“พิชัย”
สั่งประชุมด่วน อนุตลาดข้าว เตรียมชง นบข.แก้ปัญหาข้าวนาปรัง พร้อมเปิดจุดตลาดนัดข้าวเปลือก
20 จังหวัด ช่วยดึงราคาข้าว
วันที่
17 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งจัดประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด
ซึ่งตนเองเป็นประธาน และมีหน่วยงานภาครัฐของกระทรวงเกษตรฯ และ พาณิชย์
รวมทั้งภาคเอกชน เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวนาปรัง
ที่ได้รับผลกระทบด้านราคาข้าวขาวในตลาดโลก
ในวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์นี้
ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิระ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน
นายพิชัย
ระบุว่า “กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร
ที่ในช่วงนี้ได้รับผลกระทบทางด้านราคาด้วยเหตุจากสถานการณ์ที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าว
ประกอบกับการที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ลดการนำเข้าข้าวด้วย
ซึ่งทำให้ข้าวไทยได้รับผลกระทบดังกล่าว
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ
โดยผมสั่งการให้กรมการค้าภายในในฐานะฝ่ายเลขาฯคณะอนุกรรมการข้าวด้านการตลาด
เร่งจัดประชุมคณะอนุกรรมการโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ซึ่งผมเป็นประธาน
เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ นบข.
พิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปให้พี่น้องเกษตรกรโดยเร็วที่สุด”
นายพิชัย
กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะเดียวกัน
ผมได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดำเนินการคู่ขนานทันทีในการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต
2567/68 ตั้งแต่ ก.พ.-เม.ย.ปี 2568 เรามีแผนที่จะจัดตลาดนัดข้าวเปลือกอีก 14 ครั้ง
เพื่อดึงราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้น ในพื้นที่ เป้าหมาย 8 จังหวัด คือ อ่างทอง
สุรินทร์ สิงห์บุรี พิษณุโลก สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี และนครราชสีมา
ตั้งเป้าว่าโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกจะช่วยดันราคาขายข้าวของเกษตรกรให้ปรับเพิ่มขึ้นได้
100-200 บาท/ตัน โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะได้จัดตลาดนัดครั้งที่ 1 ในวันที่
16-20 ก.พ.68
ซึ่งการจัดตลาดนัดข้าวเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขัน
ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น
เป็นการเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร และสร้างอำนาจต่อรองในการกระจายข้าวเปลือกมากขึ้น
โดยได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เร่งดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง
และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งข้าวนาปรังทยอยออกสู่ตลาด
และจะได้ประสานชาวนาในแต่ละพื้นที่
เพื่อร่วมกันวางแผนกำหนดจุดจัดตลาดนัดข้าวเปลือกให้ตรงกับปริมาณผลผลิตที่ออก
และช่วงเวลา ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ด้านนายปราโมทย์
เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ระบุว่า
เห็นใจและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก
ที่ต้องประสบกับปัญหาเรื่องราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำลดลงจากสถานการณ์ตลาด
แต่ก็ไม่สบายใจ ไม่เห็นด้วยที่พี่น้องเกษตรกรจะมาประท้วงโดยการปิดถนนเพื่อกดดันภาครัฐ
เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวมซึ่งเรื่องนี้ต้องระมัดระวัง
โดยสมาคมฯไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องถึงความเดือดร้อน
และแนวทางแก้ไขเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้
สมาคมฯได้ผลักดันให้มีการเสนอมาตรการผ่านทางคณะกรรมการแล้ว โดยวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ทางสมาคมฯ
ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล รมว.กระทรวงพาณิชย์ และ
รมว. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อให้มีการเร่งหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
สำหรับเรื่องปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผา ที่ภาครัฐมีมาตรการเข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการบริหารจัดการแปลงนาเพิ่มขึ้นไร่ละประมาณ500บาท ก็ได้เสนอให้ภาครัฐได้ช่วยเหลือเช่นกัน ในคราวเดียวกัน
ในเบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แจ้งว่าจะมีการประชุมอนุตลาด นบข เพื่อพิจารณาปัญหาดังกล่าว ในวันที่ 20
กุมภาพันธ์ 2568 นี้
รวมถึงจะมีมาตรการให้จัดตลาดนัดข้าวเปลือกในจังหวัดที่มีปัญหา“
สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง
ปี 2567/68 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08
ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 5.45
ล้านตันข้าวเปลือก ด้านผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ. 68
โดยจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค. - เม.ย. 68 ประมาณ 68% หรือ 4.42 ล้านตัน
สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 14 ก.พ. 68 อยู่ที่ 8,300 – 9,000 บาท/ตัน
(เฉลี่ยอยู่ที่ 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงเทียบกับ ปีก่อนที่ 12,500 บ/ตัน
หรือลดลง30%) ทั้งนี้ ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ย. 67 เป็นต้นมา
เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวตามปกติ
รวมทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีแนวโน้มนำเข้าลดลงจากการเก็บสต๊อกที่เพียงพอแล้ว
ทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวขาวจากไทยชะลอตัว จึงได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาในปี
2565 ช่วงก่อนที่อินเดียจะงดการส่งออกข้าว
สำหรับสถานการณ์ราคาปัจจุบัน
(14 ก.พ. 68) ของข้าวชนิดอื่นๆ ยังคงทรงตัว
แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ย 16,000
บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,850 บาท/ตัน (เพิ่มขึ้น 8%)
ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย13,250 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 13,300 บาท/ตัน (ลดลง 0.4%) ข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ย 12,100 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก14,400 บาท/ตัน (ลดลง
16%) และข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,700 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,500 บาท/ตัน (ลดลง 30%)