วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564

"บอย ธัชพงศ์" ชี้! เราชนะในเชิงวัฒนธรรม แค่เพียง 2 ปีที่สู้กันมา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง


"บอย ธัชพงศ์" ชี้! เราชนะในเชิงวัฒนธรรม แค่เพียง 2 ปีที่สู้กันมา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง 


ในกิจกรรมเคาท์ดาวน์ที่คณะราษฎรยกเลิก112 ได้จัดขึ้นที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นั้น "บอย" ธัชพงศ์ แกดำ ได้กล่าวว่า


ปี 2563 คือสัญญาณเตือนไปถึงชนชั้นนำ สถาบัน ผู้ผูกขาดอำนาจนิยม ปี 2564 แม้คนส่วนมากอาจจะไม่ได้ออกมาชุมนุม แต่ได้ช่วยกันปฏิวัติทางวัฒนธรรมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งการไม่ยืนในโรงหนัง การไม่ให้ความสำคัญกับวันสำคัญของราชวงศ์อีกต่อไป 


ปี 65 ไปไกลกว่า 3 ข้อ การปฏิวัติจะเกิด ปัญหาจะเป็นระเบิดเวลา 


คนมาชุมนุมอาจจะน้อยลง แต่ไม่ได้หายไปไหน เขาแค่รอให้โควิดหาย ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารของรัฐบาล 


ปี 2565 เราจะไม่เลือกพรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 112 วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ต้องตั้งคำถามให้นักการเมืองมีท่าทีชัดเจนต่อการยกเลิกมาตรา 112 และผลักดันให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง 


ไม่ว่าอย่างไรจะรักษาเพดานการต่อสู้ไม่ให้ลดลง วันนี้เราชนะทางวัฒนธรรม ในปี 65 เหลือเพียงการเด็ดยอดชัยชนะในเชิงโครงสร้าง เริ่มจากลงโทษพรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย จะด้อยค่าโดยไม่มีการประนีประนอม 


คำอวยพรที่อยากมอบให้ทุกคน 2 ปีที่ผ่านมาขอบคุณที่อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ขอบคุณในความเสียสละ พวกเราจะไม่สามารถเดินต่อไปได้ ถ้าไม่มีทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ 


พรุ่งนี้ เตรียมตัวขยับแข้งขยับขา ปี 65 การต่อสู้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และวันนี้ฉลองวันสิ้นปีที่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


#ปีใหม่2565

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์













คณะราษฎรยกเลิก 112 จัดเคาท์ดาวน์หน้าเรือนจำฯ เตรียมจุดพลุ 112 นัด ต้อนรับศักราชใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง

 


คณะราษฎรยกเลิก 112  จัดเคาท์ดาวน์หน้าเรือนจำฯ เตรียมจุดพลุ 112 นัด ต้อนรับศักราชใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง 


วันนี้ (31 ธ.ค. 64) คณะราษฎรยกเลิก 112 (ครย.)  จัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับศักราชใหม่  "อยู่เป็นเพื่อน ย้ำเตือนความยุติธรรม" ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ถึง 05.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 65 โดยมีทั้งกิจกรรมแสดงดนตรีจากศิลปินเพลงเพื่อราษฎร การเปิดท้ายขายกุ้งเผา 112 บาทของกลุ่ม WeVo และเปิดฟรีไมค์ให้ผู้เข้าร่วมส่งเสียงถึงผู้ถูกคุมขังทางการเมืองและกระบวนการยุติธรรมไทย นำโดย มีมี่ เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ประกาศโกนผมเป็นครั้งที่ 2  เรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก พร้อมเปิดเผยว่า ที่ต้องโกนผมอีกครั้งเพราะยังไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งการเสียสละนี้เทียบไม่ได้กับคนในเรือนจำที่ต้องสูญเสียอิสรภาพ


ทั้งนี่มีรายงานว่า เวลา 20.00 น. ครย.จะอ่านแถลงการณ์หน้าเรือนจำฯ และเวลา 00.00 น. จะจุดพลุ 112 นัดต้อนรับปีใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง


#ปีใหม่2565

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์





















วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ธิดา ถาวรเศรษฐ : สนทนากับมวลชนก่อนปิดงาน [งานทำบุญเมื่อ 23 ธ.ค. 64 ให้ผู้ประสานงาน/มวลชนที่เสียชีวิต ช่วง 2-3 ปีนี้]

 


ช่วงที่สอง อ.ธิดา สนทนากับมวลชนก่อนปิดงาน [งานทำบุญเมื่อ 23 ธ.ค. 64 ให้ผู้ประสานงาน/มวลชนที่เสียชีวิต ช่วง 2-3 ปีนี้]

 

เมื่อกี้เราได้คุยไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็คือวัตถุประสงค์ของการที่เราจัดงานวันนี้ อยากจะพูดต่อว่าเพื่อเป็นการรำลึกถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เสียชีวิตไป เพื่อแสดงความรู้สึกห่วงหาอาทรต่อกันว่าพวกเราไม่ทิ้งกันแม้จะผ่านวาระสุดท้าย แล้วเราทุกคนอาจจะไม่ได้เสียชีวิตในสนามการต่อสู้ในวันสำคัญ แต่ว่าการเสียชีวิตโดยธรรมชาติของนักต่อสู้ เพียงคุณรักษาอุดมการณ์ของนักต่อสู้และยืนหยัดนั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องคารวะแล้ว

 

อาจารย์เพิ่งไปงานของ “คุณฉลาด วรฉัตร” ที่เสียชีวิต แกเป็นส.ส. 2 สมัย แต่ในวันเผาไม่มีพรรคการเมืองนั้นมาเลย ก็คงเข้าใจนะว่าอยู่พรรคไหน แกเป็นส.ส.กรุงเทพฯ แล้วก็เป็น ส.ส.ตราด ไม่มีเลย แล้วฟากนักต่อสู้ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา เราก็จะมีคนที่ออกมาร่วมต่อสู้จำนวนหนึ่ง แต่ก็มีนักต่อสู้ในอดีตนั้นจริง ๆ มันก็เริ่มมีการแบ่งฝ่ายอยู่ระดับหนึ่ง กลายเป็นว่านักต่อสู้เมื่อปี 2535 อันนี้เป็นความรู้ของเรา ว่าพัฒนาการของการต่อสู้นั้นจากต่อสู้กับเผด็จการทหาร และเมื่อเวลาที่ผ่านไป มันก็ไม่ใช่เผด็จการตัวเดียว มันมาเป็นระบอบ เมื่อมาเป็นระบอบก็เริ่มมีการแยกตัวของนักต่อสู้ออกไป

 

ดังนั้นในวันนั้น นักต่อสู้ปี 2535 ส่วนที่เป็น NGO ส่วนที่เป็นพรรคการเมือง อีกฝั่งหนึ่งที่ช่วงหลังไปสนับสนุนรัฐประหาร ไม่มีใครมาเลย ในงานวันนั้นก็มีอาจารย์ คุณหมอเหวงนั้นไปตอนกลางคืน แล้วก็มีคุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ คุณครูประทีป อึ้งทรงธรรม แล้วก็มีจตุพร พรหมพันธุ์ ไป แต่ว่าคนปี 2535 ซึกที่สนับสนุนรัฐประหารก็ไม่มา เราจะเห็นว่าในคำโบราณที่บอก “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” มันก็จริง ทั้ง ๆ ที่เป็นเพื่อนนักต่อสู้ด้วยกัน

 

ดังนั้น อาจารย์จะฝากว่าอุดมการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด จุดยืนที่ยืนอยู่กับประชาชนสำคัญที่สุด ถ้าคุณจุดยืนไม่ได้อยู่ที่ประชาชนจริง จุดยืนมาอยู่ที่ผลประโยชน์ของคณะหรือของตัวเอง โอกาสที่คุณจะหลงทางมีมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่จุดยืนคุณอยู่ที่ประชาชนจริง คุณจะไม่หลงทาง อาจจะเดินเก็บดอกไม้เพลินออกไปบ้าง แต่ประเดี๋ยวก็มาเข้าทาง

 

เพราะฉะนั้น “จุดยืน” สำคัญที่สุด แต่ที่อาจารย์เคยบอกไว้ว่านักต่อสู้จะไม่ด้อยค่านักต่อสู้ด้วยกัน อันนี้เป็นข้อสังเกตว่า พัฒนาการของการต่อสู้นั้นไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ มันเคลื่อนมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้เห็นว่ามีการแบ่งฝ่ายของการที่ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยจริงกับฝั่งที่เคยออกมาต่อสู้แต่กลายเป็นหนุนรัฐประหาร  เคยสู้ปี 2535 แต่พอมาบัดนี้ก็ไม่ได้มาร่วม หมายถึงแม้กระทั่งงานของคุณฉลาด วรฉัตร อันนั้นเป็นแบบอย่าง แต่ว่าแกอยู่กับพรรคการเมือง แกไม่ได้อยู่กับองค์กร.ประชาชน

 

ในวันนี้อาจารย์ก็จะมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนหนึ่งก็มีหนังสือของคุณฉลาด ถ้าใครสนใจ ในนั้นมีเรื่องธรรมะ เพราะคนที่มานี่มีสายธรรมะเยอะ เนื้อหาดีมาก แล้วเขาก็เอาที่อาจารย์เขียนถึง คารวาลัย (คารวะ + อาลัย) ครอบครัวเขาก็ชอบมาก เขาก็เอาไปลง เพราะอาจารย์เขียนรวดเดียว ไม่ได้อ่านทวนเลย ก็ส่งให้พิมพ์เลย คือเขียนจากความรู้สึกจริง ๆ สำหรับนักต่อสู้ ซึ่งเรารู้ว่าในที่สุดทุกคนก็ต้องตายโดยธรรมชาติ แต่ว่าการตายโดยธรรมชาติเหมือนอย่างพวกเราที่เสียชีวิตกัน ไม่ได้ตายในสนามรบ แต่ชีวิตที่อยู่ในสนามรบก็ควรแก่การคารวะ นี่จึงเป็นวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเป็นแบบอย่างสำหรับเยาวชนด้วย ว่านักต่อสู้นั้นไม่ทิ้งกัน ถึงแม้เราจะแก่ เราอาจจะไม่ได้ไปอยู่แถวหน้า แต่เราเป็นแถวหลังที่ไว้ใจได้  เส้นทางที่เราเดินก็จะเป็นการปูทางถนนให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป อะไรที่ไม่ดีเราก็จะบอกเขาว่ามันไม่ดี อะไรที่เป็นเรื่องที่ดีเขาก็จะดูศึกษา แต่สิ่งหนึ่งที่เราขณะนี้ไม่มีอะไรเลยแต่ทำได้เป็นแบบอย่างเช่นวันนี้เป็นต้น ก็คือเราไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร และนี่เป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนด้วยว่าพวกเรานั้นจะไม่ทิ้ง ไม่ว่าเราจะเสียชีวิตโดยธรรมชาติหรือเจ็บป่วย ให้เราสบายใจว่าเรายังมีคนที่ดูแล

 

เพราะฉะนั้น อาจารย์อยากให้เอาสิ่งนี้ไปบอกพวกเราที่อยู่ว่า เราอาจจะไม่ใช่กองหน้า แต่เราเป็นกองหลังที่ไว้ใจได้ แล้วโดยธรรมชาติการต่อสู้มันมีทั้งกองหน้ากับกองหลัง เราเคยเป็นกองหน้า แต่ถึงเวลาเราก็ให้คนที่สดกว่า แข็งแรงกว่า ใหม่กว่าอยู่หน้าเราก็ได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่คิดว่าในปีหน้าถ้าทำได้ ขอให้มีสักวันที่เรามาทำบุญและรำลึกถึงเพื่อนเราที่จากไป จริง ๆ มันไม่ใช่วันเดียวก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมี อย่างเช่นแบบวันนี้เป็นต้น แล้วก็ถ้าจะมีภาพขึ้นหน้าจอ มีเรื่องราว มีสไลด์ ในครั้งต่อไปของเรื่องแต่ละคนก็สามารถทำมาได้ เพื่อที่จะให้หลาย ๆ คนรู้จัก แน่นอนเรารู้ว่าคนที่เสียสละไปเสียชีวิตไปไม่ได้ต้องการว่าจะเป็นคนดัง เพราะเขาไม่ได้หิวแสง เราเป็นพี่น้องที่ทำงานธรรมดา แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องดี ๆ ที่ให้พวกเราหลาย ๆ คนและเด็กรุ่นหลังจะได้รู้ นี่คือตัวอย่างที่ดี ว่าแม้กระทั่งเราสูงอายุแล้วเราก็ไม่ทิ้งกัน

 

และนอกจากเราไม่ทิ้งกัน เราก็ไม่ทิ้งเด็ก ไม่ทิ้งเยาวชน ไม่ทิ้งกองหน้าด้วย นี่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากจะฝากกันเอาไว้ อาจารย์ก็เสียใจที่เด็กถูกกระทำมากมาย แต่พวกเราก็ถูกกระทำมากมาย แกนนำนปช. อย่างคุณหมอเหวง ณัฐวุฒิ หรือจตุพร หรือใครก็ตาม ยังมีคดีอีกหลายคดี แล้วติดคุกแล้วสำหรับคดีปี 2551 ปี 2552 มี 2 คดี ปี 2553 อีก 1 คดี

 

คดีปี 2552 ก็คือที่พัทยามีคนมาร้องเรียนนะ เพราะว่าเขากลัวว่าจะติดคุกน้อยไป ต้องให้เอาพวกส่วนกลางไปติดด้วย อ้างว่าณัฐวุฒิให้เงินอริสมันต์ไป 2 แสน ดังนั้นก็เลยต้องลากพวกแกนนำส่วนหลางไปติดคุกพัทยาด้วย และที่สะพานชมัยมรุเชฐก็มีอีกคดีหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เราเลิกไปธรรมดา

 

คดีปี 2553 เพิ่งศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง อย่าเพิ่งดีใจ ยังมีอุทธรณ์ ฎีกา แล้วก็มีคดีแพ่งอีก 2 คดี ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก นี่คือสิ่งที่ชะตากรรมยังเผชิญอยู่ แล้วส่วนเยาวชนมันยิ่งน่ารันทดใจมากกว่าเพราะเขาเป็นเด็ก เขาเพิ่งย่างก้าวเข้ามา อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งเยาวชนและประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันก็จะต้องคิดอ่านทำงานต่อไป

 

สำหรับพวกเราทุกคนก็ดูแบบอย่างที่เมื่อกี้โก๊ะได้พูด คนที่เสียชีวิตอายุ 110 แต่เขาสู้จนลมหายใจสุดท้าย อาจารย์ก็เชื่อว่าพวกเราสู้จนลมหายใจสุดท้ายด้วย ถ้าถามอาจารย์ อาจารย์ก็เป็นเช่นนั้น เราสู้จนลมหายใจสุดท้าย นี่ก็คือสิ่งที่เราสู้เท่าที่เราจะทำได้ให้ดีที่สุด

 

“ยูดีดีนิวส์” ที่เราทำก็เป็นสื่อซึ่งเยาวชนและในการต่อสู้คนรุ่นใหม่ก็รู้จักพอสมควร ในที่นี้เรามีคำขวัญว่า “ร่วมเสนอข่าวสาร ประสานการต่อสู้ของประชาชน” อาจารย์ไม่คิดว่าสื่ออื่นเขาจะมีคำขวัญ คำขวัญคือเข็มมุ่ง เราต้องเสนอข่าวสาร แต่ข่าวสารก็เป็นข่าวสารที่ประสานการต่อสู้ของประชาชน นี่คือหัวใจของเรา เราไม่จำเป็นต้องเสนอข่าวสารทั้งหมด สามีตีภรรยา ก็ไม่จำเป็น เราเสนอเฉพาะประเด็นการต่อสู้ของประชาชน พร้อมกันนั้นเป็นไปได้ที่ตัวอาจารย์เองถ้าพอจะมีบทเรียนอะไรที่ผ่านมาก็จะพยายามใช้บทเรียนอันนั้นให้เป็นประโยชน์ในการบอกเล่าให้กับเยาวชนโดยไม่ได้มีการครอบงำ เราไม่ได้มีการชี้นำ แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ และปัญหาที่เขาอาจจะอยากรู้

 

เพราะฉะนั้น พวกเราทุกคนมีบทบาท เราอยู่ในพื้นที่ 1) เป็นผู้สื่อข่าวอาสาได้ มีกล้องเราก็ทำได้แล้ว 2)ถ้าเรามีเรื่องราวที่น่าสนใจ เราก็สามารถที่จะเขียนหรือบอกทางสำนักข่าวยูดีดีนิวส์เพื่อที่จะทำเป็นเรื่องที่น่าสนใจ อย่างคุณลุงที่มีอายุร้อยกว่าปีก็ลองทำเป็นเรื่องมา หรือในพื้นที่เรามีปัญหาอะไรมาก ถ้าเราคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยกันทำ นี่ก็คือร่วมการต่อสู้กับพี่น้องประชาชนตามที่เรามีความสันทัดและมีประสบการณ์ เพราะว่าการบอกเล่าประสบการณ์เป็นครูชั้นดี ถึงแก่แล้วเราก็ยังเป็นนักเรียนน้อยอยู่ ก็คือเรายังต้องรับฟัง เพราะว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาไม่เหมือนกัน

 

ในเรื่องสุดท้ายที่อาจารย์อยากจะฝากเอาไว้ก็คิดว่ามันเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้ง แน่นอนเรามีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมากขึ้น ถามว่าดีมั้ย? ส่วนที่บอกว่าไม่ดีก็คือเสียงจะตัดกันเอง แต่ส่วนที่บอกว่าดีก็คือว่าจะทำให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องพยายามปรับปรุงตัวเองเพื่อที่จะแข่งขันในการเอาชนะใจประชาชน ข้อดีข้อที่สองก็คือว่าจะรับฟังเสียงและเคารพการต่อสู้ของประชาชนมากขึ้น ถ้ามีพรรคเดียว การฟังหรือการเคารพเสียงของพี่น้องประชาชนในการต่อสู้อาจจะน้อยไป เพราะอาจจะให้น้ำหนักกับการเมืองมากกว่าการต่อสู้ นี่ก็คือข้อดี แต่ในบางประเด็นหลายคนก็กลัวว่าคะแนนเสียงจะตัดกันเอง

 

แต่อาจารย์ให้น้ำหนักกับการต่อสู้ อย่างอาจารย์ อาจารย์ไม่อยู่พรรคไหนนะ คุณต้องเข้าใจนะ ตอบแทนอาจารย์ด้วยว่าอาจารย์ไม่เคยอยู่พรรคไหน ถ้าพูดเล่น ๆ ก็เคยอยู่แต่พรรคคอมมิวนิสต์ แล้วมาอยู่พรรคอื่นไม่ไหว พรรคทุนทั้งหลายก็คงไม่ได้ ก็คืออาจารย์ให้น้ำหนักการต่อสู้ สำหรับอาจารย์พวกเราที่สนับสนุนพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอาจารย์ไม่มีปัญหาเลย อย่าไปอยู่พรรคของเผด็จการก็แล้วกัน หรืออย่าไปอยู่พรรคพวกอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม เท่านั้นแหละ

 

แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่พรรคไหนก็ตาม ที่สำคัญที่สุดก็คือการต่อสู้ของประชาชน คุณจะไปอยู่ตรงไหนคุณก็ช่วยบอกให้เขารู้ว่าถ้าตราบใดการต่อสู้ของประชาชนไม่ได้รับชัยชนะ เพราะการเมือง ต่อให้คุณชนะการเลือกตั้ง คุณเป็นรัฐบาลคุณก็อยู่ไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่ชนะการเลือกตั้งแล้วก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นสู้เพียงเพื่อชนะการเลือกตั้ง ไม่เท่ากับชนะเพื่อให้ได้อำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง ตรงนี้! เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองทั้งหลายต้องช่วยกันตรงนี้ เมื่ออำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง การแข่งขังระหว่างพรรคการเมืองก็จะเป็นเหมือนเล่นกีฬาหรือแข่งความสามารถ

 

แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน ยิ่งคุณแข่งขันแบบมาราธอน ก็ยิ่งทำให้ทอนกำลังของการต่อสู้ ก็คือติ่งทั้งหลายบางทีทะเลาะกันจนมาก ๆ แต่อาจารย์ก็เข้าใจ นั่นแปลว่าเขาให้น้ำหนักการเมืองทางรัฐสภามากกว่าการต่อสู้ของประชาชน แต่บทเรียนของเราก็คือคุณชนะกี่ครั้งแล้ว...ก็ไม่ได้ สุดท้ายก็เกิดรัฐประหาร

 

อยากจะฝากว่า สำหรับอาจารย์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการต่อสู้ของประชาชน ทำอย่างไรที่จะให้ประชาธิปไตยมันเกิดขึ้นจริงก็คืออำนาจเป็นของประชาชน ถ้าตราบใดมีแต่การเลือกตั้ง มีแต่พรรคการเมือง.... เราก็จะเต้นไปเต้นมาอยู่อย่างนี้ แล้วลงท้ายเราก็บาดเจ็บล้มตายเปล่า แต่ว่ามาถึงขั้นนี้เราก็คิดไปข้างหน้าแล้วกัน มองไปข้างหน้า แล้วก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าบั่นทอนกำลังใจในการสู้รบ อาจารย์ฝากตรงนี้ เพราะว่าสนามการเมืองพรรคการเมืองมันกำลังระงมไปหมด ก็ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” อาจจะอยู่ต่างพรรคแต่ร่วมอุดมการณ์ใช้ได้ แต่ว่าต่างพรรค ถ้าต่างอุดมการณ์ไม่เอา อาจารย์ก็ฝากไว้ตรงนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และทำให้การต่อสู้ของประชาชนแข็งแรงเท่าที่เราจะทำได้ และเราจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย

 

และแม้กระทั่งเราเสียชีวิตไป คุณดู “จิตร ภูมิศักดิ์” เสียชีวิตไป แต่เขาไม่ได้หมดค่า เพราะผลงานของเขา เพลงของเขา คำประพันธ์ของเขา งานเขียนของเขา บทกวีของเขายังอยู่ อันนี้เขาเป็นปัญญาชนที่เป็นแบบอย่าง ก็ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ดังนั้นอาจารย์ก็คิดว่าพวกเราไม่ต้องด้อยค่าตัวเอง เรามีเรื่องราวที่สามารถมาบอกเล่าใน “ยูดีดีนิวส์” ได้ เราสู้จนลมหายใจสุดท้าย และก่อนจะถึงลมหายใจสุดท้ายเราก็ควรจะทำงานที่คิดว่าได้ประโยชน์มากที่สุด ฝากไว้สำหรับปีนี้ ปีที่แล้วเป็นการต่อสู้ที่เฟื่องฟู ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากเพราะโควิด ปีหน้า 50/50 ก็คือถ้าโควิดมันแรงมาก การต่อสู้ก็อาจจะไม่ได้เต็มที่ แต่ถ้าโควิดไม่แรงมาก

 

อาจารย์คิดว่าการต่อสู้ประชาชนมันจะขึ้นสูงแม้เด็ก ๆ จะถูกจับไปจำนวนมากก็ตาม ถึงแม้เราจะสูงอายุแล้ว ขอให้อายุมันเป็นแค่ตัวเลข อย่าไปจำมัน ให้รักษาสุขภาพให้ดี ใครไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ไปฉีดเสีย ดูแลสุขภาพให้ดี เราต้องมีพลานามัยที่ดี สมองที่แจ่มใส มีจุดยืนที่ถูกต้อง ไม่เสียชาติเกิดที่เกิดมา อาจารย์เชื่อพวกเราทุกคนค่ะ


#ธิดาถาวรเศรษฐ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ธิดา ถาวรเศรษฐ : วัตถุประสงค์การจัดงานทำบุญเมื่อ 23 ธ.ค. 64

 


อ.ธิดา กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงานทำบุญ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564  ซึ่ง“ยูดีดีนิวส์” ร่วมกับ “ผู้ประสานงานกรุงเทพฯ” ในพิธีทำบุญให้อดีตผู้ประสานงาน/มวลชน ที่เสียชีวิต ในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดที่ไม่สามารถไปร่วมงาน

 

สวัสดีค่ะ รอบแรกเราก็จะพูดสั้น ๆ เมื่อกี้พวกเราได้พูดไปแล้วว่าวัตถุประสงค์วันนี้ที่เราชวนกันมา เพราะว่าโดยปกติเราจะมีงานดูแลพวกที่เสียชีวิตโดยโรคที่ตามธรรมชาติส่วนหนึ่ง อาจารย์จะไปประจำ แต่ว่าขณะนี้มันมีปัญหาโควิดด้วย ดังนั้นก็มีพี่น้องเราทั้งที่เป็นผู้ประสานงานและก็เป็นพี่น้องประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก อาจารย์ก็มองว่าเมื่อหมดปีนี้ เราส่งท้ายเพื่อจะไม่ต้องมีเสียชีวิตอีก ก็มาร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตทั้งโควิดและไม่โควิดในช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นการส่งท้ายปีเก่า ส่วนปีใหม่เรามีวาระที่จะนัดพบกันอีกทีก็ดูจังหวะเวลาอีกครั้งหนึ่ง

 

วันนี้มันไม่ใช่แต่เพียงว่าเรามาร่วมทำบุญให้คนเสียชีวิต สิ่งที่อาจารย์อยากฝากไว้ก็คือว่าพวกเราเป็นนักต่อสู้ร่วมกัน เราร่วมกันมาตั้งแต่เราอายุเรียกว่าผ่านมาเป็น 10 ปีแล้วล่ะ หลายคนก็สูงอายุ ในความคิดอาจารย์มันไม่ต้องให้ตายถึงจะเรียกว่า “วีรชน” ปีหนึ่งเราจัดงานก็คืองานสูญเสียเมื่อเมษา-พฤษภา 53 นอกจากนั้นเราก็จะมีงานรำลึกเช่น 14ตุลา16, 6ตุลา19 ล้วนแต่เป็นคนที่เสียสูญเสียในวันที่มีการลุกขึ้นสู้ และก็มีวีรชนมากมายที่สูญเสียไม่ใช่ในวันที่มีการลุกขึ้นสู้ แต่มันเป็นวันธรรมดา หลายคนก็เป็นผลพวงจากแก๊สน้ำตา จากสุขภาพในการต่อสู้ รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ

 

ในความคิดอาจารย์นั้น คนที่มาร่วมต่อสู้โดยที่ไม่ได้หวังผลประโยชน์และตัวเองมีแต่สูญเสีย ในทัศนะอาจารย์ อาจารย์ถือเป็น “วีรชน” ทุกคนนะ คนเป็น ๆ ก็เป็น “วีรชน” ได้ ไม่จำเป็นต้องตาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะฝากเอาไว้ก็คือว่า ให้เราร่วมความรู้สึกกันว่าเรายังมีกันและกัน ไม่ทิ้ง พูดตรง ๆ ว่าพวกเรานักต่อสู้ เมื่อเราไม่มีผลประโยชน์แล้ว เราก็ควรจะฝากผีฝากไข้กันได้ และนี่คือสิ่งหนึ่งที่เวลาอาจารย์อยู่ มีใครเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตอาจารย์จะไปทุกครั้ง เพราะอาจารย์จะมองว่าพวกเราเป็นพวกร่วมการต่อสู้ แล้วก็เราจะไม่ทอดทิ้งกัน และเราต้องให้กำลังใจคนที่ยังอยู่ว่าเขามีเพื่อน มีเพื่อนซึ่งคอยอาทรห่วงใยในความเจ็บป่วย ในชีวิต ในเรื่องราวต่าง ๆ เพราะพวกเราสู้มานาน จนวัยก็ร่วงโรย เศรษฐกิจก็ร่วงโรย ก็ลำบากกันหมด

 

นักการเมืองหรือคนอื่นอาจจะมองไม่เห็น แต่พวกเราด้วยกันต้องมองเห็น ให้พวกเราสบายใจว่าเมื่อเราจะอยู่หรือไม่อยู่ เรายังมีคนที่อาทรห่วงใย การที่เรามาร่วมกันทำบุญ มันก็เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ต้องการสื่อให้สังคมพวกเราด้วยกันรู้ว่า เรายังคิดถึง ยังเป็นห่วง คนที่จากไปยังมีตัวตนหมด คนที่เสียไปไม่ว่าจะเป็น “เล็ก” เป็น “ต้อย” เป็น “จ๋า” เป็น “อ๊อด” นี่ยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเราก็นำรายชื่อมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เฉพาะคนที่ว่าเสียชีวิตด้วยโควิด แต่สิ่งที่อาจารย์อยากให้อยู่ในความทรงจำและความเข้าใจของเราว่า “นักต่อสู้” เราลำบากทุกอย่าง ดังนั้นมีสิ่งที่เราให้กันได้ก็คือกำลังใจซึ่งกันและกัน ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าไปถือเป็นเรื่องใหญ่

 

เรื่องใหญ่คือการต่อสู้ ซึ่งมันถึงแก่ชีวิต เด็ก ๆ ก็ต้องติดคุกติดตะรางเท่าที่เราเห็น เพราะฉะนั้นอะไรก็ได้ที่เราทำได้ เป็นการให้กำลังใจ นักต่อสู้ในอดีต นักต่อสู้ในปัจจุบันและนักต่อสู้ในอนาคต เราต้องทำ! อย่าไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งทำลายน้ำใจ ทำลายพลังการต่อสู้ ทำลายเครดิตของคนที่สู้ในอดีต นักต่อสู้เขาจะไม่หยามเกียรติกัน จะไม่ดูถูกกัน คนที่ไปดูถูกนักต่อสู้ในอดีต ขอให้รู้ด้วยว่าเขาไม่ใช่นักต่อสู้ตัวจริง!

 

นักต่อสู้ตัวจริง เช่น คณะราษฎร2475 เขาจะไม่ไปดูถูกพวกรศ.130 ว่าพวกนั้นทำไม่สำเร็จ หรือคน14ตุลา16 ก็ต้องไม่ไปดูถูกคณะราษฎรว่าไม่สำเร็จเหมือนกัน หรือว่าจะมาเหยียดหยามคน6ตุลา19 หรือพฤษภา35 คนที่เป็นนักต่อสู้ตัวจริงเขาจะไม่ด้อยค่านักต่อสู้ เพราะว่ามันเป็นหนทางการต่อสู้ที่ยาวนาน ชีวิตและผลการกระทำของคนเหล่านั้นมันเป็นถนนที่ปู เพราะฉะนั้นถนนสายนี้มันปูด้วยชีวิตเลือดเนื้อ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาด้อยค่า มาด่าว่า มาทะเลาะ เพราะว่าถ้าเป็นนักต่อสู้ตัวจริงเขาไม่ด่ากัน มันไม่มีการต่อสู้อันไหนที่มันถูกต้องสมบูรณ์ดีงามหมด มันมีปัญหาทั้งนั้น พวกเราทุกคนก็เหมือนกันมันไม่มีใครสมบูรณ์ มันมีจุดอ่อนกันทุกคน แต่ถ้าเราเอาจุดแข็งมาร่วมกัน แล้วให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เหมือนคนเดิน บางคนก็แรงดี วิ่ง บางคนก็เดิน บางคนก็เดินไม่ค่อยจะไหว คนที่เดินไม่ไหวต้องคลานก็ยังคลาน ถ้าคุณเป็นนักต่อสู้ตัวจริง คนที่วิ่งจะไม่ไปดูถูกคนที่คลาน

 

แต่ถ้าคุณเป็นนักการเมืองหรือคนที่เอาแต่ผลประโยชน์ คุณก็จะมองแต่ความสำเร็จและอาจจะด้อยค่านักต่อสู้ เรากำหนดบทบาทได้แม้นเราจะมีการสู้ 2 ขา ในวิถีทางรัฐสภาหรือบนถนนการต่อสู้ แต่ในทัศนะอาจารย์ ถ้าการต่อสู้บนถนน การต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงยังไม่บรรลุ ไม่มีทางเลยที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถรุ่งโรจน์แล้วก็ผลิดอกออกผลได้ เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่คุณเบิกบานมาคุณก็ต้องโดนจัดการ

 

แต่ถ้าเมื่อไหร่การต่อสู้ของประชาชนได้รับชัยชนะจริง นั่นแหละมันจะสามารถที่จะทำให้พรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยสามารถที่จะเบิกบานได้ แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปด้อยค่าการต่อสู้ในงานการเมือง แต่จากประสบการณ์ชีวิตอาจารย์ อาจารย์บอกได้อย่างนี้แหละ ดังนั้น นักการเมือง/พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยก็ต้องให้ความสำคัญและเคารพมวลชน/ประชาชนที่เป็นนักต่อสู้ พร้อมกันนั้นก็จะต้องฉลาดที่จะรู้ว่าใครเป็นนักฉวยโอกาส

 

ฉวยโอกาสก็คือแสดงตัวว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยหนึ่ง แสดงตัวว่าเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตัวจริง เรามีตัวอย่างหลายคนเช่น คุณแรมโบ้ นี่ยกตัวอย่าง นี่คือตัวอย่างของนักฉวยโอกาส ทั้งหมดนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พรรคการเมือง/นักการเมืองที่ฉลาดก็ต้องดูคนออก


#ธิดาถาวรเศรษฐ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564

สายน้ำ-นภสินธ์ุ พร้อมนักกิจกรรม 3 คน ถูกจนท.ตร.ควบคุมตัว ภายหลังชูป้ายข้อความ ยกเลิก112 ระหว่างในหลวง-พระราชินี เสร็จสิ้นวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ

 


สายน้ำ-นภสินธ์ุ พร้อมนักกิจกรรม 3 คน ถูกจนท.ตร.ควบคุมตัว ภายหลังชูป้ายข้อความ ยกเลิก112  ระหว่างในหลวง-พระราชินี เสร็จสิ้นวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ


วันนี้ (28 ธ.ค. 64) เวลา 19.30 น. ที่สน.บุปผาราม สานน้ำ-นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ พร้อมพวกรวม 3 คน ถูกจนท.ตร.เข้าควบคุมตัวภายหลังได้มีการจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชูป้ายระบุข้อความยกเลิก 112 บริเวณห้างสรรพสินค้าแพทฟอร์ม วงเวียนใหญ่ ใกล้เคียงบริเวณที่ในหลวง-พระราชินี เสด็จทรงวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ


นายนภสินธุ์ เผยว่า ภายหลังที่ในหลวง-พระราชินีเสร็จสิ้น วางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ แล้วนั้น ได้มีการนำป้ายกระดาษระบุข้อความ ยกเลิก 112 พร้อมชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อต้องการสื่อโดยตรงกับพระมหากษัตริย์ว่ากฎหมายดังกล่าวมีความไม่เป็นธรรม ก่อนที่จนท.จะเดินเข้ามากระชากป้ายข้อความนั้นออกไป และเข้าควบคุมตัว เมื่อมีการตะโกนร้อง จนท.ตร.ก็ได้มีการนำมือมาป้องปิดปาก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 1 คน ต่อ 2-3 จนท. พาตัวไปยังบริเวณซอยใกล้เคียงกับห้างฯ แพทฟอร์ม วงเวียนใหญ่ โดยระหว่างที่ได้ควบคุมตัว หนึ่งในนักกิจกรรมได้รับบาดเจ็บบริเวณมือ และปากแตก มีการกระชาก ลากจูง จนทำให้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนนำตัวมายังพื้นที่สน.บุปผาราม 


โดยในขณะนี้ผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 3 คน อยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนกับทางเจ้าหน้าที่พร้อมทนายความ ซึ่งเบื้องต้นจนท.ได้แจ้งข้อกล่าวหาอาญามาตรา 370 ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร และจะใช้สิทธิในการนำคัวผู้บาดเจ็บรักษาตัวก่อน อีกทั้งบรรยากาศที่สน.บุปผาราม ได้มีมวลชนเดินทางมาเป็นระยะ และทางจนท.ตร. ได้มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 4 คัน รถคุมขัง 1 คัน เพื่อดูแลสถานการณ์โดยรอบ


ต่อมา ทางศูนย์ทนายฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 รายได้รับการปล่อยตัวพร้อมถูกเปรียบเทียบปรับ 1,000 บาทตามข้อหา "ส่งเสียงดึง อื้ออึงรบกวน" และอีก 2 รายได้รับการปล่อยตัวไปก่อนหน้านี้แล้วเนื่องจากทางตำรวจแจ้งว่า ทั้งสองรายไม่ได้ตะโกนและชูป้ายแต่เพียงแค่ยืนดูและถ่ายรูป


#ยกเลิก112

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์








ศาลอาญาตลิ่งชัน ให้ประกัน 'จัสติน' คดี ม.112 วงเงิน 2.5 แสน จากกองทุนราษฎรประสงค์

 


ศาลอาญาตลิ่งชัน ให้ประกัน 'จัสติน' คดี ม.112 วงเงิน 2.5 แสน จากกองทุนราษฎรประสงค์


วันนี้ (28 ธ.ค. 64) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานผ่านทางทวิตเตอร์ว่า  อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี มาตรา 112 ของ "จัสติน" ชูเกียรติ แสงวงค์ กรณีการปราศรัยในการชุมนุม เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณ MRT ท่าพระ ต่อศาลอาญาตลิ่งชัน


ต่อมาในเวลา 16.33 น. ศาลให้ประกันตัว “จัสติน” โดยใช้หลักประกัน 250,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์


#จัสติน #มาตรา112

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

'เพนกวิน' เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารศาลอาญา ระบุ! คำสั่งไม่ให้ประกันตัวถือเป็นการหมิ่นประมาทพวกเราอย่างร้ายแรง!

 


'เพนกวิน' เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารศาลอาญา ระบุ! คำสั่งไม่ให้ประกันตัวถือเป็นการหมิ่นประมาทพวกเราอย่างร้ายแรง!


วันนี้ (28 ธ.ค. 64) ที่เพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน -  พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak แอดมินได้โพสต์จดหมายที่ 'เพนกวิน' เขียน ดังมีข้อความดังนี้


จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารศาลอาญาทั้งหลาย


การที่พวกท่านรวมหัวกันมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวพวกเราถือเป็นการหมิ่นประมาทพวกเราอย่างร้ายแรง พวกท่านกล่าวหาว่าเราเป็นพวกก่อความรุนแรงจึงจำเป็นต้องคุมขังไว้ก่อน ทั้งที่ที่ผ่านมาผมและมิตรสหายราษฎรต่างยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด ผมไม่เคยกล่าวปราศรัยให้ผู้ใดใช้ความรุนแรงในการต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังกับพวกเราจนเกิดเป็นเหตุปะทะวุ่นวาย หากท่านต้องการขังคนเพื่อระงับเหตุรุนแรง เหตุใดท่านจึงไม่ไปขังตำรวจที่ทำร้ายประชาชนเหล่านั้นบ้าง หรือเพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันพวกท่านจึงหลับตาข้างเดียวให้


และในวันเดียวกับที่พวกท่านไม่ให้ประกันตัวพวกผมซึ่งยังเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกท่านกลับให้ประกันตัวจำเลยคดีฆาตกรรมอีกรายหนึ่งที่ถูกพิพากษาให้มีความผิดแล้วด้วยซ้ำ และในปีที่ผ่านมาพวกท่านก็ให้ประกันตัวนายสุเทพ นายสนธิญาณ และแกนนำ กปปส. อีกหลายคนที่ถูกพิพากษาให้มีความผิดไปแล้ว โดยที่ยังขังพวกผมไว้ ผมอยากถามพวกท่านว่าในขณะที่พวกท่านตัดสินใจใช้อำนาจเช่นนี้พวกท่านรู้สึกตะขิดตะขวงหรือละอายใจบ้างหรือไม่ ท่านได้ถามตัวเองบ้างหรือไม่ ว่าพวกท่านกำลังทำตัวเป็นศาลลำเอียงหรือเปล่า หรือพวกท่านก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำว่ายุติธรรมที่เขียนในชื่อองค์กรศาลสถิตย์ยุติธรรมของพวกท่าน


ที่สำคัญพวกท่านทราบหรือไม่ว่าการใช้อำนาจโดยเลือกข้างทางการเมืองเช่นนี้ เป็นการอุ้มชูรัฐบาลระบอบประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเราต่างรู้ดีว่าเป็นรัฐบาลที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติมากที่สุดที่เคยมีมา การที่ท่านค้ำชูรัฐบาลก็เท่ากับว่าพวกท่านต้องร่วมรับผิดชอบกับความวิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติจากรัฐบาลนี้ด้วย


ขอให้ท่านอย่าได้ทำให้พวกเรากลายเป็นเนลสัน แมนเดลาของประเทศไทย เพราะหากเป็นเช่นนั้นประวัติศาสตร์จะจดจำท่านไว้ไม่ต่างจากผู้พิพากษานาซีที่เคยรับใช้ระบบเผด็จการฮิตเลอร์ในที่สุด


พริษฐ์ ชิวารักษ์

28 ธันวาคม 2564

เรือนจำพิเศษกรุงเทพ


ทั้งนี้ 'เพนกวิน' ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาตัดสินว่ามีความผิด เป็นเวลา 142 วันแล้ว


#เพนกวิน

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เฟซบุ๊ค "เบนจา" ส่งเสียงจากเรือนจำ โพสต์ เผยคิดถึง.....

 


เฟซบุ๊ค "เบนจา" ส่งเสียงจากเรือนจำ โพสต์ เผยคิดถึง.....


วันนี้ (27 ธ.ค. 64) ที่เฟซบุ๊ก Benja Apan มีการเคลื่อนไหวโดยเผยข้อความที่ "เบนจา อะปัญ" เขียนด้วยความคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเธอที่ผ่านมา ส่งเสียงจากทัณฑสถานหญิงกลาง ความว่า


คิดถึงการเรียนหนังสือ

คิดถึงห้องสมุด

คิดถึงแคลคูลัสสามที่ยังเรียนไม่จบ

คิดถึงก๋วยจั๊บญวนหน้ามหาวิทยาลัย

คิดถึงโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยเครื่องเขียนญี่ปุ่น

คิดถึงเครื่องคิดเลข

คิดถึงตู้หนังสือที่ห้อง

คิดถึงต้นไม้สามต้นที่ริมระเบียง

คิดถึงต้นพลูด่างที่ปลูกไว้ในขวด

คิดถึงกีตาร์

คิดถึงแมวข้างห้อง

คิดถึงการนั่งดูท้องฟ้าและพระอาทิตย์ตก

คิดถึงการนอนอ่านหนังสือบนเบาะถั่ว

คิดถึงโค้กใส่น้ำแข็ง

คิดถึงชีวิตที่เคยเป็น


คิดถึงแม่

คิดถึงครอบครัว

คิดถึงมิตรสหาย


คิดถึงอิสรภาพ


คิดถึง... 


นับถอยหลังห้าวันสู่ปีใหม่


เบนจา อะปัญ

ทัณฑสถานหญิงกลาง

27 ธันวาคม 2564


#เบนจาอะปัญ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ทนายด่างออกคำแถลง กรณี "เพนกวิน-ไผ่-ไมค์-อานนท์" จะไม่ยื่นประกันตัวอีกแล้ว!

 


ทนายด่างออกคำแถลง กรณี "เพนกวิน-ไผ่-ไมค์-อานนท์" จะไม่ยื่นประกันตัวอีกแล้ว!


วันนี้ (27 ธ.ค. 64) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้มีคำแถลงออกมาสู่สาธารณะเพื่อทราบ ความว่า

.

คำแถลงข่าว

กรณีการคุมขังผู้ต้องขังทางการเมือง

.

ในวันนี้ (27 ธันวาคม 2564) ผมในฐานะทนายความของผู้ต้องขังทางการเมือง 4 คน 

.   

อันประกอบด้วยทนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์  ชิวารักษ์หรือเพนกวิ้น, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษาหรือไผ่ดาวดิน 

.    

ได้เข้าเยี่ยมพวกเขาทั้งสี่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และได้รับการร้องขอจากพวกเขาทั้งสี่ ให้แจ้งข้อความดังต่อไปนี้ให้แก่พ่อแม่ญาติพี่น้อง และบรรดามิตรสหายเพื่อนฝูงรวมทั้งสื่อมวลชนให้ทราบว่า 

 .   

1. ภายหลังจากที่ผู้บริหารของศาลอาญาได้มีมติไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว) พวกเขาในระหว่างการพิจารณาคดีตามคำร้องขอของทนายความเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 นั้น

 .   

พวกเขาเห็นว่าเหตุผลของศาลอาญาไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย หลักยุติธรรม และไม่เป็นไปตามกติการะหว่างประเทศที่ไทยได้ให้สัตยาบันรับรองไว้ 

.

พวกเขาทั้งสี่เชื่อว่าการไม่อนุญาตให้เขาได้รับการประกันตัวไปสู้คดีอย่างเต็มที่นั้น 

เป็นการปิดโอกาสที่เขาจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา

และเป็นการพิพากษาเสียล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด

.    

ด้วยเหตุผลข้างต้น พวกเขาทั้งสี่จึงขอประกาศว่า 

นับจากนี้พวกเขาจะไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว) ในระหว่างพิจารณาคดีต่อศาลอาญาอีก 

และจะไม่อนุญาตให้ทนายความและบุคคลใดไปดำเนินการดังกล่าวทั้งสิ้น

.    

2. การตัดสินใจของพวกเขาทั้งสี่ไม่ผูกพันบรรดาผู้ต้องขังและนักโทษการเมืองที่ยังถูกจับกุมคุมขังและไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวคนอื่นแต่อย่างใด

.   

3. พวกเขาทั้งสี่ยังยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

และยังยืนยันที่จะเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศนี้ตามแนวทางที่ได้ร่วมต่อสู้มาโดยตลอดโดยไม่หยุดยั้งไม่ว่าจะถูกคุมขังอยู่หรือไม่ก็ตาม

     

4. พวกเขาทั้งสี่ขอร่วมกันเรียกร้องให้มวลหมู่มิตรสหายที่ได้ร่วมต่อสู้ด้วยกันตลอดมาจงยืนหยัดในข้อเรียกร้องทั้งสามประการ 

และต่อสู้ต่อไปตามแนวทางประชาธิปไตยโดยสงบ สันติวิธี 

ทั้งนี้พวกเขาทั้งสี่ขอยืนยันว่าพวกเขาทั้งสี่ขอเป็นกำลังใจและจะยืนหยัดต่อสู้กับพี่น้องข้างนอกด้วยกันตลอดไป

.     

กฤษฎางค์  นุตจรัส 

27 ธันวาคม 2564

.

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ข้อเรียกร้องการปรับตัว “รัฐ” หรือ “ประชาชน” ควรปรับ : จากคลับเฮ้าส์ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564

 


ถอดการตอบคำถามของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ใน clubhouse ของกลุ่ม Social Recap เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 หัวข้อ “คนรุ่นใหม่ถาม อาจารย์ธิดาตอบ ทุกเรื่องราวที่เด็ก ๆ อยากรู้"

 

คำถาม : ข้อเรียกร้องการปรับตัว “รัฐ” หรือ “ประชาชน” ควรปรับ


เราต้องไม่บอกให้ประชาชนปรับ เราต้องบอกให้รัฐปรับ และโดยเฉพาะผู้มีอำนาจ ผู้ครองอำนาจอยู่ก่อนแล้ว มีอำนาจนำ เขาต้องปรับ ถ้าเขาไม่ปรับ เขาก็ต้องเผชิญความท้าทายของคนรุ่นใหม่ เราจะไปห้ามคนรุ่นใหม่ว่าคุณอย่ามายุ่งการเมืองหรืออะไรต่าง ๆ ไม่ได้นะ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ปัญหาอยู่ว่ารัฐมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลประชาชนและทำในสิ่งที่ดี ปัญหาก็คือว่าถ้าเราอยู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มันเป็นประชาธิปไตยจริงไม่ใช่ประชาธิปไตยเก๊ ๆ แบบนี้อยู่ ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง มันไม่มีปัญหาเลย ใครจะแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันก็แสดงได้ แล้วคนส่วนใหญ่คิดยังไง

 

ทีนี้ถ้าสมมุติว่ารัฐที่เป็นรัฐจารีต ผู้ปกครองที่เป็นผู้ปกครองจารีต ในขณะที่คนส่วนใหญ่เขาเป็นเสรีนิยม คำถามว่าผู้ปกครองจารีตและรัฐจารีตนั้นมันก็ต้องเผชิญปัญหาความยากลำบากในการปกครอง เพราะคนไม่ยอมให้ปกครอง อันนี้มันก็เป็นหลักง่าย ๆ ก็คือคนไม่ยอมให้ปกครอง และถ้ามันเป็นคนส่วนน้อย มันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเป็นคนส่วนใหญ่ขึ้นมา คุณก็จะเป็นรัฐที่ล้มเหลวก็คือคุณปกครองไม่ได้ ไม่ว่าคนที่ออกมาคัดค้านจะเป็นเด็ก หรือจะเป็นคนจน หรือจะเป็นไพร่ หรือจะเป็นนักเรียนอะไรก็ตามแต่ ก็คือถ้าประชาชนไม่ต้องการให้ปกครอง เขาก็จะกลายเป็นรัฐล้มเหลวเพราะมันก็จะต้องมีการต่อต้านอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปรับก็คือผู้มีอำนาจในการปกครอง แต่ประชาชนนั้นโดยทั่วไปก็จะเป็นประชาชนที่ต้องการแสดงออกบอกความต้องการของตัวเอง เช่น เขาทุกข์เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องราคาอาหาร เรื่องราคาพืชผลอะไรต่าง ๆ เขาก็มีสิทธิ์ แต่ว่าที่ทุกข์หนักที่สุดก็คือปัญหาการเมือง ที่ทุกข์ก็คือไม่ต้องการให้รัฐประหารนี่อยู่ ไม่ต้องการให้สืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการให้คนที่มาจากการแต่งตั้งมาปกครอง มามีอำนาจในนิติบัญญัติ เช่น วุฒิสมาชิกแต่งตั้ง อย่างนี้เป็นต้น หรือไม่ต้องการรัฐธรรมนูญที่มาจากการสืบทอดอำนาจ มันเป็นสิทธิ์ของประชาชน เพราะฉะนั้น คนที่ปรับไม่ใช่ประชาชน มันต้องเป็นผู้ปกครองที่จะต้องเป็นผู้ปรับ มิฉะนั้นคุณก็ปกครองไม่ได้ อันนี้เป็นความคิดอาจารย์นะ

 

ฝ่ายที่เป็นผู้ปกครอง ถ้าเป็นฝ่ายจารีตและที่มาไม่ถูกต้อง ก็จะใช้วิธีอย่างที่เป็นบังคับปราบปรามเด็กแบบที่เป็นอยู่นี้ อันนี้อาจารย์ไม่รู้ว่าอาจารย์ตอบตรงกันกับที่คำถามหรือเปล่านะ แต่ว่าตามความเข้าใจก็คือว่า คนปรับเปลี่ยนต้องเป็นผู้ปกครอง เพราะฉะนั้นมันจึงเกิดพรรคการเมืองก็คืออาสาไปบริหารราชการ ก็ไปมีส่วนในการปกครอง แต่ว่าเขาอยู่ได้ชั่วคราว ก็คือ 4 ปี แล้วก็เปลี่ยน แล้วก็ไม่ต้องใช้กำลังอาวุธมาจัดการกับประชาชนมันจึงชอบธรรม เพราะฉะนั้นการต่อสู้เพื่อให้บ้านเมืองอยู่ในระบอบประชาธิปไตยมันเป็นความชอบธรรมและมันเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วย เป็นสิ่งที่ควรทำด้วย ก็คือบางคนจะบอกว่าผมสบายแล้ว ผมไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย ประยุทธ์มาอยู่ เพราะผมเป็นข้าราชการ ผมก็ได้เงินเดือน หรือผมเป็นพ่อค้าก็ได้ผลประโยชน์ หรือผมได้สิทธิ์คนละครึ่งผมก็แฮปปี้ อันนั้นก็คือคิดในส่วนตัว แต่ถ้าคิดในภาพรวมของประเทศ คุณจะอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการและทหารทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ฉีกรัฐธรรมนูญ และวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้ โดยไม่ร่วมการต่อสู้กับประชาชน มันก็อาจจะเป็นคนที่อยู่กับตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า อันนี้มันเป็นทัศนะ อันนี้อาจารย์พูดแล้วต้องขออภัยนะ อาจจะคิดไม่ตรงกัน แต่ว่าอาจารย์บอกได้เลยว่า ถ้าผู้ปกครองไม่ปรับ ถึงแม้คุณจะมีปืน คุณจะมีตาชั่งอยู่กับมือ แต่ประชาชนเขาก็จะสู้อยู่ตลอด และจะไปบอกให้เด็กปรับ อาจารย์ว่ามันตลกนะ คือบอกได้ แต่ว่าใครเขาจะไปเชื่อ ประมาณนั้น เขาก็ยังสู้อยู่นั่นแหละ


อาจารย์ว่าเขาสนับสนุนทั้งหมด 100% ไม่จำเป็นต้องมีแกนนำไปบอกอะไรหรอก พวกนี้เขาตื่นแล้ว เขาไม่หลับแล้ว


#ธิดาถาวรเศรษฐ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ทะลุฟ้าและแนวร่วมราษฎร จุดพลุฉลองวันเกิด 25 ปี "ไมค์ ระยอง" ดนตรีสลับปราศรัย ร่วมฉลองวันคริสต์มาสให้คนในเรือนจำ แม่ยุพินเผยขอบคุณมวลชน ลั่นแม่กับไมค์สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น

 


ทะลุฟ้าและแนวร่วมราษฎร จุดพลุฉลองวันเกิด 25 ปี "ไมค์ ระยอง" ดนตรีสลับปราศรัย ร่วมฉลองวันคริสต์มาสให้คนในเรือนจำ แม่ยุพินเผยขอบคุณมวลชน ลั่นแม่กับไมค์สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น


วันนี้ (26 ธ.ค. 64) ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม กลุ่มทะลุฟ้าและแนวร่วมราษฎร ได้นัดหมายจัดกิจกรรมอวยพรวันเกิดนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ "ไมค์ ระยอง" ซึ่งในปีนี้มีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ พร้อมทั้งฉลองวันคริสต์มาสให้กับผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ในเรือนจำ


สำหรับบรรยากาศทั่วไป 16.00 น. กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร นำโดยนายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ได้มีการขึงป้ายข้อความ อาทิ "ปล่อยเพื่อนเรา", "ยกเลิก112" เป็นต้น พร้อมด้วยรูปผู้ที่อยู่ในเรือนจำ รวมทั้งร้องเพลงและเล่นดนตรี ต้อนรับมวลชนที่ทะยอยเข้าพื้นที่ ขณะที่ทะลุฟ้ากำลังเซทเวที


ด้านนางยุพิน มณีวงศ์ มารดาของนายภาณุพงศ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นปกติแล้วก่อนที่นายภาณุพงศ์จะมาเป็นนักเคลื่อนไหว จะจัดวันเกิดกันภายในครอบครัว ทำอาหารกินกัน ถึงจะไม่ได้เลิศหรูมากแต่ก็มีความสุข


วันนี้แม่คิดว่าจะมีแต่แม่กับหลาน และไม่คิดว่าจะเซอร์ไพรส์ว่าพี่น้องประชาชนจะมาร่วมกันเยอะขนาดนี้ ซึ่งดีใจมาก ๆ 


ทั้งนี้แม่ได้เขียนอวยพรไมค์ ตั้งแต่เช้าแล้ว ชีวิตนักสู้ถ้าแม่น้ำตาจะไหลมันไม่ได้ไหลเพราะว่าแม่แพ้ มันตื้นตันค่ะ เพราะแม่กับไมค์สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นค่ะ เราต้องเข้มแข็ง เพราะพลังที่เขาส่งออกมาหาแม่คือให้แม่สู้ แม่อย่าเครียดนะ  ถามว่าแม่เครียดไหม แม่ก็เครียดค่ะ แต่แม่ก็ต้องสู้ไปกับไมค์” นางยุพินกล่าว


นอกจากนี้ นางยุพินยังกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมอวยพรให้ และเล่าว่า ตนสัญญากับนายภาณุพงศ์ว่า หากถึงวันเกิดแต่ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำตนจะนำเค้กไปเป่าให้ที่หน้าเรือนจำ และไม่คิดว่าจะมีพี่น้องมวลชนมาร่วมส่งกำลังใจกันขนาดนี้


ต่อมาเวลา 17.35 น. นายธัชพงค์ แกดำ หรือบอย ได้เปิดเวทีกิจกรรม โดยเริ่มด้วยนำมวลชนตะโกนชื่อของนักโทษทางการเมืองเข้าไปในเรือนจำเพื่อส่งกำลังใจให้ อาทิ นายอานนท์ นำภา, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นางสาวเบนจา อะปัญ, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายแซม สาแมท, นางอัญชัญ ปรีเลิศ, กลุ่มทะลุแก๊ส, นายทวี เที่ยงวิเศษ หรืออาทิตย์ ทะลุฟ้า พร้อมเปิดฟรีไมค์ให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมได้กล่าวแสดงความรู้สึก และร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิดไมค์ ระนอง


ขณะเดียวกันมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.ประชาชื่น เข้ามาอ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ท่ามกลางเสียงมวลชนโห่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ถอยกลับไป


จากนั้นด้านเวทีเป็นการแสดงจากวงดนตรี Once dogs สลับกับการปราศรัยที่กล่าวถึง ตุลาการที่ตัดสินการไม่ให้ประกันตัวแก่แกนนำราษฎรเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร่วมกับการอวยพรวันเกิดไมค์-ภานุพงศ์ ทั้งเรื่อง อิสรภาพ เสรีภาพ สิทธิประกันตัวของแกนนำราษฎรที่ควรได้ออกมาจากภายในเรือนจำ พร้อมทั้งถกปัญหาในเชิงโครงสร้างของผู้คนยากจน โดยลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ได้ปราศรัยและเล่นดนตรีร้องเพลง "ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ" และโชว์จากฟ้า พรหมศร วีระธรรมจารี และขึ้นปราศรัยปิดท้ายเวที


จากนั้นกลุ่ม "ทะลุฟ้า" ได้นำเค้กพร้อมจุดเทียน โดยมีคณะราษฎรมัม ทั้งมวลร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ และอวยพรวันเกิดแก่ ไมค์-ภาณุพงศ์ พร้อมกับการจุดพลุชุดใหญ่ ก่อนที่จะประกาศยุติกิจกรรมลง 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ26ธันวา64