ศูนย์ทนายฯ
เผย อานนท์ นำภา คัดค้านต่อกระบวนพิจารณา หลังถูกสั่งตัดพยาน ในการไต่สวนคดี #ละเมิดอำนาจศาล หลังศาลเข้าปรึกษาอธิบดีศาลทั้งวัน
ก่อนนัดฟังคำสั่ง วันที่ 28 มี.ค. 68
ตามที่วันนี้(5 มี.ค. 68)
เวลา 09.00 น. ศาลอาญา
นัดหมายไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลของ “อานนท์ นำภา”
เหตุถอดเสื้อประท้วงศาลที่ไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญในคดีมาตรา 112 #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์1 เพื่อยืนยันสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 67
เหตุในคดีนี้
สืบเนื่องจากนัดสืบพยานคดี #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์1 เมื่อวันที่ 27
พ.ย. 67 อานนท์ ในฐานะจำเลย
ได้ถอดเสื้อประท้วงศาลเป็นครั้งที่สอง
หลังเคยถอดเสื้อประท้วงมาแล้วครั้งหนึ่งในนัดสืบพยานก่อนหน้า
เนื่องจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนยืนยันไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญที่จะใช้ถามค้านพยานโจทก์ให้
โดยอ้างว่าการออกหมายเรียกเอกสารดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 และให้ทนายความถามค้านพยานโจทก์ต่อโดยไม่มีพยานเอกสารดังกล่าว
ทันทีที่อานนท์ถอดเสื้อออก
ศาลได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีลับ ทั้งสั่งห้ามนำข้อมูลในห้องพิจารณาคดีไปเผยแพร่
อ้างว่าเนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง
อีกทั้งศาลได้ตั้งเรื่องละเมิดอำนาจศาลกับอานนท์กรณีถอดเสื้อในห้องพิจารณาคดี
โดยระบุว่า ศาลเคยได้ปรามจำเลยในการถอดเสื้อในการถอดเสื้อในครั้งก่อนแล้ว
ครั้งนี้จำเลยยังทำการถอดเสื้อ
เห็นว่าเป็นการก่อความวุ่นวายและแสดงตนไม่เรียบร้อยในศาล ไม่เคารพการพิจารณาคดี
โดยช่วงสายวันนี้(5 มี.ค.)
ศูนย์ทนายฯ ได้รายการบรรยากาศก่อนเริ่มไต่สวนว่า อานนท์ นำภา
ถอดเสื้อประท้วงในห้องพิจารณาอีกครั้ง หลังในนัดไต่สวนคดี #ละเมิดอำนาจศาล วันนี้(5 มี.ค.) ศาลพยายามให้ผู้เข้าฟังการพิจารณาออกจากห้องพิจารณา
ยกเว้นเฉพาะทนายและญาติ แต่ไม่ได้มีคำสั่งพิจารณาเป็นการลับ
อ้างว่าเป็นคำสั่งจากผู้บริหารศาล
ทนายพยายามแถลงคัดค้าน
และอานนท์ได้ถอดเสื้อประท้วงอีกครั้ง
โดยยืนยันว่าเป็นการพยายามรักษาเกียรติของประชาชนในการเข้าดูการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย
ต่อมาศาลอนุญาตให้ประชาชนที่เข้าฟัง
แยกไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่ง และให้ตำรวจศาลเก็บมือถือและบัตรประชาชนไว้ทั้งหมด
ก่อนเริ่มมีการไต่สวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหา
คืบหน้าล่าสุด
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเหตุการณ์ในวันนี้ว่า
สืบเนื่องจากศาลสั่งตัดพยานปากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ที่อยู่ในวันเกิดเหตุประท้วงถอดเสื้อในห้องพิจารณาคดีที่ศาลที่ไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญในคดีมาตรา
112 #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์1 เพื่อยืนยันสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2567
ต่อมาในช่วงบ่าย
ศาลแถลงว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่ทนายต้องการจะให้ขึ้นเบิกความในนัดไต่สวนนี้
ติดปฏิบัติหน้าที่ในห้องพิจารณาคดีอื่นอยู่ อานนท์จึงแถลงเพิ่มว่า
ต้องการให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ขึ้นเบิกความ
เนื่อจากการประท้วงของเขาคือการประท้วงต่อคำสั่งขอผู้พิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และอคติของผู้พิพากษา
โดยยืนยันว่าเขาจะขึ้นไต่สวนหลังจากที่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ได้มาเบิกความ
หากพยานปากดังกล่าวไม่ว่างวันนี้ สามารถเลื่อนการไต่สวนไปวันอื่นได้ โดยย้ำว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาประวิงคดี
เพราะยังเหลือไต่สวนพยานฝั่งผู้ถูกกล่าวหาอีกที่ยังไม่ได้เดินทางมาในวันนี้
อย่างไรก็ตาม
ศาลได้ขึ้นไปปรึกษาผู้บริหาร และกลับลงมาอ่านรายงานกระบวนทันที #โดยระบุว่าจะตัดพยานปากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ในวันนี้ศาลได้ไต่สวนผู้กล่าวหาจนเสร็จสิ้น
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาแถลงยืนยันว่าจะเข้าเบิกความหลังพยานปากหน้าบัลลังก์
แต่ศาลเห็นว่าอานนท์ประวิงคดี จึงสั่งให้ตัดพยานผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด
ก่อนนัดฟังคำสั่งวันที่ 28 มี.ค. 2568 เวลา
09.30 น.
เช่นเดียวกัน
แอดมินเพจอานนท์ นำภา ได้โพสข้อความระบุว่า
คำร้องคัดค้านและประท้วงศาล
ลงวันที่
5 มี.ค. 2568
ณ
ศาลอาญา
ระหว่างไต่สวน
ศาลตัดพยานผู้กล่าวหาซึ่งเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวในคดี ไม่เรียก VDO วงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ
อันทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
มีลักษณะเช่นเดียวกับคดีอาญามาตรา 112 ที่ผู้ถูกกล่าวหา
ถูกตัดสิทธิในการเรียกพยานหลักฐานเข้าต่อสู้คดี
จากกระบวนการยุติธรรมของศาลในคดีต่างๆ
อันเกี่ยวเนื่องกับการเรียกร้องให้ปฎิรูปสถาบันกษัตริย์
ซึ่งกระผมและเพื่อนๆไม่ได้รับความยุติธรรม พอสรุปได้ดังนี้
1.
ในคดีอาญา มาตรา 112 กระผมถูกดำเนินคดีเพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตและเป็นความจริง
แต่กลับถูกกล่าวหาว่าพูดเท็จในการพิจารณาคดี
กลับไม่ยอมเรียกพยานหลักฐานมาให้พิสูจน์ความจริง
อันนำมาสู่การถอดเสื้อประท้วงศาลในคดีนี้
2.
การพิจารณาคดีของศาลในบางคดี ใช้การพิจารณาลับ
พิจารณาลับหลังจำเลยซึ่งลี้ภัยทางการเมือง ไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้อย่างเต็มที่
3.
ในคดีม.112 ถูกตีความขยายไปจนเลยเถิด
ทั้งบุคคลที่กฎหมายบัญญัติให้คุ้มครอง
ขยายไปถึงพฤติการณ์หรือการกล่าวความจริงก็เป็นความผิด
มิได้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย
4.
กระผมและจำเลยหลายคนไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว
ถูกคุมขังจนไม่อาจต่อสู้คดีด้วยความยุติธรรม
หลายคนต้องอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสียชีวิตระหว่างการถูกคุมขัง
5.
ศาลในหลายคดีมีทัศนคติไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
วินิจฉัยและตัดสินคดีไม่สอดคล้องและไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ทั้งหมดเป็นความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมไทยในคดีม.112 และ
คดีการเมืองอื่นๆ กระผมจึงขอคัดค้านและประท้วงต่อกระบวนการยุติธรรม
โดยการโกนคิ้วขวาข้างเดียว เพื่อให้เห็นถึงความบิดเบี้ยว ความไม่ยุติธรรม
การประท้วงนี้เป็นวิธีที่สันติและกระทำไปด้วยความมุ่งหมายให้กระบวนการยุติธรรมกลับสู่ปกติเสียที
ลงชื่อ
อานนท์
นำภา
ผู้ถูกกล่าวหาคดีม.112
สำหรับ
อานนท์ นำภา ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก ไม่รอลงอาญา ในคดี #มาตรา112 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 เหตุจากการขึ้นปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63
ซึ่งขณะนี้ตัดสินไปแล้ว
6 คดี มีโทษจำคุกรวมตอนนี้ 18 ปี 10 เดือน 20 วัน