วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

“ลิซ่า” มอง “ณัฐวุฒิ” ปีเดียวเปลี่ยนจุดยืนได้ขนาดนี้ ต้องเรียก “ตามน้ำ” ถาม ประชาชนยังหวังอะไรจากนักสู้ประชาธิปไตยได้บ้าง เรียกร้องทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯ เร่งรัดกฎหมายนิรโทษกรรม-ยุติลอยนวลพ้นผิด เริ่มที่คดีตากใบ

 


ลิซ่า” มอง “ณัฐวุฒิ” ปีเดียวเปลี่ยนจุดยืนได้ขนาดนี้ ต้องเรียก “ตามน้ำ” ถาม ประชาชนยังหวังอะไรจากนักสู้ประชาธิปไตยได้บ้าง เรียกร้องทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯ เร่งรัดกฎหมายนิรโทษกรรม-ยุติลอยนวลพ้นผิด เริ่มที่คดีตากใบ


วันที่ 8 ตุลาคม 2567 ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ว่าได้ฟังท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์การกลับมารับตำแหน่งทางการเมืองในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี การกลับมามีตำแหน่งทางการเมืองของคุณณัฐวุฒิไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายเพราะคุณณัฐวุฒิไม่เคยหายไปในฐานะนักการเมืองอยู่แล้ว


เพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเหตุผลที่ระบุว่าการยอมรับตำแหน่งวันนี้เพราะเกิดการเรียนรู้ว่าต้องอยู่กับความจริงของสถานการณ์และการเมืองวันนี้เป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ


ถ้าตนจะสรุปง่ายๆ ก็คือ “ตามน้ำไป ทำอะไรไม่ได้” แบบนั้นใช่หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วประชาชนยังคาดหวังอะไรได้บ้างจาก “นักสู้ประชาธิปไตย” อย่างคุณณัฐวุฒิในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี


ประชาชนยังหวังได้ไหมว่าจะไม่นิ่งเฉยและให้คำปรึกษากับนายกรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ โดยเร็วที่สุด หรือพอจะเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด อย่างกรณีคดีตากใบและคดีคนเสื้อแดงปี 53


เวลาเพียง 1 ปี คุณณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับการเสียสัจจะและเหยียบย่ำศรัทธาคนที่เคยเชื่อมั่นในตัวคุณขนาดนี้ คุณณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับเพื่อให้โอกาสตัวเองเสมอ แต่เพื่อนร่วมรบ ประชาชนร่วมสู้ เขาไม่เคยได้รับแม้แต่โอกาสจะเลือก บางคนต้องหลบหนี ไม่ได้กลับมาเจอครอบครัว บางคนสูญหายไม่รู้ชะตากรรม และบางคนเสียชีวิตใจกลางเมือง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม


ดิฉันคิดว่าถ้ายังพอมีเลือดนักสู้อยู่ คุณณัฐวุฒิต้องรีบผลักดันจัดการเรื่องเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี เพราะปีหน้าไม่รู้ว่าคุณณัฐวุฒิจะมีเหตุผลให้ต้องตามน้ำอะไรอีกไหม” ภคมนทิ้งท้าย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