วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568

“วิโรจน์” ชี้ ถ้าเราสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้ มันจะเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ขบวนการอันชั่วช้าสามานย์ทำร้ายลูกหลานและคนในเจนเนอเรชั่นถัดไป

 


“วิโรจน์” ชี้ ถ้าเราสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้ มันจะเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ขบวนการอันชั่วช้าสามานย์ทำร้ายลูกหลานและคนในเจนเนอเรชั่นถัดไป


วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในวาระ #15ปีเมษาพฤษภา53


ขอบคุณคุณหมอเหวง อ.ธิดา และทุกท่านที่กรุณาอนุญาตให้ทั้งผมและสส.ของพวกเรา และคณะก้าวหน้า ได้เข้ามาร่วมในกิจกรรมรำลึกถึงวีรชนคนเสื้อแดง และขอบพระคุณอย่างมากที่ยังกรุณาเรียกใช้พวกเราในการทำงานให้กับวีรชนคนเสื้อแดง ผมก็ยืนยันว่าใน 15 ปีก่อน สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเรายึดโยงร่วมกัน ผมคิดว่าไม่รู้ว่าท่านอื่นจะประทับใจในคำพูดอะไร แต่คำพูดที่ประทับใจผมมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือว่า เราไม่ต้องการบ้านเมืองที่เป็นสองมาตรฐาน เราต้องการบ้านเมืองที่เป็นมาตรฐานเดียว และความเป็นสองมาตรฐานในยุคนั้นจนถึงปัจจุบันมันไม่ต้องมีอะไรเป็นหลักฐาน มันไม่ต้องมีอะไรเป็นเอกสาร แต่มันรับรู้ด้วยตา รับรู้ด้วยความรู้สึก รับรู้ด้วยสภาวะที่ถูกกระทำ รับรู้ด้วยสภาวะที่เราเห็นเพื่อนของเรา คนใกล้ตัวเราถูกกระทำ


ผมรับรู้ดีครับว่าความจำเป็นในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับวีรชนผู้เสียชีวิตเป็นความสำคัญอย่างมาก แต่ความสำคัญมันมากไปกว่านั้นอีก เพราะว่าถ้าเกิดเราสามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้ มันจะเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ขบวนการอันชั่วช้าสามานย์มันทำร้ายลูกหลานและคนในเจนเนอเรชั่นถัดไปอีก เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ นะ เพราะว่าถ้าเรายังคงปล่อยให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นได้ อาศัยศาลของพวกเขาในการปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่าประชาชนได้ ใช้ระบบรุ่น ใช้ระบบความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเกราะคุ้มกันป้องกันคนที่ทำเรื่องสกปรกให้ไม่ต้องรับผิด มันก็จะมีสุนัขรับใช้รุ่นต่อ ๆ ไป ที่คาบเอาปืนมาเข่นฆ่าประชาชนไม่รู้จักจบจักสิ้น


ดังนั้น เวลาทำงานในคณะกรรมาธิการการทหาร ผมจึงพูดกับคุณเอกราชและอีกหลาย ๆ ท่านสส.พวกเราว่า การปฏิรูปทหารหรือกองทัพ การปฏิรูประบบยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่ต้องทำควบคู่กันไป เพราะถ้าเกิดทหารโจรทหารชั่วผมไม่ได้เหมารวมยังคงถูกปกป้อง ทหารที่ดีจะทำยังไง ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ แล้วพลเรือนล่ะ ก็ได้แต่รู้สึกว่า อ้อประเทศนี้มันมีคนกลุ่มหนึ่งที่มันสามารถทำอะไรก็ได้ ฆ่าใครก็ได้ รับคำสั่งจากใครมาเข่นฆ่าใครก็ได้ จากนั้นก็มีปาหี่ช่วยเหลือกันไม่ต้องรับผิดได้ดิบได้ดี ในขณะที่ประชาชนก็ต้องตายฟรี แบบนี้มันก็จะไปเป็นวัฒนธรรมที่ทำให้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น


มันมีคำพูดหนึ่งที่ทหารบางคนบอกกับผมว่าจะต้องล้างให้ได้ คำพูดนั้นที่ทหารบอกว่าทหารมักจะพูดกันก็คือว่า “ผิดใจให้เปิดกฎ ผิดกฎให้เปิดใจ” หมายความว่า ถ้าเมื่อไหร่ในแวดวงทหาร ผิดใจกันเมื่อไหร่ฉันจะเปิดกฎระเบียบและเอาทุกตัวอักษรเล่นงานคุณให้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ผิดก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่คุณผิดกฎแล้วเปิดใจคือต่อให้คุณจะกระทำชั่วช้าสามานย์เข่นฆ่าประชาชนมามากมายขนาดไหน ทำความชั่วช้าสามานย์ต่อสังคมมากมายขนาดใด ผิดกฎหมายขนาดไหน ถ้าคุณยังคงเป็นรุ่นน้องสุนัขรับใช้ที่แสนจะภักดีกับรุ่นพี่และระบบเครือข่ายของพวกเรา เราก็จะเปิดใจช่วยเหลือคุณให้พ้นผิด เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดไม่จบไม่สิ้น


ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่พวกเราเห็นตรงกันและขอบคุณวีรชนคนเสื้อแดงที่กรุณาเรียกใช้และก็ยังไว้วางใจให้พวกเราทำงานให้กับทั้งคนเสื้อแดง และจริง ๆ ก็คือการทำงานให้กับประชาชนทุกคน สิ่งหนึ่งที่เราจะทำให้ได้นับจากนี้ เรามีพระราชบัญญัติตัวหนึ่งก็คือพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ถ้าเราแก้กฎหมายฉบับนี้ได้ ที่ทำให้ทหารที่ประพฤติมิชอบ ทหารที่กระทำความผิดทางอาญาต้องพาทหารเหล่านั้นมาขึ้นศาลยุติธรรมให้ได้ แล้วเมื่อสักครู่ผมได้มีโอกาสได้คุยกับคุณหมอเหวง ก็บอกว่าในเรื่องของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ถ้าเกิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งใดที่บังอาจสั่งการเข่นฆ่าประชาชน เข้าใจว่าปัจจุบันต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในมาตรา 157 เป็นหลัก ก็ควรจะแก้เพื่อเอาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหล่านั้นที่กระทำการเหิมเกริมเข่นฆ่าประชาชน กระทำผิดอาญาต่อประชาชนมาขึ้นศาลยุติธรรมหรือศาลฎีกาเช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้รับโทษประหารชีวิตถ้าเขากระทำความผิด


ถามว่าสิ่งที่เราทำในเรื่องนี้เราไม่ได้ทำด้วยความแค้นเคืองเลย เราไม่ได้ทำเพราะต้องการจะเอาคืน แต่เราต้องการสร้างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวให้ได้ และจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีที่มันเกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วเราก็ต้องรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการที่เจอการกระทำที่มันไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ถามว่าทำไมมันถูกลืม ทำไมมันถูกเลือน เพราะไอ้คนเหล่านี้มันรู้ว่ามันมนุษย์มันไม่นิรันดร์ มันรู้ว่ามันเข่นฆ่าคนกลุ่มหนึ่ง ยื้อกันไป ไม่ต้องให้ความยุติธรรมกับมัน แล้วสักพักหนึ่งมันก็โตขึ้น สักพักหนึ่งมันก็แก่ สักพักหนึ่งมันก็จะเรียกไม่ออก สักพักหนึ่งด้วยความแก่มันก็จะร้องไม่ได้ สักพักหนึ่งด้วยความแก่ก็เลยทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้ แล้วก็ตายจากไป ถึงเวลานั้นมันก็เข่นฆ่าคนรุ่นใหม่อีกด้วยวิธีการเหมือนเดิม แล้วก็ปล่อยเหมือนเดิม ให้มันเรียกร้องไป เดี๋ยวสักพักมันก็แก่ สักพักมันก็ตาย แล้วคนก็ลืม แล้วก็ฆ่าใหม่ ไม่จบไม่สิ้น!!!


