เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จัดกิจกรรม “9 เมษา พาส่งใจให้นิรโทษกรรม” เรียกร้องให้คงเป็นวาระ “เร่งด่วน” พิจารณาทันทีเมื่อเปิดสมัยประชุมหน้า 3 กรกฎาคมนี้
วันที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา ฝั่งทางเข้า-ออก ประตูสส. มีการจัดงาน “9 เมษา พาส่งใจให้นิรโทษกรรม” โดยเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน หลังสภาผู้แทนราษฎรมีนัดพิจารณาร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีจากการชุมนุมทางการเมืองทั้งสี่ฉบับ ซึ่งรวมไปถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับที่เสนอด้วยภาคประชาชน กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมและประชาชนร่วมจับตาสถานการณ์และผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมจัดกิจกรรมเสวนา
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (9 เมษายน 2568) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีการเสนอญัตติด่วนเพื่อถกเถียงเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวม 10 ญัตติ จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าที่ประชุมสภาจะเริ่มพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้งสี่ฉบับภายในวาระการประชุมสมัยนี้หรือไม่ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนได้แถลงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอีกฉบับหนึ่ง เพื่อพิจารณาประกบกับร่างของพรรคการเมืองและภาคประชาชน และให้สภาคงวาระกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นวาระ “เร่งด่วน” พิจารณาทันทีหลังเปิดสมัยประชุมหน้าในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568
สำหรับบรรยากาศกิจกรรมที่บริเวณฝั่งลานประชาชนมีนักกิจกรรม ประชาชน สื่อมวลชน ทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมในช่วงเย็นของวันนี้โดยมีบูธกิจกรรมจากองค์กรเครือข่ายภาคประชาสังคมต่าง ๆ ต่อมาในเวลาประมาณ 16.15 น. มีตัวแทนจากเครือข่ายนิรโทษกรรม ประกอบด้วย พูนสุข พูนสุขเจริญ, ยิ่งชีพ อัชฌานนท์, เบนจา อะปัญ และธนพัฒน์ หรือปูน ร่วมอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ในรัฐสภาว่าวาระการพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมจะไม่ถูกนำมาพิจารณาในวันนี้ ย้ำว่าเวลาของคนที่อยู่ในเรือนจำที่สูญเสียอิสรภาพไปนั้นมีค่ามาก และทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาในเดือนกรกฎาคมยังจะต้องเป็นเรื่องด่วนเช่นเดิม จึงขอนัดประชาชนไว้ล่วงหน้าให้มาร่วมส่งกำลังใจและผลักดันกฎหมาย
ต่อมามีการอธิบายภาพรวมสถานการณ์จากแคมเปญนิรโทษกรรมประชาชนสู่การพิจารณากฎหมายในสภา โดยมี เฝาซี ล่าเต๊ะ ตัวแทนจาก Amnesty International Thailand กล่าวโดยสรุปว่า ที่ผ่านมาเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนทำกิจกรรมแคมเปญรณรงค์ทั่วประเทศ เพื่อที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน โดยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนเรียกร้องให้ทุกคดีที่เกิดจากการแสดงสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการชุมนุมควรรวมถึงคดีมาตรา 112 ได้รับนิรโทษกรรม ขอเรียกร้องให้สภารับฟังเสียงประชาชนและอย่าเมินเฉยข้อเรียกร้อง “นิรโทษกรรมประชาชน สะสางอดีต คลี่คลายปัจจุบัน รับประกันอนาคตเสรีภาพ” เฝาซีกล่าว
ในวงเสวนาแรกในเรื่อง “ชีวิตของผู้ถูกดำเนินคดี” มีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย 3 คน คือ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน, ถิรนัย หรือ ธี และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ โดยมีผู้ดำเนินรายการคืออชิรญา บุญตา หรือจุ๊บจิ๊บ โดยได้ชวนผู้ร่วมเสวนาพูดคุยถึงแรงจูงใจในการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ชีวิตหลังออกมาเคลื่อนไหวและถูกดำเนินคดีในช่วงเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่จตุภัทร์ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ในช่วงปี 2557 จากการแชร์โพสต์ข่าว BBC จนถึงทานตะวันและถิรนัยที่ถูกดำเนินคดีจากการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงปี 2563
อีกทั้งยังมีการพูดคุยถึงการใช้ชีวิตในเรือนจำที่พวกเขาเคยถูกคุมขัง ด้านทานตะวันชวนประชาชนร่วมติดตามเรื่องราวของเพื่อนในเรือนจำทุกคนที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก และมีการพูดคุยถึงชีวิตและความฝันของผู้ร่วมเสวนา รวมถึงกิจกรรมการเคลื่อนไหวในอนาคตของแต่ละคน
ต่อด้วยวงเสวนาเรื่อง “ชีวิตของผู้ต้องขัง” มีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย 3 คน คือ ภราดร เกตุเผือก หรือลุงดร สื่ออิสระบน Youtube ธีรภพ เต็งประวัติ หรือไม้โมก ตัวแทนจากกลุ่ม Thumb Rights และตัวแทนจาก Freedom Bridge โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ อานนท์ ชวาลาวัลย์ มาพูดคุยถึงเรื่องราวของผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังทางการเมือง ทั้งในด้านของสื่ออิสระที่เข้ามามีบทบาทนำเสนอเรื่องราว รวมไปถึงการเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือด้านธีรภพที่เป็นผู้ส่งจดหมายพูดคุยกับเหล่าผู้ต้องขังทางการเมือง สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขา
ส่วนตัวแทนจาก Freedom Bridge ได้เล่าถึงการทำงานที่ปัจจุบันมีนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาเข้ามาให้ความดูแลผู้ต้องขัง รวมถึงครอบครัวของผู้ต้องขัง 48 คน และร่วมส่งเสียงแทนผู้ต้องขังถึงความหวังที่จะได้ประกันตัวและเรียกร้อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน
และกิจกรรม “ฟังเสียงคนที่อยากให้เกิดนิรโทษกรรม” จากคนหลากหลายกลุ่มที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองมาร่วมพูดเรื่องเกี่ยวข้องกับนิรโทษกรรมประชาชน โดยเริ่มต้นจาก อัครชัย ชัยมณีการเกษ มาชวนคุยว่าสังคมโลกมองอย่างไรต่อประเด็นการนิรโทษกรรมประชาชนและสถานการณ์ด้านสิทธิในประเทศไทย
ต่อด้วยสุรพศ ทวีศักดิ์ หรือนักปรัชญาชายขอบ มาพูดถึงประเด็นการพิจารณาคดีละเมิดอำนาจศาลของอานนท์ นำภา และชวนถกคิดข้อดีและข้อเสียจากการนิรโทษกรรมรวมคดีมาตรา 112 ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์คือสถาบันกษัตริย์, รัฐสภา, พรรคการเมือง, สถาบันตุลาการ ส่วนสิ่งที่จะสูญเสียไปคือโซ่ตรวนความเป็นเผด็จการล้าหลัง กลายเป็นประเทศอารยะ
จากนั้นมี ธนพร วิจันทร์ หรือไหม พูดยืนยันว่าประชาชนยังต้องการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองรวมคดีมาตรา 112 ด้วย และถามไปถึงทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าเคยแสดงความจริงใจใดถึงการนิรโทษกรรมประชาชนบ้าง และคดีชุมนุมในปี 2564 เพิ่งถูกนำมาฟ้องนั้นเรียกว่าเป็นการนิรโทษกรรมอย่างไร และถ้ารัฐสภาไม่ทำหน้าที่กฎหมายของประชาชนแล้วจะไปทำหน้าที่ใด ทำไมถึงไม่นำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน เข้าวาระแรกของสภา
ตัวแทนกลุ่มไฟรามทุ่ง กล่าวย้ำว่าผู้ต้องขัง 48 คนไม่ใช่จำนวนที่น้อยและพวกเขาต้องได้ออกจากเรือนจำ และทวงการนิรโทษกรรมให้ประชาชนที่ใช้เสรีภาพอย่างสุจริต ด้านสมยศ พฤกษาเกษมสุข เล่าว่าตนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อยู่อีกสองคดี ซึ่งถ้าหากมีการตัดสินคดีแล้วก็อาจต้องเข้าเรือนจำในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ด้านพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงว่าจะขอความเมตตาต่อศาลให้ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน วันนี้นิรโทษกรรมประชาชนยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาไปได้ ซึ่งเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ทำในสิ่งที่เคยพูดไว้ ย้ำว่ายังมีเวลาที่จะพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมรวมคดีมาตรา 112
ยังมีตัวแทนจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พูดว่าสถานการณ์ที่ผ่านมามีคนถูกดำเนินคดีมากมาย และปัจจุบันยังมีคนถูกดำเนินคดีอยู่ กลุ่มล้อการเมืองก็ยังถูกคุกคามแม้จะเป็นการทำงานศิลปะ อยากให้สังคมช่วยสื่อสารให้มีนิรโทษกรรมประชาชน คืนเสรีภาพทางความคิด ปล่อยผู้ต้องขังออกจากเรือนจำ ส่งเสียงถึงพรรคเพื่อไทยจริงจังในการปฏิรูปให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นจริง เริ่มด้วยจากการนิรโทษกรรมประชาชน
โชคดี ร่วมพฤกษ์ หรืออาเล็ก เล่าว่าตนไปร่วมชุมนุมทุกที่เพื่อเป็นหนึ่งในจำนวนนับ และเรื่องนิรโทษกรรมเป็นความหวังที่ริบหรี่ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ ตนฝากชีวิตไว้กับประชาชน ฝากติดตามช่อง Youtube ซึ่งได้แต่งไว้หลายร้อยเพลง มีทุกสถานการณ์ และเพลงสุดท้ายที่ทำไว้คือเพลงนิรโทษกรรมต้องรวม 112
หลังจากนั้นมี สส.พรรคประชาชน โดยมี ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือทนายแจม, พุธิตา ชัยอนันต์ และ พนิดา มงคลสวัสดิ์ ร่วมพูดคุยกับประชาชนถึงสถานการณ์ในรัฐสภา และให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะผลักดันอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าวันนี้ยังไม่สำเร็จ แต่วันต่อไปจะผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรมให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างคดีมาตรา 112 ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ยังจำได้ถึงเจตนาในการเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร จึงให้ประชาชนมั่นใจว่าจะสู้เต็มที่
สุดท้ายเครือข่ายนิรโทษกรรมร่วมอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องส่งเสียงถึงรัฐสภา และเชิญชวนประชาชนไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยการผูกริบบิ้นสีขาวที่บริเวณประตูฝั่ง สส. จากนั้นปิดท้ายกิจกรรมด้วยการแสดงดนตรีจากวงสามัญชน และยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 20.00 น.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน