“วิโรจน์” ชี้
ถ้าเราสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้ มันจะเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ขบวนการอันชั่วช้าสามานย์ทำร้ายลูกหลานและคนในเจนเนอเรชั่นถัดไป
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในวาระ #15ปีเมษาพฤษภา53
ขอบคุณคุณหมอเหวง อ.ธิดา
และทุกท่านที่กรุณาอนุญาตให้ทั้งผมและสส.ของพวกเรา และคณะก้าวหน้า
ได้เข้ามาร่วมในกิจกรรมรำลึกถึงวีรชนคนเสื้อแดง
และขอบพระคุณอย่างมากที่ยังกรุณาเรียกใช้พวกเราในการทำงานให้กับวีรชนคนเสื้อแดง ผมก็ยืนยันว่าใน
15 ปีก่อน สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเรายึดโยงร่วมกัน
ผมคิดว่าไม่รู้ว่าท่านอื่นจะประทับใจในคำพูดอะไร แต่คำพูดที่ประทับใจผมมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือว่า
เราไม่ต้องการบ้านเมืองที่เป็นสองมาตรฐาน เราต้องการบ้านเมืองที่เป็นมาตรฐานเดียว
และความเป็นสองมาตรฐานในยุคนั้นจนถึงปัจจุบันมันไม่ต้องมีอะไรเป็นหลักฐาน
มันไม่ต้องมีอะไรเป็นเอกสาร แต่มันรับรู้ด้วยตา รับรู้ด้วยความรู้สึก รับรู้ด้วยสภาวะที่ถูกกระทำ
รับรู้ด้วยสภาวะที่เราเห็นเพื่อนของเรา คนใกล้ตัวเราถูกกระทำ
ผมรับรู้ดีครับว่าความจำเป็นในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับวีรชนผู้เสียชีวิตเป็นความสำคัญอย่างมาก
แต่ความสำคัญมันมากไปกว่านั้นอีก
เพราะว่าถ้าเกิดเราสามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้
มันจะเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ขบวนการอันชั่วช้าสามานย์มันทำร้ายลูกหลานและคนในเจนเนอเรชั่นถัดไปอีก
เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ นะ เพราะว่าถ้าเรายังคงปล่อยให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นได้
อาศัยศาลของพวกเขาในการปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่าประชาชนได้ ใช้ระบบรุ่น
ใช้ระบบความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเกราะคุ้มกันป้องกันคนที่ทำเรื่องสกปรกให้ไม่ต้องรับผิด
มันก็จะมีสุนัขรับใช้รุ่นต่อ ๆ ไป ที่คาบเอาปืนมาเข่นฆ่าประชาชนไม่รู้จักจบจักสิ้น
ดังนั้น
เวลาทำงานในคณะกรรมาธิการการทหาร ผมจึงพูดกับคุณเอกราชและอีกหลาย ๆ
ท่านสส.พวกเราว่า การปฏิรูปทหารหรือกองทัพ
การปฏิรูประบบยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญมาก ๆ
ที่ต้องทำควบคู่กันไป เพราะถ้าเกิดทหารโจรทหารชั่วผมไม่ได้เหมารวมยังคงถูกปกป้อง
ทหารที่ดีจะทำยังไง ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ แล้วพลเรือนล่ะ ก็ได้แต่รู้สึกว่า
อ้อประเทศนี้มันมีคนกลุ่มหนึ่งที่มันสามารถทำอะไรก็ได้ ฆ่าใครก็ได้
รับคำสั่งจากใครมาเข่นฆ่าใครก็ได้ จากนั้นก็มีปาหี่ช่วยเหลือกันไม่ต้องรับผิดได้ดิบได้ดี
ในขณะที่ประชาชนก็ต้องตายฟรี แบบนี้มันก็จะไปเป็นวัฒนธรรมที่ทำให้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
มันมีคำพูดหนึ่งที่ทหารบางคนบอกกับผมว่าจะต้องล้างให้ได้
