วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

"ไอลอว์" จัดเสวนาหน้ารัฐสภา ยื่นหนังสือถึงวิป 2 ฝ่าย ชวนจับตาพรุ่งนี้(1 ธ.ค.) จี้สภารับหลักการร่างรื้อมรดกคสช. เตือนนักการเมืองคว่ำร่างหมดอนาคตทางการเมือง

 


"ไอลอว์" จัดเสวนาหน้ารัฐสภา ยื่นหนังสือถึงวิป 2 ฝ่าย ชวนจับตาพรุ่งนี้(1 ธ.ค.) จี้สภารับหลักการร่างรื้อมรดกคสช. เตือนนักการเมืองคว่ำร่างหมดอนาคตทางการเมือง


วันนี้ (30 พ.ย. 64) ที่หน้าอาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ (iLaw) และเครือข่าย People Go ร่วมจัดกิจกรรม "รวมพลังประชาชน รื้อมรดกคสช." เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการ "ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ" และ"คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. ...." หรือ เรียกว่า "ร่างฯ ปลดอาวุธ คสช." ซึ่งภาคประชาชนเป็นผู้เสนอ


โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ รวบรวมรายชื่อจากประชาชน 13,409 รายชื่อ และถูกนำเสนอต่อรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 และในวันพรุ่งนี้ 1 ธันวาคม 2564  สภาผู้แทนราษฎร  จะมีนัดพิจารณาร่างดังกล่าว 


โดยไฮไลท์สำคัญของงานในวันนี้ คือกิจกรรมเสวนาบอกเล่าประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศและคำสั่งคณะรัฐประหาร โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี, ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่, อรนุช ผลภิญโญ กรรมการบริหารเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน และ สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม 


ทั้งนี้ในเวลา 16.15 น. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ กล่าวว่า ภาคประชาชนรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภา ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.61 และเข้าชื่อสำเร็จเมื่อ 24 มิ.ย.62


ล่าสุดได้รับแจ้งว่าร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สภาจากการเลือกตั้ง จะได้ทบทวนมรดกของคณะรัฐประหาร โดยตนหวังว่า ส.ส.ฐานะผู้แทนประชาชนจะไม่ปฏิเสธร่างกฎหมายดังกล่าว และหากมีนักการเมืองคนใดเสนอให้เลื่อนหรือลงมติไม่รับหลักการ ก็ขอชวนประชาไม่เลือกคนเหล่านั้นเป็นผู้แทนของประชาชน พวกเขาจะต้องหมดอนาคตทางการเมือง นายยิ่งชีพกล่าว


ต่อมาเริ่มวงเสวนาเกี่ยวกับผลกระทบจากมรดก คสช. โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้คำสั่งคสช. มีผล 2 ลักษณะคือ 1. คำสั่งที่จำกัดสิทธิ เสรีภาพ และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน 2. คำสั่งที่มีผลกระทบต่อระบบโครงสร้างการพัฒนาประเทศ คำสั่ง คสช. มีลักษณะพิเศษคือ ไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ทุกด้านคำนึงถึงธุรกิจทุนขนาดใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงถึงประชาชนทั่วไป 


นายจาตุรนต์ ยังได้กล่าวด้วยว่า ส่วนโอกาสเกิดการพลิกขั้วจับมือตั้งรัฐบาลระหว่างฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยคงเกิดขึ้นยาก ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่มีกำหนดเข้าสภาฯวันที่ 1 ธ.ค. นั้น โอกาสที่รัฐบาลจะผ่านร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นไปได้ยาก แต่การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนและการอภิปรายในสภาฯ ช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกอำนาจคสช.มากขึ้น


ขณะที่ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญ ปี 59 ต้องมีการทำประชามติ ตนอ่านแล้วพบว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประชาชนจะเสียสิทธิขั้นพื้นฐาน จึงได้แสดงความเห็น โดยปฏิบัติตามคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งจดหมายไปตามบ้านเรือนประชาชน โดยบอกถึงข้อเสียของรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย จึงส่งไปตามบ้านเรือนประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ มีข่าวใหญ่ว่ามีการจับจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญ และตามจับคนทำจดหมาย สรุปตนถูกแจ้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และต้องขึ้นศาลทหาร 


น.ส.ทัศนีย์ ได้ทิ้งท้ายด้วยว่าทุกคนได้รับผลกระทบจากคำสั่งคสช.ถ้วนหน้า จึงอยากเรียกร้องส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ช่วยกันรื้อมรดก คสช.ก่อน ด้วยการรับหลักการเพื่อแก้คำสั่งช่วยประชาชน อยากให้ประชาชนช่วยกันจับตาดูในวันพรุ่งนี้


ขณะที่ น.ส.สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในพื้นที่ป่าคุณทวงคืนให้โดยให้ประชาชนออกจากพื้นที่ แต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำทำเหมืองแร่ได้ รวมถึงการควบคุมบุคคลไม่ให้สื่อสารความคิดต่าง คือสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนในยุคคสช. ดังนั้น คำสั่งคสช.ได้รวบอำนาจทรัพยากรเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยมีหัวหน้าคสช.เป็นประธาน ซึ่งอำนาจเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ เราแค่ขอกลับไปสู่สภาวะปกติ และไม่ควรเห็นว่าการใช้อำนาจลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ


ภายหลังจบการเสวนา นายนิมิตร์ เทียนอุดม เครือข่าย People Go ได้อ่านแถลงการณ์องค์กรเครือข่ายภาคประชาชน


จากนั้นได้ยื่นหนังสือแถลงการณ์ขอให้สภาฯ รับร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวไว้พิจารณา โดยมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) พร้อมด้วยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ 


นายชินวรณ์ ระบุว่า ขณะนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้บรรจุเข้าระเบียบวาระของที่ประชุมสภาแล้ว อยู่ลำดับที่ 5.6 ส่วนจะได้พิจารณาในวันที่ 1 ธ.ค. หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะ ขึ้นกับที่ ประชุมจะใช้เวลาในการพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับนานเท่าใด


ขณะที่นายสุทิน ระบุว่า พรรคฝ่ายค้านพร้อมผลักดันเต็มที่ แต่คิดว่าในวันที่1 ธ.ค. ไม่น่าพิจารณาได้ทัน


และได้ยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 18.15 น. 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ30พฤศจิกา64
















ศาลอาญาให้ประกัน “โตโต้ ปิยรัฐ” คดี ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ วางเงื่อนไขห้ามกระทำการที่กระทบต่อสถาบันฯ

 


ศาลอาญาให้ประกัน “โตโต้ ปิยรัฐ” คดี ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ วางเงื่อนไขห้ามกระทำการที่กระทบต่อสถาบันฯ

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) ตามที่ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ "โตโต้" อดีตผู้อำนวยการกลุ่ม We Volunteer พร้อมทนาย ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อเข้ารับฟังการพิจารณาคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีโพสต์หมิ่นเบื้องสูงผ่านสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ก่อนส่งฟ้องศาลอาญา สำหรับคดีนี้มีนายนพดล พรหมภาสิต เป็นผู้กล่าวโทษ นั้น

 

ล่าสุด! เมื่อเวลา 18.09 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รายงานผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ศาลอาญาให้ประกัน #โตโต้ ปิยรัฐ อดีตผู้อำนวยการกลุ่ม We Volunteer ในวงเงิน 1 แสนบาท แต่ไม่ต้องวางหลักประกัน เนื่องจากจำเลยมีการวางหลักประกันไว้ในหลายคดี

 

ทั้งนี้ ศาลได้วางเงื่อนไขการประกันครั้งนี้ 1 ข้อ คือ ห้ามกระทำการที่กระทบต่อสถาบันกษัตริย์

 

#โตโต้ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว “ไมค์ ภาณุพงศ์” ดคีการชุมนุมเยาวชนปลดแอก #ม็อบ18กรกฎา ส่วนอีก 3 คดี ศาลยกคำร้อง ระบุไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

 


ศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว “ไมค์ ภาณุพงศ์” ดคีการชุมนุมเยาวชนปลดแอก #ม็อบ18กรกฎา ส่วนอีก 3 คดี ศาลยกคำร้อง ระบุไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) ที่ศาลอาญา รัชดา ทนายความได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ สำหรับคดีชุมนุมเยาวชนปลดแอก เมื่อ 18 ก.ค. 63, คดีชุมนุมสาดสี-ปาไข่ หน้า ม.พัน4 เมื่อ 28 ก.ย. 63, คดีชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่เมื่อ 25 พ.ย. 63 และคดีชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว เมื่อ 2 ธ.ค. 63 นั้น

 

เมื่อเวลา 17.17 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ศาลให้ประกันเพียงคดี ชุมนุมเยาวชนปลดแอก 18 ก.ค. 63 โดยให้วางหลักทรัพย์ 35,000 บาท ส่วนอีกสามคดีที่่เหลือศาลยกคำร้องทุกฉบับระบุ #ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

 

สามคดีที่ไมค์ยังไม่ได้ประกันของศาลอาญา ได้แก่

1. คดีชุมนุมสาดสี-ปาไข่ หน้า ม.พัน 4 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 63

2. คดีชุมนุม #ม็อบ25พฤศจิกาไปscb

3. คดีชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว

 

สำหรับ “ไมค์” ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็นเวลา 69 วันแล้ว

 

ที่มา : ทวิตเตอร์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

 

#ไมค์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

“รุ้ง ปนัสยา” ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวตามเหตุจำเป็นเรื่องการสอบ พร้อมกำหนดเงื่อนไข 5 ข้อ ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ทนายเตรียมยื่นประกันอีก 2 คดี

 


“รุ้ง ปนัสยา” ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวตามเหตุจำเป็นเรื่องการสอบ พร้อมกำหนดเงื่อนไข 5 ข้อ ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ทนายเตรียมยื่นประกันอีก 2 คดี

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ กรณีทนายยื่นคำร้องขอประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ความว่า

 

วันนี้ ที่ศาลอาญา ทนายได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวรุ้ง ปนัสยา ใน 2 คดี ได้แก่ คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร  และคดี #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว ศาลได้สั่งให้มีการไต่สวนคำร้องในช่วงบ่ายนี้จนเสร็จสิ้น และอยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งของศาล

 

ต่อมา ในเวลา 16.30 น. ที่ทวิตเตอร์ศูนย์ทนายฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 2 คดี แต่อนุญาตให้ปล่อยตัวตั้งแต่วันนี้-12 ม.ค. 65 ตามเหตุจำเป็นเรื่องการสอบ พร้อมกำหนดเงื่อนไขประกัน 5 ข้อ คือ

1. ห้ามทำกิจกรรมที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย

2. ไม่ร่วมชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย

3. ห้ามออกนอกเคหสถาน 24 ชม. ยกเว้นเดินทางไปสอบ, ไปสถานพยานบาล หรือไปตามนัดพิจารณาคดี

4. ห้ามเดินทางออกนอกปท.

5. ให้ติดกำไลอีเอ็ม

 

โดยวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค. 64) ทนายเตรียมยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีก 2 คดี คือคดี #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป และคดี #อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป ซึ่งทั้งสองคดีนี้รุ้งถูกฟ้องร้องในข้อหา #ม112

 

ทั้งนี้  รุ้ง ปนัสยา” ถูกดำเนินคดีในมาตรา #ม112 แล้ว 9 คดี

 

ที่มา : ทิวิตเตอร์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

อัยการสูงสุด ส่งฟ้อง "โตโต้ ปิยรัฐ” ผิด ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ จากการโพสต์พาดพิงสถาบันฯ หลังขอเลื่อนเนื่องจากป่วยกระทันหัน

 


อัยการสูงสุด ส่งฟ้อง "โตโต้ ปิยรัฐ” ผิด ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ จากการโพสต์พาดพิงสถาบันฯ หลังขอเลื่อนเนื่องจากป่วยกระทันหัน

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ "โตโต้" อดีตผู้อำนวยการกลุ่ม We Volunteer พร้อมทนาย ได้เดินทางเข้ารับฟังการพิจารณาคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีโพสต์หมิ่นเบื้องสูงผ่านสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ก่อนส่งฟ้องศาลอาญา สำหรับคดีนี้มีนายนพดล พรหมภาสิต เป็นผู้กล่าวโทษ

 

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ได้นัดให้เข้ามาฟังคำสั่งในการพิจารณาคดี แต่ "โตโต้" ได้ให้ทนายโทรมาขอเลื่อนโดยอ้างว่าป่วย ซึ่งทางพนักงานอัยการได้แจ้งกลับไปว่า ถ้าหากมีการอ้างว่าป่วย จะต้องมีการยื่นคำร้องเข้ามาพร้อมกับแนบใบรับรองแพทย์ว่าป่วยจริง เพื่อที่อัยการจะได้พิจารณา โดยให้เวลาเขาดำเนินการภายในเวลาราชการก่อน 16.00 น. ของวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ต่อมาทนายได้ทำการส่งสำนวนพร้อมใบรับรองแพทย์ในการเลื่อนฟังคำสั่งอัยการและอัยการให้เลื่อนส่งตัวเพื่อฟ้องศาลเป็นวันนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

 

#โตโต้ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์




กลุ่ม24มิถุนาฯ ร่วมกับเครือข่ายแรงงานฯ พร้อมแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ร้องรัฐบาล"เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย" ที่ทำเนียบรัฐบาล ยื่น 5 ข้อเรียกร้องเร่งด่วน จี้"ประยุทธ์"แก้ปัญหาปากท้อง ลั่นหากไม่คืบหน้าพร้อมจัดชุมนุมใหญ่

 


กลุ่ม24มิถุนาฯ ร่วมกับเครือข่ายแรงงานฯ พร้อมแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ร้องรัฐบาล "เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย" ที่ทำเนียบรัฐบาล ยื่น 5 ข้อเรียกร้องเร่งด่วน จี้ "ประยุทธ์" แก้ปัญหาปากท้อง ลั่นหากไม่คืบหน้าพร้อมจัดชุมนุมใหญ่


วันนี้ (30 พ.ย. 64) เวลา 10.30 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู 3 น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน พร้อมด้วย ตัวแทนจากองค์การบริหารองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ตัวแทนองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, นายเจษฎา ศรีปลั่ง เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เดินทางมายื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน ศูนย์บริการประชาชน เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชน "เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เพิ่มรายได้  ลดรายจ่าย"


โดยเวลา 10.00 น. ผู้นัดหมายจัดกิจกรรมพร้อมมวลชนรวมตัวกันในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เตรียมตั้งขบวนพร้อมชูป้ายข้อเรียกร้องต่าง ๆ เช่น ให้เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา, ให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม, ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ (BTS/MRT) ครึ่งราคา เป็นต้น


กระทั่ง 10.30 น. นายเจษฎา ศรีปลั่ง กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ไม่ได้มาชุมนุม แต่เป็นเพียงการมายื่นหนังสือเท่านั้น จากนั้นชวนผู้ร่วมกิจกรรมถือป้ายขัอเรียกร้องเดินข้ามฝั่งจากสำนักงานกพร. มายังประตู 3  หน้าทำเนียบรัฐบาล


ต่อมาเริ่มการปราศรัย ขณะที่มวลชนร่วมยืนชูป้ายระหว่างปราศรัยไปด้วย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบกระจายกำลังเฝ้าดูสถานการณ์


ด้าน "ธนพร วิจันทร์ " เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนกล่าวว่า วันนี้คนทำงานทุกกลุ่มได้รับผลกระทบจากการบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา กฎหมายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุถูกประยุทธ์ปัดตก หมายความว่ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญของปัญหาของประชาชน


วันนี้แนวร่วมเครือข่ายฯ จึงมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลปัญหาของประชาชน ถ้าทำไม่ได้รัฐบาลก็ต้องออกไป แล้วให้คนมีความสามารถเข้ามาแทน 


ธนพร กล่าวย้ำข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมฯ ในวันนี้คือรัฐต้องเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่มากเพราะหารแล้วก็ตกวันละ 100 บาท เท่านั้น 


ต่อมาตัวแทนนิสิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าวว่า การศึกษาสำหรับนิสิตนักศึกษาตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีวัคซีนไม่เพียงพอต่อความต้องการและวัคซีนที่มีก็ไม่มีคุณภาพ ทำให้ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ มีเด็กจำนวนมากต้องหลุดจากการศึกษา ต้องกู้เงินเพื่อให้ตัวเองยังเรียนต่อไปได้ เด็กสูญเสียโอกาสและอนาคตของตัวเอง ค่าใช้จ่ายและภาระของผู้ปกครองก็เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ จึงขอตั้งคำถามว่าอนาคตของชาติกำลังถูกทำลายแล้วรัฐบาลจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ?


จากนั้น "ศรีไพร นนทรีย์" สหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง กล่าวย้ำว่า คนชราควรได้รับเงิน 3,000 บาทต่อเดือนจากเดิมที่ปัจจุบันได้เพียง 600 บาท หรือวันละ 20 บาทเท่านั้น ไม่มีทางที่จะพอใช้ ยิ่งหลายคนเป็นคนจนที่ลูกหลานไม่สามารถดูแลได้ รัฐต้องดูแลมากกว่านี้ การเรียกร้องเบี้ยคนชราไม่ได้มากเลย เฉลี่ยแล้วคิดเป็นวันละ 100 บาทเท่านั้น หรือกินข้าวสามมื้อตกมื้อละ 33.33 บาทเท่านั้น รัฐต้องหันมาเหลียวแลประชาชนอย่างที่บอกว่าจะทำตามสัญญา ดังนั้นรัฐบาลต้องจัด 3,000 บาทให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด


ตามด้วย สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย กล่าวว่า การเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าและเพิ่มค่าครองชีพ เพิ่มสวัสดิการ คือการกระจายเงินไปให้คนชรา คนพิการ เด็กเล็ก เป็นการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม อย่างค่าเบี้ยเลี้ยงเด็กเล็ก ก็จะขอให้เพิ่มจาก 800 บาทเป็น 1,200 บาทต่อเดือนและขยายเวลาถึงอายุ 12 ปี 


ซึ่งจะเป็นการกระจายเงินสู่ฐานรากและถึงมือประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐควรทำ ไม่ใช่เอาเงินไปซื้อรถถัง โดยทางกลุ่มที่จัดกิจกรรมวันนี้จะผลักดันประเด็นปากท้องต่อไป 


ปิดท้ายด้วย "ธนพร" ปราศรัยสรุปห้าข้อเรียกร้องอีกครั้ง ได้แก่

.

1. เพิ่มเงินยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการถ้วนหน้าจากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 3,000 บาท สร้างหลักประกันการดำรงชีพให้กับบุคคลเหล่านี้ ให้สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า


2. เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรในระบบประกันสังคมจากเดือนละ 800 บาท เป็น 1,200 บาท และขยายอายุเงินสงเคราะห์บุตร จาก 6 ปี เป็น 12 ปี


3. ลดค่าบำรุงการศึกษาหรือค่าเทอม และค่าใช้จ่ายการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาลงอีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 3 ปี (2565-2567) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน พร้อมทั้งบรรจุครูอัตราจ้างและพนักงานสัญญาจ้างในระบบการศึกษาให้เป็นข้าราชการประจำ


4. ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ (BTS/MRT) ครึ่งราคา 


5. ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) จาก 7% เป็น 5% เพื่อให้สินค้าอุปโภคบริโภค และภาคบริการมีราคาถูกลง รวมทั้งยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ให้น้ำมันราคาถูกลงอีกลิตรละ 6 บาท


จากนั้นนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน ศูนย์บริการประชาชน เป็นตัวแทนรับหนังสือจากกลุ่มเครือข่ายฯ พร้อมกล่าวว่าจะนำข้อเรียกร้องส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรีและจะมีการเชิญผู้มายื่นหนังสือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป ก่อนประกาศยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 11.10 น.  


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ30พฤศจิกา64













สุเทพ ยื่นโฉนดที่ดิน 1 ล้านบาทเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวคดีทุจริตสร้างโรงพัก กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ มั่นใจใช้พยานเอกสารเพียงพอแล้ว ยังไม่คิดฟ้องกลับ ป.ป.ช. ศาลนัดสอบพยานนัดแรก 17 ก.พ. 65

 


สุเทพ ยื่นโฉนดที่ดิน 1 ล้านบาทเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวคดีทุจริตสร้างโรงพัก กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ มั่นใจใช้พยานเอกสารเพียงพอแล้ว ยังไม่คิดฟ้องกลับ ป.ป.ช. ศาลนัดสอบพยานนัดแรก 17 ก.พ. 65

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังคำฟ้องของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีสร้างสถานีตำรวจ 396 ทั่วประเทศ และแฟลตตำรวจ 163 หลัง  รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5,200 ล้านบาท นั้น ศาลกำหนดวงเงินประกันจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งตนได้นำโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว และศาลฯ ยังกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และยังไม่ทราบว่าศาลฯ รับฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่

 

ทั้งนี้ จากการที่ได้อ่านเอกสารคำฟ้องของป.ป.ช. ไม่ได้มีส่วนไหนที่แตกต่างกับเอกสารที่ตนเคยได้ทำหนังสือชี้แจงต่อป.ป.ช.ไปแล้ว ซึ่งเอกสารคำฟ้องของป.ป.ช. มีจำนวน 1,302 หน้า มีข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดตามมาตรา 157 กรณีไปอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ซึ่งไม่มีเรื่องการฟ้องผิดพ.ร.บ.ฮั้วประมูล และไม่มีเรื่องของแฟลตตำรวจ163 หลัง พ่วงเข้ามาในสำนวนคดีดังกล่าว

 

นายสุเทพ ยังกล่าวว่า ศาลได้นัดสอบคำให้การในวันที่17 กุมภาพันธ์ 2565 โดยตนยืนยันว่าเอกสารหลักฐานที่เคยให้คำชี้แจง ต่อป.ป.ช.ชุดใหญ่เป็นหลักฐานที่ครบถ้วนแล้ว พร้อมจะนำความเห็นของอัยการที่ไม่สั่งฟ้องมาเป็นข้อโต้แย้งในคดีด้วย

 

อย่างไรก็ตามตนมีเอกสารที่เป็นหลักฐานราชการตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.), ระเบียบการพัสดุสำนักนายกรัฐมนตรี, พ.ร.บ.งบประมาณ ส่วนการลงนามอนุมัติแต่ละครั้งก็พิจารณาแล้วว่าถูกต้องตามกฎหมาย และยังไม่ขอคิดเรื่องการฟ้องกลับป.ป.ช. หากชนะคดี โดยขอต่อสู้คดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากถูกล่าวหามานานนับ 10 ปี และตอนนี้ไม่คิดจะใช้พยานบุคคล เพราะพยานเอกสารก็น่าจะชัดเจน

 

#สุเทพ #ทุจริตสร้างโรงพัก

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์






"สุเทพ" มั่นใจใช้ข้อเท็จจริงต่อสู้คดีทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง ยันทำตามมติ ครม.ไม่ได้ยุ่งการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งข้อสังเกต ป.ป.ช.ฟ้องเอง เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง

 



"สุเทพ"  มั่นใจใช้ข้อเท็จจริงต่อสู้คดีทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง ยันทำตามมติ ครม.ไม่ได้ยุ่งการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งข้อสังเกต ป.ป.ช.ฟ้องเอง เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง

 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกระฐมนตรี ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปศาลฎีกาแผนกอาญานักการเมือง สนามหลวง เพื่อรับฟังคำฟ้องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีทุจริตสร้างสถานีตำรวจ 396 ทั่วประเทศ และแฟลตตำรวจ 163 หลัง  รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5,200 ล้านบาท

 

โดยนายสุเทพยืนยันต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง และชี้ว่าถือเป็นโอกาสดีที่ชี้แจงข้อกล่าวหาการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หลัง ป.ป.ช.สอบสวนคดีมานานนับ 10 ปี ส่งผลต่อชื่อเสียง ทั้งที่ได้ต่อสู้เรื่องต้านการทุจริตมาตลอด แต่มาถูกกล่าวหาการทุจริตเสียเอง  และยืนยันข้อต่อสู้คดีว่าไม่ได้กระทำการใดที่ผิดจากมติ ครม.

 

และการสั่ง การและพิจารณาต่าง ๆ อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตัดสินใจในแง่ของนโยบาย การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยอนุมัติตามที่มีการเสนอได้ในราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผ่านการประมูลชอบตามกฎหมายแล้วจึงได้ลงนาม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรกับบริษัท การสร้างสถานีตำรวจไม่แล้วเสร็จเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

นายสุเทพยังกล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่าไม่สามารถจะดำเนินคดีนี้ได้ จึงไม่เห็นด้วย และคดีวันนี้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก ต้องตามดูว่าเมื่อถึงขั้นตอนที่ ป.ป.ช. นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลและเมื่อเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานของตัวเองจะเป็นอย่างไร

 

ทั้งนี้ยังมั่นใจในข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ที่จะได้พิสูจน์ศาลสูงสุดของประเทศ โดยไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานและกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.

 

ส่วนนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่าเตรียมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินประเมินมูลค่าที่ 1 ล้านบาท มายื่นประกันตัว ส่วนราคายื่นประกันตัวนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะตีราคาวงเงินเท่าไหร่

 

#สุเทพ #ทุจริตสร้างโรงพัก

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์




‘เบนจา อะปัญ’ ถูกฝากขังต่อไปอีก 7 วัน คดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หน้าตึก ซิโน-ไทย เมื่อ 10 ส.ค. 64

 


เบนจา อะปัญ ถูกฝากขังต่อไปอีก 7 วัน คดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หน้าตึก ซิโน-ไทย เมื่อ 10 ส.ค. 64 "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช"

 

วานนี้ (29 พ.ย. 64) ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขัง น.ส.เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ต่อไปอีก 7 วัน  ซึ่งทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ ความว่า

 

“ด่วน! ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขัง #เบนจา อะปัญ ในคดีปราศรัยใน #ม็อบ10สิงหา ต่อไปอีก 7 วัน ศาลระบุ "อัยการมีเหตุและความจำเป็นในการสั่งสำนวนการสอบสวนเพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องผตห.หรือไม่ โดยต้องส่งสำนวนไปให้อัยการสูงสุดตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด

 

เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ แม้เหตุดังกล่าวเป็นเพียงระเบียบภายในองค์กรผู้ร้อง แต่ผู้ร้องจำต้องปฏิบัติ อีกทั้งเหตุดังกล่าวไม่กระทบต่อการพิจารณาของศาลว่ากรณีสมควรปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนหรือไม่ จึงมีเหตุอันสมควรอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนต่อไปอีก 7 วัน

 

ผลจากคำสั่งนี้จะทำให้เธอต้องถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไปโดยขณะนี้เธอถูกคุมขังเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 53 วัน นับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 64

 

คดีนี้ ในวันที่ 7 ต.ค. 64 เบนจาถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจากสถานีนครบาลทองหล่อ เข้าแสดงหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 441/2564 ลงวันที่ 3 กันยายน 2564 ในข้อหา “หมิ่นประมาทมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มี พ.ต.ต.ภิชาภัช ศรีคำขวัญ สารวัตรสอบสวน สน.ทองหล่อ เป็นผู้ร้องขอออกหมาย และมีนายพีระศักดิ์ ใจเสงี่ยม เป็นผู้พิพากษาที่ออกหมาย โดยมีนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 โดยกล่าวหาจากเนื้อหาคำปราศรัย และเนื้อหาในแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2  เรื่อง ประกาศเป้าหมาย “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา” และการเมืองหลังระบบประยุทธ์

 

หลังจากการจับกุมเบนจาแล้ว พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวในชั้นสอบสวนและได้ยื่นคำร้องขอฝากขังเบนจาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลฯ อนุญาตให้ฝากขังตามคำขอ ทนายความได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่ให้ประกันตัว เบนจา เรื่อยมาและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วก็ตาม แต่ในที่สุดศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเช่นเดิม


ที่มา : https://tlhr2014.com/archives/36285

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

"เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ" ยืนหยุดขัง 11.20นาที "ไม่ลืมผู้เสียสละ" ศิษย์ปัจจุบันลั่นนักเรียนเตรียมอุดมฯต้องลุกขึ้นเป็นผู้กล้า ต่อสู้เพื่อปชต.อย่างแท้จริง แรปเตอร์ ชี้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ข้างเรา ถ้าเราไม่ลุกขึ้นต่อสู้และเสียสละอะไรบางอย่างด้วยกัน - ทนายจูน นำข้อความ "เบนจา" จากกรงขังส่งถึงเด็กเตรียมฯ

 



"เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ" ยืนหยุดขัง 11.20 นาที "ไม่ลืมผู้เสียสละ" ศิษย์ปัจจุบันลั่นนักเรียนเตรียมอุดมฯ ต้องลุกขึ้นเป็นผู้กล้า ต่อสู้เพื่อปชต.อย่างแท้จริง ด้านแรฟเตอร์ ชี้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ข้างเรา ถ้าเราไม่ลุกขึ้นต่อสู้และเสียสละอะไรบางอย่างด้วยกัน - ทนายจูน นำข้อความ "เบนจา" จากกรงขังส่งถึงเด็กเตรียมฯ


วันนี้ (29 พ.ย. 64) ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประตูฝั่งพญาไท สืบเนื่องจากเพจเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ นัดหมายจัดกิจกรรม #แด่เธอผู้เสียสละ โดยจะได้พบกับการปราศรัยจาก ก้อง ต.อ. 82 แรปเตอร์-สิรภพ อัตโตหิ ต.อ. 77 และทนายจูน-ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ต.อ. 64 จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และร่วมกัน #ยืนหยุดขัง นั้น


16.00 น. บรรยากาศกลุ่มนักเรียนปัจจุบัน "เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ" ได้เริ่มจัดกิจกรรมภายในบริเวณโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาประตูฝั่งพญาไท ซึ่งเจ้าหน้าที่ปิดประตูไม่เปิดให้บุคคลภายนอกรวมถึงผู้สื่อข่าวได้เข้าไปภายในโรงเรียน  โดยทางกลุ่ม"เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ" ได้ประกาศเชิญชวนให้นักเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมฯ เข้าร่วม เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อย่าให้ใครมาปิดกั้นเสรีภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เพื่อน ๆ ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงอาจารย์ ได้ตระหนักถึงความไม่ยุติธรรมในสังคมไทย อีกทั้งเรียกร้องปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทางการเมืองที่ออกมาต่อต้านเผด็จการ


ขณะเดียวกันบริเวณด้านนอกรั้วโรงเรียน กลุ่มนักเรียนเลวได้มาทำกิจกรรมแจกหนังสือคู่มือ "เอาตัวรอดในโรงเรียน" ให้กับนักเรียนที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน รวมถึงนอกเครื่องที่เฝ้าสังเกตุการณ์อย่างเข้มงวด


จากนั้นเริ่มต้นด้วยการปราศรัย โดยนายศักรินทร์ ชูช่วย หรือ ก้อง (ต.อ. 82) กล่าวว่า ความเป็นเตรียมอุดมฯ คือยอดพีระมิดของสังคม ใครแพ้คัดออก การศึกษาคือการแข่งขัน เด็กต้องไปเรียนพิเศษอย่างหนัก เพื่อมาสอบเข้าเตรียมอุดมฯ ซึ่งการเรียนพิเศษนี้มีมาตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งจนถึงปัจจุบัน


สิ่งที่ตนมองหาในนักเรียนเตรียมอุดมฯ คือคุณสมบัติพิเศษที่มากกว่าความเก่ง คือความกล้าหาญ ความจริงใจ ความมุ่งมั่นที่ต้องการเห็นสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเตรียมอุดมฯ จะเป็นมาตรวัดที่ลบหรือบวก ขึ้นอยู่กับนักเรียนเตรียมอุดมฯ ทุกคนว่า ต่อไปจะทำตัวเป็นคนก้าวหน้า ทันสมัย หรือเป็นอนุรักษ์นิยมโลกแคบ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งทิ้งท้ายขอให้นักเรียนเตรียมอุดมฯ ลุกขึ้นเป็นผู้กล้า ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ให้เหมือนกับศิษย์เก่าที่ถูกจับขังในขณะนี้


ต่อมา แรปเตอร์-สิรภพ อัตโตหิ (ต.อ. ศิษย์เก่ารุ่น 77) ได้กล่าวปราศรัยนอกรั้วโรงเรียน ว่าไม่ได้เข้ามาโรงเรียนนาน ด้วยเหตุผลบางประการ ขณะที่เราเลือกเส้นทางประชาธิปไตย เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ต้องยอมรับว่า เป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยว และรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นนักเรียนเตรียมฯ เดินผ่านประตูไปไม่สนใจกิจกรรมนี้ ทั้งนี้ตนเป็นเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ทำกิจกรรมร่วมกันกับ น.ส.เบนจา อะปัญ เลยยิ่งรู้สึกเจ็บปวด


สิรภพ ได้กล่าวต่อว่า อยากบอกทุกคนที่ฟังอยู่ว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ข้างเรา ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยกัน และเสียสละอะไรบางอย่าง สุดท้ายวิธีการที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างเรา ไม่ใช่การที่เรามีผู้เสียสละแค่หนึ่งหรือสองคน แต่ทุกคนต้องเสียสละ เพื่อยืนยันหลักการของความเป็นคนเท่ากัน


ปิดท้ายการปราศรัยด้วย  ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ต.อ. 64 ) หรือทนายจูน จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ครั้งนี้นอกจากมาในฐานะศิษย์เก่า ยังมาในฐานะผู้สังเกตุการณ์และในฐานะทนายความ ซึ่งพบเจอกับผู้ที่อยู่ในเรือนจำ ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 63 ระบุว่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราอย่างเข้มข้นกับผู้ชุมชน และเริ่มมีการใช้กฎหมายมาตรา 112 กับผู้ชุมนุมจำนวนมาก ขอเรียกสภาวะตอนนี้ว่า สภาวะที่รัฐเหลิงอำนาจ แต่เรือนจำคุมขังเพียงร่างกาย แต่ไม่อาจขังความคิด


จากการที่ทนายเข้าไปเยี่ยมคนในเรือนจำ จึงขอส่งสาส์น ความเป็นอยู่ในเรือนจำ โดยเบญจาเคยพูดตอนหนึ่งหลังจากที่มีคำสั่งลงโทษ ละเมิดอำนาจศาลว่า "หนูสงสัยว่าเราสามารถตั้งคำถามกับความเป็นธรรมได้มากน้อยแค่ไหน แท้จริงกฎหมายเป็นของใคร ของประชาชนหรือของใคร" พร้อมกับฝากข้อความถึงน้อง ๆ เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ด้วยว่า "ช่วยด้วย ยังมีเด็กเตรียมอุดมฯ อีก 2 คน อยู่ในเรือนจำ เรากับเพนกวินดีใจ ที่มีเด็กเตรียมอุดมฯ ร่วมต่อสู้มากกว่ายุคที่เราอยู่"


กระทั่ง 17.00 น. กลุ่มเกียมอุมดมฯ ศิษย์ปัจจุบัน ได้ออกมาจัดกิจกรรมด้านนอกโรงเรียนโดยไปยืนหน้าป้ายโรงเรียน ได้มีการอ่านแถลงการณ์ "กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้เสียสละเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตและการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า" รวมถึงอ่าน "กวีซี่กรง" ที่แต่งโดยเพนกวินจากในเรือนจำ และจัดกิจกรรม #ยืนหยุดขัง หน้าป้ายศิษย์เก่าที่ไม่ก้มหัวให้เผด็จการอาทิ จิตร ภูมิศักดิ์ นักคิด นักต่อสู้ทางการเมือง, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล, นายสิรภพ อัตโตหิ กลุ่มเสรีเทยพลัส, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์, นางสาวเบนจา อะปัญ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เป็นต้น โดยยืนเป็นเวลา 11 นาที 20 วินาที ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรม


ทั้งนี้นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล ศิษย์เก่าเตรียมอุดมฯได้มาร่วมฟังการปราศรัยและเฝ้าดูการจัดกิจกรรมด้วย


#ม็อบ29พฤศจิกา64 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์