'วิโรจน์' เผย 3 ข้อสังเกตตึก สตง.ถล่ม จี้สอบคุณภาพคอนกรีตไม่ได้มาตรฐาน ย้ำต้องจับหัวหน้าโจรให้ได้ แฉทุนจีนจับมือมหาวิทยาลัยลัยศูนย์เหรียญ ออกวีซ่า นศ.ให้วิศวกรจีน มาคุมงานไทย
วันที่ 21 เม.ย. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเข้าไปร่วมตรวจสอบเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ขณะนี้โฟกัสที่สำคัญคงมี 3 เรื่อง โดยประเด็นนี้มอบให้นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.ติดตามตรวจสอบงบประมาณฯ ใช้กลไกสภาโดยชอบติดตามตรวจสอบได้
ส่วนตนได้ตั้งข้อสังเกต 3 เรื่องใหม่หลัก เช่น คุณภาพคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะมีการปรับแบบผนัง shear wall ให้แคบลง จากเดิมหนา 35 ซ.ม. เหลือ 25 ซ.ม. พอผนังแคบลงการเทคอนกรีตก็ยากขึ้น ซึ่งตนมีข้อสงสัยว่า มีการผสมน้ำเกินควรหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบผ่านห้องปฏิบัติการและหลักวิศวกรรมได้
การออกแบบอาคาร มีข้อสังเกตเรื่องการตั้งค่าเผื่อค่าความปลอดภัย ( Safety factor) ต่ำกว่าอาคารอื่นนั้น มีเหตุผลมาจากอะไร ซึ่งตนสงสัยว่า มีการล็อกสเปคเพื่อทำการคอร์รัปชัน ในการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ราคาที่สูงหรือไม่ ทำให้เหลือโควตางบประมาณในการออกแบบที่จำกัด ซึ่งเป็นตัวบีบให้มีการออกแบบค่าความปลอดภัยไม่สูงตามความจำเป็น และการแก้ไขแบบ โดยล่าสุดวิศวกรออกแบบระบุว่า ถูกปลอมลายเซ็นต์ แต่กลับไม่พบว่ามีการฟ้องบริษัทกลับ และการแก้แบบนั้นไปเผื่ออะไร ซึ่งทางคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณกำลังติดตามในเรื่องนี้
นายวิโรจน์ ยืนยันว่า สาเหตุการพังถล่มลงของอาคาร สตง. ถ้าจะสรุปเลยว่าเพราะอะไร มันจะจับโจรไม่ครบ เพราะวันนี้การถล่มลงของอาคาร สตง. พังครืนลงมา ซึ่งปกติการออกแบบทางวิศวกรรมตึก จะต้องทรุดเอียงก่อน และมีเวลาในการตัดสินใจ แต่ลักษณะการการพังครืนลงมาแบบนี้ สะท้อนปัญหาที้เกิดจากองค์ประกอบพร้อมกัน
ดังนั้นจะต้องจับโจรให้ได้ครบ ต้องจับหัวหน้าโจรให้ได้ ควรจะต้องเก็บตัวอย่างผนัง shear wall ตรวจสอบ ทางที่ดีควรส่งตรวจห้องปฏิบัติการต่างประเทศ ใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจคุณภาพคอนกรีต เพื่อความเป็นกลาง และไม่มีผู้มีอำนาจรายใดมาแทรกแซง แต่หากปล่อยเคลียร์พื้นที่ไปแล้วจะเป็นการทำลายหลักฐาน
ส่วนการขยายผลตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐอื่นอีกหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า มีการขยายผล แต่สิ่งที่ให้ความสนใจ คือ ทุกวันนี้ตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ มีผู้ประกอบการ ที่มีผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน ถือหุ้นแบบทางอ้อม โดยพฤตินัย มีการถือหุ้นไขว้กันไปมา พอนำมารวมหุ้นทางอ้อมจากบริษัทที่เกี่ยวข้องมากกว่าคนไทย
ซึ่งในลักษณะนี้ พบเบาะแสว่า มีการนำวิศวกรต่างชาติมาทำงาน โดยไม่ได้ผ่านการควบคุม จากสภาวิศวกร และเอามหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญ ที่อยู่ในทุนของคนจีน ออกวีซ่านักศึกษา เข้ามาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์
แบบนี้จำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะนี่ไม่ใช่การลักลอบ แต่เป็นหายนะของแวดวงวิศวกรรม หากเกิดเหตุในอนาคต จะจับมือใครดมไม่ได้ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่อ่อนแอ ทางด้านวิศวกรรมและงานโครงสร้าง หากมีการพังถล่ม จะเกิดความสูญเสียทางด้านชื่อเสียง และทรัพย์สินมหาศาล จะต้องประสานกับสภาวิศวกรเข้าตรวจสอบ และอาจจะขอความร่วมมือ กับ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้สอดส่องมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งมีไม่กี่แห่ง
