"เผ่าภูมิ"
ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" กรมธนารักษ์
ปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
วันนี้
(17 กุมภาพันธ์ 2568) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029
และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า
โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า
ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้
ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน
แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น
ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง
ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง
อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร
ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
กรมธนารักษ์
โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก.เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ
พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์
เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ
ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน
ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ
กล่าวต่อว่า
การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น
แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ
ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu
เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า
เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้
เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง
เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
ทั้งนี้ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด