วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

“หมอเหวง” โพส 12 ข้อ ยืนยันการชุนนุมของคนเสื้อแดงปี 53 ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเลยแม้สักคนเดียว ชี้เป็นเรื่องเท็จที่สร้างขึ้นเพื่อใช้กองทัพสังหารประชาชนสองมือเปล่าอย่างอำมหิตแล้วลอยนวล


หมอเหวง” โพส 12 ข้อ ยืนยันการชุนนุมของคนเสื้อแดงปี 53 ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเลยแม้สักคนเดียว ชี้เป็นเรื่องเท็จที่สร้างขึ้นเพื่อใช้กองทัพสังหารประชาชนสองมือเปล่าอย่างอำมหิตแล้วลอยนวล


เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 นพ.เหวง โตจิราการ โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คระบุว่า


กองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ เรื่องเท็จที่รัฐบาลอภิสิทธิ์สร้างขึ้น เพื่อใช้กองทัพไทยสังหารประชาชนสองมือเปล่า อย่างอำมหิตแล้วลอยนวล


อีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะครบสิบห้าปี เหตุการณ์ “รุมยิงนกในกรง”ปี 53 ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยกล่าวอ้างว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ


ดังนั้นจึงมีความชอบด้วยกฎหมายในการใช้กองทัพไทยประมาณหกหมื่นนาย รวมทั้งกำลังตำรวจร่วมหมื่นนาย ใช้อาวุธสงครามกระสุนประมาณสองแสนนัด กระสุนเล็งยิงประมาณสองพันนัด ในการเข่นฆ่าสังหารประชาชนสองมือเปล่าอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต


แต่จนมาถึงวันนี้ที่กำลังจะครบ 15 ปีในไม่กี่วันข้างหน้านี้

รัฐบาลอภิสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐทั้งประเทศไทย

ยังไม่สามารถจับกุม “ชายชุดดำที่เป็นกองกำลังอาวุธแม้แต่คนเดียว”


เป็นการยืนยันว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงปี53

ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเลยแม้สักคนเดียว


1. ในระหว่างการชุมนุมร่วมสามเดือน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเป็นจำนวนมากไม่เคยปรากฏว่าเจ้าหน้าตำรวจจะจับกุมผู้ที่มีอาวุธพกพาแม้แต่คนเดียวไม่เคยพบอาวุธซุกซ่อนอยู่หรือที่ซุกซ่อนอาวุธเลย


2. ในระหว่างการชุมนุมมีผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศเข้าทำข่าวตลอดเวลาจำนวนมาก และทุกคนมีเสรีภาพในการที่จะเข้าพบปะสนทนาหรือเข้าไปในสถานที่ทุกจุดในที่ชุมนุม แต่ไม่เคยปรากฏว่า มีภาพข่าวหรือรายงานข่าวจากผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศเลยว่ามีผู้พกพาติดอาวุธเลยแม้สักภาพเดียวหรือข้อความข่าวสักบรรทัดเดียว


3.จากเริ่มต้นการชุมนุม 12 มีนาคม 2553 จนถึงการเลือกตั้งกรกฎาคมปี 2554 รัฐบาลอภิสิทธิ์มีอำนาจเป็นรัฐบาลอยู่ร่วม 16 เดือน แต่ไม่เคยปรากฏว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ จะสามารถทำการจับกุมชายชุดดำที่เป็นกองกำลังติดอาวุธได้แม้แต่คนเดียว


4. ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้ทหารระดับหลายกองพันไปตั้งกองทหารติดอาวุธสงครามเตรียมปราบปรามคนเสื้อแดง ที่วัดรอบ ๆ สะพานผ่านฟ้า สนามม้านางเลิ้ง โรงเรียนวชิราวุธ ต่อมาก็เข้าไปตั้งกองทหารติดอาวุธสงครามภายในสวนลุมพินี ตลอดไปจนการใช้ทหารพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากเพื่อทำลายคนเสื้อแดงคราวไปประท้วงการปิดสถานีไทยคมก็ไม่ปรากฏว่า กองทหารไทยจำนวนหลายกองพัน สามารถจับกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำแม้เพียงคนเดียว และไม่เคยปรากฏมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำแม้แต่คนเดียวยิงต่อสู้กับทหาร


