“ธนาคารโลก”
ยก “หวยเกษียณ” นวัตกรรมการออมที่น่าทึ่ง เตรียมศึกษาร่วม-ทำโมเดลตัวอย่าง
วันที่
23 เมษายน 2568 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า
ในห้วงการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (WB-IMF Spring
Meetings) ประจำปี 2568 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
ได้หารือทวิภาคีกับ Ms. Mamta Murthi รองประธานธนาคารโลก (World
Bank) พร้อมคณะผู้บริหารธนาคารโลก
ในหัวข้อการปฏิรูประบบสวัสดิการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งใน Flagship
Report สำหรับประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม WB-IMF ในปี 2569 ที่กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรของประเทศกำลังพัฒนา
โดยทางธนาคารโลกได้ประเมินเบื้องต้นว่าไทยจัดอยู่ในประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยด้วยอัตราเร่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย
และมีช่องว่างทางการคลังที่จะรับมือปัญหาดังกล่าวอยู่ในระดับเทียบเท่าค่าเฉลี่ย
จึงยังมีศักยภาพทางการคลังเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
ธนาคารโลกได้ประเมินเครื่องมือของไทยในการรับมือ
ครอบคลุมถึงกองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
และกองทุนการออมแห่งชาติ โดยได้ให้ความสำคัญกับโครงการสลากกองทุนการออมแห่งชาติ
(หวยเกษียณ) โดยทางธนาคารโลกชื่นชมโครงการดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งในการดึงเอาวิถีชีวิตของประชากรในประเทศมาแปลงเป็นระบบการออมที่ใช้แรงจูงใจกระตุ้นอย่างน่าสนใจ
โดยเป็นโมเดลตัวอย่างที่ธนาคารโลกประสงค์จะศึกษาเชิงลึกร่วมกับไทยอย่างใกล้ชิด
เพื่อนำไปปรับใช้และสร้างเป็นแนวทางสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบปัญหาการขาดการออมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยต่อไป
ดร.เผ่าภูมิ
ได้กล่าวอีกว่า นอกจากโมเดลนี้จะสร้างระบบการออมที่ใช้แรงจูงใจแล้ว
ยังใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อยประมาณ 750 ล้านบาทต่อปี
แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดการออมได้ถึงปีละ 13,000 ล้านบาทต่อปี
และยังเป็นการดึงเม็ดเงินจากการเสี่ยงโชคนอกระบบของไทย เข้าสู่ระบบ และแปลงเป็นการออมของประชากรในประเทศ
ทั้งนี้สลาก
กอช. (หวยเกษียณ) เป็นสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท
ขายให้กับประชาชนทุกคนที่มีสัญชาติไทย และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป และซื้อได้ไม่เกิน
3,000 บาทต่อเดือน สามารถซื้อสลากได้ทุกวัน แต่ออกรางวัลทุกวันศุกร์
ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลทันทีผ่านพร้อมเพย์ โดยที่เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดถูกเก็บเป็นเงินออม
แม้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ก็ตาม เงินรางวัลประกอบด้วยรางวัลที่ 1 จำนวน 1,000,000
บาท จำนวน 5 รางวัล รางวัลที่ 2 จำนวน 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
และรางวัลพิเศษ (แจ็คพอต) 1 รางวัล (ถ้ามี) โดย “เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดจะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก”
และเมื่อผู้ออมอายุครบ 60 ปี จะคืนเงินทั้งหมดทุกบาท
ทุกสตางค์ที่ซื้อสลากมาทั้งชีวิตบวกกับผลตอบแทนการลงทุนให้กับผู้ออม
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการในวาระที่
1 เรียบร้อยแล้ว และได้ตั้งกรรมาธิการขึ้นพิจารณาจำนวน 31 คน
และจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภา