“พิพัฒน์”
จับมือ “โรม” แม้อยู่คนละพรรค แต่ทำงานร่วมกันได้
แก้กฎหมายดึงแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบประกันตน ม.33 ย้ำแรงงานไทยไม่เพียงพอ
ทำประเทศสูญเสีย จ่อปรับแก้อำนาจ รมต.ตั้ง คกก.สรรหา เลือกบอร์ดประกันสังคม
วันที่
7 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น
“การแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
ที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงและกิจการชายแดนของประเทศ” จัดโดยคณะกรรมาธิการ
(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน
กมธ.
นายพิพัฒน์ระบุว่า
ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้นำเสนอข้อกฎหมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว
ทั้งชาวเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้เลยระยะเวลาในการต่อใบอนุญาต
ซึ่งสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า
ในส่วนประเทศกัมพูชาจบแล้ว เพราะมีการต่อใบอนุญาตโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งกระทรวงแรงงานพยามทำทุกอย่างให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์
เพราะจะได้มีการตรวจสอบง่ายขึ้น
ขณะที่ประเทศเมียนมา
มีการต่อระยะเวลาออกไปอีก 6
เดือน จากที่รัฐบาลเมียนมาเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
จึงมีความไม่ชัดเจนของกระบวนการต่อใบอนุญาต
แต่ขอให้สบายใจได้สำหรับนายจ้างใครที่ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้วถือว่ากระบวนการเสร็จสิ้น
หากในระยะเวลา 6 เดือน
ยังไม่จบก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายระยะเวลาต่อไป
“ทั้งนี้การนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามมาตรา 64 อยู่ระหว่างรอบรรจุระเบียบวาระเข้าที่ประชุมคณธรัฐมนตรี
(ครม.) และมีอีกหลายอย่างที่กำลังหารือ โดยเฉพาะเรื่องประกันสังคม
ที่มีการทำประชาพิจารณ์ เรื่องข้อยกเว้นอาชีพ เราจะนำมาตรา 33 มาใช้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการบรรจุเข้าระเบียบวาระที่ประชุม
ครม.เช่นกัน” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า
อาชีพต่าง ๆ ของต่างด้าว เช่น หาบเร่ แม่บ้าน เกษตรกร
ที่เป็นข้อยกเว้นของประกันสังคมเราจะนำเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อให้มีความสะดวกในสิทธิรักษาพยาบาลและการอยู่ในประเทศไทย
เมื่อเกษียณอายุและต้องเดินทางกลับ
ก็จะได้รับเงินบำนาญตามระเบียบหรือกฎหมายของประกันสังคม
ตอนนี้กระทรวงแรงงานได้นำเรื่องเข้าสู่ ครม.แล้วเหลือเพียงรอการบรรจุเท่านั้น
รมว.แรงงาน
ยังกล่าวว่า แรงงานไทยเรามีไม่เพียงพอ ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
อย่างผู้ที่ทำเกษตรกร หากเก็บผลผลิตไม่ทันเจ้าของสวนก็จะขาดทุน
กระทรวงแรงงานเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนอง
ขอให้คณะ กมธ.ชุดนี้มาหารือกับกระทรวงแรงงาน อะไรที่ กมธ.ต้องการเร่งด่วน
และต้องการนำเสนอเข้า ครม.เราจะต้องคุยและเดินหน้าพร้อมกัน
เพื่อผลประโยชน์ประเทศของเรา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ขอเรียนตรงนี้ว่าพวกเราอยู่ในประเทศไทย ผมอาจะมาจากอีกพรรคหนึ่ง
คุณรังสิมันต์ อยู่อีกพรรคหนึ่ง แต่สุดท้ายพวกเรามาทำงานให้คนทั้งประเทศ
ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเร็วขึ้น มีความโปร่งใสมากขึ้น วันนี้และในอนาคตผมมั่นใจ
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสู่สภา เราคงจะได้มีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญจิตสำนึกเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
เพราะฉะนั้น กระทรวงแรงงานในยุคที่ผมกำกับดูแล
ขอแสดงเจตจำนงว่าอะไรที่เราสามารถทำได้เราพร้อมสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นหัวขบวน จัดประชุมในวันที่ 12 มี.ค.
68 เพื่อเร่งรัดหลายเรื่องให้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.โดยเฉพาะ
พ.ร.บ.ประกันสังคม” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม
ว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไปหลายครั้ง
ว่าทำไมถึงให้อำนาจรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคม
ต้องเรียนให้ทราบว่าการทำประชาพิจารณ์ในยุคโควิด-19 มีการเขียนติ่งท้ายว่าถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย
ทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้าง ไม่สามารถมาเลือกตั้งได้
ก็ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา
แต่ก่อนที่รัฐมนตรีจะแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาต้องผ่านบอร์ดตามมาตรา 8 และบอร์ดต้องอนุมัติมาตรา 9
ดังนั้น
ตามหลัก ต้องเรียนว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจที่จะตั้งหรือเลือกใครเข้ามา
ซึ่งเรื่องนี้ตนพยายามเร่งนำเข้า ครม. เพื่อปรับส่วนที่ติ่งท้าย
หากเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ขั้นต่อไปก็สามารถแก้ไขในชั้น กมธ.ได้ เช่น
กรณีที่รัฐมนตรีตั้งกรรมการสรรหาบอร์ดประกันสังคมให้เอาออกไป
ยกเว้นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยเท่านั้น
ตนมั่นใจว่าท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติแต่ละท่านก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดี
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงแรงงาน #กมธความมั่นคง