเป็นแรงหนุนให้เหตุการณ์เหล่านี้ยังอยู่ในความทรงจำและการต่อสู้ของคนรวมถึงเรื่องความยุติธรรม เราคิดว่าทางภาครัฐก็ไม่น่าคืนความยุติธรรมให้กับคนที่เสียชีวิตไปแล้วได้ เราคิดว่าประชาชนคนที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยจะเป็นผู้คืนความยุติธรรมให้กับวีรชน 6 ตุลา รวมถึงหลาย ๆ คนที่ผ่านเหตุการณ์มา และถึงปัจจุบันที่นักศึกษายังไม่เคยได้รับความยุติธรรมจากระบบของไทยเลย

 

การจัดงานวันที่ 6 ตุลา นอกจากจะมีความสำคัญของการครบรอบ 45 ปีแล้ว ยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่เราจะได้ร่วมกันประกาศอีกครั้งว่าเรายังสู้ต่อไปและการต่อสู้ยังไม่จบ การต่อสู้ยังคงเป็นการต่อสู้ แม้จะมีโควิดหรือเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ ที่จะมาบีบก็ตาม “อั๋ว” กล่าว

 

ต่อมารองประธานสภานักศึกษา มธ. ท่าพระจันทร์ กล่าวถึงกิจกรรมในส่วนของนักศึกษา ในช่วงเย็นจะมีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ มีป้ายผ้า มีการจำลองเหตุการณ์ รวมถึงป้ายต่าง ๆ ทั่วพื้นที่ มีการเชิญคนมาปราศรัยพูดเรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลา และยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ขอปิดเอาไว้ก่อน  สุดท้ายที่บอกว่าคนตายยังไม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะร่วมกันทวงความเป็นธรรมให้พวกเขา เรียกร้องไปยังอาชญากรที่ยังมีชีวิตอยู่ เรียกร้องให้ถึงบ้านพวกเขาว่าเราจะไม่ยอม เราจะส่งจดหมายไปหาพวกเขา เรียกร้องให้พวกเขารับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไป

 

ในฐานะนักศึกษาและในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมประชาคมมธ. ผมขอแจ้งว่า นักศึกษามธ. หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่การเรียนเพื่อหวังมุ่งเพียงปริญญา แก่นแท้และจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์คือการที่เราคิดถึงสังคม การที่เรามีจิตวิญญาณ มีอุดมการณ์เพื่อสังคม 6 ตุลา เองก็ไม่ใช่เพียงแค่หน้าประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้หน้าหนึ่ง ผ่านเหตุการณ์ไปแล้วคนจะลืม แต่ 6 ตุลา มันคือสายธารแห่งจิตวิญญาณ สายธารแห่งอุดมการณ์ ในสังคมที่ไม่อุดมพัฒนา ในสังคมที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้ จิตวิญญาณของ 6 ตุลา เป็นอะไรที่ยังคงต้องดำรงอยู่และควรดำรงอยู่ต่อไปจนกว่าที่เราจะได้สังคมที่เราใฝ่ฝัน

 

นายกฤษฎางค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันจัดงาน “45 ปี 6 ตุลา 19” จะมีการมอบรางวัล จารุพงษ์ ทองสินธุ์ ซึ่งเป็นรางวัลนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้กับเยาวชน และปีนี้คณะกรรมการสภานักศึกษาได้คัดเลือกแล้วว่าจะมอบให้กับ “พริษฐ์ ชิวารักษ์” หรือ “เพนกวิน” ซึ่งถ้าได้ประกันตัวมาก็คงจะมารับเอง ถ้าไม่ได้ประกันตัวอาจจะมอบให้แม่หรือพ่อหรือน้องสาวมารับแทน

 

อีกเรื่องคือขณะนี้นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนกำลังรวบรวมเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา รวมทั้งพฤษภาทมิฬ และเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 53 เรามองเห็นแล้วว่าอันนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างทารุณโหดร้ายตามความหมายของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยอาชญากรสงคราม กรณีนี้ไม่มีอายุความ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ก็นำตัวไปขึ้นศาลได้ แม้ประเทศไทยในรัฐบาลชุดก่อนจนถึงชุดนี้ยังไม่ยอมรับเข้าเป็นภาคีก็ตามแต่ แต่อาชญากรสงครามที่กระทำความผิดต่อมนุษยชาติไม่ได้รับการยกเว้น ถ้านำตัวไปขึ้นศาลที่กรุงเฮกได้ก็ต้องขึ้น นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนกลุ่มนี้กำลังดำเนินการเรื่องนี้ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ 45 ปี 6 ตุลา เป็นความก้าวหน้าทางกฎหมายอันหนึ่งที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ นายกฤษฎางค์ กล่าวในที่สุด.

 

#45ปี6ตุลา19





#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

สรุปยอดการจับกุม #ม็อบ27กันยา ทั้งหมด 26 คน เป็นเยาวชน 16-17 ปี 4 คน สน.ห้วยขวาง และปชช.ทั่วไป 22 คน สน.บางเขน

 


สรุปยอดการจับกุม #ม็อบ27กันยา ทั้งหมด 26 คน เป็นเยาวชน 16-17 ปี 4 คน สน.ห้วยขวาง และปชช.ทั่วไป 22 คน สน.บางเขน


วานนี้ (27 ก.ย. 64) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานการจับกุม #ม็อบ27กันยา สรุปผู้ถูกจับกุม  ทั้งหมด 26 ราย แยกเป็น

.

1. กลุ่มเยาวชน อายุระหว่าง 16-17 ปี จำนวน 4 ราย ถูกควมคุมตัวที่ สน.ห้วยขวาง 

.

2. กลุ่มผู้ใหญ่ถูกควบคุมตัวที่ สน.บางเขน 22 ราย ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 2 รายได้รับบาดเจ็บจากการใช้กำลังเข้าจับกุมของตร.คฝ.

.

เวลา 22.40 น. ทนายความเดินทางถึง สน.บางเขนแล้ว แต่จนท.ตร.ไม่ให้เข้าไปพบผู้ถูกจับกุม อ้างว่ารอบันทึกจับกุมเสร็จก่อน ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิของผตห.ที่จะมีบุคคลที่ไว้วางใจ/ทนายความ เข้าร่วมในการสอบสวน


ต่อมาเวลา 23.12 น. ตร.ให้ทนายเข้าพบผู้ถูกจับกุมแล้ว


#ม็อบ27กันยา #ทะลุฟ้า #ทะลุแก๊ส #ไล่ประยุทธ์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

"ทะลุฟ้า" รวมพลแยกนางเลิ้ง เผชิญหน้าคฝ.ขอเปิดทางไปทำเนียบเพื่อไปไล่ตัวปัญหาประเทศคือ"ประยุทธ์" ก่อนถูกสลาย ขณะที่ปชช.ประฌาม คฝ.รุนแรงกับเยาวชน กีดกันและใช้กำลังกับสื่อ

 



"ทะลุฟ้า" รวมพลแยกนางเลิ้ง เผชิญหน้าคฝ.ขอเปิดทางไปทำเนียบเพื่อไปไล่ตัวปัญหาประเทศคือ"ประยุทธ์" ก่อนถูกสลาย ขณะที่ปชช.ประฌาม คฝ.รุนแรงกับเยาวชน กีดกันและใช้กำลังกับสื่อ

วันนี้ (27 ก.ย. 64) กลุ่มทะลุฟ้านัดหมายรวมตัวที่แยกนางเลิ้งเมื่อเวลา 16.00 น. เพื่อจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนเสียงประชาชนที่ต้องการขับไล่รัฐบาลที่บริหารประเทศล้มเหลว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)ได้ตั้งแนวรั้วเหล็กและลวดหนามสกัดไว้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม

16.00 น. รถอุปกรณ์ของกลุ่ม "ทะลุฟ้า" เดินทางมาถึงแยกนางเลิ้ง พร้อมด้วยถังสี ป้ายผ้าที่มีข้อความขนาดใหญ่ รวมทั้งผืนธงที่เขียนคำว่า #ประยุทธ์ออกไป 

ขณะเดียวกันรถฉีดน้ำแรงดันสูง(จีโน่) และเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน(คฝ) ออกมาตั้งแนวรับอยู่ตรงเชิงสะพานถนนพิษณุโลก

ในเวลาต่อมาทะลุฟ้าได้นำผืนผ้าที่เขียนข้อความประนาม รัฐบาลไปแขวนไว้ตรงแนวรั้วลวดหนาม ที่เจ้าหน้าที่วางไว้เป็นแนวกั้น พร้อมโปรยกระดาษข้ามแนวกั้นไปฝั่งเจ้าหน้าที่

จากนั้นกลุ่มทะลุฟ้าเริ่มทำกิจกรรม"ยิงจรวดขวดน้ำ"แรงอัดอากาศ ปาถุงสี และแจกใบปลิวกระดาษ ใส่ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน   ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มรื้อแนวรั้วลวดหนาม ต่อมาตำรวจควบคุมฝูงชนเริ่มใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงจีโน่ ฉีดสกัดทางกลุ่มผู้ชุมนุม ตามด้วยน้ำผสมแก๊สน้ำตา

17.30 น.กลุ่มผู้ชุมนุมแตกกระจายและถอยร่นจากแยกนางเลิ้ง เนื่องจากมีผู้ระบุว่า คฝ.กำลังเคลื่อนมาจากถนนนครสวรรค์ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามปิดทางจราจรบนถนนนครสวรรค์ด้วยการนำรั้วเหล็กและลวดหนามขวางเส้นทางไว้ โดยเชื่อว่าเจ้าหน้าที่กำลังมุ่งหน้ามาจากแยกเทวกรรม

ด้าน นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือยาใจ ทะลุฟ้า กล่าวว่า ถ้า คฝ.ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของตัวก่อปัญหาก็จงเปิดทางให้เรา เราจะไปไล่ตัวปัญหานี้เอง ทุกวันนี้วิกฤตเกิดขึ้นในประเทศมากมาย ประเทศไม่พัฒนาไปไหน เพราะเรามีผู้นำโง่แบบนี้

จากนั้นผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเข้าไปประชิดแนวกั้นเจ้าหน้าที่อีกครั้งพร้อมตะโกนว่าเจ้าหน้าที่ที่ไม่อยู่ข้างประชาชน ด้านตำรวจฉีดน้ำผสมสารเคมีโต้ทันที รวมทั้งเจ้าหน้าที่เริ่มยิงกระสุนยางใส่มาทางกลุ่มผู้ชุมนุม

เวลา 18.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนซ้อนรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง ไล่ต้อนผู้ชุมนุมไปทางถนนพิษณุโลก มุ่งหน้าแยกยมราช ขณะที่ ผู้ชุมนุมบางส่วนแตกกระเจิง บางส่วนล้อมเจ้าหน้าที่ ตะโกนใส่เจ้าหน้าที่ว่าได้รับคำสั่งวันนี้ว่าอย่างไรบ้าง ให้มาทำร้ายประชาชนหรือ

จากนั้นตำรวจควบคุมฝูงชน เดินเท้าจากแนวกั้นมาล้อมผู้ชุมนุม รวมถึงล้อมสื่อมวลชน ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประกาศ ให้สื่อมวลชนถอยออกไปห้ามอยู่บนถนนให้ขึ้นฟุตบาท ใครปะปนฝูงชนถือเป็นผู้ชุมนุมให้จับได้เลย

ทั้งนี้ช่วงชุลมุนตำรวจ คฝ.ได้มีการผลักดันสื่อมวลชนจนบางคนล้ม และผลักออกให้ไปรวมอยู่บนฟุตบาท

