กลุ่ม
สว.สำรอง - “ทนายอั๋น” ยื่นหนังสือ มอบดอกไม้กำลังใจ ทวี-ดีเอสไอทำคดีฮั้วเลือก
สว. เปิดเผยความจริง สุจริต โปร่งใส รมว.ยุติธรรม ยันไม่ได้มีธงจะรับ
ขอให้รอมติมันที่ 6
มี.ค. ขณะที่อธิบดีDSI เผยไม่มีผู้มากบารมีกดดัน
วันที่
26 ก.พ.2568 ที่บริเวณหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว.รวมกว่า 20 คน เดินทางมาเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้ง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
คณะผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายอัครวัฒน์
กล่าวว่า ในนามของสมาชิกวุฒิสภา(สำรอง) ตลอดจนผู้ที่เคยผ่านการสมัคร
สมาชิกวุฒิสภาด้วยกัน
ได้เดินทางมาเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในการดำเนินการต่อสู้กับอำนาจที่ทำลายระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อประเทศในด้านต่างๆ
อีกทั้งทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศจากนานาชาติถูกลดทอนลง อีกทั้งกระบวนการ
ซึ่งการได้มาของสภานิติบัญญัติ มองว่า มีความไม่สุจริตโปร่งใส
แต่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลับเพิกเฉย
ซึ่งตนมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการระดับสูง
ส่วนที่วานนี้มีการเลื่อนการพิจารณารับคดีการ
ฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ มองว่าอาจจะมีเหตุผลในเรื่องข้อกฎหมาย
เรื่องการมอบหน้าที่อำนาจว่าใครมีอำนาจในการตรวจสอบด้านใด ไม่ว่าจะเป็นทางอาญา
หรือทางกฎหมายการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ก็มีความคาดหวังว่าในวันที่ 6 มีนาคม
ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษอีกครั้ง ทางดีเอสไอจะรับคดีการ ฮั้ว
สว.เป็นคดีพิเศษ
โดยเชื่อมั่นว่าดีเอสไอ
จะรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษอย่างแน่นอน เพราะมีประชาชนจำนวนมาก
ที่อยากเห็นความยุติธรรม ตลอดจนพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นวันเลือกตั้ง
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือพยานบุคคลที่เข้ามาเป็นพยานในคดีนี้มากมาย
เชื่อว่าพยานหลักฐานมากพอที่จะทำให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
แต่หากไม่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ทางเราก็มีแนวทางอยู่แล้ว
ขณะที่ตัวแทนประชาชนได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและผู้บริหารดีเอสไอด้วยเช่นกัน
โดยบอกว่าติดตามการเลือก สว.ที่ผ่านมา และพบหลายเรื่อง ที่ทำให้ขาดความเชื่อมั่น
ซึ่งเรื่องต่าง ๆ ทำให้เชื่อว่ามีการฮั้วเกิดขึ้นจริง และในมุมมองประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะจัดการเรื่องนี้
จึงมาขอร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอทำคดีดังกล่าวให้ทำความจริงปรากฏ
ขอร้องไปที่ สว. ต้องยอมรับให้เกิดการตรวจสอบ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์
ด้วยว่าท่านมาด้วยความบริสุทธิ์จริงหรือไม่ หากท่านไม่ได้ทำผิดก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
ด้าน
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้
อยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการคดีพิเศษเลื่อนการประชุมไปอีกหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากพบว่ายังมีข้อมูลที่มากมายจึงขอให้กรรมการคดีพิเศษที่ได้รับฟังข้อเท็จจริงเมื่อวานแล้วแต่ยังมีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมายและจะได้กลับไปทบทวนเพื่อจะมาประชุมกันใหม่ในวันที่
6 มีนาคมที่จะถึงนี้ ส่วนอำนาจที่ใช้เรียก กกต.มานั้น ใช้วิธีการประสานงาน
เพราะในบางประเด็นอาจจะเป็นเอกสารมาก็ได้
ซึ่งก็มีการประสานงานกับคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่แล้วไม่ได้มีความขัดแย้ง
โดยภายในวันที่
6 มี.ค. หากกกต. ไม่มาดีเอสไอจะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการประสานงานก็ได้
ในประเด็นที่เป็นข้อสงสัย เป็นการตั้งคำถามจากการประชุมเมื่อวานนี้
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านของข้อกฎหมาย
ส่วนเรื่องการเลือกตั้งเป็นเรื่องของกกต. ส่วนที่เป็นคดีอาญาอื่น
ถ้าคณะกรรมการคดีพิเศษรับให้เป็นคดีพิเศษ
หากเป็นความผิดท้ายพระราชบัญญัติก็สามารถเป็นคดีพิเศษได้
ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มีคำถามในข้อเท็จจริงบางอย่างและเนื่องจากประธานการที่ประชุมต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินก็เลยทำให้ยังไม่มีมติเมื่อวานนี้
ซึ่งถ้าในวันที่ 6 มี.ค.
องค์ประชุมไม่ครบจะต้องเลื่อนการประชุมออกไปอีกหรือไม่
รมว.ทวีย้ำว่ามีการนัดหมายล่วงหน้ากันมาแล้วว่าจะต้องมา
ส่วน
กรณีที่ สว. เตรียมจะอภิปรายทั่วไปนั้น
ก็พร้อมจะชี้แจงยืนยันว่าทำด้วยความยุติธรรมไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่ง
หากตอนชี้แจงมีคำถาม
หากตอนชี้แจงมีคำถามที่ตนจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง
หากทางสว.รับได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการสืบสวน
ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อมูลหลักฐานเรื่องวิทยาศาสตร์เรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่โกหกไม่ได้
ขณะที่
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เผยหลักการว่า
กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะต้องเข้าลักษณะที่เป็นคดีพิเศษเมื่อมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ
ดีเอสไอก็ต้องมีการสืบสวน ซึ่งคดีนั้นจะเข้าลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ตามหลักการกฎหมายถ้าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ
กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับไว้
แต่ถ้าเข้าข้อกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ข้อกฎหมายท้ายพระราชบัญญัติอันนี้ต้องใช้มติ
คกพ.ที่จะรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อสืบสวนแล้วเห็นว่าเรื่องนี้
น่าจะเข้าเรื่องเป็นลักษณะคดีพิเศษก็จะต้องเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้มีมติ
ซึ่งส่วนนี้เป็นกระบวนการปกติ
ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง
แต่ตนมองว่าหากมีประชาชนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ
ดีเอสไอก็ต้องบังคับใช้กฎหมายทำตามหน้าที่
ซึ่งถ้าไม่ทำตามหน้าที่ทางดีเอสไอก็จะผิดเอง ยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงกดดันดำเนินการตามหน้าที่เท่านั้น
โดยช่วงท้าย
นายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร อดีตศิลปินนักแต่งเพลง และเป็น สว.สำรอง
ได้แต่งเพลงและร้องให้กำลังใจ DSI ในการพิจารณา ปม สว.ฮั๊วเลือกตั้งหรือไม่
ด้วย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #DSI
#ฮั้วเลือกสว