วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นพ.เหวง โตจิราการ : ประวัติศาสตร์บางส่วนของการเคลื่อนไหวปี 2552 ของคนเสื้อแดง

 


นพ.เหวง โตจิราการ : ประวัติศาสตร์บางส่วนของการเคลื่อนไหวปี 2552 ของคนเสื้อแดง


ขอบคุณ “มติชนสุดสัปดาห์” ที่ได้ตีพิมพ์ “ยุทธการแดงเดือด” ในคอลัมน์ประจำ ของมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24-30 มกราคม 2568 เผยแพร่วันพุธที่ 29มกราคม 2568 ที่พาดหัวว่า “เมษา พฤษภา 2553 สลาย “แดง” 13-14 เมษายน 2552 รากฐานปลุก เมษา พฤษภา 2553


เป็นโอกาสที่ผมจะได้นำเสนอข้อมูลจากประสบการณ์ตรงจากการเคลื่อนไหวเมื่อปี 2552 มาประกอบ เพื่อจะได้ช่วยกันตรวจสอบและชำระประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุด


ด้วยในระยะนั้นอยู่ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่จัดตั้งโดยกลุ่มทหารที่ยึดอำนาจเมื่อ 19กันยายน 2549 ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์มีอำนาจมาก


สื่อในระยะนั้นจำนวนหนึ่งก็โน้มเอียงไปทางรัฐบาลอภิสิทธิ์ และนำเอาข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลอภิสิทธิ์มาขยายความเผยแพร่ให้กว้างขวางออกไป


ในสายตาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ย่อมถือว่า คนเสื้อแดง หรือ นปช. นั้น เป็นฝ่ายทำผิดรัฐธรรมนูญทำผิดกฎหมาย และต้องหากลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อปราบปรามการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยลงไปให้ได้ ดังนั้นข้อมูลข่าวสารที่รัฐบาลอภิสิทธิ์นำมาเผยแพร่ย่อมเป็นประโยชน์กับรัฐบาล และเป็นโทษกับฝั่งคนเสื้อแดง


เพื่อให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของคนเสื้อโดยย่อ ผมขอสรุปความสั้น ๆ ดังนี้

รากฐานเกิดขึ้นจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยต่อต้านรัฐประหารได้รวมกันอย่างหลวม ๆ จัดตั้งกันเป็น “แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)”


กรณีปี 2552 เกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเพื่อสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร 2549


นปช. จึงได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ลาออก จึงเกิดการชุมนุมของคนเสื้อแดงบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ได้บัญญัติไว้ว่า  “บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะชุมนุมกันโดยสงบและปราศจากอาวุธ” คุ้มครองไว้


รัฐบาลอภิสิทธิ์และฝ่ายขวาโจมตีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงหลายแสนคนอย่างรุนแรง และพยายามกล่าวหาว่าสร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง โดยใช้สื่อของรัฐและสื่อบางสำนักที่สนับสนุนกลุ่มทหารรัฐประหารและนายอภิสิทธิ์


ในสายตาของนายอภิสิทธิ์และสื่อบางสำนัก คนเสื้อแดงไม่ต่างอะไรกับ “โจรผู้ร้ายทำลายแผ่นดิน”


หนังสือบันทึกประเทศไทย 2552-2553 ของ สนพ.มติชน ได้เขียนเอาไว้ว่า


คนเสื้อแดงดาวกระจายกำลังเคลื่อนไหวตอบโต้กลับหลายจุด เช่น บริเวณทางแยกสามเหลี่ยมดินแดงที่แยกไปถนนราชปรารถ ซอยรางน้ำ ถนนข้ามแยกดินแดงไปอนุสาวรีย์ ถนนดินแดงฝั่งตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เป็นต้น”


การดาวกระจายที่เกิดขึ้นนั้นกลุ่มผู้นำการชุมนุมไม่ได้ริเริ่มขึ้นและสั่งการ


อาจจะเป็นการกระทำของผู้รักประชาธิปไตยที่ต้องการสนับสนุนคนเสื้อแดงดำเนินการเอง


และอาจจะมีบางกลุ่มเป็นของพวกขวาที่จัดตั้งมวลชนบางส่วนรอบ ๆ นั้นทำดาวกระจายและสร้างรุนแรงขึ้นเพื่อโยนบาปให้คนเสื้อแดง


ในช่วงระยะนั้น พื้นที่โดยรอบจุดชุมนุมของ นปช. มีมวลชนเสื้อเหลืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่เป็นจำนวนมาก


การไปพัทยานั้น ไม่ใช่ไปเพื่อล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน


ซึ่งผมมารับทราบหลังจากมีการเคลื่อนตัวไปแล้วว่า เป็นการไปเพื่อยื่นหนังสืออธิบายให้ประมุขประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมประชุม ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เกิดจากการจัดตั้งในค่ายทหารของกลุ่มทหารที่รัฐประหารเมื่อ 2549 ไม่ใช่รัฐบาลในครรลองประชาธิปไตย


ในระยะที่เดินทางไปพัทยา ฝ่ายรัฐก็จัดตั้งกลุ่ม “คนชุดน้ำเงิน” ขึ้น ยืนยันได้จากภาพข่าวจากสื่อหลายสำนัก ที่เห็นคนกลุ่มชุดน้ำเงินแสดงความเคารพแบบผู้ใต้บังคับบัญชาต่อผู้บังคับบัญชาในเหล่าตำรวจและทหารต่อนายทหาร และนายตำรวจที่ไปสำรวจพื้นที่ที่พวกชุดน้ำเงินรวมตัวกันอยู่


โดยฝ่ายชุดน้ำเงินได้ทำร้ายคนเสื้อแดงจนบาดเจ็บนอนไอซียูในคราวเดินทางไป ภายหลังจากยื่นหนังสืออธิบายที่มาที่ไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กับประมุขประเทศต่าง ๆ เรียบร้อย


ในขณะกำลังเดินทางกลับ กลุ่มชุดน้ำเงินก็ใช้อาวุธต่าง ๆ รวมทั้งปืน รุมทำร้ายคนเสื้อแดงจนต้องหลบ (หนีตาย) เข้าไปใน โรงแรมรอยัล คลิฟ บีซ พัทยา


แต่ไม่ปรากฏว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์หรือรัฐไทยในภายหลัง ได้ดำเนินคดีใด ๆ กับ “คนชุดน้ำเงิน” เลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานปรากฏตามสื่อมากมาย


หลังจากนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วทั้งกทม.


เหตุการณ์เผายางรถยนต์ เผารถเมล์ ดังที่บันทึกประเทศไทย 2552-2553 ได้กล่าวถึงนั้น เกิดขึ้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและบริเวณแยกอุรุพงษ์ จากเอกสารของ อุชเชนทร์ เชียงแสน ที่บันทึกประเทศไทยฯ ได้ระบุไว้


เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่นนี้ เจ้าหน้าที่รัฐพร้อมอาวุธที่ควบคุมสถานการณ์ทั่วทั้งกทม. ย่อมสามารถที่จะห้ามปราม หยุดยั้ง จับกุม กลุ่มคนร้ายที่ก่อการเผายางรถและเผารถเมล์ได้


แต่ปรากฏว่า ไม่มีจุดไหนเลยที่เจ้าหน้ารัฐได้ลงมือกระทำการห้ามปราบ ยับยั้ง จับกุม คนร้ายที่กระทำการเผายาง เผารถเมล์ดังกล่าว ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างสะดวกสบาย

นี่ย่อมเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ ไม่เช่นนั้นก็เป็นการลงมือกระทำการเองของฝ่ายรัฐเพื่อโยนบาปให้คนเสื้อแดง จะได้เป็นเหตุผลในการเข้าปราบปรามด้วยกำลังอาวุธของรัฐได้


เช่นเดียวกับที่บันทึกฯ ได้กล่าวถึง การนำรถยูโรมาจอดขวางถนนสวรรคโลกและเตรียมจะเผา แต่ชาวบ้านเกือบ 200 คน มารวมตัวขับไล่นั้น


ก็ควรที่เจ้าหน้าที่รัฐจะได้ดำเนินการหยุดยั้งตั้งแต่การนำรถยูโรเข้ามาในบริเวณนั้นแล้ว แต่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำ กลับมีชาวบ้าน (ซึ่งบางส่วนอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ) เกือบ 200 คน มารวมตัวขับไล่


การชุมนุมของคนเสื้อแดงต่างจังหวัดนั้น ย่อมเป็นการยืนยันว่า ประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหารนั้นมีอยู่เกือบทั่วทั้งประเทศ


กรณีรถแก๊สที่ดินแดงนั้น


มีสื่อหลายสำนัก ได้ลงข่าวตรงกันว่า รถแก๊สดังกล่าวได้เคลื่อนตัวไปจอดหลายสถานที่แต่ที่น่าสังเกตคือ จุดเริ่มต้นตั้งต้นที่โรงแรมดังแห่งหนึ่งย่านซอยรางน้ำ ที่นักการเมืองดังฟากรัฐบาลอภิสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยโดยตรง และภายหลังรถแก๊สดังกล่าวจึงเคลื่อนตัวมาจอดที่แฟลตดินแดง


ในภายหลังก็มีการตรวจสอบและพบข้อเท็จจริงว่า รถแก๊สดังกล่าวและคนขับเป็นของเอกชนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคนเสื้อแดง


ในเรื่องการยุติการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 เมษายน 2552 นั้น


เหตุการณ์ที่เป็นจริงคือ


เช้ามืดวันที่ 14 เมษายน 2552 อาสาสมัครโรงครัวของคนเสื้อแดง ได้แจ้งให้ อ.ธิดา ทราบว่า ทหารและพวกนอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากได้ห้ามไม่ให้อาสาสมัครโรงครัวนำวัตถุดิบเพื่อเตรียมอาหารไ ม่ว่าจะเป็นผักผลไม้เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงต่าง ๆ เข้าไปในพื้นที่ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเตรียมที่จะเข้าไปทำการปราบปรามไม่ต่างกับกรณี 6ตุลา19


อ.ธิดา ติดต่อผมได้ในเวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 14 เมษายน 2552 และมีความเห็นว่าต้องยุติการชุมนุมเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนไว้


ผมจึงนำเรื่องไปปรึกษาคุณวีระ มุสิกพงศ์ เมื่อคุณวีระ มุสิกพงศ์ เห็นด้วยแล้ว


ผมแจ้งให้อ.ธิดาทราบ


อ.ธิดา ได้ประสานงานกับฝ่ายตำรวจ พ.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เพื่อรองรับการยุติการชุมนุม และขอให้นำรถบัสขนาดใหญ่จำนวนมากเพื่อลำเลียงประชาชนให้กลับภูมิลำเนาเดิมของตนเอง 


ผมปราศรัยเพื่อชี้แจงให้ประชาชนยอมรับยอมเข้าใจในการยุติการชุมนุม และขอส่งประชาชนขึ้นรถจนคนสุดท้ายประมาณ 11.00 น. แล้วจึงเดินทางไปมอบตัวที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล


ดังนั้น ผม (นพ.เหวง โตจิราการ) จึงไม่ได้ “ถูก” นำตัวมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลดังที่เขียนไว้ในหนังสือบันทึกประเทศไทย 2552-2553


ในตอนท้ายของบทความฯ เขียนความต่อเนื่องระหว่างเหตุการณ์ปี 2552 กับเหตุการณ์ 2553 เอาไว้ว่า


ผลเฉพาะหน้าทั้งที่พัทยาและทั้งที่กรุงเทพมหานคร สามารถยุติสลายการชุมนุม ยุติการเคลื่อนไหวลงได้ แต่ถามต่อไปว่า “จบ” หรือไม่ คำตอบเห็นได้จากการเคลื่อนไหวอีกครั้งในเดือนเมษายน ต่อเนื่องไปยังเดือนพฤษภาคม 2553 คำตอบจาก “ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น”


ต้องเรียนว่า “คนเสื้อแดง” ต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่อำนาจเป็นของประชาชนแบบอารยประเทศ ปรากฏเป็นจริงในสังคมไทย


แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เกิดจากการจัดตั้งในค่ายทหารของกลุ่มพวกยึดอำนาจรัฐประหาร 2549 เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี


จึงต้องผลักดันให้ประชาธิปไตยแท้จริงเกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้


นปช. จึงยังคงเคลื่อนไหวเรียกร้องในปี 2553 เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน” ตามครรลองประชาธิปไตยที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและตามสิทธิที่บัญญัติรับรองไว้ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะชุมนุมได้โดยสงบและปราศจากการใช้อาวุธ”


ขอขอบคุณเจ้าของภาพประกอบ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หมอเหวง #คนเสื้อแดง #สงกรานต์เลือด #คนเสื้อแดงปี2552