ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
ปัญหาวุฒิสมาชิกกับการเมืองไทย ปัญหาที่ยาวนานของสังคมไทย เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า
ฝั่งระบอบจารีตอำนาจนิยม ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน
ถอดเทป
Facebook
Live อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
วันศุกร์ที่
7 มีนาคม 2568
ประเด็น
: ปัญหาวุฒิสมาชิกกับการเมืองไทย
สวัสดีค่ะ
ในช่วงนี้น่าจะมีปัญหาหลายเรื่อง ในเรื่องของอุยกูร์ ในเรื่องวุฒิสมาชิก
และในเรื่องอภิปรายนายกฯ แต่วันนี้ดิฉันจะพูดในเรื่อง
“ปัญหาวุฒิสมาชิกกับการเมืองไทย” เพราะว่ามุมมองของดิฉันอาจจะไม่เหมือนกันกับหลายคน
ในประการแรกก็คือ
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
ถ้าเป็นแฟนคลับพรรคการเมืองก็จะมองว่านี่เป็นปัญหาการช่วงชิงอำนาจระหว่าง
“พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคค่ายสีน้ำเงิน” หรือเปล่า?
ก็คือต้องการทำลายแต้มต่อของพรรคสีน้ำเงิน เพื่อที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจจริง
แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมองเห็นแล้วว่า
อำนาจของตัวเองนั้นก็ยังมีจุดอ่อน และอำนาจต่อรองของพรรคสีน้ำเงินมีมาก
อันนี้ดูเป็นปรากฏการณ์
คณะกรรมการคดีพิเศษทั้งหมด
22 ท่าน เข้าร่วมประชุมเพียง 18 ท่าน มติที่ประชุม บางคนก็ออกมาเช่นว่าเป็น 11 ต่อ
4 ต่อ 3 คือเห็นชอบ 11 ราย
ที่เป็นเครือข่ายที่ยอมรับการนำของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล แล้วก็มี 4 ราย
ที่ไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง 3 ราย
แต่สำหรับดิฉัน
ไม่ใช่ 11 ต่อ 4 ต่อ 3 แต่เป็น 11 ต่อ 11 เลย ท่านผู้ชมลองดูนะคะ ก็คือ
“ลาที่ประชุม” 3 ราย เป็นตำรวจหมดเลย แปลว่าอะไร? นายกฯ
ก็เป็นคนที่ดูแลตำรวจโดยตรง ถามว่าเกรงใจมั้ย? ไม่เกรงใจค่ะ!!! งดออกเสียง
3 ราย ก็คือเป็น 11 ต่อ 4 ต่อ 3 ก็แปลว่า 11 ต่อ 7 แต่ดิฉันขอเพิ่มคนที่ลาประชุม 3
คน แล้วก็ออกจากที่ประชุม 1 คนด้วย
ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าสถานภาพของพรรคเพื่อไทยในรัฐบาล ดังที่เราเคยพูดว่า
“คุณจะทำอะไร คุณทำได้ตามที่เขาอนุญาตเท่านั้น” ถ้าเป็นภาษาของ อ.ปิยบุตร
ก็จะมองว่าเป็นใบอนุญาตที่ 2
แต่สำหรับดิฉันก็คือว่า
ฝั่งจารีตอำนาจนิยมจะควบคุมอยู่ตลอด คุณจะเห็นได้ว่า 11 ต่อ 11 เป็นไปได้ยังไง?
แล้วดิฉันอยากจะเรียนว่า สำหรับฝั่งจารีตนะ เขาไม่ได้คำนึงถึงความชอบธรรม
ถ้าเขาคำนึงถึงความชอบธรรม เขาจะทำรัฐประหารทำไม?
เขาจะเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ได้ยังไง? ดังนั้นที่มาของวุฒิสมาชิกเหล่านี้ ใคร ๆ
ในสังคมก็รู้ว่ามีการแจกเงิน มีการจัดตั้งเป็นระบบ จะเป็นอั้งยี่, ซ่อง
ไม่ใช่ซ่องโจรนะ แต่เป็นซ่องสว. หรือเปล่า? เขารู้กันทั้งแผ่นดิน
แต่ถามว่ายังมีคนที่ไม่เห็นชอบกรณีที่ดีเอสไอจะทำคดีนี้ แม้จะคู่ขนานกันไปกับกกต.
ก็ตาม ก็คือต้องการจะให้อำนาจเต็มกกต. และนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งสว.
มาจนถึงบัดนี้ ผ่านมาตั้งเกือบ 1 ปีแล้วนะ ผ่านมา 7-8 เดือนแล้วนะ ยังเงียบอยู่เลย
ไม่พูดอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ว่าเขารู้กันทั้งประเทศ
ดิฉันอยากจะเรียนว่า
สำหรับฝั่งจารีตอำนาจนิยมเขาไม่ได้แคร์ว่าชอบธรรมหรือเปล่า
อย่างกกต.ในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ปี 2562 คำนวณแบบผิดคณิตศาสตร์ ผิดกฎหมาย
จนกระทั่งทำให้พรรคของ “บิ๊กตู่” พลังประชารัฐ
ซึ่งเขารวมกันอยู่ยังสามารถเป็นรัฐบาลได้ ดังนั้น
เรื่องของวุฒิสมาชิกจึงมีคำที่หลุดออกมาว่า “ก็รู้อยู่ว่าเขาวางแผนกัน”
ประมาณว่าจะจับได้แค่นี้ อาจจะมีบางคนที่มีโยงใยเรื่องเงินไปถึง
แต่ว่ามันมีข้อสรุปได้ว่า เครือข่ายของฝั่งใบอนุญาตที่ 2
แม้กระทั่งคณะกรรมการชุดนี้ ยังมีครึ่งต่อครึ่ง 11 ต่อ 11 แปลว่าคุณจะทำอะไรได้
ต้องทำตามที่เขาอนุญาตเท่านั้น ดิฉันเคยพูดมาแล้ว
และมาแม้กระทั่งคุณทักษิณเห็นได้ชัดว่า ทำไมนายกฯ เศรษฐา ถึงต้องออกไป
ทำไมการควบคุม แสดงว่า นายกฯ เศรษฐาไปล้ำเส้นแบงค์ชาติ หรือเปล่า?
เพราะฉะนั้น
ถ้าดูคนที่ไม่เห็นด้วย บอกได้เลยว่าคนเหล่านี้เป็นตัวแทนหรือว่าอยู่ในขั้วของฝั่งอำนาจจารีตเลย
ดิฉันพูดตรง ๆ เช่น ตัวแทนกฤษฎีกา ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนมหาดไทย
แล้วก็มีพลตำรวจเอกคนหนึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ อันนี้ไม่เห็นชอบเลย ชัดเจน งดออกเสียง 3
ราย ก็เป็นปลัดพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้แทนของปลัดกระทรวงการคลัง
แล้วก็ฝั่งตำรวจไม่มาเลย ตำรวจขึ้นต่อนายกฯ นะ
พาณิชย์ก็ขึ้นต่อรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยนะ กระทรวงการคลังก็ขึ้นต่อพรรคเพื่อไทย
และยังอัยการสูงสุด อันนี้ใช้วิธีงดออกเสียง
ดิฉันบอกได้เลยว่า
ข้าราชการชั้นสูงเป็นข้าราชการที่ยังอยู่ในเครือข่าย
ถ้าเป็นภาษาของโรงเรียนการเมืองนปช.ก็คือ อยู่ในเครือข่ายของระบอบอำมาตย์ฯ
แล้วก็เขาจะคอยควบคุม โดยเฉพาะกฤษฎีกากับธนาคารแห่งประเทศไทย
สองหน่วยงานนี้ดิฉันคิดว่าทำให้เกิดการ “เด้ง” นายกฯ เศรษฐา ไปแล้ว
ตอนนี้ก็คือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบอบจารีตคงไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยที่ดีเอสไอจะมากระทำ
แน่นอน
ดิฉันไม่ได้เป็นกองเชียร์พรรคการเมือง
แต่ดิฉันมองในฐานะของประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนมายาวนาน เพราะฉะนั้น
กระทั่งมติคณะนี้ก็ 11 ต่อ 11 แสดงว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้คุมอำนาจจริง
แม้นว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นเหมือนกับผู้นำในเครือข่ายพรรคการเมืองของระบอบจารีตอำนาจนิยมก็ตาม
แต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุม ล้ำเส้นไม่ได้ คุณทักษิณจะไปบางประเทศได้
บางประเทศไม่ได้ ยังไม่รู้คดี 112 จะเป็นยังไง? ยังไม่รู้คดีชั้น 14 จะเป็นยังไง?
