“ศิริกัญญา” เตือนดีลภาษีสหรัฐฯ อย่าเปิดตลาดเกินจำเป็น
กระทบผู้ปลูกข้าวโพด 4 แสนราย ไม่เห็นด้วยภท.เปิดซักฟอก
ชี้ควรใช้กระสุนให้คุ้มค่า มองดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล แค่เบ่งกล้ามโชว์ว่าเอาอยู่
แต่ไม่รู้หลังบ้านเป็นอย่างไร เพราะนับองค์ประชุมทีไร สภาฯล่มทุกที
วันนี้
(23 กรกฎาคม 2568) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล
สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน
ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะประเด็น “ภาษีทรัมป์” ซึ่งรัฐบาลไทยเตรียมส่งข้อเสนอรอบสุดท้ายในวันนี้
ว่า ขณะนี้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ข้อสรุปแล้ว โดย ฟิลิปปินส์
อินโดนีเซีย ได้อัตราภาษีราว 19% เท่าๆ กัน
ขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 15% แต่ต้องยอมแลกด้วยการลงทุนในสหรัฐถึง
550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ศิริกัญญา
ระบุว่า มีแนวโน้มที่ไทยจะได้อัตราภาษีไม่เกิน 20% เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาค
แม้จะมีการเจรจาต่อรองจนถึงนาทีสุดท้าย
แต่สุดท้ายแล้วต้องรอฟังคำตอบจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในวินาทีสุดท้าย
ซึ่งการเจรจาไม่ควรแลกสิทธิประโยชน์มากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่หากเปิดเสรีให้นำเข้าจากสหรัฐฯโดยไม่จำกัด
จะกระทบเกษตรกรกว่า 400,000 รายทั่วประเทศ
ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าบริษัทอาหารสัตว์รายใหญ่หยุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร
แม้จะมีราคาประกันที่ 7 บาทต่อกิโลกรัมก็ตาม
“หากไม่มีมาตรการเยียวยาเพียงพอ
สิ่งที่รัฐบาลต้องทำตอนนี้คือเร่งเตือนเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนพืชที่ปลูก
เพราะหากตลาดเปิดเสรีหมด ก็ไม่มีทางแข่งขันได้” ศิริกัญญากล่าว
ส่วนประเด็นการสวมสิทธิ์สินค้าจีนผ่านไทยไปยังสหรัฐฯ
ศิริกัญญา ชี้ว่า เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น
เพราะสหรัฐฯต้องการแยกห่วงโซ่อุปทานจากจีนอย่างสิ้นเชิง
จนอาจถึงขั้นตรวจสอบวัตถุดิบที่ผลิตในจีน และไม่ยอมรับแม้จะเป็นสินค้าแปรรูปในไทย
“เราไม่ยอมให้จีนมานุ่งโจงกระเบนแล้วตีตราว่าเป็นสินค้าไทยอยู่แล้ว
แต่ความซับซ้อนคือห่วงโซ่อุปทานไทยกับจีนแนบแน่นมาก หากสหรัฐตรวจเข้มขั้นสุด
อาจกระทบเศรษฐกิจในประเทศวงกว้าง” เธอกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมเสนอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา
152 แบบไม่ลงมติเพื่ออภิปรายประเด็นภาษีสหรัฐฯนั้น ศิริกัญญา กล่าวว่า
หากอภิปรายเพียงเรื่องเดียวอาจไม่คุ้มค่า
เพราะการอภิปรายแบบนี้ควรใช้ในกรณีที่มีเนื้อหากว้างและครอบคลุมหลายมิติ
จึงเสนอว่าหากเป็นเพียงเรื่องภาษีสหรัฐฯ การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาอาจเพียงพอ
และควรเก็บมาตรา 152 ไว้ใช้ในโอกาสที่จำเป็นและมีน้ำหนักมากกว่า
“การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ใช้บ่อยไม่ได้
ต้องเลือกใช้ให้คุ้ม ถ้ามีเนื้อหาแค่เรื่องเดียวแบบนี้
เก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า” รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
นอกจากนี้
ศิริกัญญา ยังให้ความเห็นกรณี เมื่อวาน(22 ก.ค.)
มีงานเลี้ยงรับประทานอาหารของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย และภายหลังรัฐบาลประกาศว่ามีความเป็นเอกภาพ
พร้อมจะร่วมงานกันต่อไป ซึ่งที่ผ่านมามีการดินเนอร์กันหลายรอบ
แต่จะเป็นโต๊ะเล็กจำกัดผู้เข้าร่วม โดยจะมีแค่หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค
แต่รอบนี้น่าจะมีการเข้าร่วมเกือบ 100 ชีวิต
ศิริกัญญา
มองว่า “เป็นการแบ่งกล้ามโชว์ว่า สามารถเอาอยู่ และกระชับรวบรวมเสียง
พรรร่วมรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เพื่อแสดงพลังของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนเดียวไม่พอ
แต่ยังมีพ่อของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาแสดงพลังร่วมด้วย”
ศิริกัญญา
ระบุว่า ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ในทางหนึ่งก็อาจจะโชว์ความเป็นปึกแผ่น
แต่ส่วนตัวมองเห็นถึงความไม่มั่นใจ ที่จำเป็นจะต้องแสดงออกในที่สาธารณะว่า
เราสามารถทำได้ และเราเอาอยู่ แต่หลังบ้านนั้นไม่รู้ว่า จะเป็นอย่างไร เพราะเมื่อนับองค์ประชุมเมื่อไหร่
สภาฯก็ล่มทุกที ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่า
เสถียรภาพจะเกิดขึ้นจริงภายใต้ดินเนอร์ใหญ่โตหรือไม่
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ภาษีทรัมป์ #พรรคประชาชน #ทักษิณชินวัตร