วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568

“เท้ง ณัฐพงษ์ - พริษฐ์” เยือนอุตรดิตถ์ เสนอ 5 ข้อ ส่งเสริมความหลากหลายในการจัดการศึกษา ทลายกำแพงการศึกษาในระบบ-นอกระบบ พร้อมผลักดันผ่าน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ของพรรคประชาชน

 


“เท้ง ณัฐพงษ์ - พริษฐ์” เยือนอุตรดิตถ์ เสนอ 5 ข้อ ส่งเสริมความหลากหลายในการจัดการศึกษา ทลายกำแพงการศึกษาในระบบ-นอกระบบ พร้อมผลักดันผ่าน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ของพรรคประชาชน


วันที่ 1 มีนาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน พร้อมด้วยอาจารย์เดชรัต สุขกำเนิด และคณะทำงานจังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางมาที่ศูนย์สงเสนิมการเรียนรู้จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด


โดยนายพริษฐ์ ได้โพสข้อความระบุว่า 5 ข้อเสนอ ส่งเสริมความหลากหลายในการจัดการศึกษา ทลายกำแพงระหว่างการศึกษาในระบบ & นอกระบบโรงเรียน 


การศึกษาที่ดี ต้องไม่ใช่การตัดเสื้อโหลให้กับผู้เรียนทุกคน แต่คือการตัดเสื้อที่มีขนาดที่เหมาะสมและลวดลายที่ตรงกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน


วันนี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางมาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับผู้นำฝ่ายค้าน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และคณะ เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด โดยผมเห็นว่ามีอย่างน้อย 5 ข้อเสนอ ที่เราควรพิจารณาขับเคลื่อน เพื่อโอบรับ “ความหลากหลาย” ในการจัดการศึกษาและการส่งเสริมการเรียนรู้


1. ทลายกำแพงที่สูงเกินไประหว่าง “การศึกษาในระบบ” กับ “การศึกษานอกระบบ” โดยเปิดกว้างมากขึ้นให้ผู้เรียนได้เลือกรูปแบบการศึกษาที่ตรงกับความต้องการตนเอง (เกณฑ์ปัจจุบัน กำหนดว่าผู้เรียนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะเรียนการศึกษานอกระบบโรงเรียน ของ สกร. (หรือ กศน. เดิม) ได้ ต่อเมื่อมีหนังสือส่งตัวจากเขตพื้นที่การศึกษา)


2. เพิ่มความยืดหยุ่นให้ สกร. สามารถจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนได้อย่างหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักสูตร (ที่ปัจจุบันยังยึดกับหลักสูตรแกนกลางในระดับรายละเอียดที่สูงค่อนข้างสูง) หรือวิธีการที่ควรจะแตกต่างออกไปได้จากการจัดการศึกษาในสถานศึกษา (เช่น ตารางเรียน ช่องทางเรียนรู้)


3. เพิ่มงบประมาณในการสนับสนุนแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน (โดยอาจสนับสนุนผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นอีกช่องทาง) - ทางหน่วยงานสะท้อนว่า สกร. ในอุตรดิตถ์ ปัจจุบันไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณเรื่องแหล่งเรียนรู้อื่นนอกเหนือจากห้องสมุด ในขณะที่งบประมาณในการอุดหนุนห้องสมุดยังอยู่ในปริมาณที่น้อย (งบประมาณสำหรับสื่อประมาณ 5,000 บาท/ห้องสมุด/ปี)


4. ลดโครงการหรืองาน “ฝาก” จากหน่วยงานส่วนกลาง นอกกระทรวง (เช่น กกต. กอ.รมน.) ที่ต้องอาศัยการขับเคลื่อนโดย สกร. และทำให้บุคลากร สกร. มีเวลาน้อยลงในการขับเคลื่อนงานที่ สกร. ในพื้นที่คิดริเริ่มเองเพื่อพยายามส่งเสริมการเรียนรู้ในพื้นที่ - หากมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ วิธีการหนึ่งอาจเป็นการทำเป็น “เมนู” ให้สถานศึกษา หรือ สกร. ในแต่ละอำเภอ เป็นฝ่ายเลือกเองว่าอยากรับหรือไม่รับโครงการไหน


5. พิจารณาเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่อาจไม่ควรต้องกำหนดให้เหมือนกันในทุกๆเรื่องระหว่างการศึกษาในกับนอกระบบโรงเรียน - ปัญหาหนึ่งที่ถูกสะท้อนในวง (แต่คงต้องศึกษาต่อถึงทางออกอย่างรอบคอบ) คือเกณฑ์เรื่อง ผอ. สกร. ระดับอำเภอ ที่ปัจจุบันทราบว่ากำหนดไว้เทียบเท่ากับผู้บริหารสถานศึกษาในระบบ ซึ่งทำให้บุคลากรใน สกร. ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ มีจำนวนไม่พอต่อตำแหน่ง


การส่งเสริมความหลากหลายในการศึกษา เป็นหนึ่งหลักการที่สำคัญของ ร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน ที่ผมและ สส. พรรคประชาชน ได้ร่วมกันยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และตอนนี้กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นในเว็บไซต์ของสภาฯ ถึงวันที่ 26 มีนาคม https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=455 


แม้หลายข้อเสนอที่รวบรวมมาเบื้องต้น สามารถดำเนินการได้เลยภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แต่ผมเชื่อว่าการขับเคลื่อนจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น หากเรามีชุดกฎหมายการศึกษาฉบับใหม่ (พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ และ การปรับปรุงกฎหมายอื่นๆที่ตามมา) ที่วางรากฐานดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อุตรดิตถ์ #การศึกษาไทย #พรบการศึกษา