แต่ว่าไม่อนุญาตให้ไป ชัดเจนแล้ว!!!
เพราะฉะนั้น
ดิฉันยังเชื่อมั่นอยู่ว่า ยิ่งคุณพูด “สามก๊ก” มากเท่าไหร่
คุณไม่ได้แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับขั้วฝั่งระบอบอำมาตย์มากเท่าไหร่
คุณยิ่งถูกบีบมากเท่านั้น เตือนให้รู้ด้วย
แต่ถ้ายังอยากจะทำอย่างนั้นอยู่ก็ต้องยอมรับผล เพราะว่าเขาคุมคุณอยู่ กฤษฎีกาก็คุมคุณอยู่
ธนาคารแห่งประเทศไทยก็คุมคุณอยู่ แล้วข้าราชการชั้นสูงทั้งหมด และตำรวจด้วย
ดิฉันยังไม่ได้พูดถึงทหาร เพราะว่าประเด็นนี้ไปไม่ถึง แต่ถ้าพิจารณาจริง ๆ
แล้วมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคง นั่นก็คือสามารถใช้ระบบอั้งยี่ซ่องโจรในการจัดตั้ง
แล้วซื้อคะแนน จ้างให้คนไปลงคะแนนได้ จริง ๆ มันเป็นปัญหาความมั่นคงด้วย
แต่ว่าเขาไม่แยแส เพราะอะไร? ยังไงก็วุฒิสมาชิกพวกนี้เป็นสายสีน้ำเงิน
คือในอดีตวุฒิสมาชิกจะเป็นขุนนาง-ขุนศึก
และส่วนมากจะถูกแต่งตั้งจากการทำรัฐประหารทั้งนั้น ออกมาในรูปสภานิติบัญญัติ
หรือวุฒิสมาชิกในรัฐธรรมนูญต่าง ๆ เพิ่งจะมีตอนปี 2540
นี่แหละที่ว่าให้มีวุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ก็มีปัญหาทันที รัฐธรรมนูญจากรัฐประหารปี
2549 ก็ทำให้วุฒิสมาชิกเลือกตั้งครึ่งหนึ่งแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
(คือหน้ายังบางนิดหนึ่ง)
ปัญหาวุฒิสมาชิกกับการเมืองไทยในทัศนะดิฉันมันจึงเลยปัญหาการแย่งอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย
ค่ายสีน้ำเงิน ดิฉันไม่ได้สนใจในแง่นั้น แต่ว่าแน่นอน
ดิฉันก็ต้องการที่จะเปิดโปงกลเกมต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น
เพื่อที่จะให้ฝั่งระบอบอำมาตย์ฯ ได้เข้าใจว่า คุณพยายามยังไงก็ตาม
คุณแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือจริง ๆ ปัญหามันมาตั้งแต่ 2475 คือสมาชิกประเภทที่ 2
มีความขัดแย้งกับในหลวง ร.7 ซึ่งพระองค์ท่านไม่พอพระทัยว่า
คณะราษฎรแต่งตั้งพรรคพวกมาในยุคนั้น และหลังจากนั้นเป็นต้นมา
คณะราษฎรยังมีอำนาจอยู่ พอ 2489 ตามกำหนด ซึ่งมันเลยมาแล้วนะ
สัญญาว่าสมาชิกประเภทที่ 2 จะต้องไม่มี ก็เกิด “พฤฒสภา”
ก็คือวุฒิสภานั่นแหละที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม นี่คือ 2489 ใช้ไปไม่กี่เดือน
เกิดรัฐประหาร 2490 นับจากนั้นมา 2490, 2492, 2511, 2519, 2534 ก็มีอันนี้
(โชว์อินโฟกราฟฟิก สว.ลากตั้งกับรัฐประหารไทย) ที่แสดงให้เห็นว่าทหารได้เข้ามาจัดการกับ
สว. ก็คือทำให้เป็นหนึ่ง ก็คือล้มเลิกสภาผู้แทนชุดเดิม
ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติใหม่ หรือสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือตั้งวุฒิสมาชิก
![]() |
ขอบคุณภาพจาก ประชาไท |
เพราะฉะนั้น
คำว่าวุฒิสมาชิกมันเริ่มที่ 2490 แต่คำว่า พฤฒสภา มันอยู่ที่ 2489
มาจากการเลือกตั้ง แล้วคำว่า สมาชิกประเภทที่ 2 มีตั้งแต่ 2475 ดังนั้นมันยาวนาน
ก็คือถ้าเป็นในยุคจอมพลสฤษดิ์ เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญเลย ยาวนานเลย 2550
หน้าบางหน่อย ให้เลือกครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
ความพยายามที่จะไม่คืนอำนาจให้กับประชาชน
ยอมได้แต่เพียงให้มีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องการวุฒิสภาที่มาคานอำนาจ
แปลว่าไม่ต้องการให้สภานิติบัญญัติมาจัดการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด
แม้นว่าวุฒิสมาชิกจะมีการกำหนดวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิหรืออะไรก็ตาม
แต่ว่าผลจากการเลือกตั้งปี 2540 หรือแม้กระทั่งปี 2550
ก็ไม่เป็นที่พอใจของฝั่งจารีต
ดังนั้นดิฉันถึงได้อยากจะบอกว่าปัญหาวุฒิสมาชิก
เป็นปัญหาที่ฝั่งจารีตพยายามจะหาทางแก้ว่า ทำยังไงจะอยู่ในมือ
จนกระทั่งมือดีที่สุดที่เป็นผู้เขียนกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญของฝั่งจารีต ซึ่งเขียนมาตั้งแต่
2534 ที่มีการเขียนให้แต่งตั้ง 270 คน คุณมีชัย ฤชุพันธุ? แล้วก็มาเขียนอีกทีตอน
2560 ตอนปี 2540 ไม่ได้นะ เพราะว่าเขาเขียนรัฐธรรมนูญให้กับทหาร จนกระทั่งเกิดการต่อสู้ปี
2535 แล้วก็เกิดรัฐธรรมนูญ 2540
รัฐธรรมนูญ
2540 ก็แก้ปัญหาตัวนี้โดยให้มีการเลือกตั้ง แต่ยกระดับคุณวุฒิ วัยวุฒิ
อะไรต่าง ๆ ขึ้นมา แล้วรัฐธรรมนูญ 2540 ให้อำนาจวุฒิสมาชิกในการเลือกองค์กรอิสระ
ทำให้องค์กรอิสระมีอำนาจมาควบคุมนักการเมืองอีกที ไอ้ตรงมีองค์กรอิสระมาควบคุมนักการเมืองจากการเลือกตั้งนี่ถูกใจฝั่งจารีตอำนาจนิยมมาก
แต่วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งนี่ไม่ถูกใจเลย เพราะฉะนั้น
จากวัดครึ่งกรรมการครึ่งมาจนปี 2560 นั้น มันเป็นเรื่องยืดยาว
ต้องการแก้ปัญหาวุฒิสมาชิกจนกระทั่งให้วุฒิสมาชิกสามารถเลือกนายกฯ ได้
แล้วในบทเฉพาะกาลนั้นมีอายุถึง 5 ปี
ท่านผู้ชมลองคิดดูว่าเขาอุตสาหะแค่ไหน? ทำรัฐประหารก็แล้ว เขียนรัฐธรรมนูญ
หาวิธีโน้น วิธีนี้ เพื่อที่จะมาคานอำนาจที่ได้มาจากประชาชน แต่ปรากฎว่ามันไม่เป็นผล
มาเที่ยวนี้มันตลกคือวุฒิสมาชิกไม่ใช่ขุนศึกขุนนางแบบเดิมที่มาจากการแต่งตั้ง
