"ทนายอั๋น" มาพร้อมหวังเฉา-หม่าฮั่น ขอดูหน้า "อิทธิพร-แสวง" แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ลั่น กกต.ไม่ให้ข้อมูลระวังโดนข้อหาร่วมขบวนการอั้งยี่ซ่องโจร เชื่อ DSl มีอำนาจเต็ม 100% ทำคดีอาญาเอาผิดฮั้วเลือกสว.
วันนี้ (26 ก.พ. 68) เวลา 13.00 น. นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมด้วยอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดินทางมายัง สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อแถลงและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยมีผู้ที่แต่งกายเลียนแบบเป็น"หวังเฉา" และ "หม่าฮั่น" นำตัวผู้ที่สวมชุดนักโทษที่ระบุป้ายข้อความว่าอั้งยี่ซ่องโจรมาประหารตามคำสั่งท่านเปาบุ้นจิ้น
โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มายื่นหนังสือใดๆกับกกต. อีกแล้ว เพราะถือว่าการสื่อสารระหว่างตัวเองกับ กกต. สิ้นสุดลงแล้วนับแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาว่าจะรับกรณีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่
วันนี้เป็นเหมือนการมาดูหน้านายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. แต่ก็ได้ข้อมูลว่าตอนนี้ไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าดูงานเกี่ยวกับอะไร แล้วจะได้อะไรกลับมา เพราะตั้งแต่มีกกต.มาไม่เห็นจะมีการเลือกตั้งครั้งไหนจะสมบูรณ์แบบเลย โดยเฉพาะการเลือก สว. ครั้งที่ผ่านมาที่มันเละตุ้มเป๊ะ มีปัญหาจนตอนนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว ผมว่าไม่ต้องไปดูงานต่างประเทศหรอก ทำอย่างนี้ไปดูงานที่เขากระโดงหรือเปล่าถึงได้มีการเลือกตั้งออกมาแบบนี้
นายภัทรพงศ์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด สว. สีน้ำเงิน จึงพยายามให้ กกต.รับเรื่อง ฮั้วเลือก สว.ไปทำเอง มีนอกมีในอะไรกันหรือเปล่า อีกสว.สีน้ำเงิน ยังขู่จะฟ้องประชาชนที่ให้ข้อมูล รวมถึงขู่ดีเอสไอ ถ้าเกิดรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ตนปวดใจทุกครั้งเวลามีคนถามว่าที่ดีเอสไอทำเรื่องนี้อยู่เป็นเพราะการเมืองบีบหรือไม่ จึงรอดูว่าหลังจากนี้ทางดีเอสไอจะทำอย่างไรต่อ
นายภัทรพงศ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องฮั้วเลือก สว. ตัวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้ามาร้องเรียนกับทาง กกต.รวมถึงดีเอสไอ ตั้งแต่แรกและเคยถูกเรียกไปสอบมาแล้ว วันนี้จึงอยากมาทวงถามฝั่ง กกต. ว่าจะเอาอย่างไร ในหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าจะให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าหากไม่ให้ข้อมูลก็จะมีข้อสงสัยว่านายแสวง เลขา กกต.เป็นตัวการร่วมสนับสนุนการกระทำ ความผิดหรือไม่ และท้ายที่สุดอาจจะโดนอั้งยี่ซ่องโจรไปด้วย เพราะเห็นว่าเขามีหลักฐานว่า มีเจ้าหน้าที่กกต.ระดับสูงร่วมขบวนการอั้งยี่ซ่องโจรด้วย แต่หากทาง กกต. ไม่ได้ให้ความร่วมมือ ส่วนตัวมองว่าไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว เพราะทางดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับความผิดในคดีอาญา ซึ่งทางดีเอสไอก็เคยออกมาชี้ชัดแล้วว่ามั่นใจว่ามีอำนาจเต็ม 100% ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ กกต .
อย่างไรก็ตามหากกกต. ไม่ให้ความร่วมมือ เห็นว่า กกต.จะอาจมีความผิดในหลายส่วน เช่นละเว้นการปฎิบัติ หน้าที่ตามมาตรา 157 แต่ถ้าเกิดใช้มาตรานั้นในการเอาผิดก็จะเป็นเหมือนกันดึงเชงเตะถ่วงให้เรื่องไปชั้น ป.ป.ช. ซึ่งเรื่องนี้เข้าทาง สว.ฝั่งน้ำเงิน มองว่าลักษณะนี้ เข้าข่ายความผิดเกินมาตรา 157 ไปแล้ว ลักษณะเหมือนร่วมขบวน การด้วยมากกว่า
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสิ่งที่ผู้กระทำผิดกังวลตอนนี้ คือ ถ้าคดีไปอยู่ในมือของดีเอสไอที่มีอำนาจสอบสวนเต็มก็จะเรียก สว.138 คน รวมถึงพยานอีกกว่า 300 คน ไปสอบ และท้ายที่สุดกลุ่มคนเหล่านี้อาจพูดถึงนายใหญ่ระดับสั่งการ ซึ่งตอนนี้ตัวเองมีข้อมูลว่าคนที่ร่วมอยู่ในขบวนการฮั้ว เลือก สว.หลายคนก็กลับลำเข้ามาให้ข้อมูลกับดีเอสไอแล้ว อย่างก่อนหน้านี้มีผู้สมัคร สว. สายใต้คนหนึ่งทำคลิปข้อมูลแฉเรื่องการฮั้ว สว.และขณะนี้ก็เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
นายภัทรพงศ์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด สว. สีน้ำเงิน จึงพยายามให้ กกต.รับเรื่อง ฮั้วเลือก สว.ไปทำเอง มีนอกมีในอะไรกันหรือเปล่า อีกสว.สีน้ำเงิน ยังขู่จะฟ้องประชาชนที่ให้ข้อมูล รวมถึงขู่ดีเอสไอ ถ้าเกิดรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ตนปวดใจทุกครั้งเวลามีคนถามว่าที่ดีเอสไอทำเรื่องนี้อยู่เป็นเพราะการเมืองบีบหรือไม่ จึงรอดูว่าหลังจากนี้ทางดีเอสไอจะทำอย่างไรต่อ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทนายอั๋น #ฮั้วเลือกสว #สว #กกต #DSI