วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566

‘พิธา’ เยือนเมืองสองแคว ไหว้พระพุทธชินราช พร้อมร่วมงานไพรด์แมว ปิดท้ายเดือนไพรด์ ชาวพิษณุโลกต้อนรับสุดคึกคัก มั่นใจปมเก้าอี้ประธานสภาฯ จบได้ด้วยดี

 


พิธา’ เยือนเมืองสองแคว ไหว้พระพุทธชินราช พร้อมร่วมงานไพรด์แมว ปิดท้ายเดือนไพรด์ ชาวพิษณุโลกต้อนรับสุดคึกคัก มั่นใจปมเก้าอี้ประธานสภาฯ จบได้ด้วยดี

 

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เยือนจังหวัดพิษณุโลก เพื่อทักทายพี่น้องประชาชน หลังชาวสองแควเทคะแนนเลือกผู้แทนฯ จากพรรคก้าวไกล โดยกำหนดการพิธา เดินทางไปสักการะพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมือง พร้อมด้วยปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 และแคนดิเดตประธานสภาฯ และศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ส.ส.พิษณุโลก เขต 5

 

พิธา ให้ความเห็นแก่ผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่เดินทางมายังพิษณุโลกในวันนี้ เนื่องจากเป็นเขตยุทธศาสตร์ของพรรคและต้องรักษาแชมป์ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นถึง 80% จากการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งการมาพิษณุโลกครั้งนี้เป็นการแสดงความยินดีกับ ส.ส.เขต ที่ชนะเลือกตั้ง

 

ในส่วนของกรณีประธานสภาฯ พิธา เชื่อจบได้ด้วยดี พร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีเดินทางมายังจังหวัดพิษณุโลกว่าเป็นการเล่นเกมมวลชนหรือไม่ พิธากล่าวว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม

 

"เพราะถ้าไม่มาช่วงนี้ มีประชุมสภาฯ แล้วก็จะเดินทางได้ยาก ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนก็รู้สึกว่าไปจังหวัดอื่น พี่น้องพิษณุโลก พี่น้องขอนแก่นก็เลือกตั้งเยอะ ต้องใช้โอกาสนี้ขอโทษพี่น้องประชาชน ถ้าไปดู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มีทั้ง 50 กว่าจังหวัดจาก 77 จังหวัด ก็พยายามไปให้ครบทุกจังหวัดพื้นที่ จะได้รับฟังปัญหาไปด้วย เห็นภาพจริงๆ รับฟังปัญหาจริง ๆ " พิธา กล่าว

 

นอกจากการเดินทางไปสักการะพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก พิธายังได้ร่วมในงานสำคัญส่งท้ายเดือนไพรด์ คือการประกวดแมวภายใต้ธีม Happy Cat Happy Pride ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก โดยมีทั้งแมวไทยและแมวต่างประเทศเข้าร่วมประกวดเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย ส่งท้ายเดือนมิถุนายน

 

ทั้งนี้ในช่วงเย็น พิธาได้ขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชน เริ่มต้นจากเซ็นทรัลพิษณุโลก ไปบนถนนสิงหวัฒน์ ถนนเอกาทศรถ วงเวียนรถไฟ ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกับ ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ณ ลานแอโรบิก สวนชมน่าน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พิธา #ก้าวไกล #พิษณุโลก 




‘พิธา’ ขอบคุณประชาชนพิษณุโลก ประกาศชื่อ ‘ปดิพัทธ์’ แคนดิเดตประธานสภาคนพิษณุโลกคนแรกจากพรรคก้าวไกล พร้อมเปลี่ยนสภาไทยให้ไม่เหมือนเดิม!

 


พิธา’ ขอบคุณประชาชนพิษณุโลก ประกาศชื่อ ‘ปดิพัทธ์’ แคนดิเดตประธานสภาคนพิษณุโลกคนแรกจากพรรคก้าวไกล พร้อมเปลี่ยนสภาไทยให้ไม่เหมือนเดิม!


วันที่ 30 มิถุนายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 แคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฏร และ ศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 ขึ้นรถแห่รอบจังหวัดพิษณุโลก ต่อด้วยการปักหลักปราศรัย ณ ลานแอโรบิค สวนชมน่าน โดยกำหนดการรถแห่เริ่มต้นที่เซ็นทรัลพิษณุโลก ถนนสิงหวัฒน์ ถนนเอกาทศรถ วงเวียนรถไฟ มุ่งหน้าเวทีปราศรัยตามลำดับ


บรรยากาศ ณ เวทีปราศรัยใหญ่วันนี้ มีชาวพิษณุโลกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อพบกับพิธาและปดิพัทธ์อย่างเนืองแน่น ทำให้เกิดการค้าขายอย่างคึกคัก พิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอบคุณที่ทุกคนเดินทางมาต้อนรับ พร้อมขอบคุณทุกความไว้วางใจ สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวังและพร้อมรับใช้ชาวพิษณุโลกอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ว่าที่นายกรัฐมนตรียังยืนยันเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและให้ความมั่นใจกับประชาชน


โดยพิธาระบุว่า ตนได้ยินแว่วๆ ว่าหวยจะออก 376 แน่นอน จะไม่ออก 376 ได้อย่างไร แค่ในพิษณุโลก อย่างน้อยก็มี ส.ส. ของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย 3 เสียงแล้วที่จะยกมือให้เราจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ นอกจากผู้แทนราษฎรแล้ว ยังมีสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากจังหวัดพิษณุโลกอีก 2 คน ขอให้พ่อแม่พี่น้องชาวพิษณุโลกจับมือกันไว้ให้แน่น ให้กำลังใจสมาชิกวุฒิสภาให้ช่วยกันโหวตเพื่อเดินหน้าประชาธิปไตยของประเทศให้เบ่งบาน ให้พรรคก้าวไกลเข้าไปแก้ปัญหาของบ้านเมือง


พิธา ยังประกาศกลางเวทีปราศรัยว่า 'หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา' ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 มีความเหมาะสมในฐานะแคนดิเดตประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล เพราะเป็นคนที่มีผลงานดีเด่น มีบทบาทและประสบการณ์ในการเป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ ได้รับเสียงชื่นชมมากมายในการจัดการการประชุมและการประสานความร่วมมือกับองค์กรประชาชนที่มีเป้าหมายทำให้เกิดการพัฒนาการเมืองไทยในทุกมิติ และตนเชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนพิษณุโลกและคนทั้งประเทศ อยากให้โอกาสปดิพัทธ์ให้เข้าไปทำหน้าที่ประธานสภาฯ ที่จะเปลี่ยนสภาไทยไปตลอดกาล


โดยปดิพัทธ์ ย้ำความมั่นใจในการเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ ว่า นี่เป็นครั้งแรกของการเมืองไทยที่เราจะเห็นสภาเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ตนเกิดมา หลายคนมักมองสภาฯ เป็นโรงละครที่ทุกคนไปแสดงละคร กฎหมายผ่านหรือไม่ไม่รู้ ประชาชนเดือดร้อนไม่สน แต่ไปแสดงละครเพื่อจะกลับมาเลือกตั้งใหม่


ทุกท่านทราบหรือไม่ว่างบประมาณสภาฯ 1 ปี มากกว่า 5,000 ล้านบาท แต่การประชุม กลับไม่มีประสิทธิภาพ ตนอยากจะทำให้การทำงานของสภาฯ มีประสิทธิภาพมากกว่านี้


"ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ส.ส.ที่ท่านเสียภาษีให้เขาเข้าไปกินข้าวในสภาฯ มาประชุมกี่ครั้ง มาสายกี่ครั้ง ลงมติอะไรบ้าง เมื่อผมเป็นประธานสภาฯ ข้อมูลการเข้าประชุม ขาด ลา มาสายของ ส.ส. 500 คน และ ส.ว. จะถูกแสดงให้เห็นในเว็บไซต์ทันที" ปดิพัทธ์ย้ำถึงนโยบายความโปร่งใส


สุดท้าย ปดิพัทธ์กล่าวว่า หากวันที่ 4 ก.ค. เสียงในสภาฯ ส่งให้ตนเป็นประธานสภาฯ ตนก็พร้อมทำงานเป็นประธานสภาฯ ของทุกคน และจะพิสูจน์ผ่านการทำงานให้เห็นว่าคนอายุ 42 ปีสามารถเป็นประธานสภาฯ ที่ทุกคนภูมิใจได้ พร้อมขอคำสัญญาจากชาวสองแควว่าต้องไม่เรียกตนว่าท่าน แต่ให้เรียกหมออ๋อง พี่อ๋อง น้องอ๋อง เหมือนเดิมอย่างที่แล้วมา


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พิธา #ก้าวไกล #พิษณุโลก #ประธานสภา






“ชัยธวัช” เชื่อมั่น “เพื่อไทย” ไม่มีทางพูดตามข่าวที่ปล่อยออกมา ชี้ถ้าการเจรจายังยึดถือภารกิจฟื้นฟูประชาธิปไตยทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

 


“ชัยธวัช” เชื่อมั่น “เพื่อไทย” ไม่มีทางพูดตามข่าวที่ปล่อยออกมา ชี้ถ้าการเจรจายังยึดถือภารกิจฟื้นฟูประชาธิปไตยทุกอย่างจะจบลงด้วยดี


วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกระแสข่าวที่ออกมาว่าพรรคเพื่อไทยยอมถอยประธานสภาแลกกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวมเสียง ส.ว. ได้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลยังพูดคุยกันบนประโยชน์สูงสุดของประชาชนและภารกิจร่วมกันฟื้นฟูประชาธิปไตย


ชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวเมื่อคืนมีที่มาจากไหน แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่พูดอะไรแบบนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องสอนหนังสือสังฆราชกันเพราะประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล มีความต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ฟื้นฟูประชาธิปไตยและแก้ปัญหาประชาชน เราต้องช่วยกันไม่ทำให้เรื่องไม่ปกติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กลายเป็นเรื่องปกติ ตนยังเชื่อมั่นว่าทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จะช่วยกันคืนความปกติให้กับระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตย ด้วยการยอมรับผลการเลือกตั้งให้พรรคที่ได้รับเลือกตั้งอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้า 8 พรรคการเมืองผนึกกันแน่นก็จะไม่มีปัญหาอะไร


เรื่องตำแหน่งประธานสภาไม่ใช่เรื่องของความต้องการส่วนตัวของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นหลักการที่เป็นปกติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอยู่แล้ว แต่อย่างไรด็ตามความชัดเจนขอให้รอการพูดคุยจากวงเจรจาทั้ง 2 พรรคซึ่งตนเชื่อว่าจะจบด้วยดี ทั้งสองผ่านต่างวางอยู่บนผลประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน


เฉพาะหน้าเมื่อผ่านการเลือกประธานสภาไปแล้วทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ตนยังเชื่อมั่นและขอให้ ส.ส.-ส.ว. เชื่อในหลักการพื้นฐานของระบบประชาธิปไตย ให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งและสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ได้ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตามเหตุผลที่ ส.ว. ให้เหตุผลในการโหวตประยุทธ์เป็นนายกในปี 2562 อย่างเป็นเอกภาพ


ส่วนคำถามเรื่องการเสนอแก้ ม.112 จะกลายเป็นเงื่อนไขในการเลือกนายกฯ หรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะแก้กฎหมายฉบับใด ล้วนแต่มีกระบวนการนิติบัญญัติอยู่แล้วในการตรวจสอบถ่วงดุล และมีกระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบว่ากฎหมายนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอให้เรื่องนี้อย่าเอามาเป็นเงื่อนไขในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยขอให้ยึดหลักการเดียวในการเลือกนายกฯ คือผลการเลือกตั้งของประชาชน


“ตอนนี้จำนวนเสียงระหว่างขั้วเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยมีความห่างกันเยอะมาก ถ้า 8 พรรคร่วมรัฐบาลผนึกกำลังกันแน่นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลิกขั้ว ผมเชื่อมั่นว่าเราทำงานด้วยกันด้วยความจริงใจและเอาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง สำหรับพรรคเพื่อไทยเอง สิ่งที่สัมผัสได้อย่างจริงใจคือมีความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลกันระหว่าง 8 พรรค เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ เท่าที่ทำงานร่วมกันกับหมอชลน่าน เราเห็นความจริงใจว่าสมการการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันดีที่สุด” ชัยธวัชกล่าว


การจัดตั้งรัฐบาลมีได้การพูดคุยกันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะจบด้วยดี


“เราต้องการเวลาในการพูดคุยกันเพื่อตกผลึก เพื่อให้เรื่องจบเร็วที่สุด” ชัยธวัช กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ประธานสภา #เพื่อไทย

‘เศรษฐา’ ยืนยันหลักการฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกัน เดินหน้าดัน ‘พิธา’ เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เชื่อตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ หาข้อสรุปได้ด้วยดี

 


‘เศรษฐา’ ยืนยันหลักการฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกัน เดินหน้าดัน ‘พิธา’ เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เชื่อตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ หาข้อสรุปได้ด้วยดี


วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวข้อสรุปการพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มอบตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคก้าวไกล โดยมีเงื่อนไขหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้จากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา พรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเลย แต่เชื่อว่าในส่วนนี้จะจบลงได้ด้วยดี เพราะเรายึดมั่นในหลักการที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันไว้และทำงานด้วยกัน


ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ระบุถึงพรรคเพื่อไทยจะเป็นนายกรัฐมนตรี ในกรณีพรรคก้าวไกลไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว. ได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเพียงแหล่งข่าว คงต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทย โดยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคในฐานะคณะเจรจาจะดีกว่าเพราะตนไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจาด้วย  อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมาได้ไปประชุมร่วมกับพรรคก้าวไกล ในประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นในเชิงสร้างสรรค์


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากนายพิธา สะดุดไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดตรงนั้น ต้องมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อน อีกทั้งขณะนี้เราต้องพยายามให้นายพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากกว่า


“ผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย เอาทีละขั้นตอนดีกว่า วันนี้ต้องเลือกประธานสภา ให้ไม่บอบช้ำทั้งสองฝ่ายก่อนและไปเลือกนายกรัฐมนตรี ให้คุณพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขาได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง ก็หวังว่าจะไม่มีอุปสรรค”แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ประธานสภา

‘เศรษฐา ทวีสิน’ นำทีม ส.ส.เพื่อไทย ศึกษาดูงานธนาคารน้ำใต้ดิน ของ อบต.บ้านผึ้ง จ.นครพนม หวังผลักดันแก้ปัญหาภัยแล้งให้พี่น้องเกษตรกร

 


‘เศรษฐา’ นำทีม ส.ส.เพื่อไทย ศึกษาดูงานธนาคารน้ำใต้ดิน ของ อบต.บ้านผึ้ง จ.นครพนม หวังผลักดันแก้ปัญหาภัยแล้งให้พี่น้องเกษตรกร


วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายชัย วัชรงค์ ทีมนโยบายด้านการเกษตร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย  อาทิ นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ส.ส.นครพนม นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม  นายนิพนธ์ คนขยัน ส.ส.บึงกาฬ น.ส.ธัญธารีย์ สันตพันธุ์ ส.ส.อุบลราชธานี นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร เดินทางมายังองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อรับฟังการดำเนินการและติดตามดูระบบการดำเนินการโครงการธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด ของ อบต.บ้านผึ้ง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง แม้จังหวัดนครพนมจะมีฝนตกปีละ 2,000 มิลลิลิตร ถือว่าปริมาณฝนลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่ยังประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากระบบประปาน้ำบาดาลไม่เพียงพอ ซึ่งต่อมาได้ทดลองใช้การบริหารจัดน้ำระบบธนาคารน้ำใต้ดินนอกเขตชลประทานในการแก้ไขปัญหา


จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น เพราะวันนี้ฝนตกเหลือเพียง 100 กว่าวัน จึงมาลงพื้นที่ดูเรื่องบริหารจัดการน้ำ ก็แปลกใจที่จังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่มีฝนตกมาก แต่กักเก็บน้ำไว้ใช้ไม่ได้ เนื่องจากยังมีวิธีการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งยังไม่ดีพอ โดย ตำบลบ้านผึ้ง มีการบริหารจัดการน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใต้ดินเมื่อฝนตกและนำน้ำขึ้นมาใช้เมื่อต้องการได้


ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยอาจได้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐา ตอบว่า ไม่ทราบว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดสรรอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทยมีฐานเสียงหนักคือพี่น้องประชาชนในภาคอีสาน จึงอยากดำเนินการโครงการธนาคารน้ำใต้ดินโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้  หากพรรคได้รับการมอบหมายให้ดูแลกระทรวงนี้จะสามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ปัญหาภัยแล้ว #ธนาคารน้ำใต้ดิน




ด่วน! ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว #วารุณี ชี้ข้อหาโทษสูง - เชื่อจำเลยจะหลบหนี

 


ด่วน! ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว #วารุณี ชี้ข้อหาโทษสูง - เชื่อจำเลยจะหลบหนี

 

วันนี้ (30 มิถุนายน 2566) ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว วารุณี วัย 30 ปี ในคดี ม.112 - เหยียดหยามศาสนา กรณีโพสต์รูปตัดต่อพระแก้วใส่เดรสแบรนด์ Sirivannavari ซึ่งมีในหลวง ร.10 กำลังทำพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วอยู่ด้านหลังด้วย


ศาลชี้พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูงจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนีจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง 


คดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาจำคุก 3 ปี ก่อนลดครึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ต่อมา ศาลอาญาส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งคำร้องขอประกัน ทำให้วารุณีถูกส่งตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาตั้งแต่วันดังกล่าว กระทั่งวันนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าไม่ให้ประกันตัวชั้นอุทธรณ์


วารุณีจึงจะถูกคุมขังในเรือนจำต่อไปจนกว่าศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง


อ้างอิง : ทวิตเตอร์จาก TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR #มาตรา112

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ก้าวไกลพร้อมประชุมสภา 4 ก.ค. เชื่อโหวตประธานราบรื่น .

 


ก้าวไกลพร้อมประชุมสภา 4 ก.ค. เชื่อโหวตประธานราบรื่น


วันนี้ (29 มิ.ย. 66) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการรายงานข่าวว่าอาจยังไม่มีการประชุมสภาและโหวตประธานสภาในวันที่ 4 กรกฎาคม ตามกำหนด เนื่องจากเกรงว่าการเจรจาเรื่องประธานสภายังไม่เรียบร้อย พรรคก้าวไกลได้รับการติดต่อจากทางสภาผู้แทนราษฎรเช่นกันในกรณีดังกล่าว และยืนยันว่าพรรคพร้อมเข้าร่วมประชุมหากมีการเรียกประชุมสภาในวันที่ 4 กรกฎาคม ไม่จำเป็นต้องมีการเลื่อนแต่อย่างใด


ชัยธวัชยังยืนยันด้วยว่า กรณีการโหวตประธานสภาจะเรียบร้อยดี เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจะมีข้อสรุปร่วมกันได้ก่อนวันที่ 4 กรกฎาคมอย่างแน่นอน และทั้งสองพรรคจะจับมือกันตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประธานสภา

ยังไม่มีรายงาน คกก.ไต่สวน เรียก ‘พิธา’ ให้ข้อมูล ปัดตอบยื่นศาลรธน. ก่อนโหวตนายกฯ

 


ยังไม่มีรายงาน คกก.ไต่สวน เรียก ‘พิธา’ ให้ข้อมูล ปัดตอบยื่นศาลรธน. ก่อนโหวตนายกฯ


วันที่ 29 มิถุนายน 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องนี้มีความสลับซ้อนทางกฎหมาย สืบเนื่องมาจากคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยสามารถดำเนินการได้หลายวิธี ตามห้วงเวลา สถานะ วิธีการ และการวินิจฉัย โดยเงื่อนไขแรก ก่อนการเลือกตั้ง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นเรื่องของผู้สมัครซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะเชิญผู้มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติมาชี้แจงหรือไม่มาชี้แจงก็ได้ ก่อนส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีทั้งหมด 37 คดี


สำหรับเงื่อนไขที่สองนั้น หลังการเลือกตั้งแต่ยังไม่ได้ประกาศรับรอง ส.ส. หากพบว่า ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้าม คณะกรรมการไต่สวนจะดำเนินการตามมาตราร 151 ซึ่งเป็นการดำเนินคดีอาญา และเป็นอำนาจของคณะกรรมการไต่สวนที่จะเชิญ พิธา มาให้ข้อมูล ตามระเบียบ ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานเพราะเป็นความลับของคณะกรรมการไต่สวน สำนักงาน กกต. ไม่อาจแทรกแซงได้ โดยกรอบระยะเวลาการไต่สวน 20 วัน จะหมดลงในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ยังไม่มีการขอขยายระยะเวลาไต่สวนแต่อย่างใด


ส่วนหลังประกาศรับรอง ส.ส. จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย จะเชิญหรือไม่เชิญผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ร้องแล้วหลายราย แต่ต้องมีหลักฐานเพียงพอให้ กกต.พิจารณาด้วย


เมื่อถามว่า การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 82 จะต้องยื่นก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แสวง กล่าวว่า กกต.ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน และมีความเห็นก่อน ส่วนจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนโหวตเลือกนายกฯ นั้น ไม่เป็นประเด็นที่ กกต.จะมาพิจารณา


แสวง กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้สอบถามไปยังอัยการสูงสุดว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง กรณี พิธา และพรรคก้าวไกล หาเสียงแก้ ม.112 จะมีผลมาถึง กกต.หรือไม่ แสวง กล่าวว่า ตามกฎหมายพรรคการเมือง เราจะพิจารณาว่า การกระทำนั้นมีอำนาจให้กระทำหรือไม่ และกระทำตามขั้นตอนหรือไม่ แต่หากผู้ร้องเห็นว่าการกระทำดังกล่าวล้มล้างระบอบการปกครองจะต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 49


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กกต #พิธา #ก้าวไกล

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566

‘เศรษฐา’ เชื่อ ตำแหน่งประธานสภาไม่ใช่อุปสรรคของฝ่ายประชาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาล และในที่สุดจะคุยกันรู้เรื่อง ‘เพื่อไทย’ ไม่มีพลิกขั้วแน่นอน

 


เศรษฐา เชื่อ ตำแหน่งประธานสภาไม่ใช่อุปสรรคของฝ่ายประชาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาล และในที่สุดจะคุยกันรู้เรื่อง เพื่อไทยไม่มีพลิกขั้วแน่นอน

 

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 ที่ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานได้มีการประชุมส.ส. และได้เปิดให้มีการพูดคุยกันเรื่องตำแหน่งประธานสภา

 

นายเศรษฐา ระบุว่า ผมไม่ได้นั่งอยู่ในกรรมการบริหาร ซึ่งก่อนหน้านั้นกรรมการบริหารก็บอกว่าไม่ได้มีมติออกไป เพียงแต่ว่าตอนที่พรรคเพื่อไทยไปเซ็น MOU นั้น ก็ยังมีข้อคาใจอยู่ว่า 14+1 ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้มีการตกลงกัน ก็อยู่ในขั้นตอนการเจรจา

 

แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ผมคิดว่าก็คงเหมือนเดิมคือฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือแล้วก็ไปจัดตั้งรัฐบาลได้ เรื่องตำแหน่งประธานสภายังพอมีเวลาอีก 3-4 วัน ผมเชื่อว่าก็น่าจะออกมาด้วยดี ไม่น่ามีประเด็นอะไร ไม่น่ามีอะไรมาหยุดยั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยได้

 

“เราไม่มีทรยศ ผมเรียนมาโดยตลอดว่าเราเองเราก็เคารพเสียงของพี่น้องประชาชน และยอมรับฟังทุก ๆ เสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงของส.ส. ของกรรมการบริหาร ทุกคนเวลานี้ก็พูดกันเยอะ แต่ผมคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดก็คือเรื่องธงต้องไม่เปลี่ยน ว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ จะได้มีรัฐบาลใหม่และร่วมบริหารจัดการประเทศ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว

 

ประเด็นตำแหน่งประธานสภา นายเศรษฐากล่าวว่า คงไม่ได้เป็นการแย่ง แย่งคือการแข่งขันซึ่งการแข่งขันมันจบไปแล้วเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา และผลก็ปรากฎชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เซ็น MOU ไปแล้ว จับมือกันแล้ว ก็คงต้องคุยกันในรายละเอียด ซึ่งผมเองเชื่อว่าก็คงจะคุยกันรู้เรื่อง

 

นายเศรษฐา ย้ำว่า ผมมั่นใจว่าไม่มีการพลิกขั้ว ยังไงเพื่อไทยก็จับมือไปด้วยกันจนกระทั่งถึงปลายทาง จนจัดตั้งรัฐบาลได้ ระหว่างนี้ก็มีเวลาอีก ให้ใจเย็น ๆ ตนเองไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่ที่ได้ฟังมาก็ยังคุยกันด้วยดีอยู่ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ในการที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะจัดตั้งรัฐบาล

 

ตอบประเด็นว่าปัญหาขณะนี้จะกระทบกับการรีแบรนด์เพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อไทย เราเองก็ทำงานต่อไป นายเศรษฐา กล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ประธานสภา

ศาลอาญาพิพากษา "ยกฟ้อง" ทุกข้อกล่าวหา คดีม.110 กรณี 5 ประชาชนถูกกล่าวหาว่า #ขัดขวางขบวนเสด็จ เมื่อ 14 ต.ค. 63 ชี้ วันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้จัดการเส้นทางเสด็จให้เรียบร้อยและไม่มีการแสดงสัญลักษณ์หรือประกาศแจ้งก่อนการเคลื่อนขบวนเสด็จ

 


ศาลอาญาพิพากษา "ยกฟ้อง" ทุกข้อกล่าวหา คดีม.110 กรณี 5 ประชาชนถูกกล่าวหาว่า #ขัดขวางขบวนเสด็จ เมื่อ 14 ต.ค. 63 ชี้ วันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้จัดการเส้นทางเสด็จให้เรียบร้อยและไม่มีการแสดงสัญลักษณ์หรือประกาศแจ้งก่อนการเคลื่อนขบวนเสด็จ

 

วันนี้ (28 มิถุนายน 2566) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีแสดงความอาฆาตมาดร้าย หมายเลขดำอ.778/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ นายชนาธิป ชัยยะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 5 ตามลำดับ ความผิดฐานแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน, พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 จำเลยทั้งห้า กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยพวกจำเลยทั้งห้ากับพวกจำนวนหลายร้อยคนได้ลงมายืนบนพื้นผิวจราจรบนถนนพิษณุโลก ลักษณะกีดขวางการจรจรซึ่งได้กำหนดใช้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบรมราชินี และพระบรมศานุวงศ์ เพื่อไปทรงบำเพ็ญกุศล ถวายผ้าพระกฐินประจำปี 2563 ณ.วัดราชโอรสาราม ซึ่งมีรถยนต์ของ บก.จร. และรถยนต์ในขบวนเสด็จขับเบิกทาง โดยจำเลยกับพวก ซึ่งมาร่วมกิจกรรมชุมนุม " เพราะเราทุกคนคือคณะราษฎร และคณะราษฎรยังไม่ตาย" ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้บังอาจร่วมกันประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระบรมราชินีโดยช่วยกันใช้กำลังผลักดันแถวแนวหน้าเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชน หรือ (คฝ.) เพื่อขัดขวางมิให้ขบวนเสด็จสามารถเคลื่อนผ่านไปยังเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ไปแยกนางเลิ้งได้ อีกทั้งยังได้ชูสัญญลักษณ์สามนิ้วใส่ขบวนเสด็จอีกด้วย

 

ทั้งนี้นายเอกชัย หงส์กังวาล และนายบุญเกื้อหนุน เป้าทองได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นไปฟังศาลพิพากษาว่า คดีนี้มีข้อมีพิรุธหลายอย่าง เพราะปกติแล้วขบวนเสด็จ ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้ รวมไปถึงต้องมีการแจ้งล่วงหน้าหากมีขบวนเสด็จ แต่วันนั้นกลับไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ทั้งสื่อมวลชน ตำรวจ และผู้ชุมนุมก็ไม่มีใครทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าวันนั้นจะมีขบวนเสด็จ จึงเชื่อมั่นว่าเป็นความบกพร่องของตำรวจ และคิดว่าศาลจะเข่าในพวกตน ซึ่งขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างอ่านคำพิพากษา

 

คืบหน้าล่าสุด เวลาประมาณ 10.35 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ด่วน! ศาลอาญาพิพากษา #ยกฟ้อง ทุกข้อกล่าวหา คดี #ม110 #ประทุษร้ายเสรีภาพพระราชินี กรณี 5 ประชาชนถูกกล่าวหาว่า #ขัดขวางขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63

 

ศาลเห็นว่าในวันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้จัดการเส้นทางเสด็จให้เรียบร้อย โดยพบว่าเส้นทางยังมีรถจอดอยู่ริมถนน และไม่มีการแสดงสัญลักษณ์หรือประกาศแจ้งก่อนการเคลื่อนขบวนเสด็จ

 

จากการสืบพยาน พบว่าความเข้าใจของผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่เท่ากัน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ คฝ. ในที่เกิดเหตุ ก็เพิ่งทราบว่าจะมีขบวนเสด็จ และไม่ทราบว่าเป็นขบวนเสด็จของพระองค์ใด

 

ขณะขบวนเสด็จเคลื่อนผ่าน มีการชักล้อมรถของเจ้าหน้าที่ ประชาชนจึงเข้าใจว่าจะมีการสลายการชุมนุม จึงได้ตะโกนโห่ร้องและชูสามนิ้วเพื่อประท้วงตำรวจ ไม่ใช่ประท้วงต่อขบวนเสด็จ

 

เมื่อประชาชนทราบว่าเป็นขบวนเสด็จ ก็เคลื่อนผ่านไปได้ ไม่ได้มีการขว้างปาสิ่งของหรือขัดขวางขบวนเสด็จ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ยกฟ้องขัดขวางขบวนเสด็จ




ศาลยกฟ้อง ‘หมอวรงค์’ คดีหมิ่นประมาทฯ พรรคก้าวไกล ชี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

 


ศาลยกฟ้อง หมอวรงค์ คดีหมิ่นประมาทฯ พรรคก้าวไกล  ชี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต


วันนี้ (28 มิถุนายน 2566) เวลา 09.00 น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมทนายความ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พรรคก้าวไกลเป็นโจทก์ฟ้อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328  พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24 ล้านบาท จากกรณีที่ได้ไลฟ์ในเฟซบุ๊กชื่อ "Warong Decgitvigrom" ในการแถลงข่าวการจัดตั้งพรรคไทยภักดี เมื่อวันที่ ระหว่างวันที่ 20 ม.ค.64  ถึงวันที่ 3 ก.พ.64 โดยมีการใส่ร้ายโจทก์ว่า จงใจจาบจ้วงสถาบัน ร่วมกับพรรคการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้มล้างสถาบัน มีการกล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลังการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง  และยกเลิกมาตรา 112 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว

 

โดย นพ.วรงค์กล่าวก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่าไม่มีความกังวลใจ เพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่เราตั้งใจ ฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่คำตัดสินของศาล และคาดว่าศาลจะใช้เวลาพิจารณาอ่านคำพิพากษาไม่นาน เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า โดยในคดีนี้ได้มีการนัดสืบพยานไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

 

สำหรับคดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา ซึ่ง นพ.วรงค์ ปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว ก่อนมารับฟังศาลพิพากษาในวันนี้


ศาลพิเคราะห์​พยานหลักฐาน​ ตลอดจนคำให้การ​ของคู่ความ​ทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า การกระทำ​ของจำเลย เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงไม่มีความผิดตามฟ้องและไม่ละเมิดตามคดีแพ่ง  จึงพิพากษา​ยกฟ้อง​


ภายหลังศาล​พิพากษา หมอวรงค์​ กล่าวว่า หากโจทย์จะยื่นอุทธรณ์ก็ไม่รู้สึกกังวลเพราะตนได้ทำหน้าที่ปกป้องสถาบัน และจะไม่ฟ้องกลับคู่กรณี เพราะไม่ชอบค้าความกับใคร อีกทั้งตนไม่ได้ขัดแย้งกับตาก้าวไกลเป็นการส่วนตัว แต่ขัดแย้งกันทางความคิดและอุดมการณ์เท่านั้น ดังนั้นจะไม่เสียเวลามาฟ้องกับเรื่องเล็กน้อย ส่วนคู่กรณีจะฟ้องตนก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาว่าใครใจกว้างกว่ากัน ส่วนคดีที่นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ฟ้องตน ในกรณีเดียวกัน ต้นเชื่อว่าศาลจะยกฟ้องเช่นเดียวกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หมอวรงค์ #ก้าวไกล #หมิ่นประมาท





‘เพื่อไทย’ ยึดหลักการจับมือ ‘ก้าวไกล’ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามฉันทามติพี่น้องประชาชน ‘ชลน่าน’ ย้ำตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ เสนอหลักการเดิมที่เคยเจรจาไว้ในครั้งแรก เพื่อเป็นแนวทางให้ทั้งสองพรรคหาข้อสรุปร่วมกัน หากเห็นตรงกันก็พร้อมเดินหน้าต่อทันที


‘เพื่อไทย’ ยึดหลักการจับมือ ก้าวไกล เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามฉันทามติพี่น้องประชาชน ‘ชลน่าน’ ย้ำตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ เสนอหลักการเดิมที่เคยเจรจาไว้ในครั้งแรก เพื่อเป็นแนวทางให้ทั้งสองพรรคหาข้อสรุปร่วมกัน หากเห็นตรงกันก็พร้อมเดินหน้าต่อทันที


วันนี้ (28 มิถุนายน 2566) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการเจรจากับพรรคก้าวไกลกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องประธานสภาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร


การเจรจาพูดคุยกันเพิ่งเริ่มต้นไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและเป็นเพียงการรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณา หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก เพราะเป็นกระบวนการพูดกันภายในของแต่ละพรรค สิ่งการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและการประชุม ส.ส.ของพรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาแล้วเรามีข้อสรุปออกมาก็เป็นเพียงการให้คำตอบกับพี่น้องประชาชนว่าพรรคยืนยันหลักการในสิ่งที่เราได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรกซึ่งได้มีการพิจารณาการทำงานและเฉลี่ยออกมาตามสัดส่วนว่าแต่ละพรรคจะต้องทำอะไร ออกมาเป็น 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรี 14 และจะรับหน้าที่ในการเป็นประธานสภา ซึ่งในส่วนนี้เป็นการสิ่งที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก


นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่มีการพูดและนำเสนอความคิดเห็นต่างๆ เป็นเพียงความเห็นต่างภายในของแต่ละพรรค ซึ่งการนำเสนอบางมุมก็สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่พรรคเห็นว่าเมื่อเกิดกระแสความคิดเห็นที่แตกต่างก็ควรมีความชัดเจนไปเจรจากับพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่มาของที่ประชุมของพรรคได้ยืนยันหลักการเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีคำตอบกลับมา ซึ่งการจะมีคำตอบอย่างไรก็ยังเป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล 


“พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคและมีผู้สนับสนุน ซึ่งเราก็ต้องคำนึงถึง เราก็ยืนยันหลักการให้นำขอเสนอเดิมไปพูดคุยเท่านั้น และไม่ใช่เป็นมติใดๆ เป็นเพียงแนวทางที่ทุกคนเห็นว่าเมื่อมีการวางหลักการเจรจาไว้อย่างนั้นก็ยืนยันไปตามหลักการนั้น ไม่ได้เพิ่มหลักการใหม่ใดๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับการเจรจา” นายแพทย์ชลน่านกล่าว พร้อมย้ำว่า “สิ่งที่ 8 พรรค และพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลยึดถือโดยตลอด ได้ลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจคือเราจะมัดกันแน่นและทำงานด้วยกัน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ยังเป็นประเด็นหลัก”


นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่าประเด็นตำแหน่งประธานสภา จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค อีกทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนั้นได้รับฉันทามติมาจากพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งว่าต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย หากเพียงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้แตกแยกพี่น้องประชาชนจะรับไม่ได้ 


ผู้ดำเนินรายการถามว่าหากไม่ได้ข้อสรุปอาจเกิดการฟรีโหวตหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยระมัดระวังไม่ให้เกิดการฟรีโหวตขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้งสองพรรคแล้วยังจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มที่สามที่รอโอกาสอยู่ สำหรับการเจราจาเรื่องประธานสภานั้นพรรคเพื่อไทยได้ยืนยันหลักการเดิมที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก หากมีการนำเสนอแล้วทั้งสองพรรคได้ข้อสรุปตรงกันก็พร้อมเดินหน้าต่อทันที แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ละพรรคก็จะต้องนำข้อหารือไปพูดคุยภายในพรรคตัวเองเพื่อหาแนวทางไปหารือเพื่อให้ได้สรุปร่วมกันให้ได้อย่างไร สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลเมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกลคือเราจะทำอย่างไรให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เรามัดกันแน่นมาตลอดและต้องทำงานให้ได้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #ก้าวไกล #ประธานสภา

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566

‘พิธา’ เยือนสองสมุทร พบภาคีเครือข่ายประมง ย้ำสัญญาเร่งแก้กฎหมาย ด้านสมาคมประมงฯ หนุน ส.ว. โหวตพิธาเป็นนายกฯ


พิธา’ เยือนสองสมุทร พบภาคีเครือข่ายประมง ย้ำสัญญาเร่งแก้กฎหมาย ด้านสมาคมประมงฯ หนุน ส.ว. โหวตพิธาเป็นนายกฯ

 

วันที่ 27 มิถุนายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พบภาคีเครือข่ายประมงจากทั้ง 22 จังหวัด ที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เพื่อร่วมหารือวาระแก้ไข พ.ร.ก.ประมง เนื่องจากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ประมง กว่า 8 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ ต้องยุติอาชีพ อุตสาหกรรมประมงในพื้นที่ซบเซาอย่างหนัก ทำให้เกิดเสียงสะท้อนให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

 

มงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจากพี่น้องประชาชน พร้อมขอบคุณที่ระบุการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมประมงไว้ใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค และรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ถึง 312 เสียง พร้อมย้ำรัฐบาลใหม่จะเป็นความหวังของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ วันนี้พี่น้องชาวประมงที่เดินทางมา รู้สึกมีความหวังว่าปัญหาที่ทนทุกข์ทรมานมา 8-9 ปี จะได้รับการแก้ไขเสียที จากรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งที่ประชาชนเลือกเข้ามาจริงๆ

 

ปัจจุบันเรามีปัญหาความมั่นคงทางอาหารทะเล เรานำเข้าสินค้าประมงมาบริโภค 600,000 ตันต่อปี ถ้าไม่รีบแก้ไข ประมงไทยจะล่มสลาย ที่สำคัญคือการรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง จึงจำเป็นต้องกระจายอำนาจ วันนี้พอใจมากที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนอย่างจริงจัง ทุกอย่างแก้ไขได้ที่สภาฯ ขอฝากรัฐบาลใหม่ พรรคร่วมรัฐบาล ขอให้จับมือกันให้แน่น ประชาชนจะเป็นกำลังใจให้

 

"ขอฝากไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ผู้มีอำนาจหน้าที่ รวมถึงพรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขอให้คำนึงถึงเสียงของประชาชนที่ได้สะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง ขอให้ช่วยแสดงเจตจำนงตามมติมหาชนเพื่อประโยชน์สุขของประเทศ โดยวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เรามีการนัดหมายว่าจะไปที่รัฐสภา เพื่อเป็นกำลังใจให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” มงคลกล่าว

 

ด้านพิธา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบกับพี่น้องชาวประมงอีกครั้ง หลังจากได้เปิดนโยบายคืนชีวิตให้กับพี่น้องชาวประมงในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา และได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประมงทั้ง 3 สมุทร คือสมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมถึงจังหวัดติดทะเลอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่เทคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหา

 

