วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

นักกิจกรรมเขียนป้ายผ้ายาว 112 เมตร ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เข้ารับทราบข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน - พ.ร.บ.ควบคุมโรค ที่สน.พญาไท ทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อหา

 


นักกิจกรรมเขียนป้ายผ้ายาว 112 เมตร ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เข้ารับทราบข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน - พ.ร.บ.ควบคุมโรค ที่สน.พญาไท ทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อหา


วันนี้ (29 มกราคม 2564) เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท นักกิจกรรม 7 คน ได้แก่ สุพรรษา เจือเพ็ชร, มลิณี โพธิ์สักกัง, อัมพร สุธรรม, กิตติ์พิวัฒน์ สีบุญเรือง, ชนัญญา โบว์สุวรรณ, ร่อซีกีน นิยมเดชา และ วรวรรณ แซ่อั้ง ที่เข้าร่วมกิจกรรมเขียนป้ายผ้าความยาว 112 เมตร ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก


พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวกระทำความผิดฐาน 1. ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2. ร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ โดยกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคมีการแพร่ระบาดออกไป


หลังจากนี้จะนัดทุกคนเข้ามามอบหลักฐานเพิ่มเติมที่สน.พญาไท เนื่องจากทนายความแจ้งว่า ระยะเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกรับทราบข้อกล่าวหาและบันทึกประจำวัน และสู้คดีต่อไป โดยนัดหมายครั้งต่อไปคือ 15 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้


ทั้งนี้ นางวรวรรณ แซ่อั้ง (หรือ ป้าเป้า) อายุ 67 ปี หนึ่งในผู้ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้ กล่าวว่าตนขายของ ขายถุงเท้า ขายเป็ดยาง เมื่อเห็นเด็กถูกรังแก เลยทนไม่ได้ ก็ต้องเข้าไปดูเด็ก ไปช่วยดึงเด็กจากเจ้าหน้าที่ ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด และถึงแม้จะโดนคดีก็ไม่กลัว จะออกไปช่วยเด็ก ๆและร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ อีกแน่นอน 


โดยบรรยากาศก่อนที่ทั้ง 7 รายจะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาด้านในสน. กลุ่มการ์ดปลดแอกได้นำสายสะพายที่มีข้อความว่า "เทพีสน.พญาไท2564" มาประดับไว้ให้ด้วย ทั้งนี้มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงและพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้กับทั้ง 7 รายและนอกจากนี้กลุ่ม #การ์ดปลดแอก ได้มีการเต้น"สีดาลุยไฟ" หน้าสน.ด้วย 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ประมวลภาพ








ธิดา ถาวรเศรษฐ : ทางตันของวัคซีนจากความคิดจารีตนิยม / 'สยามไบโอไซเอนซ์" ม้าศึกที่ยังไม่เคยลงสนามแข่ง!

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

อัยการสั่งฟ้อง 3 เยาวชน กลุ่มนักเรียนเลว-นักเรียนไท ร่วมชุมนุม #15ตุลาไปราชประสงค์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ - ทั้ง 3 คนยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

 


อัยการสั่งฟ้อง 3 เยาวชน กลุ่มนักเรียนเลว-นักเรียนไท ร่วมชุมนุม #15ตุลาไปราชประสงค์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ - ทั้ง 3 คนยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา


อัยการสั่งฟ้องนักกิจกรรมการเมืองรุ่นเยาว์ที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า "นักเรียนเลว" และ "นักเรียนไท" ในความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากกรณีจัดการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อ 15 ต.ค. 2563


วันนี้ (28 ม.ค. 64) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด 3 เยาวชนนักกิจกรรม ได้แก่ "มิน" ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ, "พลอย" เบญจมาภรณ์ นิวาส จากกลุ่มนักเรียนเลว และ "ภูมิ" คณพศ แย้มสงวนศักดิ์ จากกลุ่มนักเรียนไท เดินทางมาฟังคำสั่งอัยการว่าจะฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหรือไม่ หลังทั้ง 3 ถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ จากกรณีการเข้าร่วมการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 และพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องคดีเมื่อเดือนธันวาคม


จากนั้นศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เปิดเผยเบื้องต้นว่า"อัยการนัดทั้ง 3 ให้ไปพบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เวลา 13:00 น. เพื่อทำการฟ้องคดี"

.

ซึ่งในเวลาต่อมาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง 3 เยาวชนพร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ได้เดินทางเข้าฟังคำสั่งฟ้องตามนัด  

.

พนักงานอัยการกล่าวว่าทั้ง 3 คนได้กระทำความผิดในการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

.

หลังการสั่งฟ้อง เยาวชนทั้ง 3 คนยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดี ศาลเห็นว่าเนื่องจากเยาวชนทั้ง 3 อายุยังน้อย และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และทั้ง 3 คน ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงให้ประกันตัว โดยไม่ต้องวางหลักประกัน แต่หากไม่มาตามนัด ให้ผู้ปกครองรับชำระค่าปรับเป็นเงิน 5,000 บาท โดยศาลนัดอีกครั้งวันที่ 10 มี.ค. และ 19 เม.ย.


