วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566

เพื่อไทย เปิดปราศรัยฉะเชิงเทรา ‘ชลน่าน’ ย้ำต้องแลนด์สไลด์ 310 เสียงขึ้นไป เอาชนะเสียง ส.ว. ‘พ่อมดดำ’ จวกรัฐบาลประยุทธ์ หาเสียงไว้ทำไม่ได้สักอย่าง อายชาวบ้าน ขอชาวแปดริ้วเลือกเพื่อไทยยกจังหวัด

 


เพื่อไทย เปิดปราศรัยฉะเชิงเทรา ‘ชลน่าน’ ย้ำต้องแลนด์สไลด์ 310 เสียงขึ้นไป เอาชนะเสียง ส.ว. ‘พ่อมดดำ’ จวกรัฐบาลประยุทธ์ หาเสียงไว้ทำไม่ได้สักอย่าง อายชาวบ้าน ขอชาวแปดริ้วเลือกเพื่อไทยยกจังหวัด

 

วันที่ 31 มีนาคม 2566 พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัย ปักธง คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เพื่อคนแปดริ้ว ที่เวทีปราศรัยสนามหน้าศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (ผ่านระบบซูม)  นายสุชาติ ตันเจริญ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร​​ ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นางฐิติมา ฉายแสง นายพงศ์ศรันย์ อัศวชัยโสภณ นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่นกว่า 5,000 คน

 

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ต้องคิดใหญ่ เอาระบอบประยุทธ์ ระบอบ 3 ป.ออกไปจากการเมือง มีการ ตั้ง ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี และสืบทอดอำนาจ มาจนถึงวันนี้ ส.ว.ยังมีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้อยู่ พร้อมย้ำยุทธศาสตร์เลือกเพื่อไทยให้ได้ถึง 310 เสียง เพื่อสู้กับอำนาจ  อาจมีการเล่นเกมที่สามารถทำให้ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ปัจจุบันนี้รักษาการอยู่ สามารถรักษาการต่อไปเรื่อย ๆ

 

“เก้าอี้ฉะเชิงเทรา เพื่อไทยขอเหมาหมด แลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินเพื่อรัฐบาลคนฉะเชิงเทราและคนไทยทุกคน” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ฝากความคิดถึงถึงชาวแปดริ้ว แม้ตัวไม่ได้มาแต่ยังวิดีโอคอล ถ่ายทอดสดพูดคุยกับพี่น้องประชาชนชาวฉะเชิงเทรา โดยมีนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย เป็นตัวแทนไปลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยมาเพื่อปลดหนี้สินของประชาชน เรามั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน เพราะนโยบายดี ๆ ที่เราเสนอมาจากการที่พรรคเพื่อไทยเข้าถึงและเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดทุกจังหวัด เช่น ด้านการเกษตรที่เพาะปลูกไม่ได้กำไร จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาปุ๋ย หรือราคาน้ำมันขนส่ง รวมถึงค่าเมล็ดพันธุ์ พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายที่รัฐบาลจะเข้ามาดูแลรับผิดชอบพี่น้องเกษตรกร ทั้งจัดหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ราคาสินค้าเกษตรขึ้นยกแพง

 

นอกจากนี้หากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล เรายังขออาสาทำการตลาดให้เกษตรกร นำสินค้าเกษตรไปขายให้ทั่วโลก และทันทีที่รัฐบาลเพื่อไทยได้ดำเนินงาน เราจะรีบลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ในทันที รวมทั้งภายในต้นปีหน้าค่าแรงก่อนต้องขยันขึ้นแน่นอน

 

ท้ายช่วงการปราศรัยของนางสาวแพทองธาร ทางเวทีปราศรัยได้เชิญตัวแทนประชาชนในพื้นที่ขึ้นมาพูดคุยกับแพทองธาร โดยประชาชนได้ฝากให้พรรคเพื่อไทยถึงนโยบายใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่โรงพยาบาลได้ทันที อุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ยังขาดแคลน และเกษตรกรที่ต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พร้อมบอกพี่น้องประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่พร้อมแก้ไขความยากลำบากให้พี่น้องประชาชนแน่นอน ขอเพียงวันที่ 14 พ.ค. นี้ ทุกคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เข้าคูหากาเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ ทั้งคน ทั้งพรรค ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจริงได้แน่นอน

 

นายสุชาติ ตันเจริญ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์การเลือกตั้งที่ 3 ครอบครัวมาร่วมมือกัน อยู่ครอบครัวเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เอาประโยชน์ให้กับประชาชน ขอให้พี่น้องฉะเชิงเทราและประชาชนทั้งประเทศที่ต่างเรียกร้องการเปลี่ยนรัฐบาล ทำแลนด์สไลด์ 4 คน 4 เขต การเปลี่ยนแปลงมีความจำเป็นเพราะถ้าไม่แลนด์สไลด์ ความทุกข์ยาก 8 ปี จะมีต่อไป เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สัญญาจะปฏิรูปการเมือง กลับทำการเมืองให้เลวร้ายลงไปอีก ไม่รักษาคำพูด ไม่รักษาสัจจะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐ แม้ตนจะยกมือเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ เนื่องจากหนึ่งในนโยบายที่เคยพูดไว้ เช่น จะจัดทำพื้นที่ สปก.แปลงยาว สนามชัย ท่าตะเกียบ ไม่สามารถทำได้ ส่วนมารดาประชารัฐ หากตั้งท้องเอาไป 3,000 บาทตลอด 9 เดือนจนคลอด คลอดแล้วได้ 10,000 บาท และได้อีก 2,000 บาทไปอีก 6 ปี มีคนเกิดเป็นแสน แต่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตุการขึ้นเงินเดือนให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อสม. อยู่มา 4 ปีไม่ขึ้น เหลืออีก 8 วัน มาขึ้นและเป็นการขึ้นที่ ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้

 

พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นนายทะเบียนอำเภอ คือ ทุกหมู่บ้าน แจ้ง โยกย้าย เกิด หรือตาย ไม่ต้องเข้าเมือง ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน โดยเชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการปกครอง ทำให้เขาขึ้นเงินเดือนได้สมศักดิ์ศรี ต้องเท่ากับปริญญาตรี

 

“อยากจะฝากถึงคนฉะเชิงเทรา ขอให้ใช้สติให้ดี ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการแลนด์สไลด์ เวลาจะไปกาคิดถึงอนาคตลูกหลาน ถ้าไปเลือกแบบเดิม ๆ ยาบ้า พนันออนไลน์ เต็มบ้านเต็มเมือง แต่ถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ยาบ้าหมดไป พนันออนไลน์หมดไป ไม่ต้องห่วงลูกหลานในอนาคต ขอให้ฉะเชิงเทราทำแลนด์สไลด์ให้พรรคเพื่อไทย ให้สมศักดิ์ศรีการเลือกผู้แทนทั้ง 4 คนยกจังหวัด” นายสุชาติกล่าว

 

ต่อมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวค่อนข้างต่ำ ราคาปุ๋ยเพิ่มสูงขึ้น แตกต่างจากสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ราคาข้าวดีมาก เกษตรกรเลี้ยงหมู ต้องประสบกับโรคระบาด ASF  ราคากุ้งขาวตกต่ำจากการที่นายทุนใหญ่นำกุ้งขาวมาหลายหมื่นตัน อุตสาหกรรมไม่โต เพราะการส่งออกไม่ดี ในอดีตการส่งออกโตขึ้น 15-20% ปัจจุบันนี้ติดลบมาหลายเดือน  เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ไปเจรจากับต่างประเทศ ไม่ไปหาตลาดในตลอด 9 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมในจังหวัดฉะเชิงเทราซบเซา พอไม่มีคนมาลงทุนจากต่างประเทศ EEC ก็ซบเซา เพราะความล้มเหลวผิดพลาดของรัฐบาล ดังนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนรัฐบาล

 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นนโยบายที่เริ่มต้นด้วยความเข้าใจความทุกข์ของพี่น้องประชาชน ที่อยู่กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มา 8 ปี จนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ พรรคเพื่อไทย มีทีมเศรษฐกิจที่จะเข้าใจปัญหาของประเทศอย่างเป็นระบบองค์รวม และมีมาตรการพลิกฟื้นชีวิตพี่น้อง เช่น นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล และหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะสนับสนุนทำประชามติเพื่อให้มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน เอาอำนาจ ส.ว.ออกไปจากรัฐธรรมนูญแบบนี้ ส่วนการเกณฑ์ทหารก็จะต้องหมดไป เพื่อไทยจะให้เกณฑ์ทหารด้วยระบบสมัครใจ

 

“ถ้าอยากให้ประยุทธ์ออกไป ให้เศรษฐกิจดีกลับมามีกินมีใช้ ต้องหยุดกลไกเผด็จการรัฐบาลประยุทธ์ 3 ป. ก็คือปลายปากกาพี่น้อง เลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะทั้ง 2 ใบ ต้องชนะให้แลนด์สไลด์ ชนะได้เสียงเกิน 310 เสียง ชนะแลนด์สไลด์ต้องเริ่มต้นที่ฉะเชิงเทรานี้ เลือกเพื่อไทยทุกเขตเพื่อตั้งรัฐบาลเพื่อไทย นโยบายดี ๆของเพื่อไทย และอนาคตที่สดใจของพี่น้องชาวฉะเชิงเทรา” นายณัฐวุฒิกล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ฉะเชิงเทรา #เลือกตั้ง66











'ทะลุฟ้า' จัดกิจกรรมเวทีสาธารณะ คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง 'Power Of New Voter' ลานสกายวอล์ค ห้างมาบุญครองฯ

 


'ทะลุฟ้า' จัดกิจกรรมเวทีสาธารณะ คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง 'Power Of New Voter' ลานสกายวอล์ค ห้างมาบุญครองฯ


วันที่ 31 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 16.30 น.ที่บริเวณสกายวอล์ค ห้างมาบุญครองเซ็นเตอร์ สี่แยกปทุมวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มทะลุฟ้าจัดกิจกรรม เวทีสาธารณะ 'Power Of New Voter' คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง โดยจัดตั้งแต่ เวลา 15.30 น.- 19.00 น. ของวันนี้ เป็นการทดลองการเลือกตั้ง : ใช้สิทธิ์ยังไง ให้มีพาวเวอร์


สำหรับกิจกรรมภายในงานได้มีการนำหีบเลือกตั้งจำลอง และการทำแบบสอบถามว่า เลือกตั้งมาแล้วกี่ครั้ง เพื่อให้ประชาชนที่สัญจรไปมา ในบริเวณดังกล่าว ร่วมแสดงความคิดเห็นและลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ โดยมีเยาวชนกลุ่มทะลุฟ้าคอยแนะนำในการลงคะแนนพร้อมทั้งแจกสมุดคู่มือการเลือกตั้ง ซึ่งภายในคู่มือฯ จะบอกกติกาของการเลือกตั้งและชื่อพรรคต่างๆ รวมถึงการแนะนำพรรคการเมือง


ทั้งนี้คาดว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นการทดสอบคะแนนเสียงของประชาชนที่จะลงคะแนนในการเลือกตั้งที่มาจะมาถึงในปี 2566 นี้


ต่อมา 19.30 น. กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมเวทีสาธารณะ "Power Of New Voter" คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง โดยมีร้อยตำรวจเอกหญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ  ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวนิศารัตน์ จงวิศาล รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง และนางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ เลขานุการคณะกรรมการมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขตปทุมวัน เดินทางมาร่วมเสวนาในกิจกรรมครั้งนี้


ร.ต.อ.หญิงอัยรดา กล่าวว่า ขอบคุณผู้จัดงานนี้ขึ้นและขอชื่นชมที่ผลักดันให้มีงานนี้เกิดขึ้นทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า สิ่งที่อยากจะแชร์นโยบายที่อยากให้เกิดขึ้นกับเขตของเรา สิ่งที่เห็นตลอด10ปีที่ผ่านมา คือความขัดแย้ง ที่มุมมองทางการเมืองต่างกัน สิ่งที่ตนอยากเห็นคือพื้นที่สาธารณะที่ใช้ร่วมกัน อยากกรณีที่ตนลงพื้นที่อย่างเขตพระขโนง จึงสอบถามว่าอยากได้มากที่สุด ชาวบ้านบอกว่าอยากออกกำลังกายและมีพื้นที่แสดงความคิดเห็น เนื่องจากต้องไปใช้พื้นที่วัดบ้าง ชุมชนบ้าง ซึ่งในวันนี้อยากเห็นว่าทุกคนจะเสนออะไร เพื่อสร้างสังคมร่วมกันและก้าวข้ามความขัดแย้ง


ด้านนายแทนคุณ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอยกหนึ่งนโยบายคือ เรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ ยกตัวอย่าง5 อาชีพหลักๆคือ ดิจิตอลคอนเท้น ดิจิตอลมาเก็ตติ้ง สาขานี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เราจึงผลักดันให้เรียนฟรี และดาต้าอนาลซิส วิเคราะห์ข้อมูลได้ ทำบิ๊กดาต้าได้ สามารถครีเอทคอนเท้นใหม่ ๆ และสร้างสรรค์ได้ และที่สำคัญไม่น้อยกันคือเรื่องของคนดูแลบัญชีและการเงิน จากนี้จะสำคัญมากขึ้นทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ อย่างกรณีทีมีการใช้ลิ้งค์แฮคข้อมูล ดูดเงิน และล่าสุดมีการข่มขู่ด้วย เราจึงต้องสงเสริมให้คนรุ่นใหม่มีวิธีการสร้างไซเบอร์ซีคิวริตี้ เพื่อป้องกันในรูปแบบต่าง ๆ และที่สำคัญคือวิศวกร และ AI จะทำงานแทนมนุษย์ แต่ AI จะไม่มีความอ่อนน้อม เมตตาเหมือนมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ ดังนั้นวิศวกรด้านดนตรีกวีศิลป์ จะกลายเป็นอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่ๆต่อไป


ด้านนางสาวนิศารัตน์ ตัวแทนพรรคภาคกลาง กล่าวว่า อยากหยิบยกมานโยบายเดียว อยากให้ยกเลิก มาตรา 112 เพราะว่าเด็ก ๆ หรือคนรุ่นใหม่ ถูกปิดปากถูกบังคับให้พูดในสิ่งที่ไม่เชื่อ เหมือนถูกบังคับให้เงียบในสิ่งที่ต้องการจะส่งเสียง เธออยากให้ยกเลิก 112 เพื่อให้ได้ใช้พื้นที่ ประเทศไทยอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องไปต่างประเทศ


ส่วนนางสาวธิษะณา ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จริง ๆ ตนมีหลายนโยบายสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่ขอเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งใกล้ถึงเวลาและวันพรุ่งนี้ก็จะมีการจับใบดำใบแดง เพราะช่วงชีวิตของเด็กหลายคนที่ไปเกณฑ์ทหาร ไม่ได้มีความก้าวหน้าในเรื่องการงาน แทนที่จะไปเป็นรั้วของชาติ กลับต้องไปรับใช้นายทหารผู้ใหญ่ คือเป็นการใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างสิ้นเปลือง และเป็นการใช้ภาษียังสิ้นเปลืองจึงต้องการยกเลิกการเกณฑ์ทหารก่อนสำหรับนโยบายคนรุ่นใหม่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุฟ้า #เลือกตั้ง66










เพื่อไทยเตรียมเปิด ‘3 แคนดิเดตฯ’ ในตีม ‘ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน’ จัดปราศรัยใหญ่อีกครั้ง 5 เมษา ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี

 


เพื่อไทยเตรียมเปิด ‘3 แคนดิเดตฯ’ ในตีม ‘ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน’ จัดปราศรัยใหญ่อีกครั้ง 5 เมษา ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี


วันที่ 31 มีนาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ลิณธิภรณ์ วรัณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวงานปราศรัยใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2566 ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เวลา 18:00 - 21:00 น.


นพ. ชลน่าน กล่าวว่า ในงานปราศรัยใหญ่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน จากพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่องาน  คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน ‘ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน’ โดยชื่องานนี้มาจากความหมายที่ว่า 3แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ พรรคเพื่อไทย คือ ‘หนึ่งทีม’ ที่จะร่วมกันทำงานเพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทยทุกคน ถือเป็นการแสดงความพร้อมทำงานเป็นทีมของพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดแข็งของพรรค โดยในงานนี้ พรรคเพื่อไทยจะมาให้รายละเอียดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นั่นคือ ‘ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท’ และ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ในงานวันนั้นจะมีการระบุตัวเองของกระเป๋าเงินที่ชัดเจน เรียกว่าจะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศไทย


วันนี้พรรคเพื่อไทยเราพร้อมแล้วที่จะประกาศรายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 ท่าน  ส่วนทั้ง 3 ท่านจะเป็นใคร พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนโปรดติดตามในวันที่ 5 เมษายน”นพ. ชลน่านกล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66

4 พรรคการเมือง ยื่น กกต. ประสานกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เชื่อคนใช้สิทธิเยอะขึ้น ขอให้เปิดใช้สิทธิทางไปรษณีย์เป็นช่องทางหลัก


4 พรรคการเมือง ยื่น กกต. ประสานกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เชื่อคนใช้สิทธิเยอะขึ้น ขอให้เปิดใช้สิทธิทางไปรษณีย์เป็นช่องทางหลัก

 

วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมตัวแทนอีก 3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย สุขุมพงศ์ โง่นคำ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้แก้ไขวิธีการเลือกตั้งของคนไทยนอกราชอาณาจักร

 

ชัยธวัช กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนมีความคาดหวังสูงมาก เพราะมองเป็นโอกาสเปลี่ยนชีวิตและเปลี่ยนประเทศ แต่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเท่าไร ประชาชนกลับยิ่งไม่เชื่อมั่นมากขึ้น ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรมได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น การจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ วันนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร

 

ปัญหาของการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร มีทั้งการกำหนดวันหย่อนบัตรเลือกตั้งเป็นวันทำงาน เช่น เบลเยียม มาเลเซีย การไม่มีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ประชาชนต้องไปใช้สิทธิด้วยตัวเองที่สถานทูตหรือหน่วยเลือกตั้ง เช่น เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ หรือต่อให้มีการเลือกตั้งแบบไปรษณีย์ ก็กำหนดวันส่งบัตรเลือกตั้งกลับไปที่สถานทูต เร็วอย่างไม่สมเหตุสมผล ไม่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้สิทธิ เช่น ญี่ปุ่นและนอร์เวย์ กำหนดส่งบัตรกลับถึงสถานทูตวันที่ 28 เมษายน ซึ่งเป็นเวลาที่เหลือมากเกินความจำเป็นในการส่งบัตรกลับประเทศไทย ที่จะต้องส่งถึงเขตเลือกตั้งก่อน 17.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม

 

การใช้ความสะดวกความสบายของผู้จัดการเลือกตั้งมากำหนดการเลือกตั้ง แทนที่จะมุ่งรักษาสิทธิคนไทยในต่างประเทศ ตั้งคำถามได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจคนใดคนหนึ่งหรือไม่ เพราะผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ชัดเจนมากว่าคนไทยนอกราชอาณาจักรส่วนใหญ่ ไม่ได้เลือกผู้มีอำนาจในปัจจุบัน จึงเป็นไปได้หรือไม่ ที่มีความพยายามจะลดสัดส่วนคะแนนจากคนกลุ่มนี้ แทนที่จะส่งเสริม” ชัยธวัชกล่าว

 

ดังนั้น จึงขอเสนอให้ กกต. ประสานกระทรวงการต่างประเทศ นำวิธีเลือกตั้งทางไปรษณีย์กลับมาเป็นวิธีหลัก ส่วนกรณีเลือกตั้งที่สถานทูต ไม่สมควรจัดการเลือกตั้งในวันธรรมดา และขอให้มีการกำหนดวันส่งบัตรเลือกตั้งกลับมายังสถานทูตไทย โดยมีระยะเวลาที่ไม่เร่งรัดประชาชนมากเกินไป เช่น ให้ส่งกลับมาสถานทูต วันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอในการส่งบัตรกลับประเทศไทย อีกทั้งขอให้สถานทูตที่มีความพร้อม สามารถนับคะแนนที่สถานทูตและส่งผลการนับคะแนนที่รับรองกลับประเทศไทย โดยไม่ต้องส่งบัตรกลับมานับในประเทศ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถส่งบัตรเลือกตั้งกลับประเทศทันเวลา

 

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้งในประเทศ โดยเฉพาะบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่ระบุแค่หมายเลข ในชั้นกรรมาธิการร่างกฎหมายเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านได้พยายามผลักดันให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และหมายเลขพรรคการเมือง เป็นเบอร์เดียวกัน เพื่อสะดวกต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และแสดงความยึดโยงระหว่างพรรคกับผู้สมัคร แต่ก็ไม่สำเร็จ

 

ดังนั้น ในเมื่อต้องเป็นคนละเบอร์ เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเพื่อป้องกันการทุจริตให้ได้มากที่สุด กกต. ควรออกแบบให้ในบัตรเลือกตั้ง มีหมายเลข มีชื่อผู้สมัคร ชื่อพรรค และโลโก้พรรค แต่ถ้า กกต. บอกว่าทำไม่ได้ ต้องย้อนไปการเลือกตั้งปี 2562 ตอนนั้นก็พิมพ์บัตรเลือกตั้ง 350 แบบตามจำนวนเขต แต่มาครั้งนี้ถ้า กกต. บอกว่า 400 เขต สะดวกพิมพ์แค่แบบเดียว เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหรือไม่ อีกทั้งอาจทำให้เกิดบัตรเขย่ง หากมีใครพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอม พิมพ์แบบเดียวใช้ได้ทุกเขต

 

นอกจากนั้น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า กกต. จะมีระบบรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการแบบเรียลไทม์หรือไม่ เพราะสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือเมื่อแต่ละหน่วยนับคะแนนเสร็จแล้ว สามารถส่งคะแนนไปที่ กกต. ส่วนกลาง และรายงานได้ทันทีว่าแต่ละหน่วยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชน เพราะถ้าคะแนนแบบเป็นทางการกับแบบไม่เป็นทางการ ไม่ได้แตกต่างกัน ประชาชนก็วางใจได้ แต่ถ้าคะแนนต่างกันมาก ประชาชนก็จะตั้งคำถาม ถือเป็นกระบวนการที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทำให้การเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรม

 

นี่เป็นคำถามที่ กกต. ต้องตอบ ทั้งเรื่องการจัดการเลือกตั้งที่ทำให้ประชาชนยากลำบากในการใช้สิทธิ และการเปิดช่องให้เกิดการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต ตอนนี้ กกต. ยังมีเวลาทำบัตรเลือกตั้งใหม่ ขอยืนยันว่าบัตร 400 เขต 400 แบบ สามารถทำได้” ชัยธวัชระบุ

 

ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าเรื่องการเลือกตั้งนอกราชครั้งนี้ ในส่วนประเทศที่มีมุสลิม อย่างประเทศมาเลเซีย มีคนไทยไปประกอบธุรกิจร้านอาหาร และลูกจ้างจำนวนมาก สถานทูตมาเลเซียการกำหนดให้มีวันเลือกตั้งในช่วงที่เป็นวันฮารีรายอ ซึ่งในวันนั้นคนไทยจะกลับบ้านกันมาก ดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งปิดกันการใช้สิทธิ จึงขอเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ขอให้เลื่อนวันเลือกตั้งเป็นวันหยุด ในขณะที่สถานทูตประเทศอียิปต์ ให้คนไปใช้สิทธิที่สถานทูต ซึ่งประเทศอียิปต์ใหญ่มาก ประชาชนต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายทำให้ไม่สะดวกในการไปใช้สิทธิ อย่างไรก็ตาม 1 เสียง 1 สิทธิ์ เป็นโอกาสเดียวที่ทำให้คนรวย คนจน เท่ากัน ตนอยากให้ 1 สิทธิ์ 1 เสียงของประชาชนมีเกียรติยศ และสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ประชาชนต้องการได้

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เลือกตั้ง66 #เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

ศาลยกฟ้องคดีก่อการร้าย ‘ขอนแก่นโมเดล’ หลังรัฐประหาร 9 ปี แต่ยังลงโทษจำคุกและปรับ 18 คน ข้อหาฝ่าฝืนประกาศคสช.ห้ามชุมนุม มี 2 คนถูกลงโทษข้อหาครอบครองระเบิด ทนายชี้ยังมีพิรุธเตรียมยื่นอุทธรณ์

 


ศาลยกฟ้องคดีก่อการร้าย ‘ขอนแก่นโมเดล’ หลังรัฐประหาร 9 ปี แต่ยังลงโทษจำคุกและปรับ 18 คน ข้อหาฝ่าฝืนประกาศคสช.ห้ามชุมนุม มี 2 คนถูกลงโทษข้อหาครอบครองระเบิด ทนายชี้ยังมีพิรุธเตรียมยื่นอุทธรณ์


วันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น มีนัดอ่านคำพิพากษาคดี “ขอนแก่นโมเดล” ที่จำเลยทั้งหมด 26 คน ถูกฟ้องข้อหาร่วมกันเตรียมก่อการร้าย ครอบครองอาวุธและอีกหลายข้อหา


ผู้สื่อข่าวรายงานถึงคำพิพากษาของศาลว่า ศาลพิจารณายกฟ้องข้อหาร่วมกันเตรียมก่อการร้ายทุกคน เนื่องจากเห็นว่าแผนขอนแก่นโมเดลเนื่องจากไม่ใช่แผนก่อการร้ายแต่เป็นเพียงแผนของการปกป้องรัฐบาลจากการเลือกตั้งและต่อต้านการรัฐประหารเท่านั้น อย่างไรก็ตามศาลยังคงพิจารณาลงโทษจำเลย 19 คนในส่วนของข้อหาอื่นๆ อยู่ โดยมีจำเลยเพียง 2 คนศาลยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา


ข้อหาที่ศาลใช้ลงโทษจำเลย ได้แก่


1. จำเลยที่ 1 ยังถูกลงโทษในข้อหาพาเครื่องกระสุนเข้าไปในเมืองและมีเครื่องกระสุนที่ไม่ได้รับอนุญาตในครอบครอง


2. จำเลย 2 คน คือ จำเลยที่ 5 ศาลลงโทษในข้อหาครอบครองระเบิดและข้อหาชุมนุมมั่วสุมฯ รวมโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และจำเลยที่ 9 ศาลลงโทษด้วยข้อหาเดียวกันรวมมีโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญา ทางทนายความได้ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดีแล้ว


3. จำเลย 16 คนถูกลงโทษข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติเรื่องชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 9,000 บาท แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี แต่บางรายไม่ต้องจ่ายค่าปรับเพราะจำเลยที่ 23 และ 24 ศาลยกฟ้องทุกข้อหา


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าคดีนี้เริ่มต้นขึ้นหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ทำรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อ 22 พ.ค.2557 เพียง 1 วัน รุ่งขึ้นมีรายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมตำรวจกว่า 50 นาย บุกเข้าจับกุมได้ทันที 21 คนจากอพาร์ตเมนต์ริมบึงหนองโคตรบ้านกอกในอ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ 1 คนถูกจับกุมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่นขณะทำงานเป็น รปภ.อยู่ พวกเขาถูกนำตัวเข้าไปควบคุมตัวและสอบสวนภายในค่ายทหารกรมทหารราบที่ 8 จ.ขอนแก่น และภายหลังมีการตามจับกุมเพิ่มอีก 4 คน ทำให้คดีนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 26 คน (เรียงตามลำดับที่อัยการฟ้องเป็นจำเลย) ได้แก่


1. จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ     

2. คำบง คีรี

3. ดำรงศักดิ์ สุทธิสินธ์   

4. เจริญ กิตติกุลประเสริฐ

5. พินัย สิงหาด   

6. ศรีสุนทร สาชำนาญ   

7. สุรชาติ วันละคำ

8. สุริยะ วงศ์สุธา (หลบหนีระหว่างประกันตัว)

9. ร.ต.ต.สุพจน์ คำจันทร์

10. ไพบูลย์ รัดดาแย้ม   

11. วิชา เป็นสกุล 

12. ปราโมทย์ เจียมชัยภูมิ      

13. วิเศษ ศรีทุมมา

14. นัฐวุฒิ ชีวะวิทยานนท์      

15. ปัญญา รัตนขันแสง

16. พิเชฐ บุญคำ (เสียชีวิต)

17. ทนงค์ ดาวกลาง

18. เสนอ นันทน์ธนกุล (เสียชีวิต)

19. มีชัย ม่วงมนตรี (หนีระหว่างประกัน)

20. สิระพงศ์ กองคำ

21. พรหมพัฒน ธนกรกุลพิพัฒน์

22. พรทิยพ์ ปราชญ์นาม

23. กัลยรักย์ หรือนินจา สมันตพันธ์

24. เด่นชัย วงษ์กระนวน

25. คมสัน ภูสีเขียว (เสียชีวิต)

26. ธนกฤต ทองเงินเพิ่ม


​​ทั้งนี้คดีนี้เบื้องต้นถูกพิจารณาคดีในศาลทหารเนื่องจากหลัง คสช.ทำรัฐประหารได้ออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ให้คดีที่เกี่ยวกับการครอบครองอาวุธ คดีอาญาในหมวดความมั่นคงและคดีขัดคำสั่งหรือประกาศ คสช. ต้องขึ้นศาลทหาร อัยการศาลทหารจึงฟ้องพวกเขาต่อศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ มีข้อหาทั้งหมด 9 ข้อหา คือ


1. ฝ่าฝืนประกาศ คสช.เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557

2. ร่วมกันสะสมอาวุธหรือเตรียมการเพื่อก่อการร้าย

3. เป็นซ่องโจร

4. ร่วมกันมีอาวุธสงครามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

5. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต

6. พาอาวุธไปในเมือง

7. มีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

8. มียุทธภัณฑ์ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

9. มีเครื่องวิทยุในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต


อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาคดีฝ่าฝืนชุมนุมทางการเมืองตามประกาศ คสช.ที่ 7/2557 หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558 ส่วนใหญ่ ศาลมักพิจารณาจำหน่ายคดีจากสารบบโดยไม่มีคำพิพากษาหรือยกเลิกสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องเนื่องจากบางศาลเห็นว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 22/2561 มายกเลิกประกาศข้อหาห้ามชุมนุมทางการเมืองมีผลทำให้ฐานความผิดดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ก็ยังมีบางคดีที่ศาลพิพากษาลงโทษ


ด้านทนายวิญญัติ ชาติมนตรี หนึ่งในทีมทนายความที่ว่าความคดีดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า


คดีขอนแก่นโมเดล  ศาลจังหวัดขอนแก่น  พิพากษายกฟ้องข้อหาร่วมกันตระเตรียมการก่อการร้ายจำเลยทุกคน

เห็นว่า  “แผนขอนแก่นโมเดล ไม่ใช่แผนการก่อการร้าย”

แต่ลงโทษจำเลยบางคน (18 คน) ชุมนุมมั่วสุมตั่งแต่ 5 คนขึ้นไป จำคุก คนละ 6 เดือน ปรับ คนละ 6,000 บาท 

(แต่ถูกขังระหว่างพิจารณาคดี หลายเดือน)

***สรุป  รอการลงโทษในโทษจำคุกผิดประกาศ คสช. และโทษอื่น

# ยกเว้นมีเพียง จำเลย 2 คน ที่ศาลรับฟัง คำเบิกความของหัวหน้าชุดเฉพาะกิจของ คสช. ที่เข้าตรวจค้นโรงแรม ซึ่งได้จัดทำบัญชีทรัพย์ คือ

จำเลยที่ 5 มีระเบิดในครอบครอง จำคุก 2 ปี 6 เดือน  ไม่รอลงอาญา

จำเลยที่ 9 มีระเบิดในครอบครอง จำคุก 2 ปี 4 เดือน  ไม่รอลงอาญา

จำเลยทั้งสองคน  ทีมทนายจะต้องยื่นขอปล่อยชั่วคราว เพื่อยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

นอกจากนี้ ยกฟ้อง จำเลยที่ 23, 24 ทุกข้อหา

*หมายเหตุ: จำเลยถูกจับกุมดำเนินคดี 26 คน เสียชีวิตระหว่างพิจารณา 3 คน  หลบหนีคดี (ในระหว่างคดีอยู่ศาลทหารฯ) 2 คน รวมมีจำเลยคงเหลือฟังคำพิพากษาวันนี้ จำนวน 21 คน


ที่มา : ประชาไท


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ขอนแก่นโมเดล

“ไทยสร้างไทย” ปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง! ส่ง“สุดารัตน์-สุพันธุ์-ศิธา” ลงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี “อุดมเดช-สุธา-อนุดิษฐ์" ตบเท้าพรึ่บนั่งรองหัวหน้าพรรค ดัน“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” อดีตเลขาฯกสทช. นั่งเลขาธิการพรรค

 


ไทยสร้างไทย” ปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง! ส่ง“สุดารัตน์-สุพันธุ์-ศิธา” ลงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี “อุดมเดช-สุธา-อนุดิษฐ์" ตบเท้าพรึ่บนั่งรองหัวหน้าพรรค ดัน“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” อดีตเลขาฯกสทช. นั่งเลขาธิการพรรค


วันที่ 31 มีนาคม 2566 พรรคไทยสร้างไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองที่มีการปรับแก้ จึงต้องปรับข้อบังคับพรรคให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง


รวมถึงการเพิ่มเติมและทดแทนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ซึ่งในขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมที่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.เขต รวมถึง น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ไม่สะดวกที่จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการบริหาร จึงมีความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงพื้นที่หาเสียงให้เต็มที่


อีกทั้งพรรคไทยสร้างไทยมีผู้ทรงวุฒิที่ได้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหลายคน จึงใช้โอกาสการประชุมวิสามัญครั้งนี้ เพื่อปรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เพิ่มเติม และทดแทน


สำหรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่มีการปรับเพิ่มเติมและทดแทนตามมติที่ประชุม คือ


1) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ตำแหน่งเลขาธิการพรรค แทน น.ต.ศิธา ทิวารี ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคในการลงพื้นที่หาเสียงช่วงเลือกตั้งในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี


2) นายอุดมเดช รัตนเสถียร ,นายสุธา ชันแสง ,น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีและนายดล เหตระกูล , นายธวัชชัย สุทธิบงกช ดำรงค์ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค


3) นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ ตำแหน่งเหรัญญิกพรรค


4) นายประดิษฐ์ วงศ์วิลัย ตำแหน่งนายทะเบียนพรรค


5) นายศุชัยวุธ ชาวสวนกล้วย ,นายสุจินต์ พิทักษ์ และนายพิทักษ์ สันติวงศ์สกุล ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค


ทั้งนี้ มติกรรมการบริหารพรรค มีมติให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ,นายสุพันธุ์ มงคลสุธี และน.ต.ศิธา ทิวารี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยสร้างไทย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ไทยสร้างไทย #เลือกตั้ง66






‘ก่อแก้ว’ แนะ ทุกพรรคหาเสียงสร้างสรรค์ เชื่อ ประชาชนเลือกพรรคที่ทำได้จริง

 


ก่อแก้ว’ แนะ ทุกพรรคหาเสียงสร้างสรรค์ เชื่อ ประชาชนเลือกพรรคที่ทำได้จริง


วันที่ 31 มีนาคม 2566 นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าทุกพรรคการเมือง จะส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละพรรค ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากนั้นเชื่อว่า แต่ละพรรคจะนำเสนอนโยบายอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาและตัดสินใจ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ในวันที่ 7 พ.ค.และ 14 พ.ค.นี้ 


ตนเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมากและมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นของพรรคการเมืองอย่างแน่นอน ซึ่งนับเป็นความสวยงามตามระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ปัจจุบันนี้ยังเป็นประชาธิปไตยเพื่อการสืบทอดอำนาจของเผด็จการก็ตาม


นายก่อแก้ว กล่าวว่า ตนในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง อยากเห็นทุกพรรคการเมือง นำเสนอนโยบายและหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือ เพื่อความสุข ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้จริง ช่วยกันสร้างความศรัทธาต่อประชาธิปไตยให้เกิดต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะปัญหาต่างๆถูกสะสมมากว่า 8 ปี


ทั้งนี้ทุกพรรคมีสิทธิที่จะเสนอนโยบายอะไรก็ได้ เพื่อแก้ปัญหาในมิติต่างๆของประเทศ ทั้งปัจจุบันและเพื่อพัฒนาผลักดันประเทศไปสู่อนาคต จะประชานิยม จะรัฐสวัสดิการ ขึ้นอยู่กับแนวทางแต่ละพรรค แต่สิ่งที่ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นคือ การเสนอนโยบายแบบไร้ความคิด ประเภทกู้มาแจก ลอกพรรคอื่นมาแล้วเกทับ ประชานิยมอย่างเดียว หรือการหาเสียงที่เน้นแต่การใช้วาทกรรม ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน


นายก่อแก้ว กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า พี่น้องประชาชนจำได้และจำแม่น ได้บทเรียน ว่า พรรคการเมืองไหน ได้เสนอนโยบายหรือจุดยืนการเมืองอย่างไร แต่ที่สุดแล้วทำได้จริงหรือไม่ หลอกลวงประชาชนหรือไม่ หรือเพียงต้องการคะแนนเท่านั้น


ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชน จะสั่งสอนนักการเมือง พรรคการเมืองเหล่านั้น แม้มีใครเอาอามิสสินจ้างมาให้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจให้เลือกพรรคเหล่านั้นได้ และผมเชื่ออย่างหมดใจว่า สุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชน จะเลือกพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาของประเทศ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้จริง” นายก่อแก้ว กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66

‘ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชูวิสัยทัศน์อาจสามารถน้ำประปาดื่มได้ ชี้ไทยจะมีอนาคต ต้องสร้างอุตสาหกรรม-เทคโนโลยีของตัวเอง ขอกาก้าวไกลทั้ง 2 ใบเข้าไปเปลี่ยนประเทศให้ก้าวหน้า

 


ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชูวิสัยทัศน์อาจสามารถน้ำประปาดื่มได้ ชี้ไทยจะมีอนาคต ต้องสร้างอุตสาหกรรม-เทคโนโลยีของตัวเอง ขอกาก้าวไกลทั้ง 2 ใบเข้าไปเปลี่ยนประเทศให้ก้าวหน้า

 

วันที่ 30 มีนาคม 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลุยหาเสียงเวทีปราศรัยย่อยทั่วจังหวัดร้อยเอ็ด ขอโอกาสเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลนำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย ไปสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย

 

โดยในระหว่างการหาเสียง ธนาธรได้ยกบทเรียนจากไต้หวันว่าเมื่อ 45 ปีก่อน รายได้คนไทยกับคนไต้หวันใกล้เคียงกัน แต่ผ่านมา 45 ปี คนไต้หวันรวยกว่าคนไทย 5 เท่า อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น หากเรียนรู้จากไต้หวันหรือญี่ปุ่น จะเห็นคำตอบว่าเทคโนโลยีคือคำตอบ

 

ลูกหลานคนอีสานที่ไปทำงานที่ระยอง ทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ แต่ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยเลย เมื่อไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองก็แข่งขันไม่ได้ ดังนั้นเราต้องลงทุนในเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างสินค้าและเอาส่วนแบ่งจากตลาดโลกมาให้คนไทย” ธนาธรกล่าว

 

ธนาธรเสนอบทเรียนจากเทศบาลตำบลอาจสามารถ ในฐานะความสำเร็จในการสร้างน้ำประปาดื่มได้ เพื่อย้ำว่าคณะก้าวหน้าไม่ได้ทำได้แค่น้ำประปาที่ใสสะอาด แต่เป็นน้ำประปาดื่มได้ ทั้งหมดวัดค่าเป็นวิทยาศาสตร์ และการจะควบคุมคุณภาพของน้ำประปาได้ ต้องมีเซนเซอร์และสมาร์ทมิเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีคนจดค่ามิเตอร์ แต่ส่งข้อมูลประมวลผลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาดขึ้นมาได้ ให้คนไทยกว่า 66 ล้านคน ไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน มีสิทธิใช้น้ำประปาสะอาดเท่าเทียมกัน หากสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาดื่มได้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท

 

ธนาธรกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้าที่คิดค้นด้วยวิศวกรคนไทย เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกของการเดินทางของคนไทยมากขึ้น ลดปัญหารถติด ค่าใช้จ่าย ฝุ่นควัน ฯลฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากใช้รถเมล์ไฟฟ้าเชื่อมโยงสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้เดินทางเข้าถึงสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพให้ลูกหลาน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

 

ธนาธร ทิ้งท้ายด้วยการขอโอกาสจากประชาชนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล โดยกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เชื่อว่าจะนำความก้าวหน้ามาให้สังคมไทย และสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในการสร้างสังคมที่ดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ เพราะหากทำแบบเดิม ก็ได้เช่นเดิม

 

"1 สิทธิ 1 เสียงของท่านเป็นตัวกำหนด ขอพูดแบบนี้เป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ได้ใช้อามิสสินจ้าง แต่แลกเปลี่ยนด้วยคำสัญญา ว่าหากพี่น้องประชาชนให้โอกาส กากบาทให้พรรคก้าวไกลไปเป็นรัฐบาล ผมมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือเพื่อพวกพ้อง แต่จะใช้อำนาจนั้นเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ก้าวหน้า เสียงของท่านแลกด้วยคำสัญญานี้ ขอโอกาสเพียงครั้งเดียว ให้พรรคก้าวไกลเข้าไปรับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน นำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย สร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต 14 พฤษภาคมนี้ อีสานบ้านเฮาบ่คือเก่าเลยครับ" ธนาธรกล่าว

 

สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคก้าวไกล ทั้ง 8 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 เกียรติศักดิ์ ไค่นุ่นกา

เขต 2 ทินกร อ่อนประทุม

เขต 3 ส.ต.อ. ทักษิณ พลเยี่ยม

เขต 4 วัจน์คมกริช ศรีวะรมย์

เขต 5 ประวิทย์ มานะดี

เขต 6 พงศธร จันทร์อ่อน

เขต 7 ประทักษ์ พาโคกทม

เขต 8 วันชัย วงค์อามาตย์

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66




วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566

‘โรม’ กระทุ้ง ปปง. ทำหน้าที่ของตัวเอง หลัง ‘ส.ว.ทรงเอ’ ถูกแจ้งข้อหาสมคบฟอกเงิน ชี้ ถ้ายังนิ่งเฉย เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ปปง. ต้องรับผิดชอบ

 


‘โรม’ กระทุ้ง ปปง. ทำหน้าที่ของตัวเอง หลัง ‘ส.ว.ทรงเอ’ ถูกแจ้งข้อหาสมคบฟอกเงิน ชี้ ถ้ายังนิ่งเฉย เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ปปง. ต้องรับผิดชอบ

 

วันที่ 30 มีนาคม 2566 รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการติดตามความความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ภายหลัง อุปกิต ปาจารียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ทุน มิน ลัต เข้าพบผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และถูกแจ้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

 

รังสิมันต์กล่าวว่า ผ่านมาแล้วหลายวัน ตนยังคงรอคอยคำตอบจาก ปปง. ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร เพราะเรื่องนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน แต่ทำไม ปปง. ยังเงียบ ทั้งที่อุปกิตถูกแจ้งข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 สุดท้ายหาก ปปง. ไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น แล้วปรากฏว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของอุปกิต ปปง. ต้องรับผิดชอบ จึงขอฝากสื่อมวลชนและประชาชนช่วยกันติดตาม เรียกร้องให้ ปปง. ทำหน้าที่ของตัวเอง

 

“หวังว่า ปปง. จะทำหน้าที่ของตัวเองให้มีประสิทธิภาพ ให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม อย่าให้ประชาชนสงสัยเลยว่า ปปง. ต้องการช่วยเหลือใครเป็นพิเศษหรือไม่” รังสิมันต์กล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #สวทรงเอ

เพื่อไทย ประกาศพร้อมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันทีที่เป็นรัฐบาล ‘ชัยเกษม’ เผยเตรียมฟื้น ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ บรรจุใน รธน.


เพื่อไทย ประกาศพร้อมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันทีที่เป็นรัฐบาล  ‘ชัยเกษม’ เผยเตรียมฟื้น ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ บรรจุใน รธน. 


วันที่ 30 มีนาคม 2566 คณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย นำโดยนายชัยเกษม นิติสิริ​​ ประธาน ด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย,นายชูศักดิ์ ศิรินิล​​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไท ย,นายภูมิธรรม  เวชยชัย​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย, นายนพดล ปัทมะ รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย, นายจาตุรนต์  ฉายแสง​​ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย  ร่วมแถลงข่าวมติที่ประชุมคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย ซึ่งจัดการประชุมครั้งแรกในวันนี้


นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย ได้สรุปมติการประชุม 4 ประเด็นหลัก ได้แก่


1. ที่ประชุมมีมติว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล จะเร่งดำเนินการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มีการทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของพี่น้องประชาชนก่อน


2. จะฟื้นฟูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการบรรจุเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หลังจากศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เคยบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 เมื่อถูกรัฐประหาร ไม่มีการบรรจุเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาอีกเลย  ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันในสิทธิเสรีภาพและการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และวิธีปฏิบัติ หากเรื่องใดที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องได้รับการแก้ไข ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถือเป็นเรื่องใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เพราะถือเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนว่า บุคคลใดจะละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นไม่ได้


3. ศึกษาโครงสร้างที่ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียม เพราะขณะนี้ความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องใหญ่ในทางกฎหมาย และในทางปฏิบัติ ความเหลื่อมล้ำเป็นหนึ่งในหลักนิติธรรม (Rule of law) รวมถึงการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต้องมีการยกเลิก แก้ไข ปรับปรุง อย่างเร่งด่วน


4. จะปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ ป.วิ.อาญาฯ เพื่อให้เป็นหลักประกันประชาชนในสิทธิเสรีภาพ โดยสิทธิการประกันตัวต้องเป็นหลัก การไม่ให้ประกันตัวต้องเป็นข้อยกเว้นที่เขียนไว้โดยชัดเจน ว่าไม่ให้ประกันตัวในเรื่องใดบ้าง ควรละเว้นการใช้ดุลยพินิจที่กว้างขวาง โดยเราจะหลีกเลี่ยงการเขียนกฎหมายที่ตีความได้กว้างขวาง เพราะที่ผ่านมาประชาชนต้องเผชิญกับการถูกคุมขังในศาลโดยไม่ได้รับการประกัน จากการใช้เหตุผลและดุลยพินิจที่กว้างขวาง


นายชัยเกษม นิติสิริ​​ ประธานกรรมการด้านยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้มีความเห็นว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความรู้สึกอย่างไรต่อการบังคับใช้กฎหมายที่รังแกประชาชนเป็นอย่างมาก จึงมีความเห็นว่าต้องมีการฟื้นฟูกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียม และเปลี่ยนโครงสร้างกฎหมายให้ความเหลื่อมล้ำจางไป โดยเฉพาะหลักนิติธรรม ( Rule of law ) หลักประชาธิปไตย และการจับกุมคุมขัง


คณะกรรมการมีความเห็นพ้องตรงกันว่า ประชาธิปไตยในไทยมีปัญหา เพราะมีรัฐธรรมนูญที่มาจากผลพวงของการยึดอำนาจ ที่ประชาชนไม่เห็นชอบ หรือรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ รัฐธรรมนูญมีความสำคัญมาก ถือเป็นพื้นฐานของปกครองของประเทศ หากมีรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยได้  


พรรคเพื่อไทยมีความพยายามมาเป็นเวลานานในการผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จาก ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว แต่วุฒิสภาไม่เห็นด้วย จึงนำมาสู่ข้อยุติของคณะกรรมการชุดนี้ในวันนี้ 


สำหรับมติที่ประชุมในวันนี้จะเป็นนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย


ถ้าเราได้จัดตั้งรัฐบาล ไม่ต้องห่วง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ทุกเรื่องที่เราออกมา ไม่ใช่เราคิดเอง  เพราะเราได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เรารวบรวมมาเป็นนโยบายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป” นายชัยเกษม กล่าว 


นายภูมิธรรม เวชยชัย​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญถือเป็นการโครงสร้างพื้นฐานของการบังคับใช้กฎหมาย หากสามารถแก้ที่โครงสร้างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้ จะเป็นการสร้างพื้นฐานในการปรับในเรื่องอื่น ประมวลกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ ขัดต่อหลักการขั้นพื้นฐาน จะถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม หรือยกเลิก ขึ้นอยู่กับสถานภาพของกฎหมายต่างๆ อีกครั้ง รัฐธรรมนูญเป็นหลักการที่คลุมทั้งหมด ส่วนในรายละเอียดจะมีการศึกษาต่อไป 


ทั้งนี้ ภารกิจของเพื่อไทย ในสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้คือ ประชาชน ส่วนพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือและกลไกที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ปัญหาสำคัญของพี่น้องประชาชนกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ กฎ ระเบียบ ที่ทำลายสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เป็นปัญหาเร่งด่วน ที่เราจะทำควบคู่กันไป พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องวางนโยบายหลักไว้ให้ผู้ที่เห็นด้วย เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเรา และเราพร้อมทำทันที


เราคิดอะไร เราจะทำทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล หลายเรื่องเป็นปัญหาเร่งด่วน เพื่อให้ประเทศมีหลัก Rule of law การปกครองประเทศ ต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยปกครองประเทศ และจะเป็นแนวปฏิบัติไปสู่เรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด” นายภูมิธรรม กล่าว


นายนพดล ปัทมะ รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า หลักการ 4 เรื่องถือเป็นนโยบายเบื้องต้น เป็นงานที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศถึงความมุ่งมั่นของพรรค เหรียญมีสองด้านเสมอ ปัญหาของประเทศ มีทั้งปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ด้านของการสร้างประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรม การสร้างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำ ล้วนมีความสำคัญ หลักการข้างต้นที่ได้ประกาศนี้ ไม่ใช่เพื่อการเลือกตั้งเท่านั้น แต่เพื่อการบริหารประเทศในนามของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66