'โรม' เผยข้อมูลตัดน้ำมันเมียนมา อยู่ได้ไม่เกิน 30
วัน -
ย้ำทางการไทยต้องเป็นผู้คัดกรองผู้ถูกส่งกลับเพื่อจะได้ข้อมูลทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และไทยเทาแบบถอนรากถอนโคน
วันที่
17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 8.00 น.
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน
นำคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย
ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ไปสังเกตการณ์และเก็บข้อมูลกระบวนการส่งออกสินค้าที่ท่า 34 ท่าศาลเจ้า
ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยท่าศาลเจ้านี้เป็นหนึ่งในท่าที่ใหญ่ที่สุดในแม่สอด
และเป็น 1 ใน 3 ท่าที่มีศักยภาพในการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสายส่ง
แต่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการงดส่งน้ำมันเพื่อตัดกำลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์
อย่างไรก็ตาม ยังมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างและสินค้าอื่นๆ ตามปกติ
เพราะรัฐบาลไม่ได้สั่งห้าม และความตั้งใจของเราเองก็เพื่อหาหนทางให้ท่าเหล่านี้เป็นท่าที่ถูกใช้เพื่อการค้าขายที่ไม่ได้เอื้อต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เรื่องนี้คงต้องคุยกันระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง
โดยรังสิมันต์เปิดเผยว่า
ณ วันนี้ สิ่งที่พอจะยืนยันได้คือการตัดน้ำมัน วันนี้ตัดสำเร็จอยู่
น้ำมันไม่ได้ถูกส่ง เจ้าของท่าก็ยืนยัน อย่างไรก็ตามเรามีข้อมูลท่าที่ต้องจับตามอง
มีขนาดท่าที่หลากหลาย แต่ยังเปิดเผยข้อมูลแต่ละท่าไม่ได้
โดยฝ่ายความมั่นคงก็จับตามองเพราะมีข้อมูลเช่นกัน
"ของบางอย่างอาจไม่ผิดกฎหมายประเทศไทย
แต่อาจถูกนำไปใช้เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เติบโต อาจเป็นได้ตั้งแต่โซลาร์เซลล์
สตาร์ลิงก์ แม้กระทั่งปูนซีเมนต์ ดังนั้นการที่เราจะหยุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ไม่ใช่การดูว่าสิ่งที่ส่งไปนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ต้องดูไปถึงรายละเอียดว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เอาสิ่งเหล่านั้นไปใช้เพื่อให้ตัวเองใหญ่โตขึ้นหรือมีศักยภาพในการหลอกคนอื่น
นอกจากนี้เมื่อวานเราได้รับข้อมูลว่าอาจมีเคมีภัณฑ์ที่ถูกส่งออกที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด
อาจมีจำนวนสูงถึง 800 ตัน"
เมื่อถูกสื่อมวลชนถามว่าผู้แทนจากทางการจีนเข้าไปจัดการปัญหาในฝั่งเมียนมา
รังสิมันต์ตอบว่าตนเข้าใจข้อกังวลของทางการจีนและทางการจีนก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง
แต่ตนก็เชื่อว่าไทยมีศักยภาพในการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตนเอง
เราอาจจะมีความร่วมมือกับต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐ สหภาพยุโรป
ดังนั้นรูปแบบความร่วมมือควรจะเป็นการประสานงานส่งข้อมูล
แต่ประเทศไทยเป็นผู้นำในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
รวมทั้งการคัดกรองว่าใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ถ้าไม่ดำเนินการอะไรเลยแล้วส่งตรงไปเลย คงจะเป็นปัญหาในแง่ความมั่นคง
จำเป็นที่ไทยต้องเก็บฐานข้อมูล อย่าลืมว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไทยเป็นทางผ่าน
มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือหรือไม่ ดังนั้นต้องถอนรากถอนโคน
จากบรรดาทั้งเหยื่อทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อจัดการไทยเทา
และอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่เมียวดี
ยังมีอีกหลายจุด บางจุดมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนไทย เช่น ปอยเปต
รัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับทางกัมพูชา
ควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชาด้วย
วันนี้เราเห็นทิศทางที่ดีในฝั่งเมียนมา
จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากหน่วยงานความมั่นคง
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมาจะมีน้ำมันดำรงได้อีกไม่เกิน 30 วัน
ถ้าเกินกว่านั้นก็ต้องไปดูว่ามีการลักลอบหรือไม่
เพราะเราก็มีข้อมูลเหมือนกันว่ามีความพยายามในการลักลอบเช่นกัน
หน่วยงานความมั่นคงต้องสร้างความมั่นใจว่าการลักลอบส่งน้ำมันจะไม่เกิดขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้เราจะดูแค่ฝั่งเมียนมาไม่ได้ ต้องดูทั้งกัมพูชาและลาวด้วย
สุดท้าย
รังสิมันต์ฝากถามไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ว่าตกลงการออกหมายจับหม่องชิตตู ถึงไหนแล้ว
เพราะทั่วโลกก็เห็นอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับความผิดหลายอย่าง
ประเทศไทยเก็บและมีข้อมูลมาตลอดว่าหม่องชิตตูเกี่ยวข้องกับการก่อกรรมทำเข็ญคนจำนวนมากมายแค่ไหน
และอยู่ ๆ ถ้าจะไม่สามารถออกหมายจับ
เรื่องนี้ตนคิดว่าจะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอื่นที่มองมายังประเทศไทยแน่นอน
ดังนั้นตนมองว่าการออกหมายจับส่งผลสำคัญต่อความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ #จีนเทา #ไทยเทา