5. ในคราว 10 เมษา 53 ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้ทหารระดับกองพลกล่าวคือหลายสิบกองพันปิดล้อมการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า โดยยึดครองถนนทุกเส้นทางที่มุ่งไปสู่สะพานผ่านฟ้า จากนั้นก็ใช้กระสุนจริง รวมทั้งพลเล็งยิงซุ่มยิงสังหารประชาชนสองมือเปล่าตายกว่ายี่สิบศพ ก็ไม่สามารถจับกุมกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำได้แม้สักคนเดียวไม่เคยมีการยิงต่อสู้จากกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำแม้แต่คนเดียว


6. มาปรากฏภาพที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ของราชการสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่ามีชายชุดดำสองนายใช้เสาไฟฟ้าที่ถนนตะนาวกำบังตนและยิงปืนอาก้าเป็นประกายไฟปลายกระบอกจำนวนหลายชุด แต่จากการลงพื้นที่เพื่อตรวจค้นและสำรวจหาพยานหลักฐานของกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่ปรากฏว่าพบ ปลอกกระสุนอาก้า ไม่ปรากฏว่ามีทหารไทยหรือแม้กระทั่งประชาชนที่เบียดเสียดยัดเยียดกันในบริเวณนั้นสักคนที่บาดเจ็บหรือล้มตายจากกระสุนอาก้า


เพียงเท่านี้ก็ยืนยันว่า ภาพที่นำมาเผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นการสร้างภาพยนต์เผยแพร่เพื่อนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงว่าคนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเพื่อจะได้ใช้กองทัพไทยทั้งกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข่นฆ่าประชาชนสองมือเปล่าได้โดยชอบด้วยกฎหมาย


7. ผมรับชมการแพร่ภาพของโทรทัศน์รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่สี่แยกราชประสงค์สังเกตุเห็น “โลโก้ ของอัจจาชีระ” ติดอยู่ในคลิปที่มีภาพชายชุดดำบังเสาไฟยิงปืนอาก้า ผมจึง ติดต่อขอพบ นักข่าว อัลจาชีระ ผมถามเขาว่า ภาพดังกล่าวใครเป็นผู้บันทึกไว้ เขาตอบว่า “ซื้อมาจากฟรีแลนซ์ หรือนักข่าวสมัครเล่น” ทำให้ผมมีข้อสรุปของผมว่า “นี่เป็นการสร้างคลิปจากIOเพื่อใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงและเปนหลักฐานเพื่อใช้กองทัพเข้าปราบปรามสังหารกวาดล้างประชาชนอย่างแน่นอน”


ต่อมาภายหลัง คุณ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญตัวแทนสำนักข่าวอัลจาชีระ เพื่อสอบถามรายละเอียดก็ได้คำตอบเช่นเดียวกันผม


ดังนั้นสำหรับผมแล้ว คลิปดังกล่าวเป็นการสร้างภาพยนตร์โดยฝ่ายศอฉ.เพื่อใส่ร้ายป้ายสีเสื้อแดง และเป็นข้ออ้างทางกฎหมายที่ศอฉ.และรัฐบาลอภิสิทธิ์จะใช้ทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่จะสลายการชุมนุมของประชาชนโดยทหารที่ใช้อาวุธสงครามจำนวนเป็นกองทัพน้อย (หรือกองทัพทั้งสามเหล่าในวันที่ 19 พ.ค. 53) ในเวลาวิกาล


8. เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อ 10 เมษา 53 ที่ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้ใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงคือ การตายของ “พลเอกร่มเกล้า (ยศภายหลังเสียชีวิต)” โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ใส่ร้ายว่า ร่มเกล้า ตายจากการสังหารโดยคนเสื้อแดงยิง M79 จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยบริเวณที่มีคนเสื้อแดงรวมตัวกันอยู่จำนวนมาก