ดังนั้นผมคิดว่านอกจากพ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมยังไม่ทิ้งความหวังที่จะกลับไปแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องของการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่จะเอาทหารทุจริตขึ้นศาลคดีอาญาทุจริตให้ได้ และถ้าเกิดเราคาดหวัง และผมคิดว่าเป็นความคาดหวังที่ซื่อ ๆ ตรง ๆ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยในมาตรา 199 ที่ว่าด้วยศาลทหาร ผมเข้าใจ ถ้าการกระทำความผิดทางอาญาในระหว่างภาวะสงคราม ในภารกิจทางการทหาร คุณขึ้นศาลทหาร แต่ถ้าเกิดทหารบังอาจคิดชั่วทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน กระทำความผิดทางอาญา รังแกประชาชน ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทำตัวเป็นโจร ต้องขึ้นศาลยุติธรรมให้ได้ มันเป็นอะไร เรื่องนี้ผมเคยคุยกับทหารจำนวนมาก ทหารที่ดีไม่เคยต่อต้านเลย มีแต่ทหารที่ชั่วเท่านั้นที่มันกลัวจะขึ้นศาลยุติธรรม แรก ๆ ผมก็ตกใจ เพราะเท่าที่หารือกัน คุณเอกราชบอกผมว่าตัวพ.ร.ป. ป.ป.ช. ที่จะเอาทหารที่กระทำความผิดทุจริตขึ้นศาลอาญาทุจริตดูเหมือนจะผ่าน เพราะว่าก็เป็นนโยบายของทุกพรรคการเมือง แล้วทุกคนก็เห็นดีตรงกัน เห็นถึงความชั่วร้ายของทหารทุจริตอยู่แล้ว ผมแปลกใจมากว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงคว่ำในวาระที่ 3


แล้วบังเอิญว่าการอภิปรายของ ชยพล สะท้อนดี ที่ทำให้ผมรู้ถึงพฤติกรรมชั่วช้าของทหารเลวกลุ่มหนึ่งที่มันบังอาจเอาเงินภาษีเอาทรัพยากรที่มันได้รับจากประชาชนมาแฝงตัวเข้าไปแฮก เข้าไปทำลายความเป็นส่วนตัว เข้าไปคุกคามประชาชน ซึ่งพฤติกรรมความชั่วร้ายของมันคือโจรไซเบอร์ชัด ๆ แล้วถ้าเกิดไอ้ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ตัวนี้ผ่าน ไอ้กลุ่มโจรชั่วเหล่านี้จะเป็นกลุ่มโจรแรกในคราบลายพรางที่จะถูกลากขึ้นศาลยุติธรรม และนี่หรือเปล่าที่ทำให้กลุ่มก้อนทางการเมืองบางกลุ่มยูเทิร์นและคว่ำกฎหมายนี้ในวาระที่ 3


ผมยังยืนยันตรงนี้ครับว่าสิ่งที่เราต้องการร่วมกันไม่ใช่เป็นสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่การเมืองในโลกจินตนาการที่บางคนพยายามบอกกับเรา มันเป็นความเรียบง่ายมาก ๆ ในการปฏิรูประบบยุติธรรมเพื่อทำให้ข้าราชการทุกกลุ่ม ทุกก้อน ทุกกรม ทุกกองอยู่ในระบบยุติธรรมเดียวกัน ซึ่งมันจะดีกับทั้งรัฐบาลทั้งที่เป็นอยู่นี้ รัฐบาลในอนาคตที่จะใช้กำกับดูแลไม่ให้กองทัพกระทำการทุจริต กระทำการเหิมเกริมกับประชาชน และเป็นเกราะกำบังป้องกันการทำรัฐประหารที่ดีที่สุดอีกด้วย

 

สุดท้ายจริง ๆ ครับ ขอบคุณที่ยังกรุณาใช้งานพวกเรา ขอบคุณนะครับที่กรุณาอนุญาตให้พวกเราได้มาสื่อสาร ได้มาร่วมในงานอันมีเกียรติแห่งนี้ และก็ขอบคุณนะครับที่ยังจะมองดูและทำงานร่วมกันกับพวกเรา ทั้ง พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร พ.ร.ป. ป.ป.ช. ผมยังไม่สิ้นหวัง การแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยในมาตรา 199 รวมทั้งตัว พ.ร.ป. ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ขอบพระคุณและฝากเนื้อฝากตัวที่จะทำงานร่วมกันต่อไปครับ ขอบคุณครับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #15ปีเมษาพฤษภา53