ศาลฎีกายังคงไม่ให้สิทธิประกัน "ขนุน-สิรภพ" ระหว่างอุทธรณ์ แม้ยินยอมติด EM และอดอาหารเรียกร้องสิทธินี้กว่า 15 วัน แล้ว ศูนย์ทนายฯเผย มีภาวะเสี่ยง ร่างกายอ่อนล้า และสายตาเบลอ
วันที่ 8 มีนาคม 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ด่วน! ศาลฎีกายังคงไม่ให้ประกัน “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ผู้ต้องขังในคดี #ม112 หลังวานนี้ (7 มี.ค. 68) ทนายยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันของศาลอุทธรณ์ครั้งล่าสุด
ศาลฎีการะบุ "พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งศาลฎีกาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว หากอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 อาจจะหลบหนี คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง"
ปัจจุบัน ขนุนอดอาหารประท้วงในเรือนจำเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวมาเป็นเวลา 16 วันแล้ว หลังถูกขังระหว่างอุทธรณ์มาจะครบ 1 ปี และยื่นประกันตัวมาแล้วครั้งที่ 15 แต่ยังไม่เป็นผล ศาลอุทธรณ์ตลอดจนศาลฎีกายกคำร้องเรื่อยมา แม้ขนุนจะขอโอกาสกลับไปเรียนต่อระดับปริญญาโท และเสนอเงื่อนไขประกันต่าง ๆ นานา
ทั้งนี้บันทึกเยี่ยมจากศูนย์ทนายฯ ได้ระบุว่า วานนี้ (วันที่ 7 มี.ค. 2568) “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 น้ำหนักลดลงถึง 8 กิโล ร่างกายอ่อนล้า และสายตาเบลอ หลังอดอาหารประท้วงเป็นวันที่ 15 แล้ว จากการถูกปฏิเสธสิทธิประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยงดรับประทานอาหารและนมตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 2568 และถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. 2568
วันนี้ทนายได้เข้าเยี่ยมขนุนที่ห้องเยี่ยมญาติ เนื่องจากห้องเยี่ยมทนายที่โรงพยาบาลเต็ม การพูดคุยค่อนข้างเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากขนุนต้องยกมือถือโทรศัพท์ตลอดเวลา และช่องที่ให้ผู้ต้องขังและญาติมองหน้ากัน ต้องก้มหน้าลงในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถมองเห็นหน้ากันตลอดการพูดคุยได้
เมื่อขนุนพบทนายก็รีบแจ้งเราว่า วันนี้เขาได้เขียนคำร้องเพื่อขอนำสมุดที่เขาบันทึกออกไปข้างนอก น่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 – 2 วัน ขอให้ทนายช่วยติดตามคำร้องอีกที
จากนั้นขนุนก็เล่าให้ฟังถึงผลตรวจร่างกายวันนี้และเมื่อวาน โดยเมื่อวานนี้ (6 มี.ค. 2568) ค่าแมกนีเซียมอยู่ที่ 1.8 (ตามเกณฑ์คือ 1.7 – 2.5), ฟอสฟอรัส 5 (ตามเกณฑ์คือ 2.7 – 4.5) เขาเล่าว่า ฟอสฟอรัสช่วยเรื่องความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ ที่เขาอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะฟอสฟอรัสล้วน ๆ กับมวลกล้ามเนื้อที่ออกกำลังกายก่อนหน้านี้ ส่วนค่าโพแทสเซียมอยู่ที่ 3.5 (ตามเกณฑ์คือ 3.5 – 5), น้ำตาล 94, น้ำหนักอยู่ที่ 66.6 กก. ค่าไตปกติ ขนาดเม็ดเลือดแดงเล็กลง โดยแพทย์แจ้งว่าเกิดจากสารอาหารที่หายไป
ส่วนผลตรวจเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2568 ค่าน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ 95, น้ำหนักอยู่ที่ 65.5 กก. ซึ่งน้ำหนักลดลงมา 8 กก. แล้ว เฉลี่ยแล้วน้ำหนักลดลง 2 วัน/ กก.
ตลอดการพูดคุย ทนายสังเกตว่าขนุนดมยาหม่องตลอดการพูดคุย เขาเล่าว่า ปกติแล้ว ไม่ใช่คนที่ชอบยาหม่อง เพราะมันมีกลิ่นฉุน ตอนช่วงมัธยมเขาไม่ค่อยแข็งแรง เป็นลมบ่อย พอเวลาเป็นลม ครูก็ชอบเอายาหม่องมาป้าย ทำให้รู้สึกทั้งแสบและทรมานจมูก แต่พอได้ลองอันนี้ที่พ่อซื้อให้ รู้สึกว่ากลิ่นมันไม่ฉุน หอมกำลังดี เวลาที่หิวข้าวก็ดมยาหม่องแทน
ทนายแจ้งกับขนุนว่า วันเสาร์ที่ 8 มี.ค. 2568 กลุ่มทำไรท์จัดงาน STAND TOGETHER และมีวงเสวนาบอกเล่าเรื่องขนุนด้วย ขนุนยิ้มออกมาแล้วบอกว่า เขามีข้อความที่อยากจะฝากผ่านทนายไปวงเสวนาด้วย แต่ขอเวลาคิดสักครู่
ทนายได้เล่าให้ขนุนฟังว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนกฎกระทรวงเรื่องทรงผมนักเรียน ขนุนยิ้มแล้วบอกว่า สู้กันมาเป็น 10 ปี สู้มานาน ชนะเรื่องแรกก็เรื่องนี้ จากนั้นขนุนก็ขอตัวก่อน เนื่องจากมีญาติมาเยี่ยม
ในช่วงบ่ายทนายได้เข้าเยี่ยมอีกครั้ง ครั้งนี้สีหน้าขนุนดูเหนื่อย ๆ เขาเล่าว่า มีอาการมึน ๆ บ้าง รู้สึกอ่อนล้า ปวดเมื่อยร่างกาย ตามร่างกายดูจะชาเร็วขึ้นมาก นั่งไม่กี่อึดใจ ก็รู้สึกเหน็บกินแล้ว ที่นิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของเขา ยังเป็นดวงสีม่วงอยู่ ขนุนบอกว่า แพทย์ตรวจดูแล้วแจ้งว่าน่าจะเป็นเพราะขาดวิตามิน
ส่วนเรื่องสายตาที่ตอนเช้า ๆ จะรู้สึกตาเบลอ ๆ หรือตาไม่โฟกัส แพทย์มาตรวจแล้วบอกว่า ไม่มีอาการเป็นต้อกระจก ตายังแข็งแรงอยู่ แต่ก็เป็นการตรวจเพียงเบื้องต้น ไม่ได้ตรวจไปถึงเส้นประสาทตา
ตลอดการพูดคุยขนุนจะมีขวดน้ำเล็ก ๆ 2 ขวด วางอยู่ใกล้ตัว เขาเล่าว่า เป็นน้ำเกลือแร่และน้ำหวาน ซึ่งการดื่มน้ำหวานจะทำให้ร่างกายตื่น ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีสภาพเหมือนซอมบี้ พูดคุยไม่รู้เรื่อง เขายังคงฉี่ 4-5 ครั้งต่อวัน และถ่ายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ออกศาล แต่ 2 วันที่ผ่านมานี่ ไม่ได้ถ่ายแล้ว
ผื่นและจุดแดง ๆ ที่หน้าอกปรากฏชัดขึ้น แต่ไม่ลามแล้ว จากการตรวจเลือดค่าภูมิแพ้อยู่ที่ 7 แพทย์แจ้งว่า ถ้า 10 ขึ้นไป อาการจะน่าเป็นห่วง แต่เขาเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกกังวลเท่าไหร่ ขนุนคาดว่า แร่ธาตุในร่างกายคงไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ร่างกายคงกำลังดึงเอาพลังงานต่าง ๆ มาใช้ เลยมีอาการสะเปะสะปะ
เขายังเล่าว่า วันนี้ได้กินวิตามิน B1 กับธาตุเหล็กเพื่อช่วยเรื่องไตด้วย มีความรู้สึกหิวเพิ่มมากขึ้น เริ่มมีอาการปวดท้องบ้าง ไม่เรอแล้วแต่เหมือนมีลมตีขึ้นมา
เขาเล่าต่อว่า สถานการณ์เรื่องยุงที่โรงพยาบาลก็ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลให้เจ้าหน้าที่เอาพัดลมและยากันยุงมาให้แล้ว กิจวัตรประจำวันของที่นี่ จะตื่นประมาณตี 5 จากนั้นจะมีพยาบาลมาวัดความดัน เสร็จแล้วเขาจะรีบจัดการอาบน้ำ จากนั้นก็จะมีการวัดความดันอีกครั้งตอน 6 โมงเช้า และประมาณ 8 – 9 โมงเช้า แพทย์ก็จะมาตรวจ
ขนุนขอทนายดูรูปโปสเตอร์งานเสวนาของทำไรท์อีกครั้ง เขาเล่าว่า รูปภาพเขาที่อยู่ในโปสเตอร์เป็นรูปที่เขาเข้าร่วมงานนี้ก่อนวันฟังคำพิพากษาคดีให้จำคุก
ก่อนจากกันขนุนได้โชว์รูปที่เขาสเก็ตในระหว่างที่รอออกเยี่ยม เป็นภาพบริเวณจุดให้รอ ตรงนั้นจะเห็นต้นไม้ เห็นท้องฟ้า ขนุนวาดภาพที่เป็นกำแพง และมีลวดหนามอยู่ด้านบนกำแพง เขาเล่าว่าปกติเป็นคนวาดภาพไม่เก่ง เรียกว่าไม่เคยวาดภาพเลยก็ได้ แต่อยู่ข้างในมันว่าง
ตอน ปี 64 ที่เขาเข้ามาที่เรือนจำครั้งแรก ได้เจอกับแอมมี่ แอมมี่ชวนเขาวาดภาพ ซึ่งภาพนั้นเขายังเก็บไว้อยู่ แต่ก็ไม่ได้กลับมาวาดภาพอีกหลังแอมมี่ออกไป จนกระทั่งเขาเข้ามาอีกรอบ สิ่งแรกที่เขาซื้อเลย คือ สมุดกับปากกา แล้วก็เริ่มวาดภาพห้องขัง วาดภาพพี่ ๆ ที่ถูกขังในแดนเดียวกัน หรือวาดภาพกำแพงเพราะบางจุดมีร่องรอยที่ผู้ต้องขังทางการเมืองที่เข้ามาก่อนหน้านี้ไปขูดไว้ บ้างเขียน ‘ประยุทธ์ส้นตีน’ หรือ ‘ยกเลิก 112’
ที่แดน 4 เพื่อนผู้ต้องขังหลายคนเป็นศิลปิน ขนุนเลยไปขอให้เขาช่วยสอนวาดภาพ การวาดภาพมันเหมือนได้ระบายความรู้สึกเวลาที่พูดไม่ถูกเหมือนกัน บางเรื่องมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ บางเรื่องไม่สามารถที่จะสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ แต่พอได้ลงมือวาดภาพ มันเหมือนได้ระบายออกมา
แล้วขนุนก็เปิดให้ทนายดูภาพที่เขาวาดเมื่อคืน เป็นรูปนิ้วมือที่ชี้ไปนอกหน้าต่าง พร้อมมีข้อความกำกับว่า ‘ข้างนอกนั้น มีอิสรภาพใช่ไหม’
สุดท้ายขนุนฝากคำอธิบาย หลังเห็นคอมเมนต์ในข่าวเรื่องศาลยกคำร้องขอประกันของเขาที่ทนายปรินท์มาให้ดู ซึ่งแนะนำให้เขาเสนอเงื่อนไขประกันขอติด EM หรือไม่ออกจากบ้าน “เงื่อนไขประกันตัวที่ยื่นมาโดยตลอดคือ ติด EM อยู่บ้าน 24 ชั่วโมง ไม่กระทำผิดซ้ำ ไม่ออกนอกประเทศ มีอาจารย์รับรอง 3 คน จาก 3 มหาลัย มีบิดามารดาเป็นผู้ปกครอง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พร้อมเอาบ้านหรือโฉนดเป็นหลักทรัพย์ประกันเสมอ เคยเสนอไปด้วยซ้ำว่า ให้ไปรายงานตัวที่กรมคุมประพฤติทุก 3-5 วัน ด้วย”
ขนุนกล่าวว่า สำหรับเขาเงื่อนไขขนาดนี้ก็เยอะมาก ๆ แล้ว แต่เขาก็ยอมเพื่อให้ได้อิสรภาพ ไม่อย่างนั้นหน่วยกิตของเขาจะหายไป หรือศาลจะกำหนดมากกว่านี้ก็ยอม แต่กลายเป็นว่าคดีอื่นที่ได้ประกันในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ศาลแค่ให้วางเงินหลักแสน กับห้ามออกนอกประเทศ หรือห้ามกระทำผิดซ้ำ มันเป็นสิทธิของพวกเขาอยู่แล้วที่ต้องได้ประกัน แต่มันน่าคิดมั้ยว่า คนอื่นที่ต้องโทษจำคุก 2 ปี, 3 ปี, 5 ปี หรือ 9 ปี ในคดีเดียวกัน กลับได้ประกันหมดเลย ศาลเดียวกันด้วย แต่กรณีของเขากลับไม่ได้ประกัน และนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องเจอ