แต่มาจากการจัดตั้งของพรรคการเมืองที่ต้องการแสดงตัวว่าเป็นฝั่งจารีตอำนาจนิยมสุด
ๆ
ดังนั้น
ไพร่พลของพรรคนี้ที่เข้ามาเป็นวุฒิสมาชิก ก็ต้องมีการวางแผน กกต.ก็บอกเอง “เขาวางแผนมาก่อนแล้ว”
เพราะว่าอุตส่าห์เขียนรัฐธรรมนูญ ถ้าเลือกตั้งก็กลัวว่าจะกลายเป็นอิทธิพลของพรรคการเมืองแบบปี
2540 เพราะฉะนั้นไม่รู้จะไปทางไหน
ดิฉันบอกได้เลยว่าในโลกนี้ไม่มีใครเขาเลือกวุฒิสมาชิกแบบนี้
ส่วนมากวุฒิสมาชิกเขาจะไม่มีแล้ว ที่มีก็คือมันมีประวัติศาสตร์ของมัน เช่น
สภาขุนนางของอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อที่จะเอาอำนาจของกษัตริย์มาอยู่ทั้งในมือขุนนางและในมือของประชาชน
เขามีส่วนในการต่อสู้ ไม่เช่นนั้นก็เป็นการปกครองแบบของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งก็มีวุฒิสมาชิกเป็นตัวแทนของแต่ละรัฐไปอีกแบบหนึ่ง แต่ว่าจริง ๆ
แล้ววุฒิสมาชิกในประเทศอื่น ๆ เป็นส่วนมาก เขาแทบไม่มีแล้วก็ยกเลิกไป เพราะว่าใช้ผู้แทนราษฎร
ถ้าคิดว่าประชาชนเท่าเทียมกันก็เลือกตั้งผู้แทนราษฎร ก็มีสภาเดียว
แต่หลายสภานั้นเป็นประวัติศาสตร์
แต่ประวัติศาสตร์ของเราไม่น่าชื่นชมเลย
เหตุผลเพราะว่าประวัติศาสตร์ของเรามันเป็นประวัติศาสตร์ของการทำรัฐประหาร
แล้วมีสภานิติบัญญัติและวุฒิสมาชิกมาจากการแต่งตั้งตลอด แล้วเมื่อครองอำนาจอยู่
แม้กระทั่งเกิน 10 ปี ก็ยังไม่ยอม เพราะฉะนั้นเราจึงได้วุฒิสมาชิกแบบนี้
คำถามก็คือเขารู้กันทั้งสังคม รู้กันทั้งโลก “กกต.” คุณไม่รู้สึกอายหรือ?
หรือฝั่งจารีตคนที่ไม่ยินดีในการให้สืบสวนสอบสวน อ้างว่าจะไปขัดแย้งกับกกต.
คำถามว่า แล้วคุณทำไมไม่ไปเร่งรัดกกต. กกต.ก็สามารถประสานกับดีเอสไอ
แล้วเวลาผ่านไปจนเกือบปีแล้ว และก็ดังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพูดว่าถ้าเลย
1 ปี ก็เท่ากับคุณนิรโทษกรรมให้พวกเขาทั้งหมด
แต่ว่าท่วงทำนองของ
“กกต.” มาจนถึงบัดนี้ คือจริง ๆ มันต้องทันทีตั้งแต่วันแรกแล้ว
เพราะมีคนฟ้องร้องเป็นจำนวนมาก แต่ว่าท่วงทำนองนั้นเป็นท่วงทำนองที่เหมือน “ถ่วงเวลา”
แปลว่าอะไร? แปลว่าก็โอเคนะ เดี๋ยวเขาก็จะมาเลือกกกต.เอง ก็คือ อัฐยายซื้อขนมยาย
คือถึงแม้ว่าจะน่าเกลียด ไม่ใช่วุฒิสภาของผู้ทรงคุณวุฒิตามแบบเดิม แต่ก็ช่างหัวมันเถอะ
ขอให้ได้เป้าหมายก็คือ 1) เขาสามารถเลือกองค์กรอิสระของฝั่งจารีตได้ 2)
ยกตัวอย่างเช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็ตามที่ประชาชนฝ่ายก้าวหน้าต้องการ
วุฒิสมาชิกก็ไม่เอา ครั้งที่แล้วเรื่องลงมติเราก็เห็นชัด
เพราะฉะนั้นบัดนี้ดิฉันอยากจะเรียนว่า
มันชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย คุณเดินไปในสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุด
ดิฉันเองไม่ได้ไปด่าว่าหรือโจมตีนะ เพราะว่าดิฉันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยอีก
ทั้งความนิยมของประชาชนและความคาดหวังของพรรคเพื่อไทยที่คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
คุณก็ทำพายุหมุนเศรษฐกิจไม่ได้จนถึงเดี๋ยวนี้
เพราะฉะนั้นเขาจะอนุญาตให้คุณทำตามที่เขาคิดว่าพอเป็นไปได้เท่านั้น
แล้วยังมีตัวจำนำหรือผู้ที่อยู่ในมือ บีบก็ตายคลายก็รอดอยู่
ในทัศนะดิฉัน
อยากจะฝากประชาชนไทยว่า
ให้มองเรื่องปัญหาวุฒิสมาชิกและกรณีที่มีความขัดแย้งในขั้วรัฐบาลเดียวกัน
แสดงให้เห็นว่าอำนาจของฝั่งจารีตอำนาจนิยมยังกล้าแข็งมาก และแสดงออกเป็นชื่อเลย
อย่างกรณีที่ไม่เห็นด้วยในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล
ไม่ได้แปลว่าโครงการของรัฐบาลจะดี แต่อย่างน้อยที่สุดก็คือมันอยู่ในความควบคุม
ถ้าฉันไม่เห็นด้วย คุณทำไม่ได้!!! ประมาณนี้
เพราะฉะนั้น
กองเชียร์ทั้งหลายและฝ่ายที่มองเห็นแต่เรื่องของการต่อสู้ของพรรคการเมือง
มองไม่เห็นการต่อสู้ของประชาชน ดิฉันอยากจะฝากว่า
ปัญหาวุฒิสมาชิกเป็นปัญหาที่ยาวนานของสังคมไทย
และมันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ฝั่งระบอบจารีตนิยม อำมาตย์ฯ อำนาจนิยม
ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน แม้นว่าผลจะน่าเกลียด
วิธีการจะไม่ชอบธรรมอย่างไรก็ตาม
ในส่วนของประชาชนที่เป็นนักต่อสู้ก็จำเป็นต้องเปิดโปง สนับสนุนให้เปิดโปง
และแสดงให้เห็นว่าวุฒิสมาชิกของฝ่ายจารีตอำนาจนิยมนั้น คุณดิ้นจนคุณหมดทางแล้ว
ดิฉันอยากจะรู้ว่าถ้าคุณไม่ทำวิธีนี้แล้วคุณจะทำวิธีไหน?
แล้วคุณยังจะมีหน้ามีวุฒิสมาชิกของคุณไว้ทำไม คุณก็ทำให้พรรคการเมืองของคุณเก่งซิ
ฝั่งอำมาตย์ฯ นั่นน่ะ แต่พรรคประชาธิปัตย์ ขออภัย! มันเรียบร้อยไปแล้ว
คุณมีหน้าที่อย่างเดียวคือทำให้เก่งเหมือนพรรค conservative
ของอังกฤษ และให้ประชาชนเลือก อย่าใช้วิธีสกปรก เพราะว่าวิธีที่คุณทำอย่างนี้
คุณรู้หรือเปล่า? คุณไปเพิ่มคะแนนให้กับพรรคของฝ่ายที่ก้าวหน้านะ แม้ว่าคุณขัดแย้งกันนะ
แต่นี่เป็นการเพิ่มคะแนน เพราะว่าแสดงให้เห็นว่าคุณยังไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน
คุณกลัวประชาชน ยิ่งคุณกลัว ประชาชนจะยิ่งกล้าค่ะ!!!
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #สว #วุฒิสมาชิก #การเมืองไทย