วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568

11 ปี ‘คดีบิลลี่’ ถูกบังคับสูญหาย ความยุติธรรมยังไม่เกิด : 11 ปี ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมของชาวบางกลอย ในกิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่ เรียกร้องใช้กลไกกระบวนการยุติธรรม สิทธิมนุษยชนและสังคมไม่ให้เกิดการอุ้มหาย


11 ปี ‘คดีบิลลี่’ ถูกบังคับสูญหาย ความยุติธรรมยังไม่เกิด : 11 ปี ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมของชาวบางกลอย ในกิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่ เรียกร้องใช้กลไกกระบวนการยุติธรรม สิทธิมนุษยชนและสังคมไม่ให้เกิดการอุ้มหาย

 

วันนี้ (18 เมษายน 2568) เพื่อเป็นการรำลึกถึง กว่า “11 ปีที่นี่บิลลี่ยังไม่กลับบ้าน” ป้ายผ้าที่ถูกแขวนไว้ที่สะพานข้ามแม่น้ำเพชร ทางเข้าชุมชนบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อรำลึกการหายไปของ “บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ”

 

โดยเมื่อวันที่ 15-17 เมษายน 2568 ที่หมู่บ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ชาวบางกลอย จัดกิจกรรม “11 ปีแห่งการรอคอย: 11 กิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของบิลลี่” โดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ร่วมกับ เครือข่ายประชาชนขจัดการเลือกปฏิบัติ (MovED), ภาคีเซฟบางกลอย, สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย, บางกลอยคืนถิ่น และกลุ่ม Rebel Art Space โดยการสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี การหายตัวของ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557

 

กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกและจดบันทึกความทรงจำถึงเหตุการณ์สำคัญของชุมชน รวมทั้งการหายตัวไปของบิลลี่ครบ 11 ปี, ส่งเสริมกิจกรรมชุมชนให้จัดกิจกรรมตามประเพณีและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และจัดกิจกรรมส่งเสริมและตรวจตราสิทธิขั้นพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงสิทธิในเรื่องบ้านและที่อยู่อาศัย การเข้าถึงสุขภาพของชุมชนบ้านบางกลอย รวมทั้งสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาและกระบวนการยุติธรรม

 

สำหรับวันแรก (15 เมษายน 2568) เริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำ มีการฉายหนังกลางแปลง โดยมีชาวบ้านและเด็กกว่าหนึ่งร้อยคนมาร่วมกิจกรรม

 

และต่อมาในวันที่สอง (16 เมษายน 2568) เริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมวาดรูปสะท้อนชีวิตชุมชนกระเหรี่ยงบางกลอย เพื่อพบปะเด็กในชุมชน และสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้แสดงออกงานศิลปะโดยมีโจทย์ในการวาดภาพเล่าเรื่องราวพี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอย เพื่อถ่ายทอดมุมมองที่เด็กต่อชุมชน วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความฝันของพวกเขา และนำป้ายผ้าสามผืนใหญ่ไปแขวนบริเวณสะพานหมู่บ้าน เป็นคำว่า “บางกลอยคือผู้คน ชาติพันธุ์ก็คือคน!”, “11 ปีที่นี่ บิลลี่ยังไม่กลับบ้าน” และ “จิตวิญญาณใจแผ่นดินร่ำร้องเพรียกเสียงให้หวนคืน”

 

ต่อมาในช่วงเย็นมีนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชนบางกลอย ความขัดแย้งเรื่องที่อยู่อาศัยและการเข้ารื้อทำลายที่อยู่ของชาวบ้าน การต่อสู้ฟ้องร้องคดีความ และการหายตัวไปของบิลลี่ จนในเวลาประมาณ 18.30 น. มีพิธีรดน้ำดำหัวผู้อาวุโส

 

จากนั้นมีกิจกรรมรำลึกบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ เนื่องในวันครบรอบ 11 ปี การบังคับสูญหาย โดยการจุดเทียน การกล่าวรำลึก หรือการแสดงศิลปะเชิงสัญลักษณ์ ต่อด้วยวงสนทนาเรื่องสุขภาพกายและใจ ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง การเข้าถึงบริการสุขภาพ และการส่งเสริมสุขภาพ อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทางกฎหมาย อัปเดตความเคลื่อนไหวของกฎหมายที่สำคัญ เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจสิทธิและแนวทางการแก้ไขปัญหา ต่อด้วยการแสดงดนตรีด้วยมินิคอนเสิร์ตนำโดย “น้ำ” อัญชลี และ “เอ้” กุลจิรา เป็นกิจกรรมสุดท้ายในคืนนี้

 

และกิจกรรมวันสุดท้าย (17 เมษายน 2568) มีทัวร์ย้อนรอยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดยมีชาวบ้านเป็นผู้นำทางและเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเหตุการณ์สำคัญของจุดสำคัญต่าง ๆ ในชุมชน เพื่อเสริมสร้างพลังให้กับคนในชุมชนและให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจรากเหง้าและความเป็นมาของชุมชน เป็นกิจกรรมสุดท้ายก่อนสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 11.00 น.

 

สำหรับหมู่บ้านบางกลอย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ดูแลและควบคุมของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นชุมชนที่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนาน ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์และวัฒนธรรมจากการผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ท่ามกลางผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จนทำให้ก่อเกิดความสำคัญด้านระบบนิเวศที่สวยงามเป็นที่ยอมรับทั้งจากผู้คนในประเทศและในระดับสากล

 

อย่างไรก็ตาม ชุมชนบางกลอย-ใจแผ่นดิน ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสิทธิพื้นฐานทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่ดินทำกิน การรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม และสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ ที่ผ่านมาชุมชนต้องตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหลายครั้ง ทั้งการอพยพเคลื่อนย้าย การจัดสรรที่ดินที่ไม่เหมาะสม คดีความระหว่างชาวบ้านกับอุทยานแห่งชาติในคดีศาลปกครอง และกรณีสำคัญคือการหายไปของ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ ตลอดจนการดำเนินคดีชาวบ้านที่ประสงค์จะเดินทางกลับขึ้นไปยังพื้นที่ดั้งเดิม

 

สำหรับ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิในที่ดิน จากกรณีความขัดแย้งเรื่องที่อยู่อาศัยและการเข้ารื้อทำลายที่อยู่ของชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัว ระหว่างชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ โดยเขาเป็นหนึ่งในแกนนำชุมชนในการฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 บิลลี่ซึ่งเป็นหนึ่งในพยานปากเอก กลับหายตัวไปก่อนที่จะต้องเข้าให้ข้อมูลต่อศาลปกครองกลางในเดือนพฤษภาคม 2557 โดยผู้ที่พบเห็นบิลลี่ครั้งสุดท้ายให้การว่าเขาเห็นบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมตัวในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

 

ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 3 ปี ‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่ยกฟ้องข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #บิลลี่พอละจี #พรบทรมานอุ้มหาย #หยุดปิดปากชุมชน