“ศุภโชติ” ถามนายกฯ ถ้าผลสอบสัญญารับซื้อไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์
ไม่พบผิดกฎหมาย แต่ชี้ชัดเอื้อกลุ่มทุน-ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น
จะเดินหน้าเหมือนรอบ 5,200 เมกะวัตต์ด้วยหรือไม่
วันที่
22 เมษายน 2568 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลลงนามเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200
เมกะวัตต์จากเอกชน
แม้จะมีเสียงทักท้วงจากประชาชนให้ชะลอการลงนามไว้ก่อน
เพราะสัญญาดังกล่าวจะส่งผลให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงต่อไปอีก 25 ปี ขณะที่ รมว.พลังงาน อ้างว่าหากพบปัญหา สามารถยกเลิกสัญญาภายหลังได้
ศุภโชติกล่าวว่า
คำถามสำคัญวันนี้ไม่ใช่แค่สัญญารับซื้อเหล่านี้ถูกหรือผิดกฎหมาย
แต่สัญญารับซื้อเหล่านี้เป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่
ถ้าอ้างแค่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ผิดกฎหมาย คงมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลทำได้
โดยไม่ต้องคิดถึงความคุ้มค่าหรือผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน
แต่รัฐบาลที่คิดแค่นั้นคือรัฐบาลที่ประชาชนต้องการหรือไม่ ตนมั่นใจว่าไม่ใช่
สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเพื่อกลุ่มทุนพวกพ้อง
ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ประชาชน เมื่อเห็นสัญญาที่จะทำให้ประชาชนเสียเปรียบ
แทนที่จะมีความกล้าหาญใช้อำนาจในมือหาทางป้องกันยับยั้ง
กลับเพิกเฉยให้การเอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุนพลังงานเดินหน้า
ปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้แบกรับความเสี่ยง
ขณะเดียวกัน
โครงการรับซื้อไฟฟ้ารอบ 3,600
เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ
และจะส่งผลเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 28 เมษายนนี้
คำถามของตนคือถ้าผลตรวจกระบวนการบอกว่าไม่พบผิดกฎหมาย
แต่ชัดเจนว่าจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ นายกฯ
ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะทำอย่างไร
จะอ้างว่าต้องเดินหน้าโครงการเหมือนรอบ 5,200 เมกะวัตต์ด้วยหรือไม่
จุดยืนตนนั้นเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี
รมว.พลังงาน และ กพช. ออกมติยกเลิกการรับซื้อครั้งนี้ และเพิ่มโควตา Direct PPA แทน ประเทศไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดได้
โดยประชาชนไม่ต้องถูกซ้ำเติมเรื่องค่าไฟไปมากกว่านี้
อยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร เลือกกลุ่มทุนหรือเลือกประชาชน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ค่าไฟแพง #พรรคประชาชน #กระทรวงพลังงาน #นายกแพทองธาร