วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

“ขนุน สิรภพ” ประกาศเริ่มอดอาหารในเรือนจำ ประท้วงไม่ได้รับการประกันตัว 333 วัน ฝากบอก “หากชีวิตที่ว่านี้ถูกลดทอนศักดิ์และศรี ทำลายคุณค่าจากการ พรากอิสรภาพและความฝัน ผมก็ขอนำชีวิตนี้มาเดิมพัน เพื่อวันข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่”

 


“ขนุน สิรภพ” ประกาศเริ่มอดอาหารในเรือนจำ ประท้วงไม่ได้รับการประกันตัว 333 วัน ฝากบอก “หากชีวิตที่ว่านี้ถูกลดทอนศักดิ์และศรี ทำลายคุณค่าจากการ พรากอิสรภาพและความฝัน ผมก็ขอนำชีวิตนี้มาเดิมพัน เพื่อวันข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่”


วันที่ 21 ก.พ. 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ทนายความเข้าเยี่ยม “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักกิจกรรมวัย 24 ปี และผู้ต้องขังในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์มาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2567 หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 2 ปี กรณีปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563 


วันนี้ ขนุนแจ้งกับทนายความว่าเขาจะเริ่มอดอาหารประท้วงการไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว โดยจะไม่ทานข้าว ไม่ทานนมและน้ำหวาน แต่ยังรับประทานน้ำเปล่าอยู่ 


ขนุนเห็นว่า เขาถูกคุมขังมาจะครบ 1 ปีแล้ว โดยแม้จะพยายามยื่นประกันตัวมาแล้วรวม 14 ครั้ง แต่ศาลยังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยครั้งล่าสุดในการยื่นประกันตัวเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2568 ศาลฎีกายังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกัน โดยระบุว่าศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์มาแล้วหลายครั้ง เหตุตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม


สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเสมอมา ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้คดีมาตลอด ไปตามนัดคดีทุกครั้ง และได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาไปแล้ว โดยในคดีมาตรา 112 หลายคดี แม้ศาลชั้นต้นลงโทษ แต่จำเลยก็ยังได้รับการประกันตัว จึงไม่ทราบว่าศาลใช้มาตรฐานเช่นใดในการวินิจฉัย


แม้ก่อนหน้านี้เขาจะถูกทักท้วงถึงการตัดสินใจดังกล่าวจากทั้งทนายความและครอบครัว แต่วันนี้เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาคิดว่ามันเป็นการเดิมพันที่จะต้องเสี่ยง เขารอคอยมา 333 วัน แล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปเปล่า ๆ แล้ว


ขนุนได้ฝากข้อความการประกาศตัดสินใจดังกล่าวออกมาเป็นแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้


#แถลงการณ์ฉบับที่หนึ่ง


นับเป็นวันที่ 333 ของการถูกพรากอิสรภาพโดยอำนาจมืดที่แฝงอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย “นิติสงคราม” คือนิยามที่ใช้อธิบายการณ์ในปัจจุบัน ที่เหล่าผู้มีความฝันถึงสังคมที่ดีกว่าต้องเผชิญ อำนาจที่ว่ามาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระดับชาติที่บิดเบี้ยวไปจากเจตจำนงของปวงประชา อันเป็นผลมาจากคณะรัฐประหาร เป็นผู้สถาปนากลไกที่ลดทอนคุณค่าของประชาธิปไตยจนแนบเนียนไปกับสังคม 


ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ความเป็นเผด็จการนั้นยังคงซ่อนรูปอยู่ และแฝงอยู่อย่างเป็นระบบ การขยายขอบเขตการตีความกฎหมายที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดปราบทางการเมือง ปิดปากประชาชนในชาติจากสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ


จากความอยุติธรรมที่ว่ามา ความรุนแรงจากการใช้มาตรา 112 ยังคงดำเนินไปอย่างไร้ขอบเขต มีผู้ถูกดำเนินคดีจำนวนมากและผู้ถูกจองจำโดยไร้ความชอบธรรม ห้วงเวลานี้ความปรารถนาของผมมีเพียง “การมีอิสรภาพถาวร” และการยุติการนำมาตรา 112 มาใช้ทางการเมือง 


จนกว่าจะบรรลุเป้าประสงค์ที่กล่าวมา ผมถือหลักอหิงสาโดยการ “ปฏิเสธการทานอาหาร” เพื่อประท้วงต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ครั้งหนึ่งคานธี ทำให้อินเดียได้มาซึ่งเอกราชจากเจ้าจักรวรรดิบริเตน แต่ในวันนี้ผมต้องการเพียงปลดพันธนาการที่ถ่วงรั้งสังคมไว้


ผมปรารถนาเห็นบ้านเมืองที่พัฒนาด้วยดวงตาคู่นี้ ด้วยตัวของผมเอง แต่หากชีวิตที่ว่านี้ถูกลดทอนศักดิ์และศรี ทำลายคุณค่าจากการพรากอิสรภาพและความฝัน ผมก็ขอนำชีวิตนี้มาเดิมพัน เพื่อวันข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่


จนกว่าจะบรรลุความปรารถนา ไม่หยุดจนกว่าความไม่ชอบธรรมจะหมดไป


1. สร้างอิสรภาพที่ถาวรแก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองโดยไร้เงื่อนไข


2. ยุติการนำมาตรา 112 มาใช้ในทางการเมือง


ถึงรัฐบาลและตุลาการ

สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ

21 กุมภาพันธ์ 2568


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ขนุนสิรภพ #มาตรา112 #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน