วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

#พีมูฟ อ่านแถลงการณ์ทวงสิทธิจาก "ประวิตร" ต่อไป หลังร่วมประชุมกว่า 2 ชม. วาระไม่ตรงตามที่คุยกัน!

 


#พีมูฟ อ่านแถลงการณ์ทวงสิทธิจาก "ประวิตร" ต่อไป หลังร่วมประชุมกว่า 2 ชม. วาระไม่ตรงตามที่คุยกัน!


วันนี้ (31 ม.ค  65) หลังจากกลุ่ม #พีมูฟ ได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้อง 15 ข้อ ตามรายงานแล้วนั้น 


ต่อมา กลุ่มพีมูฟได้ออกแถลงการณ์ ต่อกรณีดังกล่าว ความว่า

.

แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)


เรื่อง พีมูฟทวงสิทธิ จากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ


เนื่องจากขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแก้ไข ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2565 ในวันนี้ โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในนามประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ชปสเป็นประธาน ผ่านระบบ Video Conference หารือข้อเรียกร้องเชิงนโยบายทั้ง 15 ข้อของ (ขปส.) โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงนั้น


(ขปส.) ประเมินว่าการประชุมดังกล่าว ไม่ใช่การเจรจาตามสิ่งที่ (ขปส.) ได้มีกระบวนการเตรียมการกันไว้ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พว เราได้ใช้เวลาในการจัดทำเอกสาร ข้อมูล และข้อเรียกร้อง ตลอดจนร่างมติคณะรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ถึง 2 วัน แต่สิ่งที่เราพบวันนี้ แม้จะมีการพูดคุยกันครบทั้ง 15 ข้อ แต่เราเห็นว่าวาระการเจรจาไม่เป็นไปตามสิ่งที่พวกเราได้เสนอและจัดทำร่วมกันมีข้อเรียกร้องเดียวที่มีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน คือข้อเรียกร้องว่าด้วยการยกระดับแนวทางการ จัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน ให้เป็นหนึ่งในแนวทางการจัดการที่ดินตามพระราชบัญญัติ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รับหลักการว่าจะนำเข้าสู่การประชุมแจ้งต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในวันพรุ่งนี้ ส่วนข้ออื่นๆ นั้นกลับไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ได้แก่ เรื่องการ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ การตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแก้ไขกฎหมายป่าไม้ 3 ฉบับ และกฎหมาย ลำดับรอง กรณีการดำเนินงานขององค์การบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) การผลักดันกฎหมาย เพื่อนิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้ของคนจน การผลักดันรัฐสวัสดิการ แก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาของรัฐ การ ผลักดันกลไกใหม่ในการผลักดันแนวนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนั้น การแก้ไขปัญหาของ ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ยังไม่คืบหน้าแต่อย่างใด (ขปส.) ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเรียกร้องใดที่เป็นแนวนโยบายใหม่ คณะกรรมการมีท่าทีจะไม่รับเรื่อง พยายามผลักดันให้เข้าสู่กลไกการแก้ไขปัญหาของคณะอนุกรรมการฯ ของแต่ละกระทรวง ซึ่งยังไม่มีกรอบ เวลาชัดเจนว่าจะดำเนินการหารือแก้ไขปัญหาเมื่อไร จะส่งผลต่อกรอบเวลาการนำเข้าพิจารณาใน คณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบตามที่ (ขปส.) ได้ยืนยันตั้งแต่วันแรกของการชุมนุม ว่าอาจไม่สามารถเกิดขึ้นจริง ได้หากแนวทางยังเป็นเช่นนี้


(ขปส.) ขอตำหนิการจัดทำวาระการประชุมของหน่วยงานที่เป็นเลขานุการที่จัดทำวาระไม่ตรงตามที่ เตรียมการร่วมกัน ตลอดจนขอประกาศจุดยืนว่าเราจะยังคงติดตาม “ทวงสิทธิ” ของพวกเราต่อหลังจากนี้


#พีมูฟ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์





สมยศ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง กสม. กรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการยื่นหนังสือหน้าUNในวันสิทธิมนุษยชนสากล

 


สมยศ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง กสม. กรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการยื่นหนังสือหน้า UN ในวันสิทธิมนุษยชนสากล เมื่อ 10 ธ.ค. 64


วันนี้ (31 ม.ค. 65) เวลา 12.40 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เดินทางมาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายหลังกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ทำกิจกรรมยื่นหนังสือต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่หน้าอาคารสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก เมื่อ 10 ธ.ค. 64 ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล นั้น 


เวลา 13.00 น. กลุ่มฯ ได้เข้ายื่นหนังสือพร้อมชี้แจง โดยมี น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้รับเรื่อง และให้คำแนะนำ ภายในห้องเสวนา 2 สนง.กสม. ชั้น 6 ศูนย์ราชการ อาคารบี 


เวลา 13.10น. น.ส.ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า กรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายหลังกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ทำกิจกรรมยื่นหนังสือต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่หน้าอาคารสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก เมื่อ 10 ธ.ค. 64 มีผู้ถูกหมายเรียกดำเนินคดี จำนวน 6 คน โดยการเรียกร้องของกลุ่มฯ เพียงเเค่ต้องการ ยื่นหนังสือแต่กลับถูกดำเนินคดี ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน 


ด้านนายเจษฎา ศรีปลั่ง กล่าวว่า ตนและนักกิจกรรมคนอื่น ๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องด้านปากท้องของประชาชน กลับถูกดำเนินคดี ซึ่งบางกิจกรรมไม่สมควรถูกดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ติดตามถ่ายภาพรายงาน จึงมาร้องให้ กสม.ช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรมในด้านสิทธิมนุษยชนว่าการกระทำของ เจ้าหน้าที่รัฐ กระทำด้วยการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกตนหรือไม่ 


ขณะที่น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ระบุว่าอยากให้ กสม.วินิจฉัยว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นการละเมิดคุกคามหรือไม่ ก่อนวันที่ 17 ก.พ.นี้ เนื่องจากทางตำรวจจะส่งฟ้องต่อศาล


ด้านนายสมยศ ระบุว่าอยากให้ กสม. เร่งตรวจสอบ และวินิจฉัยประเด็นการยื่นร้องของกลุ่มอย่างจริงจัง เนื่องจากการทำกิจกรรมของกลุ่มตนถูกติดตามคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาโดยตลอด 


ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 4 นาย จาก สน.ในพื้นที่ คอยติดตามดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด 


โดยน.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้แจ้งเตือน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่คอยติดตาม ให้หยุดลิดรอนสิทธิส่วนบุคคล หรือกลุ่ม


นอกจากนี้ น.ส.ศยามลฯ ยังรับปากว่าจะช่วยประสานไปยัง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.) ให้หยุดพฤติกรรมติดตามในลักษณะคุกคาม กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อเป็นการเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกันต่อไป 


ต่อมาเวลา 14.15  น. หลังชี้แจงภายในห้องเสวนา 2  กว่า 1 ชั่วโมงโดยทาง กสม.ได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะทราบผลก่อนวันที่  31 เม.ย. 65 นี้ โดยประสานแจ้งความคืบหน้าให้กับทางกลุ่มฯทราบต่อไป 


จากนั้นเวลา 14.30 น. ได้แยกย้ายเดินทางกลับ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หยุดคุกคามประชาชน











#พีมูฟ ประชุมกับภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหา โดยมี พล.อ.ประวิตรฯ เป็นประธาน ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ขณะที่กลุ่ม คปสม. เสวนทสลับกันปราศรัยถึงความเดือดร้อน!

 


#พีมูฟ ประชุมกับภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหา โดยมี พล.อ.ประวิตรฯ เป็นประธาน ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์


เช้าวันนี้ (31 ม.ค. 65) เวลา 10.05 น. ที่ สนง.กพ.  กลุ่ม #พีมูฟ  เริ่มประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหากลุ่มฯ ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสนง.กพ. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานการประชุม (ผ่านระบบ VDO CONFERENCE) 


สรุปการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้


1. ยกระดับโฉนดชุมชน

ธีรเนตร ไชยสุวรรณ : เราได้มีการผลักดันครั้งที่ 1 ท่านประธานเองที่ได้รับปากจะเดินหน้าโฉนดชุมชนอยู่ มี 486 ชุมชน ในการนำเสนออยากให้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มาตรา 10 (4) ถ้าได้มีการจัดให้มีโฉนดชุมชนก็จะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้อง 

** พล.อ.ประวิตร : เห็นชอบในหลักการว่าให้ยกระดับโฉนดชุมชนเป็นรูปแบบหนึ่งในมาตรา 10 (4) มอบหมายให้ ส.คทช. รับไปเพื่อยกระดับการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชนให้เป็นรูปแบบหนึ่งของ คทช. ต่อไป ส่วนเรื่องการไปเปิดงานมหกรรมโฉนดชุมชนที่ภูเก็ตให้อนุกรรมการฯ ดำเนินการ ให้เอาเรื่องทั้งหมดให้ ครม. รับทราบเลย ดำเนินการได้แค่ไหนก็ให้ ครม. รับทราบในวันพรุ่งนี้

สุริยันต์ : โฉนดชุมชนเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ชุมชนมีอำนาจในการจัดการที่ดินและทรัพยากร แต่ที่ผ่านมารัฐไม่ได้ให้ความสำคัญ การทำงานของ คทช. มาตรา 10 (4) ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เพื่อไม่ให้มีข้อกังวล อยากให้เข้า ครม. เห็นชอบ

**พล.อ. ประวิตร : ยืนยันให้เข้า ครม. เห็นชอบ


2. นิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้

สุริยันต์ : ปัญหาของคนจนที่เกิดจากนโยบายและโครงการของรัฐ ทำให้คนจนยังทุกข์ถึงปัจจุบัน ได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงยุติธรรม ได้ทำร่างเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมกฎหมายเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาคนจนได้อย่างเร่งด่วน รัฐจึงควรมีมิตรการเร่งด่วนในการออก พ.ร.ก.นิโทษกรรม ให้คุ้มครองบุคคล 2 ส่วน หนึ่งคืออยู่ในข่ายที่จะถูกรัฐหรือเอกชนแจ้งความ ให้ยุติ สองคือบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหา จำเลย ให้ชะลอกระบวนการต่าง ๆ ไว้ก่อน ถ้าเรามีนโยบายที่ชัดเจนแล้ว เพื่อให้การดำเนินการใด ๆ ไม่กระทบต่อประชาชน จนกว่าจะมีกฎหมายให้เกิดการนิรโทษกรรม

** พล.อ.ประวิตร : มอบหมายให้อนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม และคณะทำงานด้าน พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ไปศึกษาระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและต่างประเทศ มอบหมายให้นายอนุชา นาคาศัย นำข้อเสนอของ ขปส. ไปหารือกับ รมว. ยุติธรรม เพื่อพิจารณาจัดทำ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมฯ ตามนโยบายของรัฐต่อไป อันไหนเป็นมติให้ดำเนินการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการโดยทันที มีมติแล้วไม่ทำอะไร ไม่ได้ มติต้องเป็นมติ จบไปแล้วไม่ใช่มารื้อฟื้นอีก ต้องเร่งรัดตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามที่รัฐบาลและ ขปส. ต้องการ

** อนุชา : ระบปฏิบัติตามคำสั่งการของท่านประธาน รับปากว่าจะไปทำให้มีข้อยุติ กระจ่างชัดแจ้งต่อสังคมและประเทศไทย รัฐและราษฎรต้องไปด้วยกัน

** กระทรวงยุติธรรม : เรื่องการร่าง พ.ร.ก.นิโทษกรรมฯ ต้องแก้องค์ประกอบ เดิมมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานคณะทำงานร่าง เมื่อมีการประชุมครั้งที่แล้วได้เสนอให้เป็น รมว. ยุติธรรมเป็นประธาน ที่ประชุมเห็นชอบมติ เนื่องจากอนุฯ ศึกษาด้านคดีก็มี รมว. ยุติธรรมอยู่แล้ว ก็ให้มาอยู่ในคณะชุดนี้และเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่


3. ทบทวนร่างกฎหมายลำดับรองประกอบ พ.ร.บ.อุทยานฯ และ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และมติ ครม. 26 พ.ย. 61 รวมถึงตั้งคณะทำงานแก้กฎหมายป่าไม้ 3 ฉบับณัฐวุฒิ : ที่มาที่ไปของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่อนุรักษ์ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10 ล้านคน ในระหว่างการร่างกฎหมายก็ได้มีการเสนอร่างของประชาชน นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยว่าเป็นกฎหมายการเงิน หลังจากนั้นก่อเกิดผลกระทบจากการสำรวจของกรมอุทยานฯ ทำให้ประชาชนกลายเป็นผู้บุกรุก ต้องขออนุญาตอยู่และทำกินในระยะเวลา 20 ปี ขัดแย้งต่อนโยบายของรัฐบาลที่บอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สองคือ กฎหมายลำดับรอง กระบวนการการมีส่วนร่วมในการรับฟัง ภาคประชาชนได้เสนอกระบวนการที่รอบด้าน แต่ก็ไม่ได้มีการมีส่วนร่วมมากนัก อยากเสนอให้มีคณะทำงาน 3 ชุด พิจารณา 3 เรื่อง คือ กฎหมายแม่ กฎหมายลำดับรอง และมติ ครม. 26 พ.ย. 61

** พล.อ.ประวิตร : มอบหมายให้อนุกรรมการฯ ทส. รับไป พิจารณาเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในป่าเป็นสำคัญ มอบหมายให้ รมว. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย นำข้อเสนอของ ขปส. ไปหารือกับ รมว. ทส. เพื่อรับไปพิจารณาแนวทางในการดำเนินการทบทวนกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ และมติ ครม. 26 พ.ย. 61

** อนุชา : ได้คุยกับปลัด ทส. ผู้เกี่ยวข้องโดยตรง และรองปลัด ทส. มีข้อสรุปว่าในส่วนของ พ.ร.บ. และกฎหมายรองทั้ง 3 ฉบับที่ทาง ขปส. เรียกร้องให้มีการชะลอนี้ ทาง ทส. บอกว่าไม่อาจชะลอได้ เพราะกระบวนการร่างกฎหมายต้องดำเนินต่อไปตามระบบ จึงสรุปว่าเราจะมาคุยกันพร้อมกับการร่างกฎหมายลำดับรองร่วมกัน เพื่อจะได้สรุปถึงข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นไม่ตรงกันระหว่าง ขปส. และ ทส. ท่านบอกว่ามีข้อกฎหมายที่ประชาชนเรียกร้องเพิ่มมาเรื่อยๆ ทส. ตามไม่ทัน อยากขอความเห็นใจจากเราด้วย การแก้กฎหมายไม่ได้ง่ายหรือรวดเร็วตามที่เราคิด

** พล.อ.ประวิตร : ตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นเพื่อตรวจสอบโดยเร่งด่วน ให้อนุชาตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นตรวจสอบ ทำให้เร็ว ตรวจสอบโดยเร็ว

** สรุป : ให้ตั้งอนุกรรมการฯ ตรวจสอบกฎหมายดังกล่าว และต้องประชุมโดยเร็ว ถ้าเป็นเย็นนี้ได้จะดี รวมทั้งมอบหมายให้ อนุฯ ทส. รับไปดำเนินการ


4. ชุมชนที่ดินการรถไฟ

คมสันติ์ จันทร์อ่อน : อยากขอเป็นมติวันนี้เลย ว่าการรถไฟสามารถทำได้หรือไม่ ตอนนี้เหมือนจะกลับมาพิจารณารายกรณี แต่เราเสนอกรอบนโยบายว่ามติบอร์ด 13 ก.ย. 43 จะช่วยคนทั้งประเทศ ถ้ามาพิจารณารายกรณีจะเสียเวลามาก อันที่สองคือเรื่องคดีความ จะให้ทาง รฟท. นำแนวปฏิบัติของอนุกรรมการฯ ของคมนาคม ในเรื่องการแก้ปัญหาคดีความที่ยังไม่สิ้นสุดความให้มีการเช่าชั่วคราว ส่วนที่สิ้นสุดแล้ว ระหว่างให้พี่น้องย้าย หาพื้นที่รองรับในชุมชนใกล้เคียงกัน ย้ำว่าไม่ตรงกับรายงานที่ สปน. รายงาน

รฟท. : เห็นด้วยกับคุณคมสันติ์ ตามเอกสารที่รับมา มองว่าเนื้อหาไม่ตรงตามที่คมสันติ์กล่าวไว้ ฝากทางเลขาให้สรุปตามเอกสารตัวนี้

** พล.อ.ประวิตร : มอบหมายให้อนุฯ คมนาคม ตรวจสอบที่ดิน ที่อยู่อาศัยในที่ดิน รฟท. เพิ่มเติม ให้ดำเนินการตามข้อเสนอของ ขปส. มอบหมายให้ รฟท. ไปหารือร่วมกัน ขปส. เพื่อเร่งรัดให้แก้ไขปัญหาเป็นรายกรณี มอบหมายให้คมนาคม รฟท.  พม. และ พอช. ไปพิจารณาทำเรื่องเสนอ ครม. ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป


5. ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ ขปส.: ตอนนี้มี 5 ร่างกฎหมาย ร่างรัฐบาลมอบหมายให้ ศมส. เป็นเจ้าภาพ ร่างที่สองของพรรคก้าวไกล ร่างที่สามของสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ร่างที่สี่คือกรรมาธิการฯ ร่างที่ห้าคือภาคประชาชน เข้าชื่อ 16,559 รายชื่อต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากนั้นได้มีหนังสือจากสภาฯ แจ้งว่ากฎหมายที่ประชาชนนำเสนอเข้าข่ายร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน ให้นายกรัฐมนตรีรับหลักการ ลงนามรับรองร่างฉบับนี้เพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

** พล.อ.ประวิตร : รับหลักการโดยการมอบหมายให้ วฒ. และ ศมส. รับไปเร่งรัดดำเนินการผลักดันร่างกฎหมายฉบับ ศมส. และร่างฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีลงนาม จะดำเนินการตามที่ว่า รับหลักการในการที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ. ที่บอกมา ให้อนุฯ ไปดำเนินการด้วย แล้วให้นายกรัฐมนตรีลงนาม สุดแล้วแต่ท่านนายกฯ จะลงนามหรือไม่ต่อไป

###วาระเพิ่มเติม กรณีคดีทวงคืนผืนป่าห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน 

สนง.พนักงานอัยการสูงสุด : ส่งสำนวนให้ไปแยกสำนวนมา อยู่ในการดำเนินการของ สนงพนักงานอัยการจังหวัดน่าน 

ขปส. : ควรจะมีความเห็นว่าคดีนี้ควรสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลเข้าข่ายคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557

** พล.อ.ประวิตร : ให้อัยการดำเนินการตามกระบวนการของเขา คุณไปบังคับเขาไม่ได้ ให้เขารับไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

** วาระที่ สปน. จัดทำกำลังพาหลงประเด็นเข้ารายกรณี ไม่ยึดตามวาระ 15 ข้อเร่งด่วนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ซึ่งจะทำให้เสียเวลาการพิจารณาข้อเรียกร้องเชิงนโยบายที่เป็นข้อเรียกร้องที่เรายืนยันตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2565

** พล.อ.ประวิตรไม่ยอม ให้เจรจาไปตามรายกรณีตามวาระที่ สปน. จัดทำมาผิดพลาดเข้าสู่วาระเร่งด่วนกรณีนายซาโหด เกาะตาครุฑ จังหวัดระนอง

** พล.อ.ประวิตร : มอบหมายให้อนุฯ ทส. ติดตามแก้ไขปัญหา

ขปส. :  ต้องการให้มีมติจากคณะกรรมการฯ ชุดนี้ว่าคดีจะยุติ เพราะที่ผ่านมายังดำเนินการต่อ

** พล.อ.ประวิตร : เราต้องทำตามระเบียบราชการ ให้พนักงานอัยการสูงสุดเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ ยังยุติคดีไม่ได้เพราะอยู่ในขั้นกระบวนการยุติธรรม

ขปส. : จริง ๆ เราเคยพิจารณาในชุดที่ท่านวิษณุเคยเป็นประธาน เรื่องนี้สามารถทำเรื่องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ชะลอหรือยุติคดีได้ด้วยเงื่อนไขผู้ยากไร้ ศาลบอกว่าอยากให้มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดช่องทางในการนำความเห็นเข้าสู่ศาลให้เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านมากที่สุด ให้อนุชาคุยกับ รมว. ยต. ว่ามีช่องทางไหนทำความเห็นไปที่ศาลว่าส่วนนโยบายก็มีการแก้ปัญหา

** นายอนุชาฯ ขอรับไปดำเนินการไปดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อยุติ เสนอต่อกระบวนการยุติธรรมต่อไป 

## กรณีนางแสงเดือน ตินยอด อ.งาว จ.ลำปาง

** พล.อ.ประวิตร : มอบหมายให้อนุฯ ทส. พิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อไป

ขปส. : ต้นยางถูกตัด ไม่มีเงินไปประกันตัว หนี้สินจากภาระการดำเนินคดี ให้ อนุฯ ทส. ไปหาแนวทางเยียวยาผลกระทบด้วย

## กรณีบ้านทับยาง จ.พังงา

** พล.อ.ประวิตรฯ มอบหมายให้อนุฯ สาธารณประโยชน์และที่ดินปล่อยทิ้งร้างให้มีข้อยุติโดยเร็ว


6. โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน และการดำเนินงานของ บจธ.

** พล.อ.ประวิตรฯ รับประเด็นของ ขปส. ไปศึกษาหาแนวทางตามโมเดลนำร่องธนาคารที่ดิน 5 พื้นที่ มอบหมายสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาในประเด็นขอรับการจัดการ จัดซื้อที่ดินของ บจธ. แล้วรายงานผลให้รัฐบาลรับทราบต่อไป รวมถึงเรื่องแก้บอร์ด บจธ. ย้ำว่า บจธ. ทำได้


7. เรื่องสิทธิสถานะ

** พล.อ.ประวิตรฯ มอบหมายให้อนุฯ สิทธิสถานะดำเนินการ


8. กรณีโครงการของรัฐที่กระทบต่อชุมชน

 ** พล.อ.ประวิตรฯ มอบหมายอนุฯ กษ. ให้มีกรอบรายงานที่ชัดเจน รายงานผลต่อไป


9. รัฐสวัสดิการ

ขปส. : ได้ดูจากมติที่ประชุม คิดว่ายังไม่ได้ตรงกับข้อเรียกร้องทั้ง 15 ข้อเรียกร้องของเรา ในส่วนของ ขปส. ยืนยันตามข้อเรียกร้องเดิม ยืนยัน 9 ด้านทั้งหมด ที่เรานำเสนอเรื่องนี้เนื่องจากว่าในสถานการณ์โควิด-19 คนยากจนมีเพิ่มเกือบ 5 ล้านคนแล้ว หนี้สินครัวเรือนของเราเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของ GDP คนว่างงาน 8 แสนกว่าคน เราจึงคิดว่าข้อเสนอทั้ง 9 ด้านของเรามีความสำคัญในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งหมด มีเรื่องเร่งด่วนประมาณ 2 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับกลไกการแก้ไขปัญหาด้วยเหมือนกัน เรื่องแรกคือเรื่องนโยบายบำนาญประชาชน การที่เราจะยกรดับเบี้ยยังชีพของประชาชน พวกเราได้ทำกฎหมายขึ้นมาเพื่อนำเสนอว่าเราจะทำระบบบำนาญประชาชน ปัจจุบันกฎหมายฉบับนี้ กมธ. ได้พิจารณาเสร็จแล้วร่วมพรรคการเมืองทุกพรรค เราจึงนำเสนอเรื่องเร่งด่วนว่า กฎหมายมาถึงท่านนายกรัฐมนตรี ก็อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีลงนามรับรองต่อไป 

** ทั้งนี้อยากให้ชะลอกฎหมายของ พม. ที่มีแนวทางที่ยกเลิกเบี้ยยังชีพแบบถ้วนหน้าให้เป็นแบบสังคมสงเคราะห์ และอนุกรรมการฯ ผู้สูงอายุที่จะจ่ายเบี้ยยังชีพแค่กับคนยากจนเท่านั้น เราขอให้ชะลอหรือยุติแนวทางการดำเนินการไปก่อนเพราะจะเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน สอง เรื่องเร่งด่วน เงินสวัสดิการ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็ก ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับกลไก ฝ่ายเลขาของกระทรวงการคลังก็นำเสนอมา ในกรณีเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้ง 9 ด้าน แต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังก็ได้มีการนำเสนอพิจารณาที่มีกลไกติดตามเรื่องนี้ เราเห็นว่าที่เกี่ยวกับของ พม. เราเสนอให้ตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมาอีกชุดภายใต้คณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งท่านอนุชาก็รับจะดำเนินการเรื่องนี้

** สรุป: ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณา


10. กลุ่มแม่สอดรักษ์ถิ่น

กระทรวงการคลัง : ควรตั้งกรรมการ แต่ให้ สปน. เป็นคนตั้งได้หรือไม่ เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นคู่กรณีในศาล เพิ่อให้เกิดการตรวจสอบ คิดว่าใช้หลักของการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มี สปน. เป็นผู้ตรวจสอบเอง

** พล.อ.ประวิตรฯ ให้กระทรวงการคลังพิจารณา อำนาจหน้าที่เป็นของกระทรวงการคลัง กรณีย่อย ข้อเสนอเชิงนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

10.1 ยุติทวงคืนผืนป่า มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ภายใต้กรอบกฎหมายต่อไป

10.2 มาตรการคุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน โยนเข้า คทช.

10.3 ทบทวนมติ ครม. 26 พ.ย. 2561 โยนเข้า คทช.

10.4 ทบทวน พ.ร.บ.ป่าไม้ 3 ฉบับ โยนเข้า คทช. รับหลักการให้มีคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบ

10.5 มติ ครม. 2 มิ.ย. 2553 และ มติ ครม. 3 ส.ค. 2553 โยนเข้า คทช.


11. สัดส่วนคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน

11.1 คณะอนุกรรมการประสาน เร่งรัด ติดตาม การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน รับหมด 

11.2 คณะทำงานศึกษาร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรม รับหมด

11.3 คณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน รับหมด

11.4 คณะอนุกรรมการกะเหรี่ยงชาวเล ให้เพิ่มผู้แทน วฒ. และ คทช. เข้าเป็นอนุกรรมการ


## สรุป: มอบหมายให้อนุชา นาคาศัย ไปดำเนินการหารือสัดส่วนคณะอนุกรรมการและอนุทำงาน ซึ่งจะรีบดำเนินการ มีการเสนอว่าให้มีกรอบเวลา 7 วัน ได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายเลขาไปพิจารณา


12. ให้ ครม. มีมติเห็นชอบพัฒนาสาธารณูปโภคในที่ดินทุกประเภท

ขปส. : เราอยู่ในที่ดินของรัฐ ไม่มีประปา ไฟฟ้า ถนน ทะเบียนบ้าน อยากให้มีหลักประกัน ครอบคลุมทุกพื้นที่ของ ขปส. และชุมชนอื่นๆ ที่อยู่ในที่ดินของรัฐ รวมทั้งพื้นที่ที่มีข้อพิพาทด้วย

** พลเอกประวิตรฯ มติที่จะเข้า ครม. ต้องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบ เราจะนำปัญหาให้ ครม. รับทราบได้ แต่การเห็นชอบต้องผ่านกระทรวงมหาดไทยก่อน ถ้าเป็นมติกว้างๆ จะไม่เห็นผล

** ปลัด ทส. : ทส. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้รวบรวมข้อมูลมาแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการ 24 กรณี ส่วน 29 กรณีให้ไปหาเจ้าภาพ เช่น ท้องถิ่น การประปา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนทาง ทส. จะดูแลพี่น้อง มอบหมายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ขปส. : ถ้าเป็นนโยบาย ให้คณะกรรมการเห็นชอบ ส่วนระดับการทำงาน ให้แต่ละหน่วยงานดำเนินการแล้วจัดประชุม เช่น ทสง ส่วนกระทรวงอื่นๆ ให้อนุชาติดตามการแก้ไขปัญหา 9 ด้านจัดประชุมว่าแต่ละเรื่องคืบหน้าอย่างไร หารือเพื่อให้ ครม. เห็นชอบ

** พล.อ.ประวิตรฯ ผมสั่งการไปที่หน่วยงานรับไปดำเนินการโดยตรงแล้ว ถ้าเร่งด่วนจะทำให้เร่งด่วน เพราะเป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐาน อะไรที่เร่งได้ก็เร่งไป (กระทรวงทรัพยากรฯ + กระทรวงมหาดไทย) ทั้งนี้กรณีชาวเลเกาะจำ จ.กระบี่ มอบหมาย ทส. ไปดำเนินการ


13. แก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทุกประเภท

ขปส. : อยากให้เกิดกลไกการหารือปัญหารายกรณีด้วยภายใน 2-3 วันนี้

** พล.อ.ประวิตร : ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไปดำเนินการแล้วรายงานไปที่นายอนุชา นาคาศัย แล้วรับไปดำเนินการต่อ ตนเป็นคนกำหนดเวลาการประชุมไม่ได้ อนุฯ แต่ละกระทรวงต้องกำหนดเอง ผมทำได้แค่เร่งรัด ถ้าขัดข้องก็ให้รายงานคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่


14. แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและกะเหรี่ยง

** พล.อ.ประวิตรฯ  มอบหมายให้อนุฯ กะเหรี่ยงชาวเล พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการยกระดับการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หากสมควรให้มีการยกระดับการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าว และให้พิจารณาองค์ประกอบและบทบาท จัดทำร่างคำสั่งดังกล่าวแจ้งให้คณะกรรมการฯ รับทราบ นำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาต่อไป

ขปส. : เรื่องมติ ครม. เป็นเรื่องวัฒนธรรม แต่อนุฯ ของกะเหรี่ยงชาวเลเป็นแค่เรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่มันมีปัญหาหลายเรื่อง เช่น เรื่องการศึกษา เรื่องคุณภาพชีวิต ควรให้ สปน. หารือกับ ขปส. ไม่ต้องไปย้อนไปที่ ทส.

** พล.อ.ประวิตรฯ มอบหมาย สปน. รับผิดชอบ


15. แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระแก้ปัญหากะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และคดี

ขปส. : เสนอให้ชะลอการดำเนินคดี และร่างคำสั่งแต่งตั้ง ขอทราบความคืบหน้าจาก สปน.

สปน. : เรื่องที่กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรียังไม่ลงมา รอบัญชาอยู่

ขปส. : เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสาธารณะ ฉะนั้นฝ่ายเลขาฯ ต้องเร่งติดตาม เร่งรัด เพราะผ่านมาเดือนกว่าแล้ว

** สปน. : ในระหว่างรอคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระฯ ขอให้ชะลอคดี

** อนุชา : ในส่วนของการชะลอหรือการดำเนินคดี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่อง หรือพิจารณาขั้นตอน ไปดูส่วนข้อกฎหมายที่จะได้ดำเนินการต่อไป เป็นการชะลอเพื่อดูผลของการศึกษากฎหมาย

ขปส. : เรามีนโยบายด้านการนิรโทษกรรมคดีป่าไม้ที่ดินอยู่แล้ว ก็สอดคล้องกับนโยบายนั้น เราควรมีมติว่าให้การแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการอิสระฯ ที่ท่านนายกรัฐมนตรีดำเนินการ ให้ชะลอคดีไปก่อน

** พล.อ.ประวิตรฯ ให้ฝ่ายเลขานุการรับไปดำเนินการชะลอคดี


ทั้งนี้กลุ่มมีความพึงพอใจในผลการประชุมหารือในระดับหนึ่ง 


นอกจากนี้ที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชภัฏพระนคร เวลา 11.45 -11.58  น. มีการเสวนาของกลุ่มฯ เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปและการเมือง (คปสม.) สลับกันกล่าวปราศรัย ถึงความเดือดร้อน อาทิเช่น กรณีทางรถไฟที่รัฐเวนคืนที่ดินจึงทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่เกิดความเดือดร้อน ซึ่งรัฐมีการไล่ที่อยู่แต่ไม่รองรับที่อยู่ให้ประชาชน จึงอยากให้ ครม.มีมติช่วยเหลือเยียวยากับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ตามสมควร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับทางกลุ่มฯ 


#พีมูฟ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์














"สุรชาติ" เดินสายขอบคุณชาวหลักสี่ จตุจักร หลังชนะขาดเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ยันเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง พร้อมทำการเมืองสร้างสรรค์ "ชลน่าน" แนะ “ประยุทธ์ยุบสภา ลงจากอำนาจ หากทำจริงจะกราบขอบคุณด้วยตัวเอง

 


"สุรชาติ" เดินสายขอบคุณชาวหลักสี่ จตุจักร หลังชนะขาดเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ยันเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง พร้อมทำการเมืองสร้างสรรค์  "ชลน่าน" แนะ “ประยุทธ์ยุบสภา ลงจากอำนาจ หากทำจริงจะกราบขอบคุณด้วยตัวเอง


วันนี้ (31 ม.ค. 65) นายสุรชาติ เทียนทอง ว่าที่ ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่ จตุจักร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.โฆษกพรรค, นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.และทีมงาน เดินทางมาที่วัดหลักสี่ เพื่อสักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเคยบวชเรียนที่วัดแห่งนี้ พร้อมขอบคุณประชาชนบริเวณหน้าวัดหลักสี่ด้วย


นายสุรชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มากกว่าคำว่าชัยชนะ เป็นชัยชนะที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเช่นทุกวันทั้งชีวิต และเหมือนที่ทำมา 17 ปี  โดยงานที่อยากทำมากที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาชีวิตประชาชน แม้จะมีเวลาทำงานในหน้าที่ผู้แทนราษฎรประมาณ 1 ปี แต่ยังคงยืนยันว่าจะเดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนด้วยตัวเองด้วยวิธีเดินเท้าไปตามบ้านและชุมชนเหมือนเดิม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนปัญหา เก็บเกี่ยวปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่นำไปพัฒนานโยบายของเพื่อไทยเพื่อให้สามารถตอบสนองพี่น้องประชาชนได้ เพื่อเตรียมการรองรับการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า  ทั้งนี้เมื่อ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วพร้อมเข้าสภาทำงานทันทีเพื่อทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เป็นการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากอคติและผู้แทนราษฎรของคนทุกคน  ไม่ทำร้ายใคร แต่จะเป็นกระจกสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนไปให้ถึงรัฐบาล เพื่อปรับปรุงแก้ไข และหวังว่ารัฐบาลจะฟังเสียงของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ทำให้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนให้มากขึ้น 


ส่วนเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งนั้น นายสุรชาติ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษาในรายละเอียด เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม 


ด้านนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทยและคณะจะลงพื้นที่วันนี้จะขึ้นรถแห่เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาอำนาจประชาธิปไตยของทุกคน  ในเขตหลักสี่ และจตุจักร รวม 5 แขวง (3 แขวงของเขตจตุจักรและ 2 แขวงของเขตหลักสี่) ยอมรับว่าตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์จะน้อย อยู่ที่ 52.68% ของจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือ 88,124 คน โดยนายสุรชาติได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่ 29,416 คน เป็นไปตามที่บอกไปกับพี่น้องประชาชนที่ตอบโจทย์นั้น คือการเลือกคนทำงานจริงไม่ทิ้งพื้นที่ ทำงานด้วยหัวใจ เพื่อศักดิ์ศรีของชาวจตุจักร หลักสี่ สังเกตุได้จากเขตหลักสี่ โดยมี 2 แขวงที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ชนะขาด มากกว่า 50% ส่วนเขตจตุจักร ฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 10-20% ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แพ้เพียงหลักร้อยคะแนนเท่านั้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ประชาชนต้องการแสดงออกว่า ความล้มเหลวของรัฐบาล และต้องการแสดงออกว่าการมีชีวิตที่มีความหวัง มีอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน 


ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนอันดับ 2 จะถือเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ในทางการเมือง ทุกพรรคการเมืองถือเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูกัน ขึ้นอยู่กับพรรคใดทำหน้าที่ตอบสนองประชาชนมากน้อยเพียงใด การมีพรรคใดเกิดขึ้นมาจะกระทบหรือไม่ อยู่ที่เราทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างไรมากกว่า  และต้องทำประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน สร้างสรรค์สิ่งที่ดีในระบบรัฐสภาภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จริง 


ส่วนในกรณีที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังการเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ระบุว่า ‘ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยครับ the enemy of enemy is myfriend’ 


นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น หากทุกพรรคมีอุดมคติ อุดมการณ์ มีแนวในการทำงานร่วมกัน และหากคิดว่าแนวทางไปด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง หากจะคิดแนวทางใหม่แล้วนำมาปรับใช้ก็ย่อมทำได้  แต่ไม่ได้หมายความพรรคเพื่อไทยและร้อยเอกธรรมนัส จะร่วมงานกัน  แต่ขอขอบคุณที่มองว่าเพื่อไทยเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน ยืนยันพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ หากใครมาร่วมงานกับพรรคต้องไม่ร่วมมือกับเผด็จการ  พรรคเพื่อไทยจะดูวิธีการทำงานของแต่ละคนด้วย ว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ กระทบกับพรรคอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการพิจารณาว่าพรรคจะร่วมงานกับใคร


ทั้งนี้นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากไปถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเป็นการลงโทษจากประชาชน  เพราะในช่วงขอบการรณรงค์หาเสียงพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการคืนศักดิ์ศรีให้พี่น้องชาวหลักสี่ จตุจักร และผลการเลือกตั้งก็ออกมาสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่มีแนวทาง ประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเล็ก หากพรรคพลังประชารัฐปรับตัวไม่ถูกต้อง ยังคงดื้อดึงต่อไป อาจจะกลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนในอนาคตได้ 


นอกจากนี้นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากถึงพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า รู้ว่าพลเอกประยุทธ์ ติดตามการเลือกตั้งและมีทีมงานประเมินผล หากการประเมินการเลือกตั้งไม่บิดเบี้ยว ไม่บิดเบือน การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนบอกว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถนำพาพี่น้องออกจากวิกฤตได้ ซ้ำยังจะนำพาวิกฤตมาเพิ่ม  ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน  ขอฝากพลเอกประยุทธ์ พิจารณาการยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการคืนอำนาจประชาชน 


“หากพลเอกประยุทธ์ยุบสภา ผมจะไปกราบขอบคุณท่านเป็นคนแรก อย่างน้อยท่านก็รักประชาชน รักลูกหลาน  หรือหากไม่ยุบสภา แต่ท่านบอกว่าจะไม่อยู่เกิน 8 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 3 สิงหาคม 2565  ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้า ท่านควรได้หน้าด้วยซ้ำไป ควรคิดเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่อำนาจ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ต้องอาย  ถ้าเป็นฟากฝั่งของประชาธิปไตยจะพูดว่า นี่คืออาณัติสัญญาณของฝั่งประชาธิปไตย วิถีของประชาธิปไตยพูดอย่างนี้ แต่คงเอาบรรทัดฐานนี้ไปใช้กับฝ่ายยึดอำนาจได้ยาก ฝากท่านคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ที่ผ่านมา  7 ปี ท่านน่าจะได้เรียนรู้ ยุบสภาจะเป็นการลงจากอำนาจสวยที่สุด ฝากท่านด้วยครับ” นายแพทย์ชลน่านกล่าว  


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เลือกตั้งซ่อมหลักสี่





วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2565

ประธานกกต. ประจำเขตเลือกตั้งที่ 9 รายงานผลนับคะแนน สส.เขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่าง อย่างไม่เป็นทางการ นับไปแล้วคิดเป็น 94.64% เพื่อไทยชนะ!

 


ประธานกกต. ประจำเขตเลือกตั้งที่ 9 รายงานผลนับคะแนน สส.เขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่าง อย่างไม่เป็นทางการ นับไปแล้วคิดเป็น 94.64% เพื่อไทยชนะ!


เวลา 20.00 น.ที่ ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งฯ สำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ  นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 9 กรุงเทพมหานคร รายงานผลการนับคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่าง ประกอบด้วย เขตหลักสี่ และเขตจตุจักรบางส่วน อย่างไม่เป็นทางการ ขณะนี้นับได้แล้ว 265 หน่วย จาก 280 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 94.64 


โดยอันดับหนึ่ง คือ หมายเลข 3 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีคะแนน 27,284 คะแนน  


อันดับที่สอง คือ หมายเลข 6 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล 19,081 คะแนน  


อันดับที่สามคือ หมายเลข 2 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้า 19,011 คะแนน  


อันดับที่สี่ คือ หมายเลข 7 นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 7,089 คะแนน 


อันดับที่ห้าคือ หมายเลข 1 นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยภักดี มีคะแนน 5,559 คะแนน


อันดับที่หก หมายเลข 8 นายเจริญ ชัยสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 316 คะแนน


อันดับที่เจ็ดคือ หมายเลข 5 นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ 223 คะแนน 


อันดับที่แปด หมายเลข 4 นางสาวกุลรัตน์ กลิ่นดี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคยุทธศาสตร์ชาติ 181 คะแนน


#เลือกตั้งซ่อมหลักสี่

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์






วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2565

"นักเรียนเลว" บุกสยาม รื้อระบอบอำนาจนิยม ชวนลงชื่อในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน พร้อมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ล่ามโซ่มือ,เท้า ชี้ ไม่ควรมีใครต้องทนกับความรุนแรงในสถานศึกษาอีก

 


"นักเรียนเลว" บุกสยาม รื้อระบอบอำนาจนิยม ชวนลงชื่อในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน พร้อมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ล่ามโซ่มือ,เท้า ชี้ ไม่ควรมีใครต้องทนกับความรุนแรงในสถานศึกษาอีก


ภายหลังจากช่วงบ่ายวันนี้ (29 ม.ค. 65) กลุ่มนักเรียนเลว ได้ล่ามโซ่มือ, เท้า ระบุคำว่าอำนาจนิยม เดินเท้าจากอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ผ่านถนนราชดำเนิน มายังกระทรวงศึกษาธิการเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ พร้อมกับรณรงค์เชิญชวนประชาชนลงชื่อในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน และให้สังคมตระหนักถึงปัญหาการละเมิดสิทธิในสถานศึกษา นั้น


จากนั้นช่วงเย็น ได้เดินทำกิจกรรมย้ำจุดยืน #รื้อระบอบอำนาจนิยม ไม่สมควรมีใครต้องทนกับความรุนแรงในสถานศึกษาอีก ที่บริเวณสยาม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รื้อระบอบอำนาจนิยม #ม็อบ29มกรา65