วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

"สว.นันทนา"เดินหน้าค้านสว.เลือกองค์กรอิสระ บอกเสียงข้างมากหากไม่หยุด เท่ากับไม่เห็นหัวประชาชน เปรียบเหมือนเลือกผู้พิพากษาตัดสินคดีตนเอง ชี้การชะลอไม่ขัด ม.157 บอกยังไม่สาย รอบริสุทธิ์ก่อนเลือกคนมาทำหน้าที่

 


"สว.นันทนา"เดินหน้าค้านสว.เลือกองค์กรอิสระ บอกเสียงข้างมากหากไม่หยุด เท่ากับไม่เห็นหัวประชาชน เปรียบเหมือนเลือกผู้พิพากษาตัดสินคดีตนเอง ชี้การชะลอไม่ขัด ม.157 บอกยังไม่สาย รอบริสุทธิ์ก่อนเลือกคนมาทำหน้าที่


วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมวุฒิสภาเดินหน้าเลือกตำแหน่งในองค์กรอิสระ ว่า ที่ผ่านมาตนคัดค้านมาตลอด และครั้งนี้ต้องฟ้องประชาชนว่า คณะกรรมการ สืบสวนไต่สวน ชุดที่ 26 ที่ตั้งร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ยื่นเรื่องกล่าวหาเกี่ยวกับการฮั้วเลือกสว. ซึ่งมีทั้งหมด 229 คน ไปยัง กกต.เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่า ข้อกล่าวหาที่ได้กล่าวหาไปนั้นมีมูลความจริง ใกล้เคียงมากแล้วและใกล้จะถึงจุดที่กกต.จะรับรองและส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ทำไม วุฒิสภาถึงยังเดือนหน้าที่จะเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งที่กำลังจะลงมติในวันที่ 22 ก.ค.นี้ คือ กกต.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ถ้าที่ประชุมมีการเห็นชอบ ให้บุคคลเหล่านี้ เข้าไปดำรงตำแหน่ง จะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์โดยชัดเจน เพราะกกต. จะมีอำนาจในการพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกา ส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจในการที่จะไต่สวนและวินิจฉัย ในเรื่องการได้มาซึ่งสว.ที่มิชอบ


น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สว.เสียงข้างมาก ก็ได้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และกกต. ในฐานะผู้ร้องขณะเดียวกันก็เป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกร้อง คือเป็นทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่มีอำนาจในการที่จะส่งคนเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทั้งกกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้คือสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะโดยจริยธรรม และจิตสำนึก ควรชะลอการลงมติก่อน รอให้คดีของสว.ทั้งหลายเป็นที่ยุติแล้วว่าบริสุทธิ์ จึงค่อยกลับมาลงมติก็ยังไม่ก็ยังไม่สายเกินไป แต่การกระทำขณะนี้ หรือว่าเร่งรีบเพื่อจะให้มีการบรรจุ


"ประชาชนทุกคนคงมองเห็นว่าตรงนี้ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือเป็นประโยชน์แฝงเร้นให้กับตนเองและพรรคพวกของตัวเอง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหา มีสว.ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 138 คน เท่ากับ 3 ใน 4 ของสภาแล้ว แต่ยังดึงดันที่จะลงมติเลือกคนจะไปพิจารณาคดี และตัดสินคดีของท่าน สิ่งเหล่านี้เหมาะสมหรือไม่ สมควรหรือไม่ ประชาชนคงไม่อยากเห็นความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรม ที่เกิดขึ้น มาจากการลงมติของสว.เสียงข้างมาก ที่ดันทุรังจะใส่คนให้เข้าไปในองค์กรอิสระ ให้เข้าไปพิจารณาคดีของตัวเอง นี่คือความขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน "น.ส.นันทนา กล่าว


เมื่อถามว่า หากสว.ไม่ดำเนินการ เลือกองค์กรอิสระ อาจ จะเสี่ยงขัดต่อมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า การชะลอการลงมติไม่ได้เข้าข่ายการหยุดการทำหน้าที่ ไม่เข้าข่ายมาตรา 157 เพราะมีนักกฎหมายหลายคนพูดแล้วว่าการที่สว.ชะลอลงมติเห็นชอบบุคคลในองค์กรอิสระออกไปนั้นเป็นเรื่องที่ชอบ สามารถทำได้ เพราะในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถูกกล่าวหา แล้วไปทำหน้าที่ให้คนไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ก็เหมือนกับการไปเลือกผู้พิพากษา มาตัดสินคดีของตนเอง ซึ่งประชาชนรอดูอยู่ว่า ผลของการตรวจสอบที่มาของสว.ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันสว.เสียงข้างมากก็ยังลงมติ เพื่อที่จะเลือกคนที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมเข้าไป และเมื่อเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ก็จะส่งผลต่อคดีไปในทิศทางบวกให้กับตนเองหรือไม่


"ยืนยันว่า การชะลอการลงมติไม่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเมื่อคดีของท่านสิ้นสุดแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านสามารถกลับมาลงมติได้ และบุคคลในองค์กรอิสระถ้าเขาครบวาระแล้ว ยังไม่มีใครมาแทน เขาสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าจะได้คนใหม่ ท่านก็รอสิคะ รอให้คดีของท่านสิ้นสุดก่อน ต่อไปท่านจะมาลงมติก็ไม่เป็นที่สงสัย ไม่เป็นที่คางแคงใจของประชาชนใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่าการชะลอการลงมติ จะทำให้สว.สง่างาม และเป็นจิตสำนึกที่ดี ท่านกำลังใช้จริยธรรมชั้นสูงในการที่จะผดุงรักษากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ขอเรียกร้องวิงวอนให้ ชะลอและยุติการเลือกกกต.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 22 ก.ค.นี้ออกไปก่อน ถ้าตัดสินใจชะลอประชาชนก็จะสรรเสริญว่าท่านทำเพื่อประเทศชาติ แต่ถ้ายังดึงดัน แปลว่าท่านไม่เห็นหัวประชาชน และทำเพื่อประโยชน์ของท่านและกลุ่มของท่านเท่านั้น"น.ส.นันทนา


เมื่อถามว่าที่ผ่านมาคัดค้านมาโดยตลอดแต่ไม่สำเร็จ จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป น.ส.นันทนากล่าวว่า ญัตติขอให้มีการชะลอการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระออกไป ของนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.เท่าที่ทราบวันนี้คาดว่าไม่ได้ถูกบรรจุในระเบียบวาระ แต่ตนจะเสนอญัตติด้วยวาจาเพื่อที่จะคัดค้านต่อไป เพราะตนคัดค้านมาตั้งแต่วันที่ สว.ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และตนก็จะเรียกร้องต่อไป


"แม้ว่าจะถูกสว.บางท่านไล่ออกจากห้องประชุม หรือกล่าวหาว่าดิฉันเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ประชาชนจะเป็นพยานเพราะสิ่งที่ดิฉันทำคือรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ไม่บิดเบี้ยว ยืนยันเดินหน้าต่อไม่กลัวว่าจะได้รับผลกระทบหรือแรงกระแทกอย่างไรก็จะยังสู้ต่อ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ยุติธรรมอย่างแท้จริง" น.ส.นันทนากล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สว67 #ฮั๊วสว