วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568

ไทยฟ้องปิดปากนักสิทธิมากสุดในอาเซียน 9 ปีเฉียด 600 คดี “ลูกเกด ชลธิชา” ชี้ รัฐบาลเพื่อไทยไร้เจตจำนงผลักดันสิทธิมนุษยชน ลั่นถึงเวลาไทยต้องมีกฎหมายป้องกันฟ้องปิดปาก เผย ตอนนี้ทำร่างเสร็จแล้ว


ไทยฟ้องปิดปากนักสิทธิมากสุดในอาเซียน 9 ปีเฉียด 600 คดี “ลูกเกด ชลธิชา” ชี้ รัฐบาลเพื่อไทยไร้เจตจำนงผลักดันสิทธิมนุษยชน ลั่นถึงเวลาไทยต้องมีกฎหมายป้องกันฟ้องปิดปาก เผย ตอนนี้ทำร่างเสร็จแล้ว


เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 “ชลธิชา แจ้งเร็ว” หรือ “ลูกเกด” สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสข้อความระบุว่า


วันที่ 20 มี.ค. 68 เกดร่วมเป็นวิทยากร ในงานเปิดตัวรายงาน “การต่อต้านคือพลัง เสริมสร้างกลไกคุ้มครองผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย” โดยองค์กร Protection International ซึ่งได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ประเทศไทยใช้กฎหมายฟ้องปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 9 ปี พบว่ามีเกือบ 600 คดี และยังต้องเผชิญกับการคุกคามในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดดัน การโจมตี/ดิสเครดิตบนโลกออนไลน์โดยเเฉพาะผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน


เกดได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตัวเองตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (WHRD) ที่เจอทั้งการดำเนินคดีและการคุกคามบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเพศที่มักถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการคุกคามดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบในด้านสภาพจิตใจให้แก่ผู้หญิงอย่างมาก บรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยเช่นนี้ ทำให้พื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงหดแคบลงเรื่อย ๆ


​“ดัชนีชี้วัดประชาธิไตยของประเทศ ไม่ได้ดูแค่กลไกของการเลือกตั้ง แต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความเข้มแข็งของภาคประชาสังคมด้วย ที่ผ่านมานักต่อสู้จำนวนมากถูกคุกคาม มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพหนักขึ้นเรื่อย ๆ พรรคเพื่อไทยเคยโฆษณาตัวเองเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย แต่ทำไมตัวเลขคดีความในยุคไม่ลดลง มีการหยิบคดีในคสช.ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง แม้แต่คนเป็นสส.เอง ก็ไม่ปลอดภัย ถูกฟ้องโดยรัฐมนตรี ไม่เห็นถึงแนวโน้มในทิศทางทีดีขึ้นเลย”


ในส่วนของการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย เกดคิดว่ายังคงย่ำแย่ เพราะรัฐบาลเพื่อไทยขาดเจตจำนงค์การเมืองในการผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่เหมือนกับตอนที่หาเสียงเอาไว้ ซึ่งเกดต้องย้ำค่ะว่า การที่รัฐบาลมีเจตจำนงค์ทางการเมืองในการผลักดันเรื่องต่างๆเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะเป็นบันไดขั้นแรก และตราบใดที่ไม่มีเจตจำนงค์ทางการเมือง จะนำไปสู่ก้าวต่อไปในการปกป้อง และคุ้มครองนักปกป้องสิทธิได้อย่างไร


นอกจากนั้น เกดได้ใช้เวทีนี้เป็นโอกาสในการอัพเดตและสื่อสารงานที่เกดและเพื่อน สส.กำลังผลักดันกันอยู่ คือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่มักจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟ้องปิดปากประชาชน เช่น ม.116(ยุยงปลุกปั่น), พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธาณะ, กฎหมายหมิ่นประมาททั้งปวงที่ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องปฏิรูปอย่างจริงจังค่ะ เป็นต้น และที่สำคัญถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมี #กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก ซึ่งตอนนี้ เกดและเพื่อน สส. ได้ทำร่างกฎหมายไว้เสร็จแล้วค่ะ เร็วๆนี้จะเริ่มการรณรงค์สื่อสารและรับฟังเสียงจากทุกท่านอีกครั้ง


ก่อนจบงาน ทางผู้จัดมีกิจกรรมให้พวกเราร่วมกันประเมินการทำงานของพรรคเพื่อไทยในการสร้างกลไกคุ้มครองผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิ ฯ ผ่านการติด “ดาว” หรือ “อุกกาบาต” ซึ่งทุกคนในงานพร้อมใจกันให้ “อุกกาบาต” แก่พรรคเพื่อไทยที่ยังล้มเหลวในการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนค่ะ


รูป : Protection International, Thailand


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ลูกเกดชลธิชา #ชลธิชาแจ้งเร็ว #พรรคประชาชน