วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ปชน.พร้อมเครือข่ายขับเคลื่อนผลักดัน พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า แถลงยืนหยัดไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงานต้องเงียบหายไป ภายหลังนายกฯ ปัดตกร่างกม.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า 2 ฉบับ

 


ปชน.พร้อมเครือข่ายขับเคลื่อนผลักดัน พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า แถลงยืนหยัดไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงานต้องเงียบหายไป ภายหลังนายกฯ ปัดตกร่างกม.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า 2 ฉบับ


วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน พร้อมด้วยเครือข่ายขับเคลื่อนผลักดัน พ.ร.บ. บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า ร่วมกันแถลงภายหลังนายกฯ ปัดตกร่าง พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า พ.ศ. .... และ พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน พ.ศ. ....


สืบเนื่องจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 7 ก.พ. 68 มายังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำร่าง พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.บ. บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า พ.ศ. ....


นายเซีย กล่าวว่า ที่ตนกับคณะเป็นผู้เสนอ พร้อมความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีบัญชาไม่รับรองร่างทั้งสองฉบับดังกล่าว และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือแจ้งมายังตน เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 การที่รัฐบาลไม่เห็นชอบต่อร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนท่านั้น แต่เป็นการตอกย้ำว่าแรงงาน หรือคนทำงานในประเทศนี้ยังคงถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือของระบบเศรษฐกิจที่ไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์


นายเซีย กล่าวอีกว่า ตนในฐานะผู้แทนราษฎร อดีตผู้ใช้แรงงาน ต้องยอมรับตามตรงว่า เสียดายโอกาสของคนทำงานหลากหลายอาชีพ ที่สร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจ ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานทั้งชีวิต แต่ถูกพรากความยุติธรรมขั้นพื้นฐานไป เพราะคนทำงานคือผู้ผลิต คือลมหายใจของเศรษฐกิจไทย คือวงล้อที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การบริการ และทุกภาคส่วนของประเทศ แต่เมื่อทำงานหนักมาตลอดต้องจบลงด้วยความยากจนในบั้นปลาย ไม่มีหลักประกัน ไม่มีบำนาญที่เพียงพอ รวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง แต่ไม่ได้รับความยุติธรรรม


นายเซีย กล่าวยืนยันว่า ตนและ สส.จากพรรคประชาชน ขอยืนหยัดประกาศเจตจำนงอันแน่วแน่ว่า จะไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงาน ต้องเงียบหายไปท่ามกลางโครงสร้างอำนาจที่เอื้อเฉพาะกลุ่มนายทุนและผู้มีอำนาจ เพราะคนทำงางานคือรากฐานของชาติ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสมอมา พรรคประชาชนเชื่อมั่นในสิทธิแรงงาน และปรารถนาจะให้สังคมแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพในสิทธิแรงงาน และเมื่อพวกเรามีความเชื่อมั่นในสิทธิแรงงานอย่างแรงกล้า พวกเราจึงนำเสนอออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านร่างกฎหมายเพื่อคนทำงาน หลาย ๆ ฉบับ ที่ได้ผลักดันร่วมกับภาคประชาชน และยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้าฯ ที่ไม่ใช่การให้ทานจากรัฐ ไม่ใช่การสงเคราะห์แล้วจบ แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนควรได้รับการดูแลเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ โดยไม่ถูกปล่อยให้ดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในวัยที่ต้องโรยราอย่างเดียวดาย และพ.ร.บ.สหภาพแรงงานฯ ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจแต่เป็นกลไกที่จำเป็นในการสร้างความเป็นธรรมแก่การทำงาน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพึงพาอาศัยกัน ฝั่งนายจ้างมีอำนาจ แต่คนทำงานก็ต้องมีเสียง และการรวมตัวของแรงงานไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศ ไม่ได้เป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นรากฐานของประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจที่แท้จริง


“แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อสงสัยถึงความพร้อมด้านงบประมาณต่อการเริ่มต้นบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ แต่ต้องขอยืนยันอีกครั้งว่า ในการเลือกตั้ง ปี 2566 อดีตพรรคก้าวไกลเคยเสนอแหล่งที่มาของรายได้ 650,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำสวัสดิการให้ประชาชนเอาไว้แล้ว และประเทศไทยสามารถทำได้จริงผ่านกลไกของระบอบประชาธิปไตย” นายเซีย กล่าว


สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ปล่อยให้การปัดตกร่างกฎหมายเหล่านี้ เป็นเพียงแค่บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เราจะสู้ต่ออย่างมีความหวัง เคียงข้างไปกับพี่น้องประชาชนคนทำงานให้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการในประเทศของพวกเรา แม้ในสมัยประชุมครั้งนี้ร่างกฎหมายเพื่อประชาชนจะถูกนายกรัฐมนตรีปัดตกไป แต่พวกเราจะนำมันกลับมาปัดฝุ่น ปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม และผลักดันเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน นายเซีย กล่าวในที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #กฎหมายแรงงาน #พรบบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า