ทั้งนี้ มิน, พลอย และภูมิ ต่างระบุตรงกันว่าไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวจากการถูกสั่งฟ้องในคดีนี้ แต่รู้สึก "ผิดหวัง" ที่อัยการไม่ได้พิจารณาตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ส่งให้พิจารณาเลย และยังสั่งฟ้องคดีกลับในวันนี้จึงรู้สึกผิดหวังต่อกระบวนการยุติธรรม


และถึงแม้จะถูกดำเนินคดีแบบนี้ แต่เราก็ยืนยันว่าเราไม่ได้กระทำความผิด เราออกไปร่วมการชุมนุมจริง แต่เราไม่ได้มีพฤติการณ์ตั้งใจจะฝ่าฝืนสถานการณ์ฉุกเฉินแบบที่ถูกกล่าวหา


อีกทั้งการถูกดำเนินคดี ก็ไม่ได้ทำให้เราหยุดทำกิจกรรม โดยหวังว่าคนอื่นๆ และเพื่อนๆ จะยังทำแบบนั้นเช่นกัน เรายังหวังให้วันหนึ่งประเทศเราได้มีประชาธิปไตย "มิน" ลภนพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย


#นักเรียนเลว #นักเรียนไท #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ด่วน !! ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้อง “แหวน พยาบาลอาสา” คดีหมิ่น ม.112 หลังสู้คดีมา 7 ปี

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564

ราษฎรบุกคลังยื่น 3 ข้อ เยียวยาโควิดถ้วนหน้าเท่าเทียม ที่หน้าประตูกระทรวง หลังปิดประตูเข้า-ออก ให้เวลาพิจารณาภายใน 7 วัน

 


ราษฎรบุกคลังยื่น 3 ข้อ เยียวยาโควิดถ้วนหน้าเท่าเทียม ที่หน้าประตูกระทรวง หลังปิดประตูเข้า-ออก ให้เวลาพิจารณาภายใน 7 วัน 


วันนี้ (22 ม.ค. 64) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หน้าประตู 4 กระทรวงการคลัง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ พร้อมมวลชนกลุ่มราษฎร รวมตัวยื่นหนังสือกรณีโครงการเราชนะ เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนได้รับการเยียวยาที่เท่าเทียมกัน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 


ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมี นางเฉลิมรัตน์ อิ่มนุกูลกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นตัวแทนมารับหนังสือ


ทั้งนี้กระทรวงการคลังปิดประตูทางเข้าและออก โดยพ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ นำเจ้าหน้าที่เจรจาให้ถอยห่างจากประตู เนื่องจากเกิดความแออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ขณะที่มวลชนได้ตะโกนกดดันให้เจ้าหน้าที่เปิดประตู แต่ก็ไม่เป็นผล


ทำให้"ภาณุพงศ์"ต้องอ่านข้อเรียกร้องดังกล่าว ที่บริเวณหน้าประตู 4 โดยจดหมายเปิดผนึกจากราษฎรถึง รมว.คลัง ระบุว่า 


เนื่องด้วยปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกสองในประเทศ ก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้พี่น้องประชาชนต้องประสบความทุกข์ยาก แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนจำนวนมากเข้าไม่ถึงการเยียวยาจากโครงการคนละครึ่งเฟสสอง ทั้งจากที่ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และต้องแย่งชิงกันลงทะเบียนรับสิทธิจนสิทธิหมดลงในเวลาไม่ถึงห้านาที เป็นข้อตอกย้ำว่ามาตรการเยียวยาประชาชนของรัฐบาลลัมเหลวโดยสิ้นเชิง


ดังนั้น ราษภูรจึงขอสนอแนะให้พิจารณาตัดลดงบประมาณที่สูงเกินความจำเป็น ไม่เหมาะสมแก่เวลา หรือไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะมาใช้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนดังต่อไปนี้


1. เยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้าเท่าเทียม โดยให้รัฐเยียวยาประชาชนผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปด้วยเงินรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า เดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยมาตรการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 525,000 ล้านบาท หากตัดลดและโยกย้ายงบที่ไม่จำเป็นข้างต้นรวมกับงบประมาณที่คงเหลือจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรงการคลังกู้เงิน ฯ ก็จะมีบประมาณเพียงพอเยียวยาประชาชนได้อย่างถ้วนหน้า


2. นำเข้าและกระจายวัคซีนโควิต-19 แก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และทันท่วงที และเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของโรคและเสริมสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ


3. ลดหรือช่วยอุดหนุนค่าครองชีพของประชาชน ทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโดยสาร อย่างน้อยเป็นวลา 3 เดือน และสำหรับนักเรียน นักศึกษาจะต้องมีการลดค่าเล่าเรียน พร้อมทั้งช่วยอุดหนุนคำใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ด้วย


ทั้งนี้ ภาณุพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ให้เวลาทางกระทรวงการคลังพิจารณาข้อเรียกร้องภายใน 7 วัน หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จะมีการยกระดับการเรียกร้องให้เข้มข้นขึ้นต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ราษฎร #TheRatsadon #เยียวยาถ้วนหน้า


ประมวลภาพ







เพนกวิน-รุ้ง เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 ที่ บก.ปอท.

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ตอบคำถามเรื่องที่มาที่ไปของประธานนปช.

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564

นศ.ลงบันทึกประจำวัน ปมชูป้ายเรื่องวัคซีนหน้าห้างดัง โดนจนท.ทำร้าย

 


นศ.ลงบันทึกประจำวัน ปมชูป้ายเรื่องวัคซีนหน้าห้างดัง โดนจนท.ทำร้าย


วันนี้ (19 ม.ค. 64 ) สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.30 น. กลุ่มราษฎรเปิดเผยผ่านแฟนเพจ “ราษฎร”


โดยระบุว่า ด่วน! นักศึกษาจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมโดนเจ้าหน้าที่ห้างรวบ ขณะพยายามแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยโดนล้อมไว้ภายในบริเวณห้าง ข่มขู่ให้หยุดไลฟ์ และมีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนได้ตบหน้านักศึกษาหญิง


จากนั้นศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า เบนจาและสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมรวม 3 คน ถูกควบคุมตัวไปยัง สน.ปากคลองสาน หลังจากทำกิจกรรมชูป้ายบริเวณห้าง Icon Siam และได้รับการแจ้งว่าระหว่างที่ รปภ.ห้าง นำตัวทั้ง 3 ออกจากบริเวณห้าง รปภ.ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย และยึดโทรศัพท์มือถือของสมาชิกด้วย


ผู้สื่อข่าวอาสา UDD news จึงได้ลงพื้นที่ สน.ปากคลองสาน


โดย 15.00 น. เบนจา พร้อมเพื่อนไปที่สน.ปากคลองสาน เพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยตำรวจไม่ได้มีการคุมตัวพร้อมนำโทรศัพท์และป้ายที่เจ้าหน้าที่ห้างยึดไปมาคืนให้


ขณะเดียวกัน ที่หน้าสน.ปากคลองสาน ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง , พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ พร้อมมวลชนกลุ่ม #ราษฎร มารอให้กำลังใจเบนจาและเพื่อน  จากนั้นเมื่อตำรวจคืนป้ายให้ ทั้งหมดก็พยายามจะนำมาถ่ายภาพ แต่ตำรวจก็ขอให้หยุดและเก็บป้ายเสีย


เวลาต่อมา 16.00 น. เบนจาลงบันทึกประจำวันเสร็จเรียบร้อย โดยได้กล่าวกับยูดีดีนิวส์ว่า รู้สึกเสียใจ คุยกันดี ๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายกัน  เราเป็นมนุษย์ด้วยกันไม่มีสิทธิ์มาตบหน้ากันแบบนี้ จากนั้นมวลชนจึงนัดหมายไปรวมตัวที่ Icon Saim อีกครั้ง


และขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ห้าง ผู้ที่ตบหน้าเบนจา มาถึงสน.พอดี ทำให้เบนจาพร้อมมวลชนย้อนกลับไปที่สน.อีกครั้ง ทำให้มีการปะทะคารมกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาแยกตัวออกไป 


โดยทั้งนี้ตำรวจมีการเปรียบเทียบปรับเจ้าหน้าที่ห้างดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ตามมาตรา 391 เรื่องการทำร้ายร่างกายไม่ถึงขนาดเป็นอันตราย ขณะที่เบนจากำลังปรึกษาทนายความถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินคดีเพิ่มเติม

.

ทั้งนี้ Icon Saim ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กข้อความบางส่วนใจความว่า เมื่อทราบเรื่องได้เร่งสอบสวนและตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น หากพบว่าพนักงานกระทำผิดจริง จะดำเนินการลงโทษด้านวินัยร้ายแรงกับพนักงานคนดังกล่าวตามระเบียบของศูนย์การค้า  และขอความร่วมมือทุกท่านโปรดปฏิบัติตามกฎและระเบียบของศูนย์การค้าตลอดเวลาที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ของศูนย์การค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งดเว้นการจัดกิจกรรมหรือการเรียกร้องหรือการแสดงออกทางการเมืองทุกรูปแบบรวมถึงการกระทำที่ไม่เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น รวมทั้งขอสงวนสิทธิ์ในการระงับหรือห้ามทำกิจกรรมหรือการแสดงออกใด ๆ ที่เห็นว่าไม่เหมาะสมในพื้นที่ของศูนย์การค้า รวมถึงการดำเนินการเพื่อรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะพึงมีโดยชอบธรรม


#ม็อบ19มกรา #แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม


ประมวลภาพ







ธิดา ถาวรเศรษฐ : วิเคราะห์ผลสำรวจความคิดเห็นต่อนปช. ณ ปัจจุบัน