วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

“ณัฐพล” แนะรัฐขันน็อตการทำงาน แก้ปัญหาปล่อยเช่าคอนโดรายวัน จี้ภาพใหญ่ต้องสะสางปัญหานอนิมี-กำกับธุรกิจคนต่างชาติในไทยให้ชัดเจน

 


“ณัฐพล” แนะรัฐขันน็อตการทำงาน แก้ปัญหาปล่อยเช่าคอนโดรายวัน จี้ภาพใหญ่ต้องสะสางปัญหานอนิมี-กำกับธุรกิจคนต่างชาติในไทยให้ชัดเจน


วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคประชาชน แสดงความเห็นกรณีประชาชนโพสต์ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับปัญหาคอนโดปล่อยเช่าเป็นที่พักรายวันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยณัฐพลระบุว่า เรื่องนี้มีกฎหมายกำกับอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือบังคับใช้ไม่ได้ รัฐจำเป็นต้องขันน็อตโดยเฉพาะการจัดการปัญหานอมินีและการกำกับการประกอบธุรกิจของคนต่างชาติในประเทศไทย


การคอนโดปล่อยเช่าที่เป็นปัญหา ตนแยกเป็น 4 ประเด็น (1) กฎหมายปัจจุบันคือ พ.ร.บ.อาคารชุด มาตรา 19 ทวิ อนุญาตให้คนต่างชาติซื้อและเป็นเจ้าของห้องชุดในคอนโดได้ แต่ต้องถือกรรมสิทธิ์ไม่เกิน 49% ของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้น ดังนั้นข้อกังวลตอนนี้คือการเป็นเจ้าของดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะนอมินีหรือไม่


(2) การที่ห้องชุดบางยูนิตในคอนโดดังกล่าวถูกนำมาปล่อยเช่า กรณีนี้ก็ทำได้เช่นกัน เจ้าของห้องที่เป็นคนไทยปล่อยเช่าได้ การปล่อยเช่าก็ต้องปล่อยเช่าเป็นรายเดือน ทำสัญญาเช่าระหว่างกัน และขึ้นอยู่กับข้อตกลงร่วมกันของลูกบ้านและนิติบุคคลคอนโดดังกล่าวด้วยว่าอนุญาตให้ทำได้หรือไม่ได้ 


(3) แต่ประเด็นที่เป็นข่าวคือการปล่อยเช่าเป็นที่พักรายวันค้างคืนโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยว ถามว่านับเป็นการประกอบกิจการโรงแรมตาม พ.ร.บ.โรงแรม หรือไม่ ตนเห็นว่าไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะการทำที่พักรายวัน หากไม่เกิน 8 ห้อง หรือ ไม่เกิน 30 เตียง จะไม่นับว่าเป็นสถานที่พักที่เป็นโรงแรม กรณีทำได้แต่ต้องจดแจ้งให้นายทะเบียนท้องที่ทราบ แต่หากเกิน 8 ห้อง หรือ เกิน 30 เตียง คอนโดดังกล่าวทั้งอาคารต้องขออนุญาตเป็นโรงแรม


(4) Airbnb เป็นเพียงแพลตฟอร์มออนไลน์ให้นักท่องเที่ยว ค้น-จอง-จ่าย เท่านั้น เจ้าของห้องชุดสามารถนำห้องเดียวกันไปวางขายในแพลตฟอร์มจองที่พักอื่นๆ ได้เช่นกัน ปัจจุบันก็ยังไม่มีกฎหมายใดๆ มากำกับแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ว่าควรตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตอะไรบ้างก่อนที่จะเปิดให้ขายที่พักบนเว็บได้ ดังนั้น การเปิดขายที่พักออนไลน์จึงทำได้ง่ายมากๆ กรอกข้อมูลนิดหน่อย อัปโหลดรูปไม่กี่อย่างก็สามารถเปิดให้จองได้ทันที


ณัฐพลกล่าวต่อว่า ข้อเสนอของตนเพื่อให้รัฐบาลขันน็อตการทำงานคือ ในระดับรัฐบาล กระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้กำกับ พ.ร.บ.อาคารชุด และ พ.ร.บ.โรงแรม ต้องตรวจสอบเชิงรุกในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวที่เกิดเหตุลักษณะดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง เช่น กทม. ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบการถือครองคอนโดของคนต่างชาติ ว่าการถือครองนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นการกระทำในรูปแบบนอมินีหรือไม่ ต้องสืบค้นว่าคอนโดใดมีห้องชุดที่ถูกนำมาปล่อยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง เรื่องนี้ทำได้เพียงค้นหาที่พักออนไลน์ ก็จะพอรู้ว่าผู้ประกอบการนั้นเป็นคนไทยหรือไม่ ได้ทำการจดแจ้งว่าเป็นที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมหรือไม่ หรือปล่อยห้องให้จองเกิน 8 ห้องหรือ 30 เตียง หรือไม่


ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้กำกับ พ.ร.ฎ.การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ.2565 ควรเร่งออกกฎหมายลูกเพื่อกำกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ให้ดำเนินการสอดคล้องกับกฎหมายไทยมากขึ้น เช่น แพลตฟอร์มจองห้องพัก ต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.โรงแรม และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง แพลตฟอร์มเรียกรถรับส่ง ก็ต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก เป็นต้น 


สำหรับประชาชน ลูกบ้านในคอนโด นิติบุคคล ผู้อยู่อาศัยย่อมรู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นในเคหสถานของท่าน หากมีข้อสงสัยสามารถแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด ซึ่งก็คือกรมที่ดิน แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรงแรม ซึ่งก็คือกรมการปกครอง หรือแจ้ง สคบ. ให้ทำการตรวจสอบการกระทำของคอนโด เจ้าของห้องชุด และนิติบุคคลได้ 


ส่วนในระยะถัดไป พรรคประชาชนจะเสนอร่าง พ.ร.บ.โรงแรมและสถานที่พักค้างคืน ฉบับใหม่เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรม ฉบับเดิมที่ใช้มาแล้ว 20 ปี เนื้อหาหลายอย่างมีความล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์ปัจจุบัน โดยในส่วนของห้องชุดในคอนโด เราเสนอให้สามารถนำมาทำเป็นที่พักค้างคืนได้ แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อ (1) ได้รับความยินยอมร่วมกันจากการประชุมของลูกบ้านและนิติบุคคล และ (2) เมื่อได้รับความยินยอมแล้ว จะต้องดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานที่พักค้างคืน


ณัฐพลย้ำว่า การแก้กฎหมายให้ทันสมัยและสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกคนเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนด้วยการกวดขันจัดการปัญหานอมินีและกำกับการประกอบธุรกิจของคนต่างชาติในไทยให้ชัดเจน มิเช่นนั้นปัญหาแบบที่อยู่จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำเติมเศรษฐกิจและผู้ประกอบการไทยที่ลำบากอยู่แล้วให้รู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน