"ประเสริฐ" แจงกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ย้ำ ไม่มีการเกรงใจนายทุน
วันที่ 25 มีนาคม 2568 ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงประเด็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่า ในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ตนได้ติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ได้สั่งการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ทุกเดือน มีการบูรณาการทำงานร่วมกันหลายภาคส่วน
จากการติดตามการอภิปรายพบว่ามีหลายข้อมูลยังไม่รอบด้าน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติในการทำงานแต่อย่างใด ในการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนั้น ไม่ได้มีการเกรงใจนายทุนแต่อย่างใด ทั้งสถานบันทางการเงิน ผู้ให้บริการโทรศัพท์ นั้นเป็นเรื่องที่เกรงใจกันไม่ได้เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศ
รัฐบาลเองมีมาตรการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่หลายมาตรการ ทั้ง ศูนย์ AOC 1441 ที่ดำเนินการต่อเนื่องทุกวัน 24 ชั่วโมง สามารถอายัดบัญชีของผู้เสียหายได้ทันที จากเดิมที่ต้องใช้เวลาถึง 3 วัน ในส่วนของบัญชีม้ามีการทำงานกับธนาคารอย่างใกล้ชิด เดิมระงับบัญชีชั่วคราวจาก 3 วันเป็น 7 วัน ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้น พร้อมปรับการเปิดบัญชีให้ยากขึ้นผ่านมาตรการ Customer Due Diligence (CDD) ธนาคารมีสิทธิเรียกดูข้อมูลและแหล่งที่มาของเงินในการเปิดบัญชี ยกระดับการเปิดบัญชีให้ยากขึ้น ทั้งบัญชีส่วนบุคคลและนิติบุคคล โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์
ส่วนในเรื่องการปิดบัญชีม้า ได้มีการปิดบัญชีม้าต้องสงสัยไปแล้วกว่า 75,000 บัญชี ในส่วนของซิมม้า กสทช. ได้ออกมาตรการให้มายืนยันตัวตน ในกรณีที่เป็นเจ้าของซิมมากกว่า 6 ซิมขึ้นไป ถ้าไม่มายืนยันตัวตนจะระงับการใช้สัญญาณทันที โดยส่งผลให้ในขณะนี้ระงับซิมม้าไปแล้วกว่า 2.4 ล้านเลขหมาย และกำลังจะระงับเพิ่มอีก 2.8 ล้านเลขหมายที่ไม่ผ่านการยืนยันตัวตน
มากไปกว่านั้นยังมีมาตรการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ตรวจสอบผู้ลงทะเบียน Mobile Banking หลังวันที่ 1 มกราคม 2565 กว่า 3 ล้านเลขหมาย ในส่วนของมาตรการเกี่ยวกับเสาสัญญาณ ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้ลดการใช้พลังงานอย่างชัดเจน ทำให้ต้องหาแหล่งพลังงานและย้ายฐานการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น พร้อมรื้อเสาสัญญาณ ซิมบ็อกซ์ การระงับบริการ WiFi Calling จากประเทศเพื่อนบ้านและการคัดกรองผู้ซื้อบริการจากต่างประเทศ มาตรการสุดท้ายคือดำเนินการกับผู้ลักลอบเข้าแดน ดำเนินงานร่วมกันกับกระทรวงกลาโหม
ในส่วนของข้อมูลรั่วไหล ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากสองเคสที่กล่าวถึงคือ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำห้างหนึ่ง ได้ตรวจสอบแล้ว เรียกคนดูแลข้อมูลมาเพื่อดูข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานครบหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการต่อไปในเรื่องของคดีต่าง ๆ ในอนาคต ส่วนคำสั่งปรับที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคยปรับใครจริงนั้น ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาได้มีการปรับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว 7 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในการบังคับการปรับอยู่
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ยืนยันได้ว่า รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว เพราะภายหลังการปราบปรามอย่างเข้มข้น พบว่ามูลค่าความเสียหายลดลงกว่า 50% ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด เป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลคือต้องให้พี่น้องประชาชนปลอดภัยจากภัยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลจะทำงานต่อเนื่องต่อไป พร้อมขอส่งกำลังใจให้การทำงานของข้าราชการที่ดำเนินงานทุกฝ่ายในเรื่องนี้ด้วย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #คอลเซ็นเตอร์