และมีการจับกุมประชาชนขึ้นรถผู้ต้องขังไปซึ่งหนึ่งในนั้นคือน้องสาวของป้าเป้า

กระทั่ง18.15 น.รถคุมผู้ต้องขังเคลื่อนออก ตำรวจ คฝ.เคลื่อนที่เร็วถอยกลับมายังแยกนางเลิ้ง โดยมีประชาชนร่วมดันออกไปด้วย

เวลา 18.20 น. สื่อมวลชนขอพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ คฝ.เพื่อให้ออกมาขอโทษ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ใช้กำลังกับสื่อมวลชนผู้หญิง ขณะที่ตัวแทนพูดคุยฝ่ายคฝ.กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ทำผิดประชาชนสามารถไปฟัองดำเนิดคดีตามกฏหมายได้ จากนั้นตัวแทนฝ่ายคฝ.ได้กล่าวขอโทษสื่อ

กระทั่งเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ คฝ.ถอนกำลังออกจากบริเวณแยกนางเลิ้ง มีทั้งขึ้นมอร์เตอร์ไซค์ รถกระบะ โดยตลอดทางมีประชาชนตะโกนโห่ไล่ บางรายกล่าวว่า "ขี้ข้าทหาร" 

ขณะเดียวกัน 18.53 น. กลุ่มทะลุฟ้า ประกาศยุติการชุมนุมผ่านทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ พร้อมระบุว่า ด่วน ! ทีมงานทะลุฟ้าถูกจับกุมอย่างน้อย 5 คน และรถทีมงานถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้กระบองทุบ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ27กันยา #ไล่ประยุทธ์ #ทะลุฟ้า















วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

ม็อบทะลุฟ้า 27กันยา ถูกจับกุมอย่างน้อย 11 ราย

 


ม็อบทะลุฟ้า 27กันยา ถูกจับกุมอย่างน้อย 11 ราย


วันนี้ (27 ก.ย. 64) เมื่อเวลา 20.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมที่แยกนางเลิ้งอย่างน้อย 11 ราย เป็นเยาวชน 2 ราย  


เบื้องต้น 7 ราย สมาชิกทะลุฟ้า ถูกพาตัวไปกรมสารวัตรทหารบก โดยมีเพื่อนสมาชิกไปตรวจสอบที่ สน. บางเขนด้วยแต่ยังไม่พบตัว 


ส่วนผู้ถูกจับอีก 4 ราย ยังไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด


#ม็อบ27กันยา #ทะลุฟ้า #ไล่ประยุทธ์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

"เต้น ณัฐวุฒิ"พร้อมเครือข่ายไล่ประยุทธ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีการจัดม็อบที่แยกอโศกมนตรี

 


"เต้น ณัฐวุฒิ"พร้อมเครือข่ายไล่ประยุทธ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีการจัดม็อบที่แยกอโศกมนตรี 


วันนี้ (27 ก.ย. 64) เวลา 13.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)  พร้อมด้วย นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า, นายพชร ธรรมกุล หรือ ฟลุ๊ค เดอะสตาร์. นางสาวกุลจิรา คงทอง หรือ เอ้ the voice, นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน จากรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้เอาผิดการชุมนุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยข้อหลักในการดำเนินคดีครั้งนี้คือ ฝ่าฝืนประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน


สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามที่นายศรีสวุรรณ กล่าวหาประกอบด้วย 1) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. 2) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด 3) นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท 4) นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที 5) นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ หรือ เป๋า ผู้จัดการไอลอว์ จากเพจ ILAW 6) นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า 7) นายสิรภพ อัตโตหิ หรือแร็พเตอร์ 8) นางสาวพริม มณีโชติ หรือเอ๋ย 9) นายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรืออาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ 10) นายพชร ธรรมมล หรือ ‘ฟลุค เดอะ สตาร์’ 11) นางสาวพิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ หรือ มุก นักสิทธิมนุษยชน 12) นางสาวชุมาพร แต่งเกลี้ยง หรือวาดดาว กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และ 13) นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ไล่ประยุทธ์ #เครือข่ายไล่ประยุทธ์