วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2568

“กรุณพล” จี้รัฐบาลแก้ปัญหานอมินีต่างชาติถือครองคอนโดเกิน 49%-ปล่อยเช่ารายวัน ชี้หนักถึงขั้นทำเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์-พนันออนไลน์ ทำผู้พักอาศัยเดือดร้อนหนัก ธีรรัตน์ แจงจ่อลดสัดส่วนต่างชาติ ถือครองสิทธิอาคาร พร้อมขอทุกภาคส่วนร่วมมือแจ้งเบาะแส

 


“กรุณพล” จี้รัฐบาลแก้ปัญหานอมินีต่างชาติถือครองคอนโดเกิน 49%-ปล่อยเช่ารายวัน ชี้หนักถึงขั้นทำเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์-พนันออนไลน์ ทำผู้พักอาศัยเดือดร้อนหนัก ธีรรัตน์ แจงจ่อลดสัดส่วนต่างชาติ ถือครองสิทธิอาคาร พร้อมขอทุกภาคส่วนร่วมมือแจ้งเบาะแส


วันที่ 6 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงกรณีปัญหาชาวต่างชาติเช่าคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรแบบรายวัน รวมถึงการเข้าถือครองที่อยู่อาศัยเกินกว่า 49% ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน


กรุณพลกล่าวว่า สืบเนื่องมาจากปัญหาการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรแบบรายวัน สร้างปัญหาให้ผู้อยู่อาศัย และยังมีทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งมีข้อกังวลในการที่ต่างชาติมาลงทุน ตั้งนอมินีในประเทศไทย และซื้อส่วนของคนไทย 51% ในบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม ทำให้โครงการเหล่านั้นไม่ใช่ของคนไทยอีกต่อไป รวมทั้งมีกรณีการเช่าหรือซื้อทั้งชั้น ที่ผ่านมามีการบุกจับ พบว่าบางแห่งมีการใช้เป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ที่ย้ายมาจากตะเข็บชายแดนเข้ามาอยู่ทั้งที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ด้วย


ที่ผ่านมาเราได้เห็นการกระทำที่มีการร้องเรียนจากประชาชนและผู้พักอาศัย หลายคนซื้อคอนโดอยู่เพราะไม่สามารถซื้อบ้านได้ หรือต้องมาทำงานในเมือง เป็นบ้านพักอาศัยที่ต้องการความปลอดภัย ความเงียบสงบ แต่กลับถูกทุนต่างชาติหรือคนไทยบางคนนำไปปล่อยเช่ารายวัน บางพื้นที่นำมาใช้ค้าประเวณี บางพื้นที่นำมาใช้ทำเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ คำถามคือที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผิดกฎหมายแบบนี้บนคอนโดมิเนียมหรือไม่ มีการจับกุมมากน้อยเพียงใด แบ่งได้หรือไม่ว่าเป็นคนไทยกี่คน ต่างชาติกี่คน มีการดำเนินการทางกฎหมายไปถึงขั้นไหนแล้ว กระทรวงมหาดไทยได้มีมาตรการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรงแรมอย่างไร และมี พ.ร.บ.อื่นประกบควบคู่ในการป้องกันและดูแลผู้อยู่อาศัยในคอนโดนิเนียมบ้างหรือไม่


ในส่วนของธีรรัตน์ได้ตอบคำถามแรกโดยระบุว่า กรณีปัญหาชาวต่างชาติเข้ามาเช่าที่อยู่อาศัยแบบรายวันตามที่เป็นข่าว รวมถึงที่ไม่เป็นข่าว เกิดมาตั้งแต่มีแอปพลิเคชันแอร์บีเอ็นบี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้เจ้าของปล่อยเช่าห้องพักในราคาที่ถูกกว่าโรงแรมมาก ทำให้เกิดการกระจายเงินในระบบเศรษฐกิจของไทยและเป็นที่นิยม แต่ก็นำมาซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น


การนำห้องชุดมาปล่อยให้เช่ารายวันมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.อาคารชุด และ พ.ร.บ.โรงแรม โดยในส่วนของอาคารชุดไม่สามารถให้เช่ารายวันได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว และชาวต่างชาติไม่สามารถถือครองอาคารชุดได้เกินกว่า 49% ของสัดส่วนพื้นที่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่จะไม่ยินยอมให้เกิดการถือครองพื้นที่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีในส่วนของการจดขอซื้อในสัดส่วนที่ไม่เกินในตอนแรก แต่หลังจากนั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นต่างๆ ทำให้เกินร้อยละ 49% แต่เจ้าหน้าที่ก็ทราบในปัญหานี้ดี 


ธีรรัตน์กล่าวต่อไปว่า ในขณะนี้มีการทำงานร่วมกันจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมการที่ดิน และกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้จดทะเบียนธุรกิจการค้า หากมีการจดทะเบียนจะขอให้ตรวจสอบว่ามีการถือครองที่ดินหรือห้องเช่าอยู่แล้วหรือไม่ พร้อมประสานงานกับกรมที่ดินไม่ให้เกิดความผิดพลาด รัฐบาลขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลมีแนวทางการทำงาน มีบทลงโทษอย่างชัดเจน มีการจับกุมต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.อาคารชุด และ พ.ร.บ.โรงแรมอย่างต่อเนื่อง และเป็นแนวทางให้ผู้เช่ารายอื่นได้เป็นหูเป็นตา สอดส่องร่วมกับนิติบุคคลเพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้


กรุณพลถามต่อเป็นคำถามที่สอง โดยระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้จับกุมผู้นำคอนโดมิเนียมมาปล่อยเช่ารายวัน 170 กว่าราย ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณการจับกุมที่น้อยจนผิดปกติ ตนขอฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายของท้องถิ่นภายใต้กระทรวงมหาดไทยและผู้ถือ พ.ร.บ.โรงแรม ควรทำงานให้หนักแน่นกว่านี้


ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ของประเทศเพิ่งจะเริ่มมีคอนโดมิเนียม มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้เข้าตรวจสอบในคอนโดมิเนียมแล้ว แต่เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายหรือความรู้ของนิติบุคคลหรือผู้พักอาศัยเองอาจมีไม่มาก เมื่อหน่วยงานท้องถิ่นลงไปดูแลจึงกลายเป็นไม่เจอผู้กระทำผิด แต่เมื่อประชาชนเข้าไปดูในแอปพลิเคชันต่างๆ กลับกลายเป็นว่ามีผู้พักอาศัย แต่เมื่อหน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปสอบถามก็ได้คำตอบว่าเป็นญาติหรือเพื่อนของชาวต่างชาติ ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นก็ไม่สามรถดำเนินการต่อได้


กรุณพลกล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาอย่างในเขตสาทร เมื่อสำนักงานเขตเข้าไปในพื้นที่ของคอนโดมิเนียมที่มีข่าวว่ามีกุญแจของผู้ให้เช่าทิ้งไว้ตามต้นไม้หรือตามตู้ แต่กลายเป็นว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่ กทม.ก็ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่คอนโดได้ จึงประสานกับกรมการปกครองเข้าไปแต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากนิติบุคคลของคอนโด เนื่องจากนิติบุคคลเหล่านี้ก็ถูกจัดจ้างจากนอมินีของทุนต่างชาติที่เข้ามาถือครองพื้นที่ในคอนโดเกินกว่า 50% โดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายของไทย รวมทั้งการจัดตั้งนิติบุคคลที่อาศัยเสียงเพียง 1 ใน 3 ทำให้ระเบียบต่างๆ ของคอนโดเป็นไปตามที่ทุนต่างชาติต้องการ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กระทรวงมหาดไทยสามารถออกมาตรการหรือข้อกฎหมายใดได้หรือไม่ในการเข้าไปในพื้นที่ของเอกชนแล้วบังคับใช้กฎหมาย 


ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุว่า บางครั้งเรารู้ว่าจุดนี้มีการทำความผิดแน่นอน เมื่อพยายามเข้าไปตรวจสอบก็กลายเป็นว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างผู้ปล่อยเช่ารายวันกับผู้ที่อยู่ในอาคารหรือนิติบุคคล ทำให้เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิด แต่กระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สามารถจัดระเบียบได้ในการบูรณาการการบังคับใช้กฎหมาย ที่ผ่านมามีการลงพื้นที่ตรวจสอบกับหลายหน่วยงาน รวมทั้งการร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับกรมการพัฒนาธุรกิจการค้า ในการตรวจสอบการประกอบธุรกิจและการจดทะเบียน เป็นการแก้ปัญหาต้นทางที่จะลดจำนวนผู้เช่าต่างชาติที่มากเกินไปได้


แนวทางต่อมาที่กระทรวงมหาดไทยจะเริ่มดำเนินการคือการประชุมหาแนวทางในการทำให้ปัญหานี้ลดน้อยลงอย่างยั่งยืน เช่น การพิจารณาแก้ไขกฎหมายปัจจุบันที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองสัดส่วนไม่เกิน 49% เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับสัดส่วนให้น้อยลง รวมทั้งเรื่องแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สร้างปัญหาตามมา ทำให้กฎหมายมีความครอบคลุมและทันต่อเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด ชี้แจงข้อปฏิบัติให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอร์บีเอ็นบี อะโกด้า หรือบุ๊กกิ้งดอทคอม หากมีกฎหมายรองรับก็สามารถเข้าไปตรวจสอบและขอความร่วมมือหากพบผู้ให้บริการที่ส่อทำผิดกฎหมายได้ โดยจะมีการประชุมหาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในวันศุกร์ที่ 14 มีนาคมนี้ ซึ่งจะได้นำมาเรียนต่อสภาฯ ต่อไป


