“ณัฐพงษ์” นำพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
ชี้เนื้อหาคลุมทุกประเด็น โฟกัสนายกฯ คนเดียว
เพราะรากเหง้าปัญหาเกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ ข้ามขั้ว - ไร้ภาวะผู้นำ
เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย
วันที่
27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์
เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
พร้อมด้วยผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา
151 ต่อประธานรัฐสภา
และการยื่นร้องให้มีการตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ณัฐพงษ์ระบุว่าในส่วนของการยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ
ป.ป.ช. พรรคร่วมฝ่ายค้านรวมรายชื่อได้ทั้งหมด 145 รายชื่อ
โดยในคำร้องพร้อมหลักฐาน 18 รายการประกอบด้วย 3 ประเด็นหลักข้อกล่าวหา คือ 1) ข้อกล่าวหาต่อ 5
ป.ป.ช. และอดีต ป.ป.ช.
ต่อกรณีมีมติยุติการสืบหาข้อเท็จจริงทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2)
ข้อกล่าวหาต่อ 9 ป.ป.ช.
ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2566 - 23 พฤษภาคม 2567 กรณีลงมติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองให้เปิดเผยรายละเอียดของคดีดังกล่าว
และ 3) ข้อกล่าวหาต่อประธาน ป.ป.ช.
กรณีคลิปหลุดล่าสุดที่มีการเข้าพบประธานรัฐสภาพร้อม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมลงรายชื่อ 166 รายชื่อ
โดยขออภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว ทั้งนี้
เนื้อหาที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะครอบคลุมในทุกประเด็นและมิติ
ครอบคลุมหลายกระทรวงและหลายพรรคร่วมรัฐบาล
ปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดินวันนี้เกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลที่่ผ่านมา
ที่นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าสำหรับประเด็นที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เช่น เราไม่อาจไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบันให้บริหารราชการแผ่นดินได้
เพราะนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติ ขาดความรู้ความสามารถ
ขาดเจตจำนงที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่มีความรับผิดชอบต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี
การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว จีดีพีของประเทศเติบโตเกือบรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน
มีการแต่งตั้งบุคคลที่เขาขอมาให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี
ขาดภาวะผู้นำในการบังคับบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชา
ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตน และยินยอมให้ผู้เป็นบิดาสามารถชักนำ จูงใจ
มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมถึงมีประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน
วันนี้เราเชื่อว่าทุกปัญหาเกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีเองที่ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้
ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วแบบนี้
จึงเป็นที่มาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเล็งเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่นายกรัฐมนตรีที่จะต้องเป็นผู้ตอบชี้แจงคนเดียวเท่านั้น
ณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะขอให้ลดวันเวลาในการอภิปรายลงกว่าปกติ
เนื่องจากมีการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
โดยระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาที่ผ่านมาใช้เวลาในการอภิปรายอย่างต่ำ 4 วัน
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลให้กรอบระยะวลามาก
ยิ่งนายกรัฐมนตรีมีเวลาให้ฝ่ายค้านได้ซักฟอกมาก
ตัวนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งมีโอกาสในการแสดงความเป็นผู้นำของตัวเองมากเท่านั้น
ในอดีตก็เคยมีการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวมาแล้วจนนำไปสู่การยุบสภา แน่นอนว่าบริบทในปัจจุบันไม่เหมือนกัน
แต่เนื้อหาที่เตรียมมาค่อนข้างเข้มข้น
พุ่งเป้าไปที่ความผิดขอรัฐมนตรีหลายคนรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวว่ามีการต่อรองกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการแลกเนื้อหากัน
ทำให้ไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นหรือไม่
ณัฐพงษ์ระบุว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านมองเนื้อหาเป็นหลัก
ที่ตัดสินใจยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวก็เพราะรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้และการที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถควบคุมสียงฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลได้
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีการตัดสินแบบนั้น ตนอยากให้มองที่เนื้อหาการอภิปรายมากกว่า
จะเห็นว่าเราดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #พรรคร่วมฝ่ายค้าน #พรรคประชาชน #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #นายกแพทองธาร