ปชน.พร้อมเครือข่ายขับเคลื่อนผลักดัน
พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า แถลงยืนหยัดไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงานต้องเงียบหายไป
ภายหลังนายกฯ ปัดตกร่างกม.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า 2 ฉบับ
วันที่
20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น.
ที่อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน พร้อมด้วยเครือข่ายขับเคลื่อนผลักดัน
พ.ร.บ. บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า ร่วมกันแถลงภายหลังนายกฯ ปัดตกร่าง พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า
พ.ศ. .... และ พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน พ.ศ. ....
สืบเนื่องจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 7 ก.พ. 68 มายังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
แจ้งว่า
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน
ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำร่าง พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน พ.ศ. .... และร่าง
พ.ร.บ. บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า พ.ศ. ....
นายเซีย
กล่าวว่า ที่ตนกับคณะเป็นผู้เสนอ พร้อมความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกราบเรียนนายกรัฐมนตรี
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีบัญชาไม่รับรองร่างทั้งสองฉบับดังกล่าว
และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือแจ้งมายังตน เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68
การที่รัฐบาลไม่เห็นชอบต่อร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนท่านั้น
แต่เป็นการตอกย้ำว่าแรงงาน หรือคนทำงานในประเทศนี้ยังคงถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือของระบบเศรษฐกิจที่ไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์
นายเซีย
กล่าวอีกว่า ตนในฐานะผู้แทนราษฎร อดีตผู้ใช้แรงงาน ต้องยอมรับตามตรงว่า
เสียดายโอกาสของคนทำงานหลากหลายอาชีพ ที่สร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจ
ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานทั้งชีวิต แต่ถูกพรากความยุติธรรมขั้นพื้นฐานไป
เพราะคนทำงานคือผู้ผลิต คือลมหายใจของเศรษฐกิจไทย คือวงล้อที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
เกษตรกรรม การบริการ และทุกภาคส่วนของประเทศ
แต่เมื่อทำงานหนักมาตลอดต้องจบลงด้วยความยากจนในบั้นปลาย ไม่มีหลักประกัน
ไม่มีบำนาญที่เพียงพอ รวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
แต่ไม่ได้รับความยุติธรรรม
นายเซีย
กล่าวยืนยันว่า ตนและ สส.จากพรรคประชาชน ขอยืนหยัดประกาศเจตจำนงอันแน่วแน่ว่า
จะไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงาน
ต้องเงียบหายไปท่ามกลางโครงสร้างอำนาจที่เอื้อเฉพาะกลุ่มนายทุนและผู้มีอำนาจ
เพราะคนทำงางานคือรากฐานของชาติ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสมอมา
พรรคประชาชนเชื่อมั่นในสิทธิแรงงาน
และปรารถนาจะให้สังคมแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพในสิทธิแรงงาน
และเมื่อพวกเรามีความเชื่อมั่นในสิทธิแรงงานอย่างแรงกล้า
พวกเราจึงนำเสนอออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านร่างกฎหมายเพื่อคนทำงาน หลาย ๆ ฉบับ
ที่ได้ผลักดันร่วมกับภาคประชาชน และยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง
พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้าฯ ที่ไม่ใช่การให้ทานจากรัฐ ไม่ใช่การสงเคราะห์แล้วจบ
แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนควรได้รับการดูแลเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ
โดยไม่ถูกปล่อยให้ดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในวัยที่ต้องโรยราอย่างเดียวดาย และพ.ร.บ.สหภาพแรงงานฯ
ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจแต่เป็นกลไกที่จำเป็นในการสร้างความเป็นธรรมแก่การทำงาน
ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพึงพาอาศัยกัน ฝั่งนายจ้างมีอำนาจ แต่คนทำงานก็ต้องมีเสียง และการรวมตัวของแรงงานไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศ
ไม่ได้เป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นรากฐานของประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
“แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อสงสัยถึงความพร้อมด้านงบประมาณต่อการเริ่มต้นบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ
แต่ต้องขอยืนยันอีกครั้งว่า ในการเลือกตั้ง ปี 2566 อดีตพรรคก้าวไกลเคยเสนอแหล่งที่มาของรายได้
650,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำสวัสดิการให้ประชาชนเอาไว้แล้ว
และประเทศไทยสามารถทำได้จริงผ่านกลไกของระบอบประชาธิปไตย” นายเซีย กล่าว
สุดท้ายนี้
ขอยืนยันว่าเราจะไม่ปล่อยให้การปัดตกร่างกฎหมายเหล่านี้
เป็นเพียงแค่บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เราจะสู้ต่ออย่างมีความหวัง
เคียงข้างไปกับพี่น้องประชาชนคนทำงานให้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการในประเทศของพวกเรา แม้ในสมัยประชุมครั้งนี้ร่างกฎหมายเพื่อประชาชนจะถูกนายกรัฐมนตรีปัดตกไป
แต่พวกเราจะนำมันกลับมาปัดฝุ่น ปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม
และผลักดันเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง
เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน นายเซีย กล่าวในที่สุด
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #กฎหมายแรงงาน #พรบบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า