ธีรรัตน์ยังกล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญคือการสร้างความรับรู้ต่อบุคคลทั่วไปผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ให้รู้ถึงกฎหมาย และหากนิติบุคคลให้ความสำคัญและความร่วมมือ รวมถึงลูกบ้านมีการคอยสอดส่องดูแล การแก้ปัญหาก็จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ


กรุณพลถามกระทู้ต่อเป็นคำถามสุดท้าย โดยระบุว่า ที่รัฐมนตรีระบุถึงแนวทางการลดสัดส่วนการถือครองของของต่างชาติ ทำให้ตนต้องตั้งคำถามถึงรัฐบาล เพราะในรัฐบาลที่แล้วมีการศึกษาแนวทางการขยายสัดส่วนการถือครองของชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 75% และระยะเวลาจาก 50 ปีเป็น 99 ปี เป็นความสับสนที่ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนอย่างไร


ทั้งนี้ ปัญหาในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของการปล่อยเช่ารายวันแล้ว เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ย่านพระรามเก้ามีการบุกขึ้นไปจับชาวต่างชาติ 15 คนที่ตั้งบ่อนพนันออนไลน์บนคอนโดมิเนียม โดยเช่าทั้งชั้นให้เฉพาะคนชาติเดียวกันเองขึ้นไปเล่นพนัน ในพื้นที่พระรามสามก็มีกรณีห้องชุดหนึ่งสั่งซื้อเก้าอี้สำหรับนั่งทำงานส่งมาที่ห้อง 8-10 ตัว ซึ่งผิดปกติวิสัยมาก เมื่อเดินผ่านห้องเปิดเข้าไปก็เห็นมีจอทีวีเต็มไปหมด ทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นฐานของคอลเซ็นเตอร์หรือบ่อนพนันออนไลน์หรือไม่ แต่นิติบุคคลก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อลูกบ้านแจ้งนิติบุคคล นิติบุคคลก็ไม่ได้แจ้งไปที่หน่วยงานท้องถิ่น


กรุณพลกล่าวต่อไปว่า ในกรณีเช่นนี้รัฐบาลจะมีวิธีการอย่างไรที่กระทรวงมหาดไทยจะสามารถออกระเบียบ หาความตกลง หรือความร่วมมือในการทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่างๆ เข้าไปในพื้นที่นิติบุคคล หรือให้นิติบุคคลมีช่องทางนอกจากการติดต่อทางเอกสารปกติ หรือการทำให้ผู้พักอาศัยสามารถติดต่อโดยตรงไปที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยไม่ผ่านนิติบุคคลได้หรือไม่ 


นี่เป็นปัญหาการถูกยึดครองที่อยู่อาศัยของประชาชน คอนโดมิเนียมที่ทุนต่างชาติยึดครองมีทั้งคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ราคาแพง แต่ตอนนี้คอนโดมิเนียมที่มีจำนวนห้องเกิน 300-400 ห้อง มี 200 ห้องอย่างต่ำที่เป็นของคนต่างชาติไปแล้ว รัฐบาลมีแนวทางอย่างไรในการประสานความร่วมมือหรือออกข้อบังคับใดที่จะแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืนหรือไม่


ในส่วนของธีรรัตน์ระบุว่า ตัวอย่างที่ได้นำเสนอไปในเรื่องการทบทวนข้อกฎหมาย การถือครองสัดส่วนผู้ถือหุ้นในแต่ละอาคาร เป็นแนวทางที่ได้มีการรวบรวมหลายความคิดเห็นมา รัฐบาลรับฟังทุกความคิดเห็นและมีการวบรวบไว้ทั้งหมดแล้ว


ส่วนในกรณีตัวอย่างที่ สส.ได้ยกมา นั่นคือการที่ทางรัฐบาลเองได้มีการตรวจสอบและนำกำลังเข้าไปจับกุม ส่วนผู้ประกอบการนิติบุคคลที่ไม่ให้ความร่วมมือหากตรววจสอบได้แน่ชัดว่าทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินตามกฎหมายได้เช่นเดียวกัน ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ หากใครมีข้อมูลหลักฐานอะไรที่มอบให้เจ้าหน้าที่ได้ก็อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างรวเดเร็วมากขึ้น สามารถส่งข้อมูลให้ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กระทรวงมหาดไทย 1567 หรือศูนย์ดำรงธรรมที่มีอยู่ทั่วประเทศได้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง หากทำงานอย่างใกล้ชิดก็จะสามารถร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุมสภา #พรรคประชาชน