วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สภาเสนอญัตติด่วนสถานการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา “โรม” ชง 6 ข้อเสนอ ไทยไม่ใช่แค่ชนะศึก แต่ต้องนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของประชาชนในระยะยาว ชี้เป้าหมายกัมพูชาชัดพร้อมใช้ทุกทางดึงไทยขึ้นศาลโลก ไทยต้องตอบโต้เป้าหมายการทหารเท่านั้น ใช้กลไกระหว่างประเทศให้โลกเห็นกัมพูชาจงใจยั่วยุ-โจมตีเป้าพลเรือน

 


สภาเสนอญัตติด่วนสถานการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา “โรม” ชง 6 ข้อเสนอ ไทยไม่ใช่แค่ชนะศึก แต่ต้องนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของประชาชนในระยะยาว ชี้เป้าหมายกัมพูชาชัดพร้อมใช้ทุกทางดึงไทยขึ้นศาลโลก ไทยต้องตอบโต้เป้าหมายการทหารเท่านั้น ใช้กลไกระหว่างประเทศให้โลกเห็นกัมพูชาจงใจยั่วยุ-โจมตีเป้าพลเรือน


วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สส. จากพรรคการเมืองต่างๆ ได้ร่วมยื่นญัตติด่วนด้วยวาจากรณีเหตุปะทะไทย-กัมพูชา โดยในส่วนของพรรคประชาชนมี รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้ยื่นญัตติพร้อมอภิปรายข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในกรณีดังกล่าว


รังสิมันต์กล่าวว่าตนขอใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวที่สูญเสีย รวมถึงขอให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารหรือพลเรือน วันนี้โจทย์ที่สำคัญที่สุดลำดับแรกคือกัมพูชาต้องการอะไร กัมพูชาต้องการพาประเทศไทยขึ้นสู่ศาลโลก พยายามทำทุกวิถีทาง โดยหนึ่งในวิธีการที่กัมพูชาเชื่อว่าจะนำไทยไปสู่ศาลโลกได้ คือการมีเหตุรุนแรงระหว่างสองประเทศ กัมพูชาไม่ได้ต้องการใช้อาวุธเพื่อเอาชนะ แต่เพื่อสร้างภาพให้ไทยเป็นประเทศที่ก้าวร้าวและรังแกกัมพูชาให้ได้


ที่ผ่านมาตนขอชื่นชมในความอดทนอดกลั้นของทุกฝ่าย ในการหาทางออกโดยใช้กลไกทวิภาคีและการเจรจา แต่ต้องยอมรับว่าการที่ผู้นำกัมพูชาไม่ได้ให้คุณค่าต่อชีวิตมนุษย์ และพร้อมใช้วิธีการต่างๆ ให้นำไปสู่การขัดกันทางอาวุธอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้กลไกในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติเกิดขึ้นยากมากขึ้น วันนี้ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องตอบโต้ เป็นสถานการณ์ที่ประเทศไทยไม่มีทางเลือกเป็นอื่น และการตอบโต้ตามที่ได้มีการวางแผนของฝ่ายความมั่นคงคือเพื่อปกป้องประเทศไทยและชีวิตของประชาชนชาวไทย เราไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องปกป้องประเทศชาติของเราอย่างเต็มที่


รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่าด้วยเหตุนี้ ตนจึงมีข้อเสนอ 6 ข้อที่จะเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายสถานการณ์ กล่าวคือ


1) การตอบโต้มีความจำเป็น แต่ต้องคำนึงถึงภาพของไทยในสายตาต่างประเทศด้วย และตนเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของอาวุธที่มีอยู่ ไม่มีทางที่การตอบโต้ของไทยจะมุ่งไปสู่เป้าหมายที่เป็นพลเรือนได้ แต่เพื่อทำให้กัมพูชาไม่สามารถใช้อาวุธที่มีอยู่ในการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและการกระทำต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่การทหารได้ การตอบโต้ในระดับนี้มีความจำเป็น เพื่อทำให้ภาพใหญ่ของสถานการณ์ประเทศไทยเป็นผู้ชนะ


2) ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าอย่างไรการขัดกันทางอาวุธที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะนำมาซึ่งความสูญเสียและผลกระทบต่อประชาชนแน่นอน ไม่ใช่แค่ที่ จ.สุรินทร์ แต่ทุกอำเภอชายแดนที่ติดกัมพูชา ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับผลกระทบทั้งสิ้น แผนการรองรับการอพยพและการเตรียมการมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ข้าราชการทุกภาคส่วนต้องมีบทบาทสนับสนุนให้เกิดการอำนวยความสะดวกให้ผู้อพยพ ในบางพื้นที่มีการซักซ้อมมานาน แต่บางพื้นที่การเตรียมความพร้อมอาจไม่ได้เกิดขึ้นในระดับนั้น แผนการอพยพผู้คนเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ปัญหาเฉพาะหน้าคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แผนการเร่งด่วนต้องรีบออกและต้องมีประสิทธิภาพ


3) การแจ้งเตือน วันนี้มีการสอบถามไปยัง กสทช. ว่าระบบการแจ้งเตือนเซลล์บรอดแคสต์จะมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ในการแจ้งเตือนประชาชนในการรับมือสถานการณ์ที่อาจคาดไม่ถึง ต้องเรียนตามตรงว่าระบบแจ้งเตือนยังไม่พร้อม เฉพาะหน้ารัฐบาลควรทำให้เครื่องมือชนิดนี้ได้ถูกใช้ในสถานการณ์นี้ได้แล้ว ประชาชนควรได้รับการเตือนภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเซลล์บรอดแคสต์มีความจำเป็นเร่งด่วน อย่าคิดว่าสถานการณ์เกิดขึ้นแล้วเครื่องมือนี้ก็ไม่ต้องถูกพิจารณานำมาใช้อีก เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าสถานการณ์นี้จะกินเวลานานขนาดไหน


