รัฐมนตรีการค้า
ไทย–มาเลเซีย เดินหน้าจับมือ เสนออาเซียนรวมพลังรับมือมาตรการการค้าสหรัฐฯ
นายพิชัย
นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568
ตนได้ร่วมหารือกับ ‘เต็งกู ดาโต๊ะ ศรี ซาฟรูล อับดุล อาซิส’
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและมาเลเซีย
รวมถึงระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมรับมือกับนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ
โดยเฉพาะมาตรการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน ที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในภูมิภาค
ทั้งสองประเทศเห็นพ้องในการสนับสนุนถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่ยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวกัน และอาเซียนจะเป็น
"หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน" กับสหรัฐฯ
รวมทั้งเน้นย้ำความจำเป็นในการส่งเสริมการเจรจาเชิงสร้างสรรค์
เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าอย่างสมดุล
โดยอาเซียนจะยังยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีและหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า
ในการนี้
นายพิชัยได้เสนอ รมต. ซาฟรูล อาซิส ในฐานะประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
ให้เร่งจัดการประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และจุดยืนร่วมของอาเซียน
สำหรับการหารือกับสหรัฐฯ
พร้อมเชิญชวนประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมประชุมเจรจากับสหรัฐฯ
เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งและแสวงหาทางออกที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
อันจะนำไปสู่การรักษาผลประโยชน์ของภูมิภาค ตลอดจนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า
การลงทุน และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวต่อไป ซึ่งในเดือนหน้า
จะมีการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25
และการประชุมผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 46 ขึ้น ณ
กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยผู้นำและรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน
ก็จะได้มีการหารือแนวทางในประเด็นดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้
รัฐมนตรีการค้าทั้งสองประเทศยังได้หารือกันถึงมาตรการป้องกันปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ
ซึ่งในส่วนของไทยท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ซึ่งจากการดำเนินการได้ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายแล้ว 24,626 คดี เก็บ VAT พุ่ง
1,500 ล้านบาท ทำนำเข้าสินค้าออนไลน์ลดเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท
นายพิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า
อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงอย่างยิ่งของโลก
ด้วยจำนวนประชากรกว่า 660 ล้านคน มูลค่า GDP รวมกว่า 3.6
ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
และแนวโน้มการเติบโตของการค้าในภูมิภาคที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง
โดยไทยพร้อมสนับสนุนอาเซียนในการยึดมั่นในหลักการเปิดกว้าง เชื่อมโยง
และยั่งยืนกับทุกประเทศคู่ค้า
และพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกทั้งนี้ในปี 2567
นอกจากนี้
เมื่อเช้าวันนี้ (วันที่ 18 เม.ย. 2568) นายพิชัย ได้เดินทางไปยังโรงแรมโรสวูด
กรุงเทพฯ เพื่อส่ง อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางกลับมาเลเซีย
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการอีกด้วย
มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่
4 ของไทยในโลก และอันดับที่ 1 ของไทยในกลุ่มอาเซียน โดยในปี 2567
การค้ารวมไทย-มาเลเซีย มีมูลค่า 26,055.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+3.88%)
โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ามูลค่า 1,385.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปมาเลเซีย อาทิยานยนต์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป
แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยางพารา เคมีภัณฑ์เหล็ก
เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปี2568 (ม.ค.-ก.พ.)
การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 4,126.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+5.28%) โดยเป็นการส่งออก 2,011.81
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและนำเข้า 2,114.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สหรัฐฯ
เป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของอาเซียนมายาวนาน โดยในปี 2567 สหรัฐฯ
และอาเซียนมีมูลค่าการค้าทั้งหมด 476.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 352.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+13.3%)
และส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 124.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(+16.6%) สินค้าสำคัญที่สหรัฐฯ
นำเข้าจากอาเซียน อาทิ ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง รองเท้า
เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร
และสินค้าสำคัญที่สหรัฐฯ ส่งออกไปอาเซียน อาทิ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า
เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักร วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยานยนต์ ชิ้นส่วนและเครื่องยนต์
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงพาณิชย์ #มาเลเซีย