พิธากล่าวต่อว่า ตนเข้าใจความเจ็บปวดของพี่น้องประมง เพราะช่วงที่มีปัญหา ไปร้องเรียนที่สภาฯ  สภาฯ ก็ล่ม แต่ครั้งนี้พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงมากเพียงพอ พร้อมทำงาน ผลักดันแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประมงอย่างเต็มที่ รวมถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาลและมีผลกระทบต่อชาวประมงจำนวนมาก ตอนนี้พี่น้องประชาชนต้องการรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ จะพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.ก.ประมงอย่างเร่งด่วน

 

การพูดคุยวันนี้เป็นแนวทางในการทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงให้ไปด้วยกันได้กับมาตรฐาน IUU เราเริ่มคิดเรื่องการวางแผนในการบริหารงานให้ครบวงจร การกระจายอำนาจ การกำหนดไมล์ทะเล กฎหมายประมงที่สามารถรักษาสมดุลระหว่างประมงพื้นบ้านกับประมงพาณิชย์ และรักษาสมดุลระหว่างการใช้ทรัพยากรและการรักษาทรัพยากร รวมถึงการแก้ปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ยังมีความยุ่งยาก รวมถึงการหาน่านน้ำใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการ

 

ในการหารือวันนี้ นอกจากสมาคมประมง 22 จังหวัด ยังมีตัวแทนประมงพื้นบ้าน อู่ต่อเรือ ร่วมพูดคุยด้วย ทั้งนี้ ก่อนการหารือกับภาคีเครือข่ายประมง พิธาได้เดินทางไปขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวสมุทรสงคราม ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งแม้จะเป็นช่วงเที่ยง เป็นเวลาทำงาน และอากาศค่อนข้างร้อน แต่ประชาชนต่างเดินทางมาให้กำลังใจพิธาอย่างคึกคัก

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #สมาคมประมง




‘พิธา’ นำทีม ส.ส.สมุทรสาคร ปราศรัยขอบคุณประชาชน ส่งเสียงเรียกนายกฯ เนืองแน่น ขออยู่ข้างอนาคต เชื่อมั่นอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

 


พิธา’ นำทีม ส.ส.สมุทรสาคร ปราศรัยขอบคุณประชาชน ส่งเสียงเรียกนายกฯ เนืองแน่น ขออยู่ข้างอนาคต เชื่อมั่นอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

 

วันที่ 27 มิถุนายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.สมุทรสาคร ทั้ง 3 เขต ได้แก่ ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม (เขต 1) ศิริโรจน์ ธนิกกุล (เขต 2) และ ศิรสิทธิ์ สงนุ้ย (เขต 3) ขึ้นรถแห่รอบวงเวียนน้ำพุ ก่อนมุ่งหน้าลานหน้าศาลหลักเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ปราศรัยขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาคร ระหว่างทางมีประชาชนร่วมต้อนรับอย่างเนืองแน่น ส่งเสียงเรียก 'นายกฯ' ตลอดเส้นทาง

 

พิธากล่าวขอบคุณ พร้อมระบุว่า "พี่น้องประชาชนกังวลใจว่าทำอย่างไรจะชนะอำนาจมืด ชนะการเมืองแบบเก่า ผมบอกกับพวกท่านแล้วว่า พวกเราคือการเมืองแห่งความเป็นไปได้ เราได้ ส.ส. มา 3 คน 3 เขต ยกจังหวัด ผมไม่ปฏิเสธว่ายังมีอุปสรรคขวากหนาม เรารู้อยู่แล้วว่าอิสรภาพไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ เพราะฉะนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนจำความรู้สึกในวันนี้ไว้ เมื่อเจออะไรยากๆ ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ถ้าพวกเราร่วมมือกัน"

 

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เราจะเข้าไปซับน้ำตาพี่น้องชาวประมง จะดูแลพี่น้องเกษตรกร ทำสุราก้าวหน้าให้เป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ จะดูแลพี่น้องแรงงานทั้ง 3 สมุทรให้ลืมตาอ้าปากในจังหวัดเหล่านี้ได้ นี่คือภารกิจร่วมกัน ขอให้ประชาชนจับมือไปด้วยกันกับเราให้แน่น เดินหน้าแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน

 

"สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกคนเชื่อ ไม่ต้องเชื่อในตัวพวกผม ไม่ต้องเชื่อในพรรคก้าวไกล แต่จงเชื่อว่าอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ อยู่ที่พวกท่านทุกคน ชัยชนะของพวกเราคือชัยชนะของพวกท่าน ขออย่าหยุดเชื่อ และขอให้อยู่ข้างอนาคต" พิธาทิ้งท้าย

 

ระหว่างการปราศรัย พิธากล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองด้วยว่า ขณะนี้มีความพยายามจะฝืนมติพี่น้องประชาชน ทำน้ำกลิ้งบทใบบอน ทำน้ำลอดใต้ทราย แต่พี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาครไม่ต้องกังวลใจ ขอให้เชื่อใจได้ว่า นายกฯ ที่พี่น้องประชาชนเลือกแล้ว จะเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล




พิพากษาจำคุก “จัสติน-ตี้ พะเยา” คนละ 4 ปี คดี ม.112 มีเหตุบรรเทาโทษ เหลือจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน

 


พิพากษาจำคุก “จัสติน-ตี้ พะเยา” คนละ 4 ปี คดี ม.112 มีเหตุบรรเทาโทษ เหลือจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน


วันนี้ (27 มิถุนายน 2566) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ ว่า ศาลอาญาธนบุรี นัดฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ของ ชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน และ วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ พะเยา เหตุจากการปราศรัยในการชุมนุมบริเวณลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ เมื่อ 6 ธันวาคม 2563


โดยศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงหนึ่งในสาม คงเหลือโทษจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน


ต่อมาเวลา 13.40 น. ศาลอาญาธนบุรีมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางหลักประกันจำนวนคนละ 3 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์


ที่มา : ทวิตเตอร์ @TLHR2014


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #ม็อบ6ธันวา