ความจริงที่ปรากฏต่อมาในภายหลัง หน่วยพิสูจน์หลักฐานของตำรวจได้ทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบหลุมที่เกิดจากระเบิดสังหารแบบขว้างด้วยมือ M67 เศษชิ้นส่วนโลหะที่ได้จากร่างร่มเกล้า เป็นชิ้นส่วนของระเบิดสังหาร M67


ดังนั้น ร่มเกล้า ตายด้วย ระเบิดขว้าง M67 ไม่ใช่ตายจาก กระสุนเอม79 ที่ต้องยิงด้วยเครื่องยิง M79 และยิงจากระยะไกลกว่า 200 เมตรได้ ต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่าง M79 และระเบิดขว้าง M67 คือ ระเบิดขว้าง M67 นั้นต้องขว้างในระยะไม่เกิน 30 เมตร จากผู้ขว้างที่มีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในการขว้าง ซึ่งก็คือพวกทหารด้วยกันเองนั่นแหละครับ พลเรือนไม่มีใครมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในการการขว้างระเบิดขว้างแบบ M67


และผู้ขว้างต้องเป็นผู้รู้ว่า ร่มเกล้าอยู่ที่ใน ในเวลาเท่าไร และต้องอยู่ในระยะ 30 เมตรที่หวังผล


ซึ่งในบริเวณถนนดินสอ ในเวลาประมาณ 17.00 น. มีแต่ทหารอัดแน่นกว่าพันคนเต็มไปหมด ไม่มีคนเสื้อแดง หรือ ชายชุดดำอยู่บนถนนดินสอแน่นอน ผู้ขว้างต้องห่างจากร่มเกล้าไม่เกิน 30 เมตรรู้ตำแหน่งของร่มเกล้าชัด


การใส่ร้ายป้ายสีของศอฉ.ปรากฏชัดในรายงานของคณะกรรมการแสวงหาความจริงเพื่อการปรองดองของ อ.คณิต ณ.นคร ที่เขียนโดย สมชาย หอมลออ โดยบรรยายว่า คนเสื้อแดงจำนวนมาก วิ่งจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นแถวยาว แล้วปีนข้ามรั้วบ้านทรงไทยหน้ารร.สตรีวิทยา หลังจากนั้นมีคนเสื้อแดงซ่อนตัวอยู่หลังประตูไม้แล้วขว้างระเบิด M67 ข้ามประตูไม้ไปสังหารร่มเกล้า


ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงทั้งหมด

คือ ถนนดินสอมีทหารอัดแน่นเต็มไปหมดเป็นไปไม่ได้ที่คนเสื้อแดงจะวิ่งเป็นแถวยาวไปยังบ้านไม้ทรงไทยหน้ารร.สตรีวิทย์


ข้อต่อมา ความสูงของประตูไม้หน้าบ้านทรงไทยสูงร่วมสองเมตร ผู้ขว้างที่ซ่อนตัวหลังประตูไม่มีทางเห็นทัศนวิสัยภายนอกไม่มีทางเห็นว่าร่มเกล้าอยู่ไหน ไม่มีทางขว้างถูก มีทหารขึ้นไปยึดชั้นสองชั้นสามของรร.สตรีวิทย์เต็มไปหมด พร้อมกล้องทหารที่ส่องทางไกลได้ย่อมต้องเห็นถ้าคนเสื้อแดงเตรียมขว้างระเบิดหลังบ้านทรงไทย ทหารต้องเล็งด้วยกล้องยิงตายก่อนจะขว้างได้


ในรายงานยังให้รายละเอียดอีกว่า คนสวนในบ้านมาดูแลสนามหญ้าตอนเช้า พบโลหะสองชิ้นเป็นวงแหวน ต่อมามีชายฉกรรจ์สองคนมาขอไป แล้วตอนหลังมีคำอธิบายว่าเป็นกระเดื่องระเบิดแสวงเครื่อง M67


นี่เป็นการโกหกสองชั้น

ชั้นแรกโกหกว่าร่มเกล้าตายจาก M79 ยิงจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เมื่อโกหกไม่สำเร็จ


ก็โกหกชั้นที่สองคือตายระเบิดขว้าง M67 โดยคนเสื้อแดงขว้างจากภายในบ้านทรงไทยตรงข้าม รร.สตรีวิทยา


ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยเพราะ ทหารยึดครองถนนดินสอหนาแน่นตั้งแต่ประมาณบ่ายสามโมง ไปแล้ว ร่มเกล้าตายหลังบ่ายห้าโมง


ดังนั้น มีแต่ทหารที่ชำนาญการขว้าง M67 และอยู่ห่างจากร่มเกล้าประมาณ 30 เมตร ที่ขว้างระเบิด M67 ไปสังหารร่มเกล้า


9. หลังจาก 10 เมษา 53 เป็นต้นมารัฐบาลอภิสิทธิ์ก็วางแผนที่จะเข่นฆ่าประชาชนสองมือเปล่าอย่างเป็นระบบ โดยการสั่งติดป้าย “เขตกระสุนจริง” รอบ ๆ บริเวณที่ชุมนุมกระจายหลายจุด ได้ใช้พลซุ่มยิงเล็งยิงประชาชนรอบสี่แยกราชประสงค์ เช่นถนนราชปรารภ ซอยรางน้ำ ถนนเพลินจิต บ่อนไก่ ฯลฯ


และในวันที่ 19 พฤษภา 2553 ก็ใช้กองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพเข้าเข่นฆ่าประชาชนสองมือเปล่าเป็นวงกว้างรอบสี่แยกราชประสงค์ แต่ก็ไม่สามารถจับกุมกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำแม้แต่คนเดียว และก็ไม่ปรากฏว่ามีการยิงต่อสู้ของกองกำลังติดอาวุธชายสุดดำตอบโต้กองทัพไทยแม้แต่คนเดียวหรือกระสุนนัดเดียว มีแต่ประชาชนไทยสองมือเปล่าที่ถูกกองทัพไทยยิงอย่างเมามันคึกคะนองอำมหิตตายเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่าหกสิบศพ


10. ตลอดเวลาตั้งแต่ 12 มีนาคม 2553 ทีเริ่มชุมนุมไปจน 19 พฤษภา 2553 ที่ถูกกวาดล้างอย่างสิ้นซากไม่ปรากฏว่ามีการยิงต่อสู้ของกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำแม้แต่นายเดียวนัดเดียวหรือครั้งเดียว


11. ผู้ต้องสงสัยที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไปฟ้องศาลและถูกขังเป็นจำนวนหลายเดือนหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำล้วนแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า “ยกฟ้อง” แปลว่าไม่ใช่ชายชุดดำ คุณกิติศักดิ์ สุ่มศรี (อ้วน) ถูกฟ้องแล้ว ฟ้องอีกในข้อกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำก็ได้รับการยกฟ้องในชั้นฎีกา รวมทั้งข้อกล่าวหาว่า นำปืน M79 ไปสังหารร่มเกล้า ศาลก็ยกฟ้อง คดีที่กล่าวหาว่า ยิงปืนใส่กระทรวงกลาโหม ศาลก็ยกฟ้อง คดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธทั้งหมดศาลยกฟ้องทั้งสิ้น


12. มาจนถึงปัจจุบัน (ก.พ. 2568) รัฐไทยยังไม่สามารถจับกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำได้แม้แต่คนเดียว


ดังนั้นเหตุผลที่ปปช.สั่งยกข้อกล่าวหานรม.อภิสิทธิ์และรองนรม.ฝ่ายความมั่นคงสุเทพเพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีกองกำลังอาวุธเป็นการใช้ความรุนแรงไม่ได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำจริงภายหลัง 15 ปีแล้ว


จึงถือเป็นหลักฐานใหม่ข้อมูลข้อเท็จจริงใหม่ที่ทางปปช.จักต้องนำไปพิจารณาเพื่อทบทวนการยกฟ้อง นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงสุเทพเสียใหม่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง