“ณัฐพงษ์”
ย้ำจุดยืน ปชน. ทางออกเดียวของประเทศคือการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่
ชี้การเมืองไม่เคยถึงทางตันหากไม่มีคนสร้างสถานการณ์
ชวนประชาชนร่วมปฏิเสธการใช้อำนาจนอกระบบล้มรัฐบาล
วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน
ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุนเซน
อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
และกรณีเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองทั่วไป
ณัฐพงษ์ระบุว่า
ภายใต้สมการทางการเมืองในสภาแบบที่เป็นอยู่
การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะมาจากกระบวนการใดก็ตาม ทั้งการลาออกของนายกฯ เอง
หรือจากนิติสงครามที่ไม่ชอบธรรม ล้วนไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประเทศได้
เพราะประเทศไทยต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม มีประสิทธิภาพ
และมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไป
การเมืองและเศรษฐกิจไทยก็จะมีแต่ความปั่นป่วน
.
ทังนี้
ตนขอยืนยันว่าการเมืองไทยยังไม่ถึงทางตัน
การเดินเข้าสู่ทางตันจะเกิดขึ้นได้กรณีเดียวคือ
มีการสร้างเงื่อนไขและสถานการณ์เพื่อสร้างทางตันขึ้นมา
เพื่อเปิดทางให้อำนาจนอกระบบไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร
หรือการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า
สำหรับฉากทัศน์ที่มีอยู่ในเวลานี้
หากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออกก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการไปเรื่อยๆ
จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือหากนายกรัฐมนตรีลาออกก็จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่
แต่หากมีการยุบสภา ตามที่พรรคประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอด
ก็สามารถจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
เพื่อสร้างรัฐบาลใหม่ที่หาทางออกให้กับประเทศไทย ทั้งนี้
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางพรรคเพื่อไทยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
ซึ่งพรรคประชาชนยืนยันว่านายกรัฐมนตรีรักษาการมีอำนาจในการยุบสภาได้
สำหรับกรณีการชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้น
คงต้องแบ่งระหว่างผู้เข้าร่วมกับแนนำ
ต้องย้ำว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจเพราะต้องการแสดงความไม่พอใจต่อนายกฯ
และรัฐบาล สิ่งที่น่ากังวลอยู่ที่แกนนำบางกลุ่มที่มีการเรียกร้องรัฐประหาร ทั้งนี้
ตนอยากชวนประชาชนทุกคนคิดว่าหากโจทย์ของประเทศคือการมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน มีความชอบธรรม
และมีหน้าตาคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการแค่แบ่งสรรเก้าอี้กระทรวงกันตามโควตาเพื่อรักษาอำนาจตนเองให้คงอยู่
แต่เป็นการคัดสรรคนที่มีความรู้ความสามารถมาดำรงตำแหน่ง ถ้าอยากได้รัฐบาลเช่นนี้มาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ
ฉากทัศน์ที่เหลือนอกจากการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
ไม่สามารถทำให้มีรัฐบาลที่มีครบทั้งสามคุณสมบัติข้างต้นได้
ทางออกของประเทศเหลืออย่างเดียวคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนเท่านั้น
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าพรรคประชาชนจะใช้กลไกต่างๆ
ที่มีอยู่ในสภา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนต่างๆ
รวมถึงการใช้กลไกกรรมาธิการ ในการทำหน้าที่ต่อไป
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 พรรคประชาชนไม่ได้ปฏิเสธและเห็นด้วยว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกดดันรัฐบาลให้มีการยุบสภาหรือการตรวจสอบรัฐบาล
แต่จะยื่นอย่างไรให้เข้าเป้ามากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ต้องประเมินสถานการณ์กันต่อไป
ทั้งนี้
การที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นว่าสิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาก่อนหน้านี้ในการไม่ออกไปรับลูกข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยในการยื่นญัตติอภิปรายตามมาตรา
151 เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้มีความไม่แน่นอนสูง
เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจถูกต้องแล้ว
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าในสถานการณ์ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและอยากให้นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
แต่การออกจากตำแหน่งนั้นมีหลายรูปแบบ
ไม่ว่าประชาชนจะมีความไม่พอใจต่อแพทองธารอย่างไร
ก็ไม่ควรเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญหรือกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้นการเข้าร่วมการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
แต่เมื่อใดที่ประชาชนเห็นว่าแกนนำการชุมนุมมีส่วนในการชี้นำที่จะนำไปสู่การใช้กลไกนอกระบบ
ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารหรือการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ
ประชาชนก็ไม่ควรสนับสนุนกระบวนการนั้น
ทั้งนี้
ตนยืนยันว่าผู้ที่จะตัดสินความผิดตามจริยธรรมของนักการเมืองควรจะเป็นประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง
เพราะนักการเมืองมีความรับผิดรับชอบต่อประชาชน
ไม่ควรอาศัยกลไกนี้เพียงเพื่อหวังผลในการทุบทำลายหรือถอดถอนใครออกจากตำแหน่ง
โดยการยื่นดาบไปให้กับตุลาการที่มีองค์คณะแค่ไม่กี่คน
ทั้งที่เรื่องนี้ควรเป็นการตัดสินใจของประชาชนมากกว่า
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน