ปชน.ร่วมเครือข่ายแรงงาน-สตรี
จัดเสวนาเนื่องในวันสตรีสากล
ย้อนประวัติศาสตร์การต่อสู้แรงงานหญิงจนได้กฎหมายแรงงาน-สิทธิลาคลอด 90 วัน
ร่วมสะท้อนปัญหาแรงงานหญิงทั้งในระบบ-นอกระบบ-แรงงานอิสระ
วันที่
8 มีนาคม 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน
ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านสตรีและแรงงาน จัดงานเสวนาในหัวข้อ “Women
Forward: ก้าวข้ามเพื่อความเท่าเทียม” เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล
โดยมี ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน, อรุณี
ศรีโต อดีตประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี, มาลี เตวิชา
ผู้แทนผู้ชุมนุมกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์ และ ประภาพร ผลอินทร์ ตัวแทนเครือข่ายไรเดอร์
ร่วมวงเสวนา
โดยในส่วนของอรุณี
ได้เล่าถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการแรงงานและสตรีในประเทศไทย
ตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นคนงานในยุคแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับแรกๆ
เป็นยุคที่โรงงานทอผ้ารุ่งเรือง เป็นสินค้านำเข้าที่พัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยมหาศาล
ในเวลานั้นค่าแรงอยู่แค่วันละ 10 บาท บางที่ก็ 8 บาท
ไม่มีกฎหมายเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ แล้วแต่นายจ้างว่าจะขึ้นค่าแรงให้หรือไม่
ในโรงงานที่ตนทำคนงาน 80% เป็นแรงงานหญิง
และยังเต็มไปด้วยการเลือกปฏิบัติและความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างหรือการจ่ายโบนัส ผู้หญิงได้น้อยกว่าผู้ชาย
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์
14 ตุลาคม 2516 การต่อสู้ในโรงงานไม่ว่าจะเป็นการนัดหยุดงาน
รวมถึงการต่อรองหรือกดดันนายจ้างก็เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
จากที่ก่อนหน้านั้นไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งมีกฎหมายแรงงานปี 2518 เกิดขึ้น มีกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ คนงานใช้สิทธิแรงงานนัดหยุดงานได้
เจรจาต่อรองค่าแรงได้ แม้ความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศจะยังคงดำรงอยู่
ในสหภาพแรงงานมีแกนนำทั้งหมดเป็นผู้ชาย
แต่หลังจากนั้นผู้นำแรงงานหญิงก็ใช้การต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า
ผู้หญิงก็เป็นผู้นำในขบวนการแรงงานและองค์กรอื่นๆ ได้
อรุณีกล่าวต่อไปว่า
ที่สำคัญคือการต่อสู้เพื่อเรียกร้องกฎหมายลาคลอด 90 วันที่มีการรณรงค์มาตั้งแต่ปี
2535 สมัยนั้นคนงานราชการลาคลอดได้ 60 วันโดยได้รับค่าจ้างทั้ง
60 วัน ขณะที่คนงานในระบบอื่นๆ แม้จะได้สิทธิหยุด 60 วันตามกฎหมาย แต่จะได้รับค่าจ้างแค่เดือนเดียว
และเนื่องจากค่าจ้างของคนงานได้รับน้อยอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่สามารถลาหยุดได้ถึง 60
วันจริง คนงานจึงเริ่มรณรงค์ ล็อบบี้ ชุมนุมกดดัน จนภาคส่วนต่างๆ
ของสังคมต่างก็ร่วมสนับสนุน จากกระแสที่เกิดขึ้นรัฐบาลจึงยอมออกกฎหมายลาคลอด 90
วันในวันแรงงานปี 2536 ซึ่งหากแรงงานไม่เริ่มต้นจากการกดดันและชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
การลาคลอด 90 วันก็อาจจะไม่ถูกพูดถึงโดยฝ่ายการเมืองเลย
ในส่วนของประภาพรระบุว่า
ที่ผ่านมาตนพยายามขับเคลื่อนสิทธิของแรงงานขับรถจักรยานยนต์บริการรับส่งอาหาร หรือ
“ไรเดอร์” มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ
ซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานที่ต้องวิ่งรถบนท้องถนน ต้องเผชิญกับสภาพฝุ่นควันต่างๆ
แต่ก็จำเป็นต้องทำ บางครั้งทำงานหนักจนไม่ได้ดูแลสุขภาพ สมัยที่ค่ารอบยังดีถึง 60 บาทต่อรอบก็พออยู่กันได้
แต่ตอนนี้ลดน้อยลงเหลือ 10-15 บาทต่อรอบ
ไรเดอร์ต้องวิ่งให้ได้รอบมากขึ้น ถ้าไม่ได้ตามรอบก็ต้องอยู่จนดึกขึ้น
จากการพักผ่อนน้อยและความเครียดจึงทำให้สุขภาพของไรเดอร์แย่ลง
ซึ่งปัญหานี้
ไรเดอร์ที่เป็นเพศหญิงและเป็นแม่ โดยเฉพาะแม่เลี้ยงเดี่ยวจะยิ่งส่งผลกระทบหนัก
หลายคนต้องเอาลูกมาทำงานด้วย จะนำไปฝากสถานเลี้ยงเด็กก็ต้องมีค่าใช้จ่าย
ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่ค่าตอบแทนน้อยลงก็ต้องลำบาก คนที่มีคู่พอช่วยกันได้
แต่แม่เลี้ยงเดี่ยวลำบากและน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก
ประภาพรกล่าวต่อไปว่า
ไม่มีไรเดอร์คนไหนอยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้
แต่ปัญหาก็คือสถานะของไรเดอร์ในปัจจุบันไม่มี พ.ร.บ. ใดมาคุ้มครองดูแล
ไม่มีการควบคุมให้แพลตฟอร์มต้องดูแลสิทธิของแรงงานไรเดอร์ ทำจนตายก็ตายไป
แต่ก็ต้องเสี่ยงทำมาหากิน ถ้าไม่มีกฎหมายคุ้มครองก็ไม่มีอะไรมาดูแลรับประกันไรเดอร์ได้
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ในส่วนของมาลี
ซึ่งอยู่ในกลุ่มคนงานบริษัทยานภัณฑ์
ที่ถูกเลิกจ้างโดยนายจ้างไม่ได้จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย ระบุว่าในเวลานี้พนักงานทั้ง
859 คนที่ถูกเลิกจ้าง มีทั้งคนท้องและคนพิการที่ออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง
ชุมนุมกินนอนข้างถนนหน้าบริษัทมาได้ 2 เดือนแล้ว
และยังถูกนายจ้างฟ้องร้องว่าขัดขวางไม่ให้เข้าออกสถานที่ ผู้หญิงมีแรงต่อสู้
ไม่เคยยอมแพ้ย่อท้อในอุปสรรคที่เจอ การเรียกร้องสิทธิของผู้หญิง
แม้วันนี้จะยังไม่ได้รับสิทธิ แต่ก็จะยืนหยัดต่อสู้จนกว่าจะได้รับสิทธิ
ที่สำคัญคือตนอยากเห็นกฎหมายที่มีอยู่บังคับใช้ได้จริง
ให้นายจ้างนำเงินชดเชยมาจ่ายให้ลูกจ้างเมื่อถูกเลิกจ้างทันที
แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายอยู่แล้วแต่วันนี้ยังมองไม่เห็นผล
ถ้าจ่ายทันทีพวกตนคงไม่ต้องมานั่งประท้วงแบบทุกวันนี้
ในส่วนของศศินันท์ระบุว่า
จากประสบการณ์ตรงของตนในฐานะนักการเมืองหญิง ที่มีอายุน้อยด้วย
ยิ่งต้องใช้พลังในการพูดคุยและต่อสู้เรื่องต่างๆ เหมือนกัน เช่น พ.ร.บ.
แรงงานของพรรคประชาชนที่ถูกคว่ำไปในครั้งแรก แม้จะเป็นกฎหมายที่ดีมาก
แต่ลับหลังที่ตนได้ฟังมาจาก สส. พรรคอื่น
เวลาคุยกันไม่ได้มองว่ากฎหมายเป็นประโยชน์กับประชาชน
แต่มองในมุมแค่ว่ากฎหมายนี้จะทำให้พวกเขาที่หลายคนมีฐานะนายจ้างด้วยลำบากขึ้น
โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการลาคลอด
180 วัน ข้อกังวลส่วนใหญ่มองแค่ว่าถ้าให้ลาคลอดได้มากแล้วใครจะมาทำงาน
หรือจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย
ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันจบตั้งแต่เมื่อครั้งรณรงค์ให้มีการลาคลอดได้ 90
วันแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิง 100 คนจะคลอดพร้อมกันทั้ง
100 คน และไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนอยากท้องเพราะอยากลาคลอด
การลาคลอดเป็นเรื่องพื้นฐาน และเป็นสิ่งที่เราขอไม่ได้เยอะเลย แค่ 3-6 เดือน ถ้ามีลูกจริงๆ จะรู้ว่าการลาคลอด 3 เดือนไม่ใช่การลาคลอดด้วยซ้ำ
แต่เป็นการลาเพื่อให้ระบบร่างกายของแม่กลับฟื้นเป็นปกติ 3 เดือนหลังจากนั้นถึงจะเป็นช่วงที่แม่จะได้เริ่มให้นมลูกได้อย่างเต็มที่จริงๆ
การลาคลอด 6 เดือนจึงไม่ได้มากเกินไปกว่าที่รัฐจะให้ได้เลย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #วันสตรีสากล #สตรีสากล #พรรคประชาชน