4) การใช้กลไกระหว่างประเทศ ไม่ว่าสุดท้ายจะมีการใช้อาวุธขนาดไหนสถานการณ์ย่อมต้องจบลงที่การเจรจา แต่ระหว่างนี้จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้เปรียบ และทั่วโลกได้เห็นถึงพฤติกรรมของกัมพูชาที่ยั่วยุและก่อความรุนแรง ก่อนหน้านี้มีการใช้กับระเบิดซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และเมื่อเช้าวันนี้ยังมีการระเบิดเป้าหมายที่เป็นโรงพยาบาลและพลเรือน ในฐานะประเทศที่มีมิตรประเทศมากมาย การอำนวยความสะดวกให้ทูต ผู้ช่วยทูตทหาร ได้รับฟังข้อมูลอย่างเรียลไทม์และต่อเนื่องมีความสำคัญมาก รวมถึงไทยสามารถเชิญทูตหรือผู้ช่วยทูตทหารไปยังพื้นที่ที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ เพื่อให้เห็นว่าพฤติกรรมของกัมพูชาที่มีเป้าหมายต่อพลเรือนเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ประเทศต่างๆ รับรู้ถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของกัมพูชา


นอกจากนี้ไทยจะเพิกเฉยต่อกลไกอาเซียนไม่ได้ รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องรีบยกหูถึงประธานอาเซียนคือมาเลเซียเพื่อพูดคุยให้เข้าใจถึงสถานการณ์ แม้มาเลเซียจะไม่สามารถมีจุดยืนเข้าข้างประเทศใดประเทศหนึ่งได้ แต่สิ่งที่ไทยทำได้คือการทำให้มิตรประเทศต่างๆ เข้าใจถึงสถานการณ์และต้องไม่ตกหลุมพรางของกัมพูชาที่พยายามสร้างเรื่องราวว่าประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็ก


นอกจากนี้ประเทศไทยต้องใช้กลไกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) วันนี้เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นนี้ ประเทศไทยโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศต้องดำเนินการยื่นเรื่องถึง UNSC อย่างเร่งด่วน เพราะวันนี้ชัดเจนแล้วว่ากัมพูชามีการโจมตีเป้าหมายพลเรือนและกลุ่มเปราะบางที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสู้รบได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ไทยจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ถ้ากัมพูชายื่นก่อนไทยอาจจะตกในสถานการณ์ที่เสียเปรียบได้ ต้องทำให้นานาอารยประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงในวันนี้


5) การเผยแพร่ข้อมูล วันนี้มีการรายงานข่าวว่าอาวุธที่กัมพูชาโจมตีทางประเทศไทยมา เป็นการโจมตีที่ผิดพลาด แต่ข้อเสียของการรายงานข่าวดังกล่าวคือถ้ากัมพูชามอนิเตอร์โซเชียลมีเดียของไทย กัมพูชาจะรู้ว่าที่ยิงมานั้นผิดพลาด และสามารถปรับการจัดวางการยิงใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ การรายงานข่าวที่รวดเร็วอาจไม่ใช่คำตอบที่ดี โดยเฉพาะหากนำไปสู่การระบุพิกัดที่ชัดเจน อาจเป็นการเปิดโอกาสให้กัมพูชาปรับวิถีการยิงต่อไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อคนไทยและการขัดกันทางอาวุธที่ประเทศไทยต้องเจอต่อไปในอนาคตได้


6) วันนี้ตนทราบมาว่าฝ่ายกัมพูชามีการตั้งกำลังในพื้นที่ที่เป็นโบราณสถาน เหตุผลไม่ใช่เพราะกัมพูชาต้องการปกป้องโบราณสถาน แต่เพื่อใช้โบราณสถานซึ่งบางส่วนเป็นมรดกโลกเป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่ไทยโจมตีพลาดไปโดนโบราณสถาน จะเป็นเรื่องใหญ่ในเวทีโลก และกัมพูชาจะใช้เรื่องนี้ในการเพิ่มน้ำหนักในการดึงประเทศไทยเข้าสู่ศาลโลกต่อไป


รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่าทั้งหมด 6 ประการที่ตนได้นำเสนอไป หวังว่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ตนยอมรับว่าตนนำเสนอญัตตินี้ด้วยความยากลำบาก หลายส่วนเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด วันนี้พฤติกรรมยั่วยุที่ก้าวร้าวของกัมพูชาเป็นพฤติกรรมที่ต้องถูกประณาม แต่เราต้องมองให้เห็นถึงภาพใหญ่ว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการอะไร กัมพูชาพร้อมที่จะแพ้ศึกและสูญเสีย แต่สิ่งที่กัมพูชาต้องการคือการพาประเทศไทยสู่ศาลโลก ไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินอย่างไร กัมพูชาจะถือว่าตัวเองชนะแล้ว เพราะฉะนั้นภาพใหญ่ที่ไทยต้องมองคือจะทำอย่างไรให้ไม่ใช่แค่ชนะศึก แต่เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขต่อไปในระยะยาวของคนทั้งสองประเทศ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ชายแดนไทยกัมพูชา