11
ปี ‘คดีบิลลี่’ ถูกบังคับสูญหาย ความยุติธรรมยังไม่เกิด : 11
ปี ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมของชาวบางกลอย ในกิจกรรมสานสัมพันธ์
เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่ เรียกร้องใช้กลไกกระบวนการยุติธรรม
สิทธิมนุษยชนและสังคมไม่ให้เกิดการอุ้มหาย
วันนี้
(18 เมษายน 2568) เพื่อเป็นการรำลึกถึง กว่า “11 ปีที่นี่บิลลี่ยังไม่กลับบ้าน”
ป้ายผ้าที่ถูกแขวนไว้ที่สะพานข้ามแม่น้ำเพชร ทางเข้าชุมชนบางกลอย อ.แก่งกระจาน
จ.เพชรบุรี เพื่อรำลึกการหายไปของ “บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ”
โดยเมื่อวันที่
15-17 เมษายน 2568 ที่หมู่บ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน
อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ชาวบางกลอย จัดกิจกรรม “11 ปีแห่งการรอคอย:
11 กิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่”
โดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ร่วมกับ
เครือข่ายประชาชนขจัดการเลือกปฏิบัติ (MovED), ภาคีเซฟบางกลอย,
สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย, บางกลอยคืนถิ่น
และกลุ่ม Rebel Art Space โดยการสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(ศมส.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี
การหายตัวของ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เมื่อวันที่ 17 เมษายน
2557
กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกและจดบันทึกความทรงจำถึงเหตุการณ์สำคัญของชุมชน
รวมทั้งการหายตัวไปของบิลลี่ครบ 11 ปี, ส่งเสริมกิจกรรมชุมชนให้จัดกิจกรรมตามประเพณีและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
และจัดกิจกรรมส่งเสริมและตรวจตราสิทธิขั้นพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม รวมถึงสิทธิในเรื่องบ้านและที่อยู่อาศัย
การเข้าถึงสุขภาพของชุมชนบ้านบางกลอย รวมทั้งสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาและกระบวนการยุติธรรม
สำหรับวันแรก
(15 เมษายน 2568) เริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำ
มีการฉายหนังกลางแปลง โดยมีชาวบ้านและเด็กกว่าหนึ่งร้อยคนมาร่วมกิจกรรม
และต่อมาในวันที่สอง
(16 เมษายน 2568) เริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมวาดรูปสะท้อนชีวิตชุมชนกระเหรี่ยงบางกลอย
เพื่อพบปะเด็กในชุมชน
และสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้แสดงออกงานศิลปะโดยมีโจทย์ในการวาดภาพเล่าเรื่องราวพี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอย
เพื่อถ่ายทอดมุมมองที่เด็กต่อชุมชน วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความฝันของพวกเขา
และนำป้ายผ้าสามผืนใหญ่ไปแขวนบริเวณสะพานหมู่บ้าน เป็นคำว่า “บางกลอยคือผู้คน
ชาติพันธุ์ก็คือคน!”, “11 ปีที่นี่ บิลลี่ยังไม่กลับบ้าน”
และ “จิตวิญญาณใจแผ่นดินร่ำร้องเพรียกเสียงให้หวนคืน”
ต่อมาในช่วงเย็นมีนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชนบางกลอย
ความขัดแย้งเรื่องที่อยู่อาศัยและการเข้ารื้อทำลายที่อยู่ของชาวบ้าน
การต่อสู้ฟ้องร้องคดีความ และการหายตัวไปของบิลลี่ จนในเวลาประมาณ 18.30 น.
มีพิธีรดน้ำดำหัวผู้อาวุโส
จากนั้นมีกิจกรรมรำลึกบิลลี่
หรือพอละจี รักจงเจริญ เนื่องในวันครบรอบ 11 ปี การบังคับสูญหาย
โดยการจุดเทียน การกล่าวรำลึก หรือการแสดงศิลปะเชิงสัญลักษณ์
ต่อด้วยวงสนทนาเรื่องสุขภาพกายและใจ ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง
การเข้าถึงบริการสุขภาพ และการส่งเสริมสุขภาพ
อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทางกฎหมาย อัปเดตความเคลื่อนไหวของกฎหมายที่สำคัญ
เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจสิทธิและแนวทางการแก้ไขปัญหา
ต่อด้วยการแสดงดนตรีด้วยมินิคอนเสิร์ตนำโดย “น้ำ” อัญชลี และ “เอ้” กุลจิรา
เป็นกิจกรรมสุดท้ายในคืนนี้
และกิจกรรมวันสุดท้าย
(17 เมษายน 2568) มีทัวร์ย้อนรอยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
โดยมีชาวบ้านเป็นผู้นำทางและเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
และเหตุการณ์สำคัญของจุดสำคัญต่าง ๆ ในชุมชน เพื่อเสริมสร้างพลังให้กับคนในชุมชนและให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจรากเหง้าและความเป็นมาของชุมชน
เป็นกิจกรรมสุดท้ายก่อนสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 11.00 น.
สำหรับหมู่บ้านบางกลอย
ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ดูแลและควบคุมของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เป็นชุมชนที่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนาน
ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์และวัฒนธรรมจากการผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
ท่ามกลางผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
จนทำให้ก่อเกิดความสำคัญด้านระบบนิเวศที่สวยงามเป็นที่ยอมรับทั้งจากผู้คนในประเทศและในระดับสากล
อย่างไรก็ตาม
ชุมชนบางกลอย-ใจแผ่นดิน
ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสิทธิพื้นฐานทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่ดินทำกิน การรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม
และสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ
ที่ผ่านมาชุมชนต้องตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหลายครั้ง
ทั้งการอพยพเคลื่อนย้าย การจัดสรรที่ดินที่ไม่เหมาะสม
คดีความระหว่างชาวบ้านกับอุทยานแห่งชาติในคดีศาลปกครอง และกรณีสำคัญคือการหายไปของ
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ
ตลอดจนการดำเนินคดีชาวบ้านที่ประสงค์จะเดินทางกลับขึ้นไปยังพื้นที่ดั้งเดิม
สำหรับ
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิในที่ดิน
จากกรณีความขัดแย้งเรื่องที่อยู่อาศัยและการเข้ารื้อทำลายที่อยู่ของชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัว
ระหว่างชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ
โดยเขาเป็นหนึ่งในแกนนำชุมชนในการฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 บิลลี่ซึ่งเป็นหนึ่งในพยานปากเอก
กลับหายตัวไปก่อนที่จะต้องเข้าให้ข้อมูลต่อศาลปกครองกลางในเดือนพฤษภาคม 2557
โดยผู้ที่พบเห็นบิลลี่ครั้งสุดท้ายให้การว่าเขาเห็นบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมตัวในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ต่อมาในวันที่
26 กันยายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
พิพากษาจำคุก 3 ปี ‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’
อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่ยกฟ้องข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #บิลลี่พอละจี #พรบทรมานอุ้มหาย #หยุดปิดปากชุมชน