คำพูดนั้นที่ทหารบอกว่าทหารมักจะพูดกันก็คือว่า “ผิดใจให้เปิดกฎ ผิดกฎให้เปิดใจ”
หมายความว่า ถ้าเมื่อไหร่ในแวดวงทหาร
ผิดใจกันเมื่อไหร่ฉันจะเปิดกฎระเบียบและเอาทุกตัวอักษรเล่นงานคุณให้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ผิดก็ตาม
แต่เมื่อไหร่ที่คุณผิดกฎแล้วเปิดใจคือต่อให้คุณจะกระทำชั่วช้าสามานย์เข่นฆ่าประชาชนมามากมายขนาดไหน
ทำความชั่วช้าสามานย์ต่อสังคมมากมายขนาดใด ผิดกฎหมายขนาดไหน
ถ้าคุณยังคงเป็นรุ่นน้องสุนัขรับใช้ที่แสนจะภักดีกับรุ่นพี่และระบบเครือข่ายของพวกเรา
เราก็จะเปิดใจช่วยเหลือคุณให้พ้นผิด เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่พวกเราเห็นตรงกันและขอบคุณวีรชนคนเสื้อแดงที่กรุณาเรียกใช้และก็ยังไว้วางใจให้พวกเราทำงานให้กับทั้งคนเสื้อแดง
และจริง ๆ ก็คือการทำงานให้กับประชาชนทุกคน สิ่งหนึ่งที่เราจะทำให้ได้นับจากนี้
เรามีพระราชบัญญัติตัวหนึ่งก็คือพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ถ้าเราแก้กฎหมายฉบับนี้ได้
ที่ทำให้ทหารที่ประพฤติมิชอบ
ทหารที่กระทำความผิดทางอาญาต้องพาทหารเหล่านั้นมาขึ้นศาลยุติธรรมให้ได้
แล้วเมื่อสักครู่ผมได้มีโอกาสได้คุยกับคุณหมอเหวง
ก็บอกว่าในเรื่องของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
ถ้าเกิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งใดที่บังอาจสั่งการเข่นฆ่าประชาชน
เข้าใจว่าปัจจุบันต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในมาตรา 157 เป็นหลัก
ก็ควรจะแก้เพื่อเอาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหล่านั้นที่กระทำการเหิมเกริมเข่นฆ่าประชาชน
กระทำผิดอาญาต่อประชาชนมาขึ้นศาลยุติธรรมหรือศาลฎีกาเช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้รับโทษประหารชีวิตถ้าเขากระทำความผิด
ถามว่าสิ่งที่เราทำในเรื่องนี้เราไม่ได้ทำด้วยความแค้นเคืองเลย
เราไม่ได้ทำเพราะต้องการจะเอาคืน
แต่เราต้องการสร้างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวให้ได้
และจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีที่มันเกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วเราก็ต้องรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการที่เจอการกระทำที่มันไม่ถูกต้องเกิดขึ้น
ถามว่าทำไมมันถูกลืม ทำไมมันถูกเลือน
เพราะไอ้คนเหล่านี้มันรู้ว่ามันมนุษย์มันไม่นิรันดร์ มันรู้ว่ามันเข่นฆ่าคนกลุ่มหนึ่ง
ยื้อกันไป ไม่ต้องให้ความยุติธรรมกับมัน แล้วสักพักหนึ่งมันก็โตขึ้น
สักพักหนึ่งมันก็แก่ สักพักหนึ่งมันก็จะเรียกไม่ออก
สักพักหนึ่งด้วยความแก่มันก็จะร้องไม่ได้
สักพักหนึ่งด้วยความแก่ก็เลยทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้ แล้วก็ตายจากไป
ถึงเวลานั้นมันก็เข่นฆ่าคนรุ่นใหม่อีกด้วยวิธีการเหมือนเดิม แล้วก็ปล่อยเหมือนเดิม
ให้มันเรียกร้องไป เดี๋ยวสักพักมันก็แก่ สักพักมันก็ตาย แล้วคนก็ลืม แล้วก็ฆ่าใหม่
ไม่จบไม่สิ้น!!!
ดังนั้นผมคิดว่านอกจากพ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร
พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ผมยังไม่ทิ้งความหวังที่จะกลับไปแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องของการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ที่จะเอาทหารทุจริตขึ้นศาลคดีอาญาทุจริตให้ได้ และถ้าเกิดเราคาดหวัง
และผมคิดว่าเป็นความคาดหวังที่ซื่อ ๆ ตรง ๆ
ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยในมาตรา 199 ที่ว่าด้วยศาลทหาร
ผมเข้าใจ ถ้าการกระทำความผิดทางอาญาในระหว่างภาวะสงคราม ในภารกิจทางการทหาร
คุณขึ้นศาลทหาร แต่ถ้าเกิดทหารบังอาจคิดชั่วทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน
กระทำความผิดทางอาญา รังแกประชาชน ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทำตัวเป็นโจร
ต้องขึ้นศาลยุติธรรมให้ได้ มันเป็นอะไร เรื่องนี้ผมเคยคุยกับทหารจำนวนมาก
ทหารที่ดีไม่เคยต่อต้านเลย มีแต่ทหารที่ชั่วเท่านั้นที่มันกลัวจะขึ้นศาลยุติธรรม
แรก ๆ ผมก็ตกใจ เพราะเท่าที่หารือกัน คุณเอกราชบอกผมว่าตัวพ.ร.ป. ป.ป.ช. ที่จะเอาทหารที่กระทำความผิดทุจริตขึ้นศาลอาญาทุจริตดูเหมือนจะผ่าน
เพราะว่าก็เป็นนโยบายของทุกพรรคการเมือง แล้วทุกคนก็เห็นดีตรงกัน เห็นถึงความชั่วร้ายของทหารทุจริตอยู่แล้ว
ผมแปลกใจมากว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงคว่ำในวาระที่ 3
แล้วบังเอิญว่าการอภิปรายของ
ชยพล สะท้อนดี ที่ทำให้ผมรู้ถึงพฤติกรรมชั่วช้าของทหารเลวกลุ่มหนึ่งที่มันบังอาจเอาเงินภาษีเอาทรัพยากรที่มันได้รับจากประชาชนมาแฝงตัวเข้าไปแฮก
เข้าไปทำลายความเป็นส่วนตัว เข้าไปคุกคามประชาชน
ซึ่งพฤติกรรมความชั่วร้ายของมันคือโจรไซเบอร์ชัด ๆ แล้วถ้าเกิดไอ้ พ.ร.ป. ป.ป.ช.
ตัวนี้ผ่าน
ไอ้กลุ่มโจรชั่วเหล่านี้จะเป็นกลุ่มโจรแรกในคราบลายพรางที่จะถูกลากขึ้นศาลยุติธรรม
และนี่หรือเปล่าที่ทำให้กลุ่มก้อนทางการเมืองบางกลุ่มยูเทิร์นและคว่ำกฎหมายนี้ในวาระที่
3
ผมยังยืนยันตรงนี้ครับว่าสิ่งที่เราต้องการร่วมกันไม่ใช่เป็นสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้
ไม่ใช่การเมืองในโลกจินตนาการที่บางคนพยายามบอกกับเรา มันเป็นความเรียบง่ายมาก ๆ
ในการปฏิรูประบบยุติธรรมเพื่อทำให้ข้าราชการทุกกลุ่ม ทุกก้อน ทุกกรม
ทุกกองอยู่ในระบบยุติธรรมเดียวกัน ซึ่งมันจะดีกับทั้งรัฐบาลทั้งที่เป็นอยู่นี้ รัฐบาลในอนาคตที่จะใช้กำกับดูแลไม่ให้กองทัพกระทำการทุจริต
กระทำการเหิมเกริมกับประชาชน
และเป็นเกราะกำบังป้องกันการทำรัฐประหารที่ดีที่สุดอีกด้วย
สุดท้ายจริง
ๆ ครับ ขอบคุณที่ยังกรุณาใช้งานพวกเรา ขอบคุณนะครับที่กรุณาอนุญาตให้พวกเราได้มาสื่อสาร
ได้มาร่วมในงานอันมีเกียรติแห่งนี้
และก็ขอบคุณนะครับที่ยังจะมองดูและทำงานร่วมกันกับพวกเรา ทั้ง
พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร พ.ร.ป. ป.ป.ช. ผมยังไม่สิ้นหวัง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยในมาตรา 199 รวมทั้งตัว พ.ร.ป.
ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ก็ขอบพระคุณและฝากเนื้อฝากตัวที่จะทำงานร่วมกันต่อไปครับ ขอบคุณครับ