วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

'เซ็นทรัลเวิลด์' เตรียมฉลองยิ่งใหญ่ 'เคาท์ดาวน์ 2024' บน Times Square New York


'เซ็นทรัลเวิลด์' เตรียมฉลองยิ่งใหญ่ 'เคาท์ดาวน์ 2024' บน Times Square New York


วันที่ 31 ธันวาคม 2566 นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 3 ชั่วโมง ก็จะถึงค่ำคืนวันเคาท์ดาวน์ โมเมนต์แห่งความสุข สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นที่ทุกคนรอคอยมาตลอดปี ไม่เพียงจัดเต็มเทศกาลความสุขในประเทศไทยเท่านั้น เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Times Square of Asia ยังร่วมโมเมนต์ความสุขส่งท้ายปี ฉลองพร้อมคนทั่วโลกใน Times Square - the Happiest Place in New Yok City เคานต์ดาวน์แลนด์มาร์กระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดี


ในปีนี้ภาพ “centralwOrld Bangkok Countdown 2024” ปรากฎอยู่บนจอ Times Square New York ย่านสำคัญใจกลางมหานครนิวยอร์ก สัญลักษณ์แห่งการเคานต์ดาวน์ระดับโลก โดยเป็นหนึ่งเดียวได้ร่วมส่งตรงความสุขจากเมืองไทยไปสู่สายตาชาวโลกติดต่อกันยาวนานถึง 5 ปี


คาดว่างาน centralwOrld Bangkok Countdown  จะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1 แสนคน ที่จะร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ พร้อมร่วมฉลองไปกับคอนเสิร์ตจากศิลปินดังที่มอบความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ เทียบเท่ากับ Times Square New York ย่านความบันเทิงที่เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของโลก และวินาทีก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ที่ยิ่งใหญ่ พลุตระการตา City-scene 180 องศา ผสาน Futuristic Fireworks พลุดิจิทัลสุดล้ำ บนจอ Panoramix ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมที่จะทำให้วินาทีแรกของวันที่ 1 มกราคม เป็นวินาทีความสุขสุดยิ่งใหญ่ข้ามปี


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #centralwOrld








เคานต์ดาวน์สะกดโลก “ไอคอนสยาม” แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา

 


เคานต์ดาวน์สะกดโลก “ไอคอนสยาม” แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา 


วันที่ 31 ธันวาคม 2566 “ไอคอนสยาม” แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา   จัดงาน Amazing Thailand Countdown 2024 สร้างปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์สะกดโลก ที่สุดแห่งปรากฏการณ์พลุรักษ์โลก! The Unrivaled Phenomenon of Siam ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี กับพลุจำนวน 50,000 ดอก ความยาว 9 นาที รวมระยะทาง 1,400 เมตร ตระการตาและยาวที่สุดในประเทศไทยบนโค้งน้ำที่สวยที่สุดของเจ้าพระยา เป็นผลงานความร่วมมือจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นและทีมงานมืออาชีพของไทย ภายใต้การดูแลของ “โอกุจิ โยชิมาซะ” ผู้กำกับการแสดงพลุมือทองระดับโลก ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสทั้งสีสันเต็มตาเต็มอารมณ์และรูปแบบของพลุที่มีความแปลกใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน


นอกจากนี้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติยังได้ตื่นตาตื่นใจกับที่สุดของปรากฏการณ์ความบันเทิงกับเวทีในรูปแบบเซ็นเตอร์สเตจ  และความสนุกจากการรวมตัวสุดยอดศิลปินไทย และโชว์สุดพิเศษของศิลปินK-Pop ระดับโลก “แบมแบม”, “ยูคยอม” และ”มาร์ค ต้วน” สุดท้ายประทับใจกับที่สุดแห่งการแสดง 3D Drone Celebration Show สุดอลังการเหนือผืนน้ำเจ้าพระยา ซึ่งทั้งหมดแสดงถึงความยิ่งใหญ่ให้แก่ประเทศไทย พร้อมทั้งอวยพรให้ทุกท่านก้าวสู่ปีแห่งความรุ่งโรจน์ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ICONSIAMCountdown2024







ศปถ.แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค.2566 มีผู้บาดเจ็บ 404 คน ผู้เสียชีวิต 37 คน สะสม 2 วันของ 7 วันอันตราย ผู้บาดเจ็บ รวม 739 คนผู้เสียชีวิต รวม 71 คน สาเหตุขับรถเร็ว ขณะที่ตายเป็นศูนย์มี 37 จังหวัด

 


ศปถ.แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค.2566 มีผู้บาดเจ็บ 404 คน ผู้เสียชีวิต 37 คน สะสม 2 วันของ 7 วันอันตราย ผู้บาดเจ็บ รวม 739 คนผู้เสียชีวิต รวม 71 คน สาเหตุขับรถเร็ว ขณะที่ตายเป็นศูนย์มี 37 จังหวัด


วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงข่าวศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ”


เกิดอุบัติเหตุ 385 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 404 คน ผู้เสียชีวิต 37 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 34.55 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 22.60 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.29 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรงร้อยละ 80.52 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.44 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.32


ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 9.61 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 20.63 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,774 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,408 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตาก (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ตาก (18 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่กรุงเทพมหานคร (4 ราย)


สรุป อุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (29 – 30 ธ.ค.66) เกิดอุบัติเหตุรวม 724 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 739 คน ผู้เสียชีวิต รวม 71 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 37 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ ขอนแก่น(31 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น และตาก (จังหวัดละ 30 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และปราจีนบุรี (จังหวัดละ 5 ราย)


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ 




วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

“พวงเพ็ชร” ชวนรับน้ำมนต์ประทานจากสังฆราช และสวดมนต์ข้ามปี พุทธมณฑลจัดใหญ่

 


“พวงเพ็ชร” ชวนรับน้ำมนต์ประทานจากสังฆราช และสวดมนต์ข้ามปี พุทธมณฑลจัดใหญ่ 


วันที่ 30 ธันวาคม 2566 นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 รัฐบาลมีกำหนดจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขให้กับประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ รวมถึงกิจกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวสำหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ วิถีพอเพียง” ณ บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ไปจนถึงช่วงเข้าวันใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประชาชนจะได้ร่วมพิธี ดังนี้


1. พิธีเจริญจิตตภาวนา รับฟังการบรรยายธรรม โดยพระรันตสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดไร่ขิง จ.นครปฐม พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพระมหาอดิศักดิ์ อธิปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล (วัดดอน) กรุงเทพมหานคร

2. พิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาพระพุทธรูปประจำวันเกิด

3. พิธีสวดมนต์ข้ามปี วิถีพุทธ วิถีพอเพียง รับศีล รับพร เข้าสู่ปีใหม่ด้วยใจเบิกบาน

4. การปฏิบัติธรรมข้ามปี ณ สำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567


นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานการ์ดพระคติธรรมอำนวยพรปีใหม่ 2567 จำนวน 5000 แผ่น มอบให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และยังทรงประทานน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร่วมพิธีในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี นอกจากนี้ยังประทานไฟพระกฤษ์เพื่อนำจุดเทียนชัยในการประกอบพิธีอีกด้วย


“กิจกรรมการสวดมนต์ข้ามปี เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอน มายึดถือ ปฏิบัติ ต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขใจ ซึ่งมีวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร และวัดไทยในต่างประเทศ ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดกิจกรรมทางศาสนาอื่น เช่น “อารามอร่าม 10 วัด” ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยจะเปิดไฟส่องสว่าง ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมความสวยงามและศิลปกรรมอันทรงคุณค่าในยามค่ำคืน ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร, วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดราชนัดดาราม วรวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร จึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ค่ะ“ นางพวงเพ็ชร กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์




รมช.คมนาคม และคณะ ตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการครบ 30 สถานี ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันนี้ เริ่มเก็บค่าโดยสาร 7 ม.ค. 67

 


รมช.คมนาคม และคณะ ตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการครบ 30 สถานี ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันนี้ เริ่มเก็บค่าโดยสาร 7 ม.ค. 67


วันที่ 30 ธันวาคม 2566 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) และนายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและทดลองเดินรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี (MRT สายสีชมพู) จากสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 (PK08) ถึง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) โดยมีนายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรม) รฟม. และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน ร่วมลงพื้นที่


นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยและได้มอบหมายให้ตนติดตามการดำเนินงานรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภายหลังเกิดเหตุรางจ่ายกระแสไฟฟ้า (Conductor rail) หลุดร่วงลงชั้นพื้นถนนและเกี่ยวสายไฟฟ้า บริเวณถนนติวานนท์ ระหว่างสถานีแคราย ถึง สถานีแยกปากเกร็ด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น


ในวันนี้ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและทดลองเดินรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูฯ จากสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 (PK08) ถึงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) เพื่อติดตามและตรวจสอบความเรียบร้อยในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการเร่งติดตั้งระบบรางจ่ายไฟให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหลังจากทดลองการเดินรถในวันนี้ ทางบริษัท NBM ผู้รับสัมปทานจะดำเนินการปรับรูปแบบการเดินรถในส่วนของสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึง สถานีกรมชลประทาน (PK05) โดยจะเปิดเดินรถแบบวิ่งไป-กลับทางเดียวก่อน (Shuttle) ส่วนสถานีอื่น ๆ จะเปิดใช้งานทางรถไฟฟ้าได้ทั้งสองฝั่งตามปกติ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม 2566


ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปปลายทางสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) และปลายทางสถานีมีนบุรี (PK30) จะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าที่สถานีกรมชลประทาน (PK05) โดยใช้ชานชาลาที่ 1 พร้อมกันนี้ ทางบริษัทผู้รับสัมปทาน NBM ได้ดำเนินการเปิดใช้ทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู กับรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เรียบร้อยแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ


อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกับ ขร. รฟม. และ NBM มีความเห็นร่วมกันว่า จะขยายระยะเวลาการเปิดทดลองให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากเดิม 2 มกราคม 2567 เป็นวันที่ 6 มกราคม 2567 ทั้งนี้ ในวันที่ 7 มกราคม 2567 จะเริ่มเก็บค่าโดยสารตั้งแต่สถานีกรมชลประทาน (PK05) ถึง สถานีมีนบุรี (PK30) และยกเว้นการเก็บค่าโดยสารในส่วนของสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึง สถานีสามัคคี (PK04) จำนวน 4 สถานี จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขรางจ่ายไฟแล้วเสร็จ โดยระหว่างนี้จะลดอัตราค่าโดยสารลง 15% จากอัตราปกติ ซึ่งจะมีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 13-38 บาท เพื่อคงไว้ซึ่งประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ สำหรับการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบนั้น กระทรวงคมนาคมจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยจะแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบต่อไป


ที่มา : สวพ.FM91


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รถไฟฟ้าสายสีชมพู




วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

“ศุภณัฐ” โต้ คำชี้แจง บขส.ไม่สะท้อนความเป็นจริงใน “หมอชิต 2” ย้ำ พบสารพัดปัญหา ชี้ เที่ยวเมืองรองไม่เกิด หากรัฐไร้การเหลียวแลสถานีหน้าด่านอย่างหมอชิต 2

 


“ศุภณัฐ” โต้ คำชี้แจง บขส.ไม่สะท้อนความเป็นจริงใน “หมอชิต 2” ย้ำ พบสารพัดปัญหา ชี้ เที่ยวเมืองรองไม่เกิด หากรัฐไร้การเหลียวแลสถานีหน้าด่านอย่างหมอชิต 2


วันที่ 29 ธันวาคม 2566 จากกรณีที่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ทำหนังสือชี้แจงข้อท้วงติงของศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 9 (หลักสี่ จตุจักร บางเขน) พรรคก้าวไกล เกี่ยวกับปัญหาภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือ “หมอชิต 2” ที่เสื่อมโทรมและไม่พร้อมให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดย บขส.ยืนยันว่า ลิฟต์ เครื่องปรับอากาศ และจุดดับเพลิงในสถานีขนส่งหมอชิต 2 ใช้งานได้ทุกจุด ยกเว้นบันไดเลื่อนที่มีอายุกว่า 26 ปีกำลังขาดแคลนอะไหล่ซ่อมแซม ขณะที่ห้องให้นมบุตรและห้องปฐมพยาบาลก็เปิดให้บริการตลอด เพียงแต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าใช้งาน เพื่อป้องกันอาชญากรรม 


ส่วนพื้นที่ทิ้งร้าง ขณะนี้ บขส.กำลังจะปรับปรุงเป็นศูนย์การเดินทางแห่งใหม่ (Transportation Hub) ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำผังและแบบการพัฒนาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ขณะที่ปัญหาแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ผิดกฎหมายก็ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลและบังคับใช้กฎหมายแล้ว


ต่อกรณีดังกล่าว ศุภณัฐให้ความเห็นว่า คำชี้แจงของ บขส.ไม่สะท้อนสภาพความเป็นจริงของหมอชิต 2 ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญอยู่ทุกวัน เช่น จากการลงพื้นที่เมื่อคืนนี้ ตนก็ยังคงพบว่าจุดดับเพลิงบริเวณชั้น 3 ไม่มีถังดับเพลิง ส่วนเครื่องปรับอากาศที่ชี้แจงว่ามีนั้น ก็มีเฉพาะในอาคารขายตั๋วโดยสาร แต่ที่ชานชาลาขึ้นรถซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนไปนั่งรอกันอย่างแออัด จนต้องนั่งบนฟุตบาท กลับไม่มี


ในส่วนของบันไดเลื่อนที่ บขส.ชี้แจงว่ามีอายุมาก และไม่มีอะไหล่มาซ่อมแซม ศุภณัฐกล่าวว่า บันไดเลื่อนที่หมอชิต 2 เสียมานานนับปีแล้ว โดยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา บขส.แจ้งว่าจะตั้งงบมาปรับปรุงซ่อมแซม แต่เวลาผ่านไป 8 เดือน เหตุใดจึงเพิ่งรู้ว่าบันไดเลื่อนไม่มีอะไหล่ แล้วขั้นตอนต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป ต้องจัดซื้อบันไดเลื่อนชุดใหม่ใช่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ บขส.ต้องชี้แจงกับประชาชนให้ชัดเจน ไม่ใช่ทำงานอย่างล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ และไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจนเช่นนี้


ในส่วนของห้องให้นมบุตรและห้องปฐมพยาบาล ศุภณัฐกล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วมีทีมงานของตนเข้าไปสำรวจ ทั้งสองห้องไม่เปิด แต่วันนี้ในช่วงเทศกาลกลับมาเปิดแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะเปิดให้ใช้เฉพาะในช่วงเทศกาล เพราะในวันปกติห้องปิดมืดสนิท ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำ ทั้งที่ห้องเหล่านี้ควรเปิดพร้อมให้บริการประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรจะต้องให้ประชาชนไปขอใช้บริการ


สำหรับพื้นที่ทิ้งร้าง ที่ บขส.ชี้แจงว่ากำลังจะปรับปรุงเป็นศูนย์การเดินทาง ศุภณัฐชี้ว่า จุดนี้ไม่ใช่แค่ไม่มีคนเช่า แต่พื้นที่ถูกทิ้งร้างจนมีคนไร้บ้านเข้าไปอาศัยอยู่ บขส.ทราบหรือไม่ว่ามีคนไร้บ้านบุกรุกเข้าไปแอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตน บขส.ได้ให้ความใส่ใจพื้นที่ของตน รวมถึงพี่น้องประชาชนผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหน


นอกจากนี้ยังพบปัญหาการโก่งราคาตั๋วในช่วงเทศกาล รวมถึงปัญหาแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ผิดกฎหมายก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะขากลับจากการเดินทางที่ผู้โดยสารถูกแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์มาดักรอตามทางเดิน เรียกเก็บค่าโดยสารแพงเกินจริง


ศุภณัฐกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่ประชาชน ทั้งที่เดินทางออกต่างจังหวัดและกลับเข้ามากรุงเทพฯ ต้องพบเจออยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งสะท้อนว่า บขส. รวมถึงกระทรวงคมนาคม ไม่ได้ลงมารับรู้และรับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชนเลย พร้อมตั้งคำถามว่า ในเมื่อสถานีขนส่งหมอชิต 2 คือ “หน้าด่าน” ของเมืองรอง การมีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่เสื่อมโทรมเช่นนี้ จะถือเป็นการทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเมืองรองหรือไม่ โดยเฉพาะเมืองที่ไม่มีเครื่องบินหรือรถไฟเดินทางไปถึง แล้วอย่างนี้ นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #หมอชิต2




“หมอชลน่าน” ห่วงใยประชาชนและบุคลากรในพื้นที่น้ำท่วม สถานบริการสาธารณสุขปิดบริการเกือบ 30 แห่ง เปิดศูนย์อพยพช่วยเหลือเกือบ 7,000 ราย เตือนเฝ้าระวังโรคระบาดในศูนย์อพยพ


หมอชลน่าน” ห่วงใยประชาชนและบุคลากรในพื้นที่น้ำท่วม สถานบริการสาธารณสุขปิดบริการเกือบ 30 แห่ง เปิดศูนย์อพยพช่วยเหลือเกือบ 7,000 ราย เตือนเฝ้าระวังโรคระบาดในศูนย์อพยพ 


วันนี้ (29 ธันวาคม 2566) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์อุทกภัย ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ช่วงระหว่างวันที่ 22 - 28 ธันวาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์ระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งเรื่่องการรักษาพยาบาล การดูแลในศูนย์อพยพให้พักอาศัยชั่วคราว พร้อมกับแสดงความเห็นใจและส่งกำลังใจไปถึงบุคลากรของกระทรวงในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก


ด้านกองสาธารณสุขฉุกเฉิน ได้รายงานล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม ว่า ขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มลดลงทุกจังหวัด อย่างไรก็ตาม มีรายงานผู้เสียชีวิตสะสม 12 ราย แบ่งเป็นนราธิวาส 8 ราย ยะลา 3 ราย และปัตตานี 1 ราย


น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า มีสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย จำนวน 34 แห่ง อยู่ในนราธิวาส 11 แห่ง ยะลา 12 แห่ง ปัตตานี 11 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาล 2 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 1 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 31 แห่ง ในจำนวนนี้ เปิดบริการปกติ 7 แห่ง เปิดบริการบางส่วน 1 แห่ง ปิดบริการ 26 แห่ง ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 1 แห่ง (ยะลา) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 25 แห่ง (ยะลา 11 แห่ง นราธิวาส 4 แห่ง ปัตตานี 10 แห่ง)


ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนกลางได้สนับสนุนยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย 8 รายการ จำนวน 4,200 ชุด ชุดยาแพทย์แผนไทย 372 ชุด จัดส่งแล้ว 1,200 ชุด อยู่ระหว่างดำเนินการ 3,372 ชุด พร้อมกันนี้ ได้ให้การดูแลประชาชนในศูนย์อพยพที่มีการเปิดเพิ่มขึ้นรองรับได้ 6,881 คน แบ่งเป็น นราธิวาส เปิด 30 แห่ง รองรับ 2,608 คน, ยะลา เปิด 3 แห่ง รองรับ 1,531 คน, สงขลา เปิด 1 แห่ง รองรับ 186 คน และปัตตานี เปิด 9 แห่ง รองรับ 2,556 คน ซึ่งได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังโรคระบาดในศูนย์ผู้อพยพเหล่านี้ด้วย นางสาวตรีชฎา กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงสาธารณสุข #น้ำท่วมภาคใต้

'ก้าวไกล' ยันไม่เกี่ยวข้องกลุ่มต้านรัฐบาลกัมพูชา หลังสื่อ ตปท.รายงานข่าวกลุ่มการเมืองกัมพูชา ร้อง 'เศรษฐา' ตรวจสอบกิจกรรมพรรคก้าวไกล

 


'ก้าวไกล' ยันไม่เกี่ยวข้องกลุ่มต้านรัฐบาลกัมพูชา หลังสื่อ ตปท.รายงานข่าวกลุ่มการเมืองกัมพูชา ร้อง 'เศรษฐา' ตรวจสอบกิจกรรมพรรคก้าวไกล


ตามที่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Khmer Times ของกัมพูชา รายงานว่า กลุ่ม Khmer Unity Great Nation Party (KUGNP) ซึ่งประกอบด้วย 7 พรรคการเมือง และ 6 องค์กรภาคประชาสังคมของกัมพูชา ได้เผยแพร่แถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ติดตามตรวจสอบกิจกรรมของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า “พรรคก้าวไกลได้ดำเนินการสนับสนุนกลุ่มที่มาจากขบวนการต่อต้านรัฐบาลในกัมพูชา และใช้ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เป็นที่หลบภัยสำหรับการโฆษณาชวนเชื่อ นั้น


ล่าสุด วันนี้ (28 ธ.ค. 66) พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข้อมูล จากกรณีมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคในประเทศกัมพูชาเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ตรวจสอบกิจกรรมของพรรคก้าวไกล ซึ่งให้การสนับสนุนและฝึกอบรมขบวนการต่อต้านรัฐบาลกัมพูชาในพื้นที่ประเทศไทย


พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยพรรคไม่เคยจัดหรือให้การสนับสนุนกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองในกัมพูชา 


ในเชิงหลักการ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลจะมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกอยู่เป็นประจำ เพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวคิดด้านประชาธิปไตยและการทำงานการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่เคยมีการทำข้อตกลงทวิภาคีกับกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ๆ


ความร่วมมืออย่างเป็นทางการของพรรคก้าวไกลกับพรรคหรือกลุ่มการเมืองต่างประเทศ จะอยู่ภายใต้ขอบเขตของการที่พรรคก้าวไกลเป็นหนึ่งในสมาชิกของเครือข่ายพรรคการเมืองสังคมประชาธิปไตยเอเชียแปซิฟิก (SocDem Asia Pacific) และเป็นส่วนหนึ่งของ Progressive Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายของพรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าในระดับโลก


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ทีมดิจิทัลก้าวไกลแปลงเอกสารงบ 67 เป็นไฟล์ Excel แจกประชาชน ฟิตข้ามปีใหม่เตรียมพร้อมอภิปรายงบ จัดเต็ม 3 วัน 3-5 ม.ค. ชำแหละรัฐบาล “วิกฤตแบบใด? ทำไมจัดงบแบบนี้”

 


ทีมดิจิทัลก้าวไกลแปลงเอกสารงบ 67 เป็นไฟล์ Excel แจกประชาชน ฟิตข้ามปีใหม่เตรียมพร้อมอภิปรายงบ จัดเต็ม 3 วัน 3-5 ม.ค. ชำแหละรัฐบาล “วิกฤตแบบใด? ทำไมจัดงบแบบนี้”

 

ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา หลังจากได้รับเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 (เล่มสีขาวคาดแดง) จากสำนักงบประมาณ กลุ่ม “ก้าว Geek” ทีมดิจิทัลของพรรคก้าวไกล และภาคประชาสังคมกลุ่ม WeVis ได้ร่วมมือกันแปลงเอกสารงบประมาณจากรูปแบบกระดาษหรือไฟล์ PDF จำนวน 13,427 หน้า มาเป็นไฟล์ตาราง Excel เพื่อให้ สส. และประชาชนที่สนใจสามารถนำตัวเลขไปวิเคราะห์ต่อได้ง่าย

 

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม “ก้าว Geek” กล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีงบประมาณที่ 3 แล้ว เพื่อส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบงบประมาณ โดยในปีนี้การแปลงเอกสารงบประมาณเป็นไฟล์ตาราง Excel ยิ่งมีความสำคัญ เพราะรัฐบาลให้เวลาฝ่ายค้านในการพิจารณางบประมาณเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ต่างจากการพิจารณางบในปีก่อน ๆ ที่มีเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ดังนั้น การมีไฟล์ตาราง Excel จะทำให้ สส. และประชาชนนำตัวเลขงบประมาณไปตรวจสอบและวิเคราะห์ต่อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า จากการเร่งระดมสรรพกำลัง ขณะนี้ทีมงานได้แปลงเอกสารงบประมาณปี 2567 เป็นไฟล์ตาราง Excel เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยประชาชนผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่ bit.ly/openbudget67 นอกจากนี้ ทีมงานกำลังเร่งแปลงเอกสาร พ.ร.บ.งบประมาณ 2 ปีย้อนหลัง คือ ปี 2565 และ 2566 ที่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ไปแล้ว มาเป็นรูปแบบไฟล์ตาราง Excel ด้วย โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเผยแพร่สู่ประชาชนได้ภายในสิ้นปีนี้

 

ณัฐพงษ์กล่าวย้ำว่า กิจกรรมระดมสรรพกำลังจากภาคประชาสังคมเช่นนี้แม้เป็นเรื่องที่ดี แต่จะไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลยหากสำนักงบประมาณจัดทำไฟล์ตาราง Excel ให้กับประชาชนตั้งแต่ต้น ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณปีถัดไป ตนจึงขอวิงวอนให้สำนักงบประมาณปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดทำเอกสารงบประมาณ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายร่วมกัน

 

ในด้านข้อสังเกตต่องบประมาณปี 2567 ณัฐพงษ์กล่าวว่า ถึงแม้จะเข้าใจได้ว่าการจัดทำงบประมาณในปีนี้มีความล่าช้ามากว่า 6 เดือน เพราะอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของการจัดตั้งรัฐบาล แต่ตนก็คาดหวังว่าจะได้เห็นรูปแบบการจัดทำงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไปจากรัฐบาลเดิม และสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ทั้งนี้ จากการติดตามการจัดทำงบประมาณผ่านคณะกรรมาธิการฯ มากว่า 3 เดือน รวมถึงการอ่านเอกสารที่แปลงออกมาเป็นตาราง Excel ในเบื้องต้น ณัฐพงษ์ตั้งข้อสังเกตว่า ยังไม่พบตัวอย่างนโยบายของรัฐบาลที่ถูกบรรจุไว้ในเอกสารงบประมาณอย่างชัดเจนมากนัก เช่น นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาล แต่กลับไม่ปรากฏการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนในเอกสาร

 

นอกจากนี้ ประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ งบประมาณปี 2567 เป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลลดลง โดยในช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 29.8 ซึ่งไม่เคยลดลง ส่วนมากจะเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่งบประมาณปี 2567 เป็นปีแรกที่สัดส่วนนี้ลดลงเหลือเพียง 29.1 จึงเป็นสัญญาณที่น่ากังวลต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

 

สุดท้ายนี้ ณัฐพงษ์ขอเชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันติดตามการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2567 โดยพรรคก้าวไกลมีธีมในการอภิปรายว่า “วิกฤตแบบใด? ทำไมจัดงบแบบนี้” นำโดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและวิเคราะห์งบประมาณอย่างละเอียด รวมถึงจัดสรรผู้อภิปรายให้เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานหนักข้ามปีใหม่ เพื่อตรวจสอบงบประมาณให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด

 

ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ย้ำว่า ในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก พรรคก้าวไกลไม่ได้มุ่งตรวจสอบหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องนำเสนอข้อเสนอด้วยว่า หากได้เป็นรัฐบาล พรรคจะจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร โดยในช่วงการอภิปรายงบประมาณปี 2568 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 พรรคก้าวไกลจะนำเสนอตัวอย่าง “ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเงา” เพื่อให้สภาฯ และประชาชนร่วมกันพิจารณาด้วย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล




ศาลธัญบุรีสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงโทษ “ฟ้า พรหมศร” คดี ม.112 เหตุร้องเพลงหน้าศาลเมื่อ 14 ม.ค. 64 ก่อนให้ประกันตัววงเงิน 3 แสนบาท ยกฟ้อง “แอมมี่ ไชยอมร”

 


ศาลธัญบุรีสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงโทษ “ฟ้า พรหมศร” คดี ม.112 เหตุร้องเพลงหน้าศาลเมื่อ 14 ม.ค. 64 ก่อนให้ประกันตัววงเงิน 3 แสนบาท ยกฟ้อง “แอมมี่ ไชยอมร”

 

ตามที่วันนี้ (28 ธันวาคม 2566) เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดฟังคำพิพากษาคดีของ พรหมศร วีระธรรมจารี หรือ “ฟ้า” จากกลุ่มราษฎรมูเตลู (จำเลยที่ 1) และ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ – The Bottom Blues” นักร้อง (จำเลยที่ 2) ในข้อหาหลักตามมาตรา 112 จากการปราศรัยและร้องเพลงหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 เรียกร้องให้ศาลปล่อยตัว “นิว” สิริชัย นาถึง นักศึกษาธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกจับกุมกลางดึกตามหมายจับในคดี 112

 

สำหรับคดีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า มีการสืบพยานในระหว่างวันที่ 27 – 28 เม.ย., 6 ต.ค., 21 ธ.ค. 2565 และ 27 ม.ค., 11 พ.ค., 16 ส.ค., 16 พ.ย. 2566 โดยไชยอมรยืนยันให้การปฏิเสธ ในขณะที่พรหมศรขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในการสืบพยานนัดสุดท้าย

 

โดยในเวลาต่อมา ศูนย์ทนายฯรายงานผ่าน X ว่า คำพิพากษาระบุโดยสรุปได้คือ

 

ฟ้า พรหมศร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงมีความผิดตาม ม.112 และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 100 บาท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ร้ายแรง แม้กระทำความผิดครั้งแรกก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอให้รอการลงโทษ

 

ขณะที่แอมมี่ ไชยอมร มีความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท และยกฟ้องมาตรา 112 เนื่องจากไม่ปรากฏว่า ร่วมกับฟ้าตระเตรียมการกระทำความผิดตาม ม.112 ไม่ปรากฏว่ามีการปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ จำเลยเพียงร้องเพลงและไม่ปรากฏว่าตระเตรียมกับพวกให้ร้องรับว่าอย่างไร พยานโจทก์ยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยที่ 2

 

ส่วน ข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จากการสืบพยานปรากฏว่าจำเลยทั้งสองไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุม จึงให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง แม้ฟ้าจะให้การรับสารภาพ

 

หลังฟังคำพิพากษา ทนายความยื่นประกันฟ้าระหว่างอุทธรณ์ ทันที

 

คืบหน้าล่าสุด ศูนย์ทนายความฯ รายงานเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 11.15 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีอนุญาตให้ประกัน "ฟ้า" พรหมศร ระหว่างอุทธรณ์ หลังพิพากษาจำคุก 2 ปี ในความผิดตาม มาตรา 112

 

ศาลกำหนดวงเงินประกัน 300,000 บาท ใช้หลักประกันเดิมที่วางไว้ในชั้นพิจารณา โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขประกันใด ๆ

 

ศูนย์ทนายความฯ ได้เพิ่มเติมด้วยว่า น่าสังเกตว่า ศาลจังหวัดธัญบุรีสั่งให้ประกันระหว่างอุทธรณ์โดยไม่ส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่ง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับประธานศาลฎีกาฯ 2565 ข้อ 24 ทำให้จำเลยได้รับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวในขณะที่คดียังไม่ถึงที่สุด

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112

นายกฯ เยี่ยมศูนย์บริการจัดการจราจร-อุบัติเหตุ ติดตามความพร้อมรับมือเดินทางปีใหม่ 67 มั่นใจมาตรการรักษาความปลอดภัย เตือนประชาชนระมัดระวังการดื่ม กลับไปใช้เวลามีค่ากับครอบครัว ฝากคนขับรถกลับวันที่ 1 ม.ค. ดื่มน้อย ๆ หน่อย

 


นายกฯ เยี่ยมศูนย์บริการจัดการจราจร-อุบัติเหตุ ติดตามความพร้อมรับมือเดินทางปีใหม่ 67 มั่นใจมาตรการรักษาความปลอดภัย เตือนประชาชนระมัดระวังการดื่ม กลับไปใช้เวลามีค่ากับครอบครัว ฝากคนขับรถกลับวันที่ 1 ม.ค. ดื่มน้อย ๆ หน่อย


วันนี้ (28 ธันวาคม 2566) ที่สำนักงานกรมทางหลวง ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการจราจร และอุบัติเหตุ เพื่อติดตามการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี


นายกฯ รับฟังการนำเสนอภาพรวมการบริหารจัดการช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 จากเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ซึ่งกระทรวงคมนาคมเปิดให้ใช้มอเตอร์เวย์จำนวน 5 เส้นทางฟรี ประกอบด้วยสายบางปะอิน-บางพลี, สายพระประแดง-บางขุนเทียน, สายบางใหญ่- กาญจนบุรี (ช่วงด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก-ด่านกาญจนบุรี), สายบางปะอิน - นครราชสีมา (ช่วงอำเภอปากช่อง - ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา) และสาย กรุงเทพฯ - ชลบุรี, พัทยา - มาบตาพุด


ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินไปเยี่ยมชมศูนย์บริการ ช่วยเหลือประชาชน Call Center โทร.1586 รับชมสถิติการโทรขอความช่วยเหลือช่วง 10 เดือนหลังที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีประชาชนโทรเข้ามาสอบถามเส้นทางการเดินรถ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมถนน บริเวณภาคใต้ ซึ่งเป็นคำถามที่โทรเข้ามามากที่สุด ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีคนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครมากที่สุดในช่วงวันที่ 29 ธันวาคม 2566 และจะเดินทางกลับมามากที่สุดในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2567


หลังจากรับฟังรายงานการเตรียมความพร้อมของกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม นายกฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เสียสละเวลาส่วนตัวมาทำงานอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมั่นใจว่า ในมาตรการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกของกรมทางหลวง แล้วอยากจะฝากประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา อยากให้กลับไปใช้เวลาที่มีค่ากับครอบครัวอย่างมีความสุข และระมัดระวังเรื่องการดื่ม หากเมาแล้วต้องไม่ขับ ส่วนขากลับก็ต้องระวัง ๆ กันหน่อยละกัน


ส่วนช่วงเฝ้าระวัง 7 วันอันตราย ก็เป็นห่วงตลอด ถ้าดื่มแล้วอย่าขับดีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากเมาแล้วขับ หรือแม้แต่ดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุไม่ควรจะขับรถแล้ว ขณะที่กระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมไว้ตลอด


ส่วนข้อกังวลการเดินทางกลับของประชาชนในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดวันหยุดราชการ อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะ เพราะหลายคนยังเมาค้างจากคืนส่งท้ายปีเก่า วันที่ 31 ธันวาคม อยู่ นายกฯ แสดงความเห็นว่า “ก็อย่างที่บอกไปว่าดื่มแล้วไม่ขับ หรือดื่มน้อยหน่อยก็ได้”


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐา #เมาไม่ขับ





ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สิน "เศรษฐา" รวยกว่า 1,020 ล้าน หนี้สิน 10 กว่าล้าน


ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สิน "เศรษฐา" รวยกว่า 1,020 ล้านบาท หนี้สิน 10 กว่าล้าน


วันนี้ (28 ธันวาคม 2566) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 13 คน โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 5 กันยายน 2566 มีทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรสรวม 1,020,468,727.46 บาท มีหนี้สินจำนวน 10,182,549.85 บาท


ซึ่งทรัพย์สินของนายเศรษฐา จำนวน 659,391,610.70 บาท ประกอบด้วย เงินสดจำนวน 1 ล้านบาท เงินฝาก 68,986,558.77 บาท เงินลงทุน 1,301,668.15 บาท ที่ดินมูลค่า 158,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 156,423,120 บาท ยานพาหนะ 50 ล้านบาท สิทธิ์และสัมปทาน 87,539,563.78 บาท 


นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่น 135, 740,700 บาท ประกอบไปด้วย นาฬิกา 38 เรือน มูลค่า 121,953,100 บาท เช่น นาฬิกา Patek Philippe 5470P -001 มูลค่า 30,000,000 บาทได้มาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 /พระเครื่อง -ตระกุด 6 องค์ มูลค่า 1,622,600 บาท / สร้อยคอทองคำ 1 เส้น 165,000 บาท และหีบหลุยส์วิตตอง x สุพรีม 1 ใบ 6 ล้านบาท และมีรายการหนี้สินเงินเบิกเกินบัญชีจำนวน 9,732,579 บาท


ด้านคู่สมรสคือ นางพักตร์พิไล ทวีสิน มีทรัพย์สิน 361,077,116.76 บาท ประกอบด้วย เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 47,023,391.63 บาท เงินลงทุน 52,352,913.61 บาท ยานพาหนะ 2,800,000 บาท สิทธิ์และสัมปทาน 845,511.52 บาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 256,255,300 บาท


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐาทวีสิน #ปปช

นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็ก 2567 "มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย"

 


นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็ก 2567


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 คือ


"มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย"


ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้โพสต์ที่เพจ เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ความว่า


“เด็กไทยเก่งครับ มีศักยภาพ มีความคิดดี และทันสมัย หน้าที่ของรัฐบาลคือการสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง


ผมอยากให้เด็กไทย Enjoy กับการใช้ชีวิตในวัยเด็ก แต่ขณะเดียวกันก็มีโลกทัศน์ที่กว้าง มีความเป็นไทยพร้อม ๆ กับมีความเป็นสากล เป็นพลเมืองของโลกที่สามารถเคารพความแตกต่างหลากหลายได้ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป


ตัวผมเองในฐานะผู้นำประเทศจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กไทยทุกคน ได้เติบโตขึ้นมาในประเทศที่งดงาม มีความสุข และมีโอกาสสำหรับอนาคตของทุกคนครับ”


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #วันเด็ก #คำขวัญวันเด็ก


“พวงเพ็ชร” ห่วง 219 วัดชายแดนใต้น้ำท่วม วัด พระ เดือดร้อน ติดตามช่วยเหลือด่วน ย้ำ ให้รายงานต่อเนื่อง

 


“พวงเพ็ชร” ห่วง 219 วัดชายแดนใต้น้ำท่วม  วัด พระ เดือดร้อน ติดตามช่วยเหลือด่วน  ย้ำ ให้รายงานต่อเนื่อง 


วันที่ 28 ธันวาคม 2566 จากสถานการณ์ฝนตกติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้น้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี ที่ประสบปัญหาหนักสุดในรอบ 50 ปี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงคณะสงฆ์และวัดวาอารามที่อยู่ในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เร่งดำเนินการสำรวจและประสานช่วยเหลือโดยด่วน


จากการสำรวจวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด จำนวน 219 วัด พบว่ามีวัดที่ประสบภัย จำนวน 35 วัด  ซึ่งพื้นที่ จ.นราธิวาส มีจำนวนวัดที่ประสบอุทกภัยมากที่สุด จำนวน 22 วัด จ.ยะลา จำนวน 53 วัด และ จ.ปัตตานี จำนวน 8 วัด มีจำนวนพระภิกษุและสามเณรผู้ประสบภัย จำนวน 94 รูป และแม่ชี จำนวน 2 คน ปัญหาที่ประสบเป็นน้ำท่วมขัง และน้ำท่วมสูงบริเวณวัดและเป็นพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน 


“สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ครั้งนี้ ถือว่ามีความรุนแรงและพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา ท่านนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบภัย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐได้บูรณาการความร่วมมือกันช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ในส่วนของวัดวาอารามและคณะสงฆ์ ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาสำรวจความเสียหายเร่งด่วน และดำเนินการประสานความช่วยเหลือไปยังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพายามยาม สภากาชาดไทย และทางจังหวัด เบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดถุงยังชีพนำถวายและให้ความช่วยเหลืออื่นตามที่จำเป็น พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ พศจ. ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และให้รายงานอย่างต่อเนื่อง” นางพวงเพ็ชร กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #น้ำท่วม #น้ำท